Share

บทที่ 683

Author: จิ้งซิง
“ช่างกล้ายิ่งนัก เวินซื่อ เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงสวมใส่ลายเมฆาสีม่วงซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเชื้อพระวงศ์...”

“หุบปาก!”

เวินจื่อเยวี่ยราวกับคนพาลใจร้อนที่จ้องจะจับผิดผู้อื่น พอพบจุดนี้ก็เอ่ยปากตำหนิเวินซื่อทันที

แต่เขายังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกบิดาของตนตวาดขัดจังหวะเสียงดังลั่น

เจ้าโง่

เรื่องที่ใครๆ ก็รู้กันดี นางเวินซื่อมีหรือจะไม่รู้ว่าลายเมฆาสีม่วงเป็นสัญลักษณ์ของเชื้อพระวงศ์?

แต่การที่เวินซื่อกล้าทำทั้งที่รู้ และยังทำอย่างเปิดเผยเช่นนี้ ย่อมเป็นการบ่งบอกถึงความจริงอันน่าตกตะลึงอย่างหนึ่งแล้ว

ความจริงนี้ทำให้เวินเยวี่ยอิจฉาริษยาจนแทบเก็บซ่อนสีหน้าบิดเบี้ยวไว้ไม่อยู่ไปชั่วขณะ

เวินซื่อมีคุณธรรมความสามารถอันใดกัน?!

เกียรติยศอันสูงส่งเช่นนี้ ความสูงศักดิ์เช่นนี้ สิ่งเหล่านี้ไม่ควรเป็นของนางหรอกหรือ?!

เวินเยวี่ยก้มหน้าลงคิดอย่างเคียดแค้น

หากเวินซื่อรู้ถึงสิ่งที่นางคิดในใจ เกรงว่าคงจะหัวเราะเยาะในความเพ้อฝันลมๆ แล้งๆ ของนาง

แค่บุตรนอกสมรสคนหนึ่ง ไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้ชีวิตน้อยๆ ของนางยังอยู่ในกำมือของเวินซื่อ แค่ฐานะของนาง กับความคิดที่ทั้งชั่วร้าย โหดเหี้ยม และโง่เขลาของนาง แม้แต่การจะเป็น
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 986

    ก่อนหน้านี้ หลังจากกลับมาถึงจวนเจิ้นกั๋วกง เวินเยวี่ยก็ได้จัดการชำระล้างร่างกายตนเอง เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่และแต่งหน้าแม้ว่าจะยังไม่สามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมในอดีตได้ แต่อย่างน้อยก็ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาบ้าง ไม่ใช่สภาพศพที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดและใบหน้าซีดเขียวอีกต่อไปถึงกระนั้น ท่วงท่าและสีหน้าของนางก็ยังคงมีความแข็งทื่ออยู่บ้างเล็กน้อยเพียงแต่ความแข็งทื่อเช่นนี้ หากไม่สังเกตอย่างละเอียดถี่ถ้วนก็จะไม่เห็นแม้ว่าเวินเฉวียนเซิ่งจะรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ อยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อเทียบกับยอดฝีมือด้านการต่อสู้ทั้งหลายแล้ว เขาก็ยังห่างชั้นอยู่บ้าง ดังนั้นจึงมองไม่เห็นความผิดปกติของเวินเยวี่ยเช่นกันเขาขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถาม “แค่สลบไป? สลบไปที่ไหน ใครเป็นคนลอบทำร้าย? เห็นหน้าคนผู้นั้นหรือไม่?”เวินเยวี่ยส่ายหน้า พลางแสดงสีหน้าเสแสร้งต่อไปเวินเฉวียนเซิ่งถามอีก “แล้วตอนที่เจ้าตื่นขึ้นมา พบอะไรบ้างหรือไม่?”เวินเยวี่ยส่ายหน้าอีกครั้ง ทำสีหน้าราวกับจะร้องไห้พลางกล่าวโทษตนเอง “เยวี่ยเอ๋อร์...เยวี่ยเอ๋อร์ไร้ความสามารถ เยวี่ยเอ๋อร์ไม่พบอะไรเลยเจ้าค่ะ ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือไม่? หากทำใ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 985

