แชร์

บทที่ 508

ผู้เขียน: จิ้งซิง
“ท่านไม่เห็นด้วยก็ช่วยไม่ได้”

หลินเนี่ยนฉือแค่นเสียงหัวเราะเยาะเบาๆ “ข้าไม่ได้มาเพื่อแจ้งให้ท่านทราบ เวินจื่อเยวี่ย”

“ด้านล่างของหนังสือสัญญาหมั้นหมายคือหนังสือถอนหมั้น รอยนิ้วมือของข้าอยู่บนนั้น ถ้าเจ้าฉลาดพอ ก็ประทับรอยนิ้วมือลงไปเสีย นับจากนี้ไปเราสองคนต่างคนต่างอยู่ ข้าจะไปหาน้องหญิงอาซื่อของข้า ส่วนท่านก็ปกป้องน้องสาวบุตรนอกสมรสของท่านต่อไปเถอะ”

“หลินเนี่ยนฉือ!”

เวินจื่อเยวี่ยเดือดดาลอย่างยิ่ง เขาขยับเท้าหมายจะพุ่งเข้าไปหาหลินเนี่ยนฉือ

พรึ่บ!

องครักษ์สองคนที่ถือดาบตรงเข้ามาขวางหน้าเวินจื่อเยวี่ย

“ไสหัวออกไปเสีย!”

เวินจื่อเยวี่ยถลึงตาใส่องครักษ์ทั้งสองอย่างดุร้าย “หากยังกล้าขวางข้าอีก ระวังข้าจะตัดหัวพวกเจ้าเสีย!”

“ท่านกล้า!”

สายตาของหลินเนี่ยนฉือเฉียบคม “องครักษ์สกุลหลินของข้าจงรักภักดีปกป้องนาย ไม่ถึงคราวที่คนนอกอย่างท่านจะมาจัดการพวกเขา!”

“คนนอก?!”

เวินจื่อเยวี่ยโมโหอย่างยิ่ง “เจ้าบอกว่าข้าเป็นคนนอกหรือ?!”

“หรือว่าไม่ใช่?”

หลินเนี่ยนฉือตอบโต้คำพูดของเขาอย่างไม่ปรานี “คนนอกอย่างข้าไม่มีสิทธิ์มายุ่งเรื่องภายในของจวนเจิ้นกั๋วกงของพวกท่าน แล้วคนนอกอย่างท่านจะมีสิทธิ์อะ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 509

    เมื่อก่อนมักจะมีคนพูดว่าเวินจื่อเยวี่ยนิสัยไม่ดี เป็นเพราะเขาและพี่รองซึ่งเป็นพี่ชายฝาแฝดของเขาถึงแม้จะหน้าตาเหมือนกัน แต่นิสัยกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงคนหนึ่งอารมณ์ร้อน ส่วนอีกคนกลับดูเศร้าหมองอยู่บ้างเมื่อก่อนนางแค่คิดว่าอาจเป็นเพราะรูปลักษณ์ภายนอก อย่างไรเสีย ระหว่างเขากับเวินจื่อเฉินสองคนนั้น ก็มีดวงตาคู่หนึ่งที่แตกต่างกันดวงตาคู่นั้นเวลาที่มองไปยังผู้อื่น มักจะมีความรู้สึกมืดมนอย่างอธิบายไม่ถูกออกมาเสมอ เมื่อก่อนนางยังไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรแต่ตอนนี้ เมื่อดวงตาอันมืดมนคู่นั้นมองมาที่นาง หลินเนี่ยนฉือก็พลันบังเกิดความรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันทีโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่ได้รู้ว่าเวินจื่อเยวี่ยทำเรื่องเหลวไหลมากมายถึงเพียงนั้น ทั้งยังคงมีท่าทีเชื่อมั่นว่าตนเองถูกต้อง หลินเนี่ยนฉือมีอยู่ชั่วขณะหนึ่งที่รู้สึกราวกับว่าตนเองแทบจะไม่รู้จักเวินจื่อเยวี่ยแล้ว“พอแล้ว ข้าไม่อยากจะพูดจาไร้สาระกับท่านอีกต่อไปแล้วจริงๆ เวินจื่อเยวี่ย”หลินเนี่ยนฉือข่มความรู้สึกไม่สบายใจนั้นไว้ ขมวดคิ้วพลางเอ่ยขึ้น “ท่านทำตัวให้มันเด็ดขาดสมเป็นลูกผู้ชายหน่อยได้หรือไม่? หากไม่อยากถอนหมั้นกับข้า ก็ให้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 510

