แชร์

บทที่ 83

ผู้เขียน: จิ้งซิง
เวินซื่อไม่ได้สนใจเวินหย่าลี่

สำหรับนางแล้ว ท่านอาคนนี้ไม่เคยชอบนางตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว

ก่อนหน้านี้ นางยังคิดว่าท่านอาเป็นคนนิสัยแบบนี้เอง กระทั่งเวินเยวี่ยมาที่บ้านสกุลเวิน เวินหย่าลี่กลับแสดงท่าทางรักใคร่เอ็นดูซึ่งแตกต่างกันอย่างมากจนทำให้นางเข้าใจ ที่แท้ท่านอาก็แค่ไม่ชอบนางเท่านั้นเอง

ดังนั้น แม้ว่าเวินหย่าลี่จะเรียกนาง นางก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ราวกับว่าคนที่ถูกนางเรียกมิใช่ตัวเอง

เวินหย่าลี่เห็นนางนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน ก็เดินเข้าไปด้วยความไม่พอใจทันที

“นังเด็กแสบเจ้ามาทำอะไรกัน? ไม่เห็นท่านอาอย่างข้าหรือไร ไม่รู้จักทักทายผู้ใหญ่ ไม่มีมารยาทสักนิด”

พูดไปพลางเอื้อมมือไปกระชากเสื้อผ้าของเวินซื่อ “รีบลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ ไม่รู้จักลุกให้ผู้ใหญ่นั่งหรือ?”

“สีกาท่านนี้”

ม่อโฉวซือไท่เอื้อมมือออกไปปัดมือนางออก แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “รบกวนอย่าแตะต้องหรือพูดจาหยาบคายกับศิษย์ของข้า”

เวินหย่าลี่มองดู ก็แค่แม่ชีแก่ๆ คนหนึ่ง

“โอ้โฮ เวินซื่อ พอออกบวชแล้วในที่สุดก็หาคนหนุนหลังได้แล้วหรือ? ยังพาแม่ชีแก่ๆ มาอวดเบ่งที่จวนจงหย่งโหว เจ้าคงไม่ได้คิดว่าตัวเองกลายเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Benchawan
อ่านสนุกมากแต่อัพเดทช้า
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 84

    ครั้งล่าสุดที่พบกันคือช่วงเทศกาลตรุษจีน บัดนี้เวลาผ่านไปหลายเดือนแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าคงไม่คาดคิดว่า เมื่อได้พบกับเด็กคนนี้ซึ่งเดิมทีควรจะเป็นหลานสะใภ้ของนางอีกครั้ง ทุกสิ่งทุกอย่างกลับเปลี่ยนแปลงไปเมื่อถูกมองนานๆ เข้า เวินซื่อก็รู้สึกทนไม่ไหวแล้วนางจึงจำใจบอกกับอาจารย์ว่าขอออกไปสูดอากาศข้างนอกสักครู่ม่อโฉวซือไท่รู้ว่านางกำลังหลบอะไรจึงพยักหน้า พร้อมกับกำชับหนึ่งประโยค “หากมีเรื่องอะไรก็กลับมาหาข้าทันที”คำพูดนี้ราวกับกลัวว่านางจะต้องได้รับความอยุติธรรมในจวนจงหย่งโหวอย่างไรอย่างนั้นหลังจากที่เวินซื่อเหลือบมองสีหน้าที่ดูอึดอัดใจของฮูหยินผู้เฒ่า นางก็พยักหน้ารับคำแล้วเดินออกไปนางเองก็รู้ว่าสถานะของตนเองค่อนข้างอึดอัดใจ ดังนั้นจึงไม่ได้เดินไปไหนมาไหนบอกว่าจะไปสูดอากาศที่หน้าประตู นางก็ยืนอยู่แค่หน้าประตูจริงๆ มองออกไปไกลๆ จ้องมองทิวทัศน์ในลานบ้านอย่างเหม่อลอยในขณะที่นางกำลังรู้สึกเบื่ออยู่นั้น นางยังไม่รู้ว่ามีคนกำลังหาเรื่องนางหลังจากที่เวินหย่าลี่ออกจากห้องของฮูหยินผู้เฒ่า ก็ยังคงโกรธไม่หายจึงส่งคนไปแจ้งบุตรชายของตัวเองเดิมทีนางตั้งใจจะบอกบุตรชายว่า วันนี้ก่อนฟ้ามืดอย่าเ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 85