    “เป็นเจ้าเองหรือ?!”“ไม่สิ จะเป็นเจ้าไปได้อย่างไร เจ้ามาปรากฏตัวในเวลานี้ได้อย่างไร?!”ใบหน้าของศพหุ่นเชิดที่ปรากฏออกมานั้น เหมือนกับฟ่านจุ้ยทุกประการดังนั้นจึงดูคล้ายกับ “เวินเยวี่ย” อย่างยิ่งถึงขนาดที่หลังจาก “เวินเยวี่ย” ได้เห็นใบหน้านี้ นางก็พลันนึกถึงบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาได้ความรู้สึกตกตะลึงนี้ ดูเหมือนจะไม่ได้มาจากความจริงที่ว่าฟ่านจุ้ยหน้าตาเหมือนนาง แต่มาจากเวลาที่ฟ่านจุ้ยปรากฏตัวในตอนนี้เพราะในชาติที่แล้ว นางจำได้อย่างชัดเจนว่า คนผู้นี้ไม่เคยกลับมาที่จวนเจิ้นกั๋วกงเลย!“ที่แท้ก็คือเจ้า ที่แท้เจ้าคือบุตรนอกสมรสของเขา มิน่าเล่า...มิน่าเล่าเจ้าถึงปฏิบัติต่อพวกเรา...”“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”ขณะที่ “เวินเยวี่ย” กำลังตกตะลึงอยู่นั้น เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นจากนอกประตู ในน้ำเสียงนั้นเจือไปด้วยความไม่พอใจเวินเยวี่ยหันไปมอง ก็เห็นเวินเฉวียนเซิ่งยืนอยู่ที่หน้าประตูด้วยสีหน้าบูดบึ้งอย่างยิ่ง กำลังมองนางด้วยสายตาที่ทั้งประหลาดใจและสงสัย“เจ้าไปทำอะไรที่จวนจงหย่งโหวมากันแน่? เจ้ารู้หรือไม่ว่าพ่อตามหาเจ้ามานานแค่ไหนแล้ว หายตัวไปหลายวันเช่นนี้ไปอยู่ที่ไหนมา เหตุใดถึงเพ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 984

    “อะไรนะ?”หลานซื่อยังไม่ทันได้ถามว่าศพหุ่นเชิดที่ฟ่านจุ้ยพูดถึงคืออะไร ก็ถามเขาก่อนว่า “รู้หรือไม่ว่าเป็นผู้ใด?”ฟ่านจุ้ยส่ายหน้า “ระยะทางไกลเกินไป การรับรู้ของข้ากับศพหุ่นเชิดไม่ลึกซึ้งนัก ต้องกลับไปถึงเมืองหลวงก่อนจึงจะรู้”หลานซื่อพยักหน้า “เช่นนั้นเจ้ารีบกลับไปก่อนเถอะ”พูดจบ นางก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วมอบแมงมุมตัวเล็กๆ สีขาวจนเกือบจะโปร่งใสให้ฟ่านจุ้ยหนึ่งตัว “นี่คือแมงมุมผลึก สามารถติดต่อกับข้าได้ในระยะร้อยลี้ หากมีสิ่งใดจำเป็น ก็พูดกับมันได้ มันจะส่งข่าวมาให้ข้าเอง”เมื่อได้ยินเช่นนั้น สายตาของฟ่านจุ้ยที่มองไปยังแมงมุมตัวน้อยก็พลันเป็นประกาย รับมาด้วยความยินดี“พี่หญิงวางใจได้ น้องชายไปแล้วจะรีบกลับมา”หลังจากเก็บแมงมุมแล้ว เขาก็หันไปกำชับจวี้เอ๋าหนึ่งประโยค “เจ้าตัวโต เฝ้าที่นี่ให้ดีล่ะ”เขาไม่ได้เป็นห่วงทางฝั่งของหลานซื่ออย่างไรเสียข้างกายหลานซื่อก็มีผู้มีฝีมือสูงส่งอยู่ไม่น้อยและหากอารามสุ่ยเยว่เกิดเรื่องขึ้น เกรงว่าคนผู้นั้นคงจะรีบรุดมาในทันทีดังนั้นเขาจึงสามารถวางใจไปจัดการเรื่องของตนเองก่อนได้เมื่อมองดูฟ่านจุ้ยจากไป หลานซื่อก็ลูบคางพลางครุ่นคิด“ศพหุ่น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 983

    น่ารังเกียจเสียจริง!“แล้วคุณหนูสามสกุลอันนั่นเป็นใคร? สกุลอันไม่ได้มีเพียงอันหมิงจูและอันหลันซินหรอกหรือ? เหตุใดข้าจึงไม่เคยได้ยินว่ามีคุณหนูสามด้วย?”สาวใช้รีบเล่าเรื่องที่อันหลันซินตายแล้ว รวมถึงเรื่องที่สกุลอันตามหาอันซินรุ่ย บุตรสาวคนที่สามที่เร่ร่อนอยู่ข้างนอกเมื่อหลายปีก่อนกลับมาจนพบเมื่อได้ยินเช่นนั้น เวินเยวี่ยก็ทั้งตกตะลึงและขมวดคิ้วอันหลันซินตายแล้ว?นี่เป็นเรื่องที่นางคาดไม่ถึงชาตินี้มีเรื่องราวมากมายที่ไม่ตรงกับชาติที่แล้วของนาง คนที่ควรตายกลับไม่ตาย คนที่ควรมีชีวิตอยู่กลับไม่อยู่นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?หรือว่าเวินซื่อก็เกิดใหม่จริงๆ ?หรือว่าเรื่องราวในชาตินี้ไม่สอดคล้องกับชาติที่แล้วของนาง?เวินเยวี่ยนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงถามต่อ “จริงสิ เจ้าบอกว่านังสารเลวเวินซื่อนั่นทูลขอเปลี่ยนสกุลจากฝ่าบาท แล้วท่านพ่อไม่ได้ขัดขวางเลยหรือ?”“เรื่องนี้...เรื่องนี้บ่าวก็ไม่ค่อยทราบอะไรมากนัก เพียงแต่ได้ยินข่าวลือจากข้างนอกว่า อาจจะเกี่ยวข้องกับคุณชายน้อยที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์...ที่นังสารเลวนั่นช่วยท่านกั๋วกงตามหากลับมาเจ้าค่ะ”เวินเยวี่ยขมวดคิ้ว “คุณชายน้อยอะไรกัน?”สาวใช้เ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 982