    “อาซื่อ!”ดวงตาของหลินเนี่ยนฉือเป็นประกายขึ้นมาทันที พุ่งตัวเข้าไปหาเวินซื่อซึ่งกำลังก้าวเท้าเดินเข้ามาด้วยความดีใจ“อ๊ะ เดี๋ยวก่อน!”พอเวินซื่อเห็นท่าทางยกมือของนาง ก็พลันนึกบางอย่างขึ้นมาได้ สีหน้าจึงเปลี่ยนไปวินาทีต่อมา นางยังไม่ทันได้ห้าม ก็ถูกหลินเนี่ยนฉือคว้าเอวแล้วยกตัวขึ้นกอด จากนั้นก็หมุนตัวอยู่กับที่หลายรอบ จนเวินซื่อตาลาย“ฮ่าๆ ฮ่าๆ อาซื่อ ในที่สุดก็ได้เจอเจ้าแล้ว! แยกกันนานขนาดนี้ข้าคิดถึงเจ้าใจจะขาดแล้ว เจ้าคิดถึงข้าบ้างหรือไม่ รีบพูดเร็วเข้า ถ้าไม่พูดข้าจะไม่ปล่อยเจ้าลง!”ความรู้สึกที่คุ้นเคย คนที่คุ้นเคยเวินซื่อโอบคอของหลินเนี่ยนฉือไว้ รีบเอ่ยขึ้น “คิดถึง คิดถึงสิ ต้องคิดถึงเจ้าอยู่แล้ว ดังนั้นรีบปล่อยข้าลงเถอะ หากเจ้าหมุนอีกสักสองรอบ ข้าได้อาเจียนออกมาจริงๆ แน่!”ปรากฏว่าหลินเนี่ยนฉือกลับหัวเราะเสียงดังพลางกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้นก็หมุนอีกรอบ!”จากนั้นก็ยกเวินซื่อขึ้นหมุนอีกรอบหนึ่งด้วยความตื่นเต้น ไม่มากไม่น้อย กำลังพอดีทำให้นางพอใจ หมุนจนนางเวียนหัวตอนที่เท้าของเวินซื่อเหยียบลงถึงพื้น ขาก็อ่อนแรงไปหมดไม่ได้ถูกหลินเนี่ยนฉือจับหมุนเช่นนี้มานานแล้ว พอจู่ๆ ต

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 511

    เห็นแล้วหลินเนี่ยนฉือก็ตื่นเต้นดีใจยิ่งขึ้น อดไม่ใจไม่ไหวจริง ๆ พลางยื่นมือออกไปลูบคลำเวินซื่อพักหนึ่งเวินซื่อ “…”“ผัวะ!”นางยกมือขึ้นตบอีกครั้ง ปัดมือของใครบางคนที่รุ่มร่ามอยู่บนตัวนางออกไป “ยืนนิ่ง ๆ ห้ามมือไม้อยู่ไม่สุข”หลินเนี่ยนฉือเอ่ยเสียง “อ้อ” แล้วเบะปากไม่พูดอะไรอีกท่าทางสนิทชิดเชื้อของทั้งสองเวินจื่อเยวี่ยเห็นแล้วไฟโทสะก็ยิ่งทวีมากขึ้น “หญิงสองคนยื้อยุดฉุดกระชากกันไม่เข้าท่าเลย เห็นแล้วน่าสะอิดสะเอียนจริง ๆ”ทันทีที่เขาพูดออกมาเช่นนี้ ก็ถูกทั้งเวินซื่อและหลินเนี่ยนฉือถลึงตาใส่ทันที“คนที่มีจิตใจสกปรกเห็นอะไรก็สกปรกไปหมด มิตรภาพระหว่างข้ากับอาซื่อยาวนานกว่าสิบปีเต็ม ๆ ใกล้ชิดกันบ้างจะเป็นไรไป เกี่ยวอะไรกับคนนอกอย่างท่านด้วย?”หลินเนี่ยนฉือดูหมิ่นเขาอย่างแรงเสียยกใหญ่เวินซื่อกลับดูมีสีหน้าเฉยชา “ข้าไม่ได้เป็นคนของจวนเจิ้นกั๋วกงของพวกท่าน และไม่ใช่คราวของพวกท่านจวนเจิ้นกั๋วกงที่จะมาจัดการ”ความหมายโดยนัยก็คือ…ยุ่งเรื่องคนอื่น!“พี่ใหญ่ ท่านดูนังเด็กแสบสองคนนี่สิ พวกนางกำลังจะทะเลาะกันครึกโครมแล้ว ท่านจะไม่พูดอะไรเพื่อช่วยน้องชายสักคำหรือ?!”เดิมทีเวินจื่อเยวี่ยต