    ชุยเส้าเจ๋อหน้าบึ้งในทันที“เวินซื่อ เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”“ข้าหมายความว่าอย่างไร เจ้าฟังไม่เข้าใจหรือ?”เวินซื่อกล่าวอย่างรำคาญใจ “ก็คือให้เจ้าไปไกลได้เท่าไรก็ยิ่งดี ต่อไปอย่ามายุ่งกับข้าอีกได้หรือไม่?”ชุยเส้าเจ๋อโกรธจนกัดฟันแน่น “เจ้าไล่ข้าหรือ? ดีมากเวินซื่อ ตอนนี้เจ้ากำลังแกล้งทำเป็นไม่สนใจข้าเพื่อจะให้ข้าสนใจเจ้าใช่หรือไม่?”เวินซื่อ “?”“ใครจะไปใช้ลูกไม้นี้กับเจ้ากัน?”นางพูดไม่ออกจริงๆชุยเส้าเจ๋อกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “หรือไม่ใช่? ก่อนหน้านี้เจ้าตามตื๊อข้าไม่เลิก รักอย่างมั่นคง ตอนนี้กลับมาบอกให้ข้าไสหัวไป? นี่มิใช่การเล่นลูกไม้หรือ?”เขาหัวเราะเยาะอย่างเหยียดหยาม แสดงสีหน้าอย่าง ‘ข้ารู้ทันเจ้า’ แล้วเอ่ยกับเวินซื่ออย่างหยิ่งผยอง “ข้าจะบอกอะไรให้นะเวินซื่อ วิธีนี้อาจจะใช้ได้ผลกับบุรุษคนอื่น แต่ใช้ไม่ได้ผลกับข้าชุยเส้าเจ๋อ ตำแหน่งภรรยาเอกของข้าจะมอบให้น้องเยวี่ยเอ๋อร์เท่านั้น ส่วนเจ้าต่อไปอย่าใช้วิธีสกปรกพวกนี้อีก ไม่เช่นนั้นต่อให้เป็นตำแหน่งภรรยารองข้าก็จะไม่เก็บไว้ให้เจ้า”“ข้าว่าเจ้าต่างหากที่น่ารังเกียจที่สุด”เวินซื่อนับว่ามองออกแล้วชุยเส้าเจ๋อผู้นี้ฟังภาษา

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 86

    “พลั่ก!”คราวนี้เวินซื่อไม่ได้ตบหน้าเขา แต่ประเคนหมัดให้เขาโดยตรงนางคว้าคอเสื้อของชุยเส้าเจ๋อ แล้วกัดฟันขู่ว่า “หากเจ้ายังกล้าพูดประโยคที่ว่า ‘ภรรยาเอก’ ‘ภรรยารอง’ อะไรนั่นอีก ข้าจะให้คนข้างหลังเจ้าตัดส่วนนั้นของเจ้าเสีย!”ชุยเส้าเจ๋อรู้สึกเสียวที่หว่างขาในทันทีเขามองเวินซื่อด้วยสีหน้าตกตะลึงอย่างไม่อยากจะเชื่อหลังจากที่เวินซื่อขู่เสร็จ ก็ออกคำสั่งอย่างไร้ความปรานี “จู๋เยวี่ย ลากเขาไปซ้อมให้หนัก จำไว้ว่าต้องซ้อมให้น้ำในสมองของเขาไหลออกมาให้หมด!”นางอยากจะดูว่า ชุยเส้าเจ๋อเจ้าคนหลงตัวเองนี่จะทนรับการซ้อมได้สักกี่ครั้ง!ความจริงพิสูจน์แล้วว่า ชุยเส้าเจ๋อเป็นคนดื้อรั้นจริงๆ!จู๋เยวี่ยอุดปากชุยเส้าเจ๋อ แล้วลากเขาไปยังมุมอับตาด้วยซ้อมเขาอย่างหนักหากคนผู้นี้ยังคงสันดานไม่เปลี่ยน!“เวินซื่อ! เจ้าอย่าให้มันมากนักนะ!”ชุยเส้าเจ๋อที่เพิ่งถูกปล่อยให้อ้าปากหลังจากโดนซ้อมอย่างหนัก ก็ตะโกนด้วยความเกรี้ยวกราด “อาศัยความอดทนของข้าที่มีต่อเจ้า ตอนนี้เจ้าถึงกับกล้าทำกับข้าแบบนี้ ภรรยารองอะไรก็อย่าหวังเลย! สตรีที่ชั่วร้ายและหยาบคายอย่างเจ้า ให้เป็นอนุก็ล้วน...”“เพียะ!”เวินซื่อยัดผ้าขี