    “เจ้าบอกว่านังเวินซื่อนั่นยังไปที่สกุลหลาน? สกุลหลานล่มสลายไปแล้วมิใช่หรือ? นางไปที่สกุลหลานได้อย่างไร?”เวินเยวี่ยขมวดคิ้ว พลางซักถามสาวใช้ที่ถูกนางควบคุมตัวไว้อย่างต่อเนื่องสาวใช้ตัวสั่นเทา แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่กล้าที่จะไม่ตอบคำถามของเวินเยวี่ย “เรียน...เรียนคุณหนูหก ท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์นาง...”“ห้ามเรียกนางว่าท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์!”สายตาของเวินเยวี่ยพลันฉายแววโหดเหี้ยม นางตวาดเสียงกร้าว “นังสารเลวนั่นเป็นเพียงมดปลวกที่ควรจะถูกข้าเหยียบย่ำอยู่ใต้ฝ่าเท้า จะคู่ควรกับคำว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์อะไรกัน น่าขันสิ้นดี”สาวใช้ตกใจจนเหงื่อเต็มใบหน้า แต่เนื่องจากมีมีดจ่ออยู่ที่ลำคอ หากไม่เชื่อฟัง เกรงว่าวินาทีต่อมานางคงถูกปาดคอเป็นแน่สาวใช้จึงได้แต่เอ่ยอย่างระมัดระวัง “เจ้า...เจ้าค่ะ ประมุขตระกูลหลานนั่น...”บัดนี้เวินซื่อคือประมุขตระกูลของสกุลหลาน สาวใช้ไม่กล้าเรียกธิดาศักดิ์สิทธิ์ แต่การเรียกว่า “ประมุขตระกูลหลาน” ก็ไม่ผิดทว่าสีหน้าของเวินเยวี่ยกลับน่ากลัวยิ่งขึ้น นางจ้องเขม็งไปยังสาวใช้ เอ่ยข่มขู่ด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ไม่เรียกนางว่านังสารเลว ก็ให้ข้าประหารนังสารเลวอ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 981

    ทาสใบ้ขยี้ตาของตนเองแล้วมองไปยังศพนั้นอีกครั้ง แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ นางคิดว่าตนเองอาจจะตาฝาดไป จึงไม่คิดอะไรมากนักและยื่นมือออกไปเพื่อจะอุ้มศพบนแท่นอีกครั้งแต่ในวินาทีต่อมา...“ฉึก”ทาสใบ้ตัวแข็งทื่อ นางค่อยๆ ก้มศีรษะลงมอง ก็เห็นมือข้างหนึ่งเสียบอยู่ที่บริเวณหัวใจของตนและเจ้าของมือนั้นก็คือศพที่อยู่บนแท่น“ที่นี่...ที่ไหน?”ศพนั้นเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าและน่ารังเกียจอย่างยิ่งทาสใบ้อ้าปากค้างอย่างแข็งทื่อศพนั้นจึงได้เห็นช่องปากที่ว่างเปล่าของนาง“ไร้ประโยชน์”ศพพูดจบ มีเสียง “ฉึก” ดังขึ้นอีกครั้ง ครานี้ควักหัวใจของทาสใบ้ออกมาโดยตรง แล้วโยนทิ้งไปข้างๆ อย่างไม่ไยดีนางไม่สนใจเลือดที่เปรอะเปื้อนเต็มมือ ลุกขึ้นเดินไปรอบๆ ห้องลับหนึ่งรอบ และในไม่ช้าก็พบกระจกทองแดงบานหนึ่งนางเดินไปที่หน้ากระจกทองแดง เมื่อเห็นร่างกายที่เย็บปะติดปะต่อกัน ทำให้ “เวินเยวี่ย” อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าดุร้ายออกมาทันที“บัดซบ! นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?!”นางตายไปแล้วไม่ใช่หรือ?เหตุใดจิตสำนึกของนางถึงมาปรากฏอยู่ที่นี่ได้?นางเกิดใหม่หรือ?แต่เหตุใดร่างกายของนางถึงเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์เ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status