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 512

    สุดท้าย เวินจื่อเยวี่ยก็ยังยืนกรานปฏิเสธที่จะพิมพ์ลายนิ้วมือลงบนจดหมายถอนหมั้นหลินเนี่ยนฉือไม่อยากเสียเวลากับเขาอีกต่อไป รู้สึกว่าพูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ เสียเวลาในการตามอาซื่อกลับไปรำลึกความหลัง ดังนั้นจึงตามเวินซื่อกลับไปที่อารามสุ่ยเยว่ทันทีเมื่อเห็นหลินเนี่ยนฉือพาเวินซื่อออกไปโดยไม่เหลียวหลัง เวินจื่อเยวี่ยก็รู้สึกคับข้องใจเป็นอย่างมากมองดูพวกนางจากไปตาปริบ ๆ เวินจื่อเยวี่ยกำหมัดแน่น ก่อนจะหันหลังไปเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน“แค่ก ๆ ๆ…”ในขณะนี้จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงไอดังมาจากด้านข้าง เมื่อหันไปมองก็เห็นเวินฉางอวิ้นปิดปากไออย่างรุนแรง“พี่ใหญ่ ท่านป่วยเป็นอะไร ทำไมถึงไอหนักขนาดนี้...พี่ใหญ่?!”เวินจื่อเยวี่ยเพิ่งก้าวขึ้นหน้าไปเพื่อช่วยตบหลังให้เวินฉางอวิ้น แต่วินาทีต่อมาก็เห็นเวินฉางอวิ้น “ไอเป็นเลือด”!“พี่ใหญ่ ท่านเป็นอะไรไป?! รีบตามหมอมาที รีบไปตามหมอมา!”เมื่อเวินจื่อเยวี่ยเห็นเลือดเต็มมือเวินฉางอวิ้น รูม่านตาก็หดตัวลงทันใด ตะโกนลั่นไม่หยุดอย่างร้อนอกร้อนใจในเวลานี้เวินฉางอวิ้นกลับคว้ามือของเขาไว้ พลางส่ายศีรษะด้วยใบหน้าซีดเผือด “ไม่ ไม่ต้องตามหมอ…”“ไม่ต้องตามหมอหมายค

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 513

    ประการแรกคือพูดไม่ออกจริง ๆ และประการที่สองก็คือไม่มีแรงจะโน้มน้าวแล้วเขาเพิ่งโบกมือหย็อย ๆ ตรงหน้าก็มืดลง หมดสติไปอีกครั้ง“พี่ใหญ่?!”เวินจื่อเยวี่ยที่เห็นเวินฉางอวิ้นหมดสติอย่างกะทันหันเป็นครั้งแรกก็ตกใจทันใด เมื่อเขาพลิกตัวกลับมา หลังจากเห็นใบหน้าซีดเผือดราวกับคนตาย เขาก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นเกิดอะไรขึ้น?พี่ใหญ่ป่วยเป็นอะไรกันแน่?เหตุใดถึงดูอ่อนแอเพียงนี้?!หลังจากที่หมอมาถึงและตรวจอาการของเวินฉางอวิ้นแล้ว ก็ขมวดคิ้วส่ายหน้า ก่อนจะเอ่ยกับเวินจื่อเยวี่ยประโยคหนึ่ง “เตรียมตัวจัดงานศพโดยเร็วที่สุดเถอะ”“ท่านว่ายังไงนะ?!”เวินจื่อเยวี่ยตกใจหน้าถอดสีทันที “อะไรคือเตรียมงานศพ? พี่ชายของข้าแค่ป่วยเท่านั้น ท่านไม่รักษาเขาให้ดี ๆ ก็ยังพอทน แต่ยังกล้าสาปแช่งเขาอีกหรือ?!”หมอชราผู้นั้นรีบบอกว่า “ไม่ใช่ว่าข้าไม่ยอมช่วย แต่คุณชายใหญ่สกุลเวินป่วยหนักจนหมดทางรักษา ข้าไร้เรี่ยวแรงที่จะพลิกสถานการณ์ได้แล้ว”“หากคุณชายสามไม่เชื่อ ก็ลองหาคนอื่นที่เก่งกว่าข้า หาคนอื่นที่เก่งกว่าข้ามาก็แล้วกัน”จากนั้นหมอชราก็สะพายล่วมยาวิ่งหนีไปทิ้งเวินจื่อเยวี่ยไว้ให้อยู่ตามลำพังหน้าเตียงของเวินฉางอว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 514