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 87

    เวินซื่อยกเท้าขึ้นเปลี่ยนทิศทางโดยไม่หยุดชะงัก จูงมือม่อโฉวซือไท่ไปทางประตูหลังแต่เมื่อเวินจื่อเฉินเห็นว่านางกำลังจะไป รถม้ายังไม่ทันจอดสนิท ก็กระโดดลงมาจากด้านบน“คุณชายรอง ระวังแผลของท่านด้วยขอรับ!”เวินจื่อเฉินไม่สนใจสิ่งใด สาวเท้าไล่ตามเวินซื่อด้วยความรีบร้อน แล้วคว้าตัวนางไว้“น้องห้า! อย่าไป!”“ปล่อยข้า!”เวินซื่อหันกลับมาจ้องเขาด้วยความโกรธ“ได้ๆ ข้าปล่อย ขอแค่เจ้าไม่ไป พี่รองจะไม่แตะต้องเจ้า”เมื่อเห็นสายตาที่โกรธเกรี้ยวเช่นนั้นของเวินซื่อ เวินจื่อเฉินก็รีบชักมือกลับด้วยความตกใจ“อย่าเรียกข้า...อย่าเรียกแม่ชีว่าน้องห้า”เวินซื่อเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “ข้าเป็นเพียงแม่ชีน้อยของอารามสุ่ยเยว่ มิใช่น้องห้าที่คุณชายรองเวินกล่าว”เวินจื่อเฉินรู้สึกคอแห้ง แน่นหน้าอกจนรู้สึกอึดอัดอย่างมาก “น้องห้า ขอร้องอย่าพูดเช่นนี้...”“พี่รอง!”เวินจื่อเฉินยังพูดไม่จบ ก็มีเงาอีกสองสายปรากฏขึ้นข้างหลังเขาคือเวินเยวี่ยและเวินจื่อเยวี่ย“พี่รอง ท่านอย่าลืมคำพูดที่ท่านพ่อเคยบอกกับท่านสิ”ทันทีที่เวินจื่อเยวี่ยเดินเข้ามา ก็กวาดตามองเวินซื่อด้วยสายตาเย็นชาสีหน้าของเวินจื่อเฉินแข็งค้าง เขา

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 88

    ทันใดนั้น เวินหย่าลี่ก็หัวเราะเยาะแล้วมองไปยังเวินซื่อที่อยู่ข้างๆ “โอ้ หรือว่าเป็นธุระที่จะพูดกับนังเด็กคนนี้?”เวินจื่อเฉินและเวินจื่อเยวี่ยสองพี่น้องยังคงเถียงกันอยู่อย่างนั้นไม่มีใครยอมใคร“พี่รอง คำพูดที่ท่านพ่อกำชับไว้ ถึงอย่างไรก็ต้องพูดไม่ช้าก็เร็ว ยิ่งไปกว่านั้น อาหญิงก็มิใช่คนนอก พูดตรงนี้ย่อมดีกว่าไปพูดข้างนอกกระมัง?”เวินจื่อเยวี่ยกล่าวอย่างเย็นชา“เวินจื่อเยวี่ย เจ้ากล้า!”เวินจื่อเฉินโมโหไม่หยุด เขาฟังออกว่าเวินจื่อเยวี่ยกำลังข่มขู่ หากไม่ให้พูดตรงนี้ ก็จะให้คนข้างนอกได้ฟังเสียเลยเดิมทีเวินซื่อตั้งใจจะเอ่ยปาก แต่ม่อโฉวซือไท่เอ่ยขึ้นมาก่อนนาง กล่าวแทนนางว่า “อมิตตาพุทธ ประสกทั้งหลายหากมีธุระอันใดก็รีบกล่าวมาเถิด หากไม่มีธุระอันใด เช่นนั้นข้าและศิษย์ของข้าก็ขอตัวลาไปก่อน”ขณะพูด นางก็จูงมือเวินซื่อเตรียมตัวจากไปแต่บางคนกลับไม่อยากให้พวกนางจากไปเร็วเช่นนั้น“โธ่ เดี๋ยวก่อน ข้าว่าพวกเจ้าสองคนรีบร้อนไปไหนกันนักล่ะ?”เวินหย่าลี่จงใจก้าวไปข้างหน้า ยื่นมือขวางทั้งสองคนเอาไว้ แล้วมองเวินซื่อและม่อโฉวซือไท่ด้วยสายตาเหยียดหยาม“เวินซื่อ ถึงอย่างไรเมื่อก่อนเจ้าก็เคยเป็นค

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 89

    ผู้คนรอบข้างต่างพากันแสดงสีหน้าประหลาดใจมองเวินซื่อ แล้วมองเวินหย่าลี่ที่กำลังเดือดดาล ครู่หนึ่งก็รู้สึกสงสัยว่าคำพูดนั้นเป็นจริงหรือเท็จกันแน่โดยเฉพาะเวินจื่อเฉินและเวินจื่อเยวี่ย อย่างไรเสียมารดาของเวินซื่อก็คือมารดาของพวกเขาเหตุใดพวกเขาถึงไม่เคยได้ยินมารดาพูดถึงเรื่องนี้ แต่เวินซื่อกลับรู้?พวกเขาก็ต้องไม่เคยได้ยินมาก่อนอยู่แล้วเพราะหลานจื่อจวินก็ไม่เคยบอกเวินซื่อเช่นกันเวินซื่อรู้เรื่องนี้ ก็เพราะชาติที่แล้ว ขณะอยู่ที่สกุลเวิน หลังจากที่นางได้รับความอยุติธรรมจากเวินเยวี่ยอีกครั้งจึงแอบหนีไปที่ห้องของมารดา แล้วบังเอิญเห็นสมุดเล่มเล็กๆ ที่มารดาทิ้งเอาไว้ พอเปิดดูถึงได้รู้ว่าสมุดเล่มนั้นที่แท้เป็นสมุดที่มารดาใช้บันทึกความในใจในยามปกตินางได้รู้เรื่องที่สกุลเวินสกุลหลานสองสกุลได้บีบบังคับท่านแม่ให้ช่วยพูดเรื่องแต่งงานให้กับเวินหย่าลี่และได้รู้ความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเวินเฉวียนเซิ่งผู้เป็นบิดาของนางจากในนั้นด้วยในตอนนั้น ในที่สุดนางก็เข้าใจว่าเหตุใดบิดาถึงพาเวินเยวี่ยกลับมาที่สกุลเวิน และเหตุใดบิดาถึงไม่รักและเอ็นดูนางอีกต่อไป...เวินซื่อกำมือแน่น นางเอ่ยขึ้นด้วยสีห

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 90

    นางแทบจะทนรอไม่ไหวแล้วที่จะประกาศชัยชนะของตัวเองเวินจื่อเฉินลูบศีรษะของนางเยวี่ยเอ๋อร์ยังคงใจดีขนาดนี้แต่น้องห้านาง...เวินจื่อเฉินมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเย็นชาของเวินซื่อ ก่อนจะเม้มริมฝีปากด้วยความผิดหวังเวินเยวี่ยรีบเอ่ยขึ้นอย่างอดใจรอไม่ไหว “พี่หญิงห้า แม้ว่าท่านพ่อจะขีดชื่อท่านออกจากบันทึกลำดับญาติแล้ว แต่เนื่องจากก่อนหน้านี้ท่านทำเรื่องที่ทำให้ท่านพ่อผิดหวังมากมาย เพื่อป้องกันมิให้ท่านทำเรื่องที่ทำให้สกุลเวินต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงอีก ท่านพ่อจึงให้พวกเรามาแจ้งกับท่านคำหนึ่ง”“เขาบอกว่า นับจากนี้เป็นต้นไป ห้ามท่านใช้สกุลเวินในการกระทำสิ่งต่างๆ และห้ามท่านใช้สกุล ‘เวิน’ อีก ไม่ว่าท่านจะเปลี่ยนไปใช้หลี่ซื่อ หวังซื่ออะไรก็ตาม ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับสกุลเวินอีกต่อไป”หัวใจของเวินซื่อเย็นเยียบในทันทีราวกับภูเขาน้ำแข็งพันปีพังทลายลงสู่กลางใจนางรู้ว่าบิดาของนางท่านนี้เป็นคนไร้หัวใจแต่นางไม่คิดว่าเวินเฉวียนเซิ่งจะไร้หัวใจได้ถึงเพียงนี้!“ฮ่าๆ ในที่สุดก็สมใจเจ้าแล้วสินะ?”เวินหย่าลี่หัวเราะอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น “ไม่เรียกน้องห้า และไม่เรียกเวินซื่อ ต่อไปนี้เจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 91