    หมอหลวงหลี่ ท่านกำลังพูดเรื่องอะไร? ดอกไม้พวกนี้จะมีพิษได้อย่างไร?”เวินจื่อเยวี่ยเกือบคิดว่าเป็นภาพหลอนของตัวเองเสียแล้วแต่หมอหลวงหลี่ยังคงยืนยันว่า “คุณชายสามสกุลเวิน ข้ามองไม่ผิดแน่ แม้ว่าจะไม่รู้ว่านี่คือดอกไม้ชนิดใด แต่กลิ่นหอมของดอกไม้นี้ดูเหมือนจะเป็นยาพิษร้ายแรงประเภทกล่อมประสาท หลังจากได้กลิ่นหอมของดอกไม้เป็นเวลานาน พิษนี้จะค่อย ๆ ซึมเข้าสู่ร่างกายของคุณชายใหญ่ ทั้งหมดสามต้น พิษรุนแรงขึ้นสามเท่า ไม่แปลกใจที่ร่างกายของคุณชายใหญ่จะทรุดลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้”หลังจากฟังเขาพูดจนจบ สีหน้าของเวินจื่อเยวี่ยก็บึ้งตึงไม่รู้ว่าทำไม แต่เขานึกถึงเป็ดทอดกรอบที่เวินจื่อให้เขากินเมื่อตอนนั้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกไม่ ๆ ๆ เป็นไปไม่ได้เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน น้องหกได้อธิบายให้เขาฟังตั้งแต่แรกแล้วว่า นางวางยาพิษตัวเองเพียงเพราะความโกรธและหวาดกลัว ในเมื่อพี่ใหญ่ไม่เคยเปิดเผยภูมิหลังของนาง จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปยั่วยุน้องหกได้ น้องหกมีเหตุผลอะไรถึงต้องวางยาพิษพี่ใหญ่ด้วย?ช้าก่อน เวินจื่อเยวี่ยนึกอะไรออกทันใดเขามองไปที่อันเซิ่งอย่างดุดัน “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าอีกกระถางหนึ่งเป็นของใครนะ?”

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 515

    “มาโดนจั๊กจี้จากข้าสักที!”“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ผิดไปแล้ว ผิดไปแล้ว ธิดาศักดิ์สิทธิ์โปรดให้อภัยข้าน้อยด้วย ต่อไปข้าน้อยไม่กล้าอีกแล้ว! ฮ่า ๆ ๆ ๆ...”หลินเนี่ยนฉือไม่เกรงกลัวอะไรเลย ยกเว้นการจั๊กจี้ของเวินซื่อทั้งสองหัวเราะร่วนด้วยกันอีกครั้งในทันทีเสียงหัวเราะแห่งความสุขดังไปทั่วเรือนเล็กจู๋เยวี่ยที่ยอดหลังคามองดูครู่หนึ่งด้วยควากอยากรู้อยากเห็น จากนั้นก็ถอนสายตากลับช่างเถอะ ๆ ไม่อยากดูทั้งสองคนในห้องเริ่มคุยกันอีกครั้งหลินเนี่ยนฉือเพียงแค่เคยได้ยินมาก่อน ตอนนี้มาถึงเรือนของเวินซื่อแล้ว แน่นอนว่านางต้องการฟังเวินซื่อพูดเรื่องนั้นด้วยตัวเองนางแค่ต้องการรับรู้ ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาอาซื่อมีเรื่องคับข้องใจแค่ไหนนางไม่เคยรู้เลยแม้แต่นิดเดียวเวินซื่อที่ไม่อาจขัดใจนางได้จึงต้องเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาอย่างช้า ๆตั้งแต่เวินเยวี่ยถูกเวินเฉวียนเซิ่งพาเข้ามาในสกุลเวิน ทีละเรื่อง ทีละอย่างเมื่อพูดถึงตอนสุดท้ายสีหน้าของหลินเนี่ยนฉือก็ดำทะมึนเป็นก้นหม้อ ตบแผ่นกระดานเตียงของเวินซื่อดัง “ปัง” จนแทบจะพังลง จากนั้นหลินเนี่ยนฉือก็เด้งขึ้นจากเตียง หยิบเสื้อผ้าออกมาสวมใส่พลาง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 516

    “เจ้าว่าอะไรนะ? เข้าวัง?”เมื่อเวินซื่อได้ยินเรื่องนี้ หัวใจก็สั่นไหว“เจ้าจะเข้าวังไปเป็นพระสนมหรือ?”หลินเนี่ยนฉือเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นังเด็กแสบอย่าดูถูกข้านะ ข้าไม่ได้เข้าวังไปเป็นพระสนม แต่เข้าวังไปเป็นฮองเฮา”นางยิ้มตาหยี พูดกับเวินซื่อ “อีกไม่นานข้าจะเข้าวังไปเป็นฮองเฮาแล้ว ถึงเวลานั้นเจ้าเห็นข้าก็ต้องทำความเคารพข้าแต่โดยดี หากทำความเคารพไม่สวย ข้าจะให้เจ้าอุ่นเตียงนอนให้ข้า”เวินซื่อกลอกตาใส่นางอีกครั้ง “มาพูดเรื่องสำคัญดีกว่า อย่ามาดื้อกับข้า”“นี่ล่ะเรื่องสำคัญ ถูกต้องแล้ว”หลินเนี่ยนฉือกอดเวินซื่อที่ห่อตัวอยู่ในผ้าห่มกล่าวว่า “หลังจากที่สกุลหลินของเราถูกโยกย้ายออกไปแล้ว อิงจากเวลาโยกย้าย หากต้องการกลับเมืองหลวงให้เร็วขึ้นก็ต้องมีโอกาส มิฉะนั้นก็ต้องรอไปอย่างน้อยสิบถึงยี่สิบปี จนกว่าพ่อของข้าจะเข้ารับตำแหน่ง สร้างผลงานให้เฉิดฉายต่อหน้าฝ่าบาท ถึงจะสามารถถูกโยกย้ายกลับมา แต่สกุลหลินของเราไม่อาจรอได้นานขนาดนั้น”“เจ้าก็รู้ว่า เมืองหลวงนั้นมีแต่การแย่งชิง เวลานี้ฝ่าบาทยังเยาว์นัก ถึงเวลาขอกำลังคนช่วยเหลือแล้ว หากสกุลหลินของเราไม่กลับให้เร็วกว่านี้ ก็อย่าพูดถึงการรอคอยยี่สิบปี

บทล่าสุด

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 574

    “ฉางอวิ้น เจ้าต้องเข้าใจถึงความขมขื่นใจของพ่อ”เวินเฉวียนเซิ่งนั่งลงข้างกายเวินฉางอวิ้น พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่“ตอนแรกพ่อแค่อยากให้เด็กคนนั้นมีบ้าน อยากจะชดใช้หนี้ทั้งหมดที่มีต่อสองแม่ลูกเท่านั้นเอง”“แต่ไม่เคยคิดเลยว่า เยวี่ยเอ๋อร์จะบาดหมางกับเจ้าห้ามาจนถึงขั้นนี้ ตอนนี้สุขภาพของพ่อก็ไม่ค่อยดีแล้ว บอกไม่ได้ว่าวันไหนจะลงไปพบกับแม่ของพวกเจ้า ถ้าไม่มีใครมาค้ำจุนครอบครัวนี้ จวนเจิ้นกั๋วกงของเราทั้งหมดช้าเร็วก็ต้องแยกทาง ถึงตอนนั้น เจ้าคิดว่าน้อง ๆ ของเจ้าจะยังมีโอกาสกลับมาหรือไม่?”เดิมทีเวินฉางอวิ้นไม่ต้องการโต้ตอบคำพูดของเวินเฉวียนเซิ่งรู้สึกว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของเขาค่อนข้างน่าขบขันแต่เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย หัวใจของเวินฉางอวิ้นก็เต้นแรงขึ้นมาทันทีหากวันหนึ่งจวนเจิ้นกั๋วกงสลายไป น้องรอง น้องห้า...จะกลับมาได้อีกหรือไม่?ร่างกายของเวินฉางอวิ้นสั่นสะท้านครู่หนึ่งคำตอบที่ชัดเจนผุดขึ้นในหัวใจไม่ได้พวกเขาจะกลับมาไม่ได้อีกแล้วไม่ใช่เพราะชื่อเสียงของจวนเจิ้นกั๋วกง แต่เป็นเพราะไม่มีจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ดังนั้นสายสัมพันธ์สุดท้ายที่เหลืออยู่ระหว่างพี่น้องของพวกเขาก็จะไม่มีอะไรเลยน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 573

    เวินฉางอวิ้นที่รู้แล้วว่าเวินเยวี่ยเป็นใคร ความจริงก็ไม่รู้สึกแปลกใจกับเวินเยวี่ยในมุมนี้เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้นางเผยให้เห็นด้านที่ดูน่าสงสารและอ่อนแอต่อหน้าคนอื่น ด่าทอคนอื่นโดยไม่ยั้งคิดแบบนี้ไม่ได้เห็นบ่อยนักสายตาของเวินฉางอวิ้นเผยความเยาะหยันออกมาดูเหมือนว่านางจะไม่ได้มีความจริงใจต่อเจ้าสามเช่นกันเสียแรงที่เจ้าสามถอนหมั้นกับนังหนูเนี่ยนฉือเพื่อนาง จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตกลับกลอกปลิ้นปล้อนจริง ๆคิด ๆ ดูแล้วก็น่าจะไม่ใช่แค่เจ้าสามเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเจ้าสี่ด้วยเพราะถึงอย่างไรพวกเขาเหล่านี้ก็ขวางทางนางอยู่เวินฉางอวิ้นไตร่ตรองสักครู่ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกห้องในเวลานี้เวินฉางอวิ้นยังนึกว่าเป็นเวินเยวี่ยที่กลับมาเล่นละครอีกครั้ง แต่ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเวินเฉวียนเซิ่งผู้เป็นพ่อของเขา“ฉางอวิ้น พ่อมาเยี่ยมเจ้า”หลายวันมานี้ ที่แวะเวียนมาที่นี่อยู่เป็นครั้งคราวเช่นกันก็มีเวินเฉวียนเซิ่งด้วยเขาแวะมาเยี่ยมลูกชายคนโต และเพื่อเป็นการชดเชยเวินฉางอวิ้นรู้ว่าเขามาที่นี่เพื่ออะไร และไม่ค่อยอยากพบเขาเช่นกันดังนั้นทันทีที่ได้ยินเสียงของเวินเฉวียนเซิ่ง เขาก็หลับตาลงแกล้งทำเป็น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 572