    เวินเยวี่ยฉีกมุมปากด้วยสีหน้าแข็งทื่อ “พี่เส้าเจ๋อ ท่านกำลังพูดจาเหลวไหลอะไรอยู่น่ะ”ไอ้สารเลว!นึกไม่ถึงว่าจะตัดสินใจไปแล้วจริง ๆ ว่าจะมอบตำแหน่งภรรยารองแก่เวินซื่อ!เขาบ้าไปแล้วหรือ? คราวที่แล้วโดนสั่งสอนไปหนึ่งยกยังไม่พอ?เมื่อก่อนเขาพูดชัดเจนว่าชอบนางคนเดียว จะแต่งงานกับนางคนเดียว!ตอนนี้อยากนั่งเสวยสุขท่ามกลางภรรยาเอกกับอนุภรรยาแล้วหรือ?!“ใช่แล้วลูกแม่ เรื่องนี้จะเอามาพูดสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ ในเมื่อเจ้าต้องการแต่งกับเยวี่ยเอ๋อร์ ก็แต่งกับเวินซื่ออีกไม่ได้ ไม่เช่นนั้นต่อให้แม่เห็นด้วย ท่านลุงของเจ้าก็ไม่เห็นด้วย”เวินหย่าลี่ก้าวไปข้างหน้าเพื่อโน้มน้าวชุยเส้าเจ๋อ ทันทีที่มือได้สัมผัสชุยเส้าเจ๋อ ก็ได้ยินเสียงเขาร้อง ‘ซี้ด’“เดี๋ยวนะ เส้าเจ๋อ ขาเจ้าเป็นอะไรไป? เจ้าถูกใครตีมาหรือ?!”จนกระทั่งในเวลานี้เองเวินหย่าลี่ถึงสังเกตเห็นความผิดปกติในที่สุด เมื่อเห็นลูกชายของนางประคองขาเอาไว้ตลอดเวลา หน้าแดงไปหมด นางก็เริ่มเดินเวียนรอบตัวบุตรชายของนางด้วยความร้อนใจและเป็นห่วงทันที ชุยเส้าเจ๋อผลักนางออกไปอย่างรำคาญใจ “ท่านแม่ ท่านไม่ต้องยุ่ง ท่านออกไปก่อน ขอข้าคุยกับเวินซื่อให้จบก่อน”

บทล่าสุด

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 574

    “ฉางอวิ้น เจ้าต้องเข้าใจถึงความขมขื่นใจของพ่อ”เวินเฉวียนเซิ่งนั่งลงข้างกายเวินฉางอวิ้น พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่“ตอนแรกพ่อแค่อยากให้เด็กคนนั้นมีบ้าน อยากจะชดใช้หนี้ทั้งหมดที่มีต่อสองแม่ลูกเท่านั้นเอง”“แต่ไม่เคยคิดเลยว่า เยวี่ยเอ๋อร์จะบาดหมางกับเจ้าห้ามาจนถึงขั้นนี้ ตอนนี้สุขภาพของพ่อก็ไม่ค่อยดีแล้ว บอกไม่ได้ว่าวันไหนจะลงไปพบกับแม่ของพวกเจ้า ถ้าไม่มีใครมาค้ำจุนครอบครัวนี้ จวนเจิ้นกั๋วกงของเราทั้งหมดช้าเร็วก็ต้องแยกทาง ถึงตอนนั้น เจ้าคิดว่าน้อง ๆ ของเจ้าจะยังมีโอกาสกลับมาหรือไม่?”เดิมทีเวินฉางอวิ้นไม่ต้องการโต้ตอบคำพูดของเวินเฉวียนเซิ่งรู้สึกว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของเขาค่อนข้างน่าขบขันแต่เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย หัวใจของเวินฉางอวิ้นก็เต้นแรงขึ้นมาทันทีหากวันหนึ่งจวนเจิ้นกั๋วกงสลายไป น้องรอง น้องห้า...จะกลับมาได้อีกหรือไม่?ร่างกายของเวินฉางอวิ้นสั่นสะท้านครู่หนึ่งคำตอบที่ชัดเจนผุดขึ้นในหัวใจไม่ได้พวกเขาจะกลับมาไม่ได้อีกแล้วไม่ใช่เพราะชื่อเสียงของจวนเจิ้นกั๋วกง แต่เป็นเพราะไม่มีจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ดังนั้นสายสัมพันธ์สุดท้ายที่เหลืออยู่ระหว่างพี่น้องของพวกเขาก็จะไม่มีอะไรเลยน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 573

    เวินฉางอวิ้นที่รู้แล้วว่าเวินเยวี่ยเป็นใคร ความจริงก็ไม่รู้สึกแปลกใจกับเวินเยวี่ยในมุมนี้เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้นางเผยให้เห็นด้านที่ดูน่าสงสารและอ่อนแอต่อหน้าคนอื่น ด่าทอคนอื่นโดยไม่ยั้งคิดแบบนี้ไม่ได้เห็นบ่อยนักสายตาของเวินฉางอวิ้นเผยความเยาะหยันออกมาดูเหมือนว่านางจะไม่ได้มีความจริงใจต่อเจ้าสามเช่นกันเสียแรงที่เจ้าสามถอนหมั้นกับนังหนูเนี่ยนฉือเพื่อนาง จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตกลับกลอกปลิ้นปล้อนจริง ๆคิด