    “หออายุวัฒนะ? นั่นคือที่ใดกัน?”เวินเยวี่ยถามด้วยความงุนงงเวินจื่อเยวี่ยส่ายศีรษะ “ข้าก็ไม่รู้แน่ชัด แต่เพื่อนร่วมสำนักบอกข้าว่า ที่นั่นมียาชนิดหนึ่งที่เรียกว่ายาอายุวัฒนะ สามารถชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืน เปลี่ยนเถ้ากระดูกให้กลายเป็นเลือดเนื้อ วิเศษมาก แต่ก็แพงมากเช่นกัน อยากซื้อก็ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”“พวกเราไปซื้อก็อาจจะซื้อไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”เวินเยวี่ยไม่เห็นด้วยกับคำพูดที่ว่า “ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”เพราะถึงอย่างไรนางก็คือคุณหนูหกแห่งจวนเจิ้นกั๋วกง และเวินจื่อเยวี่ยก็เป็นคุณชายสามแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงด้วยตัวตนของพวกเขา ในเมืองหลวงแห่งนี้ยังมีอะไรที่พวกเขาหาซื้อไม่ได้อีก?“เห็นว่าเป็นเพราะมียาน้อยมาก และไม่สามารถปล่อยออกมาได้ ดังนั้นไม่ว่าใครที่ไปซื้อก็ต้องรอ ข้าคิดว่าถ้าวิเศษขนาดนั้นจริง ๆ ก็ซื้อสักเม็ดหนึ่งกลับมาให้พี่ใหญ่ลองกิน หากได้ผลจริง ๆ ล้างพิษในร่างกายของพี่ใหญ่ได้ ท่านพ่อก็จะไม่โกรธอีกต่อไปแน่นอน”อันที่จริงพวกเขาสองคนก็ไม่มีทางอื่นแล้วในตอนนี้หายาถอนพิษไม่ได้ดอกไม้พิษก็หาไม่ได้เช่นกันทำได้เพียงรักษาตามมีตามเกิด ซื้อยาอายุวัฒนะนั่นมาให้พี่ใหญ่ลองกินดูเมื่อเวิน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 571

    แต่ความตื่นเต้นดีใจนี้ดำเนินไปได้ไม่นานครึ่งชั่วยามต่อมา ฤทธิ์ของยาอายุวัฒนะก็สิ้นสุดลงความบ้าคลั่งในดวงตาของอันปี่เค่อหายไปอย่างรวดเร็วเขาเงยหน้าสูดหายใจเข้าลึก ๆ แต่วินาทีต่อมาปิดปากและจมูกด้วยความรังเกียจ“เก็บกวาดทำความสะอาดให้ข้าด้วย!”อันปี่เค่อออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อออกไปทันทีเมื่อเขาออกจากหออายุวัฒนะที่อยู่ชั้นใต้ดิน กลับไปที่ห้องหนังสือสกุลอันอีกครั้งหนึ่ง เขาก็กลับไปนั่งที่ด้านหลังโต๊ะหนังสือทันทีก่อนจะคว้ากระดาษที่เขียนชื่อไว้หลายชื่อแผ่นหนึ่งบนโต๊ะขึ้นมาเขากวาดสายตาผ่านรายชื่อเหล่านั้นอย่างไม่วางตา สุดท้ายก็จับจ้องไปที่ชื่อนั้นที่อยู่ด้านล่างสุด…“เวินซื่อ”“ธิดาศักดิ์สิทธิ์...จะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวจริง หรือว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวปลอม ก็ให้ข้าได้เห็นชัด ๆ สักหน่อยแล้วกัน……จวนเจิ้นกั๋วกงภายในเรือนของเวินฉางอวิ้นหลังจากกินยาต้มบัวหิมะที่เวินซื่อให้มาแล้ว เวินฉางอวิ้นก็ฟื้นขึ้นมาภายในไม่กี่วันจริง ๆเพียงแต่ร่างกายยังอ่อนแอมาก นอกจากลืมตามองไปรอบ ๆ ได้แล้ว เรื่องอื่นเขาก็ยังทำไม่ได้แม้แต่พูดยังพูดไม่ได้เลยทำได้เพียงนอนอย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 570

    หลังจากคนรับใช้ผู้นั้นจากไป อันปี่เค่อก็นั่งลงบนเก้าอี้ไม้โบราณของเขาทันที หลับตาลง มือข้างหนึ่งงอนิ้วชี้แล้วคาะปลายนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะซ้ำๆ ดัง “ต๊อกๆ ”ท่าทางเช่นนั้นดูเหมือนกำลังรอคอยบางสิ่งบางอย่างอยู่ไม่นานนัก หญิงงามนางหนึ่งที่สวมใส่อาภรณ์น้อยชิ้นก็ถือขวดหยกเขียวเดินเข้ามา ร่างกายอ่อนระทวย นั่งลงบนตักของอันปี่เค่อ แล้วเปิดขวดหยกเขียวนั้นให้เขาและเทยาเม็ดสีดำสนิทสามเม็ดออกมาจากข้างในพอยาเม็ดนั้นออกมา กลิ่นหอมประหลาดก็ฟุ้งกระจายไปทั่วห้องหินนี้ คล้ายคลึงกับกลิ่นหอมรัญจวนใจที่อบอวลอยู่ทั่วทั้งหอใต้ดินที่อยู่ด้านนอกอย่างยิ่งแต่หากนำยาเม็ดนั้นมาใกล้จมูกและปาก ก็ยังสามารถค้นพบได้อีกว่า บนยาเม็ดเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่ายังมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ ติดอยู่ด้วยหากเป็นคนปกติท เมื่อได้กลิ่นคาวเลือดบนยาเม็ดเหล่านี้ เกรงว่าจะรีบถอยห่างทันทีแต่เวลานี้ ภายในหออายุวัฒนะใต้ดินของสกุลอัน มีคนอยู่ทุกประเภท เว้นแต่เพียงคนปกติธรรมดาเท่านั้นอย่างเช่นอันปี่เค่อในยามนี้เขาปรือตาขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองหญิงงามที่นั่งอยู่บนตัก แววตานั้นราวกับกำลังพิจารณาว่าอาหารที่จะกินในวันนี้คืออะไรหลังจากมองจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 569

    ทางด้านอารามสุ่ยเยว่เงียบสงบสุขยิ่งนักแต่ทางด้านเมืองหลวงกลับมีคลื่นใต้น้ำก่อตัวอย่างรุนแรงห้องหนังสือสกุลอันอันปี่เค่อหยิบพู่กันขึ้น ตวัดพู่กันขีดเส้นหนักๆ ลงบนรายงานข่าวกรองฉบับหนึ่งที่ลูกน้องนำมาส่งให้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์จากนั้นก็พลันลุกขึ้นเดินไปยังเชิงเทียนไปพลาง ฉีกรายงานข่าวกรองฉบับนั้นเป็นชิ้นๆ ไปพลางสุดท้ายก็อาศัยเปลวไฟจากเชิงเทียนจุดมัน เปลวไฟก็ลุกลามเผากระดาษแผ่นนั้นอย่างรวดเร็ว และลามขึ้นไปด้านบน ลวกนิ้วมือของอันปี่เค่อที่จับมุมกระดาษอยู่เข้าอย่างจังแต่อันปี่เค่อราวกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย ผ่านไปสองวินาที ถึงค่อยโยนกระดาษที่กำลังลุกไหม้ในมือทิ้งลงไปในอ่างถ่านที่มอดดับไปแล้ว“ใครก็ได้”เงาดำร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นด้านหลังของอันปี่เค่อ คุกเข่าลงอย่างนอบน้อม“ลูกสาวผู้แสนดีคนนั้นของข้าตายแล้วหรือยัง?”เงาดำกล่าวอย่างระมัดระวัง “เรียนใต้เท้า คุณหนูรอง...ยังไม่ตายขอรับ”คำว่า “ยังไม่ตาย” ก็หมายความว่าการลงมือของคนเหล่านั้นล้มเหลวแล้วบนใบหน้าที่แก่ชราของอันปี่เค่อ พลันปรากฏรอยยิ้มเสแสร้งออกมา “ไอ้พวกไร้ประโยชน์ และหมากตัวหนึ่งที่ยังพอจะใช้งานได้อยู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 568

    เป่ยเฉินหยวนเห็นสีหน้าของนาง ก็รู้ว่านางเพิ่งจะรู้ตัว ชั่วขณะหนึ่งก็อดขำไม่ได้“หลังจากนี้ไม่ต้องมาที่ภูเขาด้านหลังแล้วก็ได้ อากาศหนาวลมแรง เดี๋ยวจะป่วยเอาได้ง่ายๆ ”เวินซื่อพยักหน้าอย่างกระอักกระอ่วน “ได้”นางก็ลืมเรื่องนี้ไปเหมือนกันนางเงยหน้ามองเป่ยเฉินหยวนด้วยความอึดอัดใจ เอ่ยถามอย่างหยั่งเชิง “หรือว่า ตอนนี้พวกเรากลับไปอีกดี?”เป่ยเฉินหยวนยิ้มพลางเอ่ยขึ้นทันที “ไหนๆ ก็มาแล้ว อีกอย่างวันนี้ข้าก็อยากจะฟังที่นี่จริงๆ ”เหตุผลหลักคือในเรือนยังมีคนอื่นอยู่ เวลานี้ เขาไม่อยากให้คนอื่นมารบกวนเขาและอู๋โยวเป่ยเฉินหยวนหยิบของที่ตนนำมาด้วยออกมา ค้นเอาห่อขนมพุทราอุ่นๆ ออกมาจากข้างในห่อหนึ่ง และเสื้อคลุมลายดอกเหมยตัวใหม่อีกหนึ่งตัวเป่ยเฉินหยวนระงับความคิดที่อยากจะลงมือสวมให้ด้วยตนเอง แล้วยื่นเสื้อคลุมให้เวินซื่อก่อน“สวมเสื้อคลุมเสียเถอะ ตอนนี้ยังพอไหว ไม่ค่อยมีลม แต่ก็ต้องระวังไว้บ้าง”เวินซื่อเหลือบมองเสื้อคลุมตัวหนาที่ยังคงความอบอุ่นนั้น แล้วมองไปที่เป่ยเฉินหยวน สุดท้ายก็รับของขวัญอันใส่ใจชิ้นนี้มาอย่างเงียบๆ“นี่ ขนมพุทราที่ท่านชอบ”เป่ยเฉินหยวนรอจนนางสวมเสื้อคลุมเสร็จ ก็เปิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 567

    “แล้วแมงมุมพิษนั้นจะส่งผลกระทบต่อท่านหรือไม่?”เป่ยเฉินหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งแรกที่เขาเป็นห่วงคือความปลอดภัยของเวินซื่อเวินซื่อพลันยิ้มออกมา “ไม่เป็นไร ไม่ส่งผลกระทบต่อข้า”“แล้วอาซื่อเจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าแมงมุมพิษของเจ้าอยู่บนตัวของหัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น? หากไม่ใช่หัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น แต่เป็นคนต่างเผ่าคนอื่นเล่า?”หลินเนี่ยนฉือถามเช่นนี้ ไม่ใช่การขัดคำพูดของเวินซื่อเพียงแต่นางกำลังกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างเวินซื่อกับแมงมุมพิษ ตัวอย่างเช่น หากแมงมุมพิษตัวนั้นบาดเจ็บ มันจะส่งผลกระทบต่ออาซื่อหรือไม่ หรือแม้กระทั่งถ้าแมงมุมพิษตัวนั้นตายไป มันจะส่งผลสะท้อนกลับมายังอาซื่อหรือไม่?ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าแมงมุมพิษของอาซื่อเป็นมาอย่างไรกันแน่ แต่พอฟังดูแล้วกลับคล้ายคลึงกับวิชาแมลงกู่ของคนต่างเผ่าเหล่านั้นมากดังนั้น หลังจากที่เป่ยเฉินหยวนและหลินเนี่ยนฉือฟังคำพูดของเวินซื่อจบแล้ว สิ่งแรกที่ทั้งสองกังวลก็คือตัวเวินซื่อเวินซื่อเห็นสีหน้าของทั้งสองคนก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจบางอย่างขึ้นมาในใจของนางรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “พวกท่านวางใจเถิด ข้าไม่เป็นอ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 566

    หลินเนี่ยนฉือที่นั่งมองทั้งสองคนอยู่ในเรือนเล็กๆ ตั้งแต่เมื่อครู่ มุมปากกระตุกเล็กน้อย“พอแล้วอาซื่อ อย่างไรเสียเขาก็เป็นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน เจ้าช่างใจกล้าเกินไปแล้ว”ถึงกับกล้าตำหนิท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้มีอำนาจสูงสุดในราชสำนักรองจากฮ่องเต้ แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็นเทพสงครามต่อหน้าเช่นนี้ จนเขาแทบเงยหน้าไม่ขึ้นหลินเนี่ยนฉือกลัวว่าเวินซื่อจะยั่วโมโหอีกฝ่ายเข้าจริงๆ นางจึงรีบยื่นมือออกไป ดึงตัวคนกลับมาแต่ไม่รู้ว่าเป็นความเข้าใจผิดของนางหรือไม่ ในขณะที่นางจับมือเล็กๆ ของอาซื่อไว้ สายตาของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่อยู่ตรงข้ามกลับดูน่ากลัวขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งยังทิ่มแทงอีกทำเอาหลินเนี่ยนฉือไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก“ไม่เป็นไรๆ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้น”เวินซื่อยังไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลินเนี่ยนฉือ ก็ยกมือขึ้นตบไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆเป่ยเฉินหยวนเอ่ยขึ้นในตอนนี้ “อู๋โยวพูดถูก ข้าไม่ใช่คนใจแคบจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น อู๋โยวก็ยังเป็นสหายของข้า สหายของนาง ย่อมเป็นสหายของข้าเช่นกัน”มุมปากของหลินเนี่ยนฉือกระตุกอีกครั้งหากไม่ใช่เพราะได้ยินสรรพนาม

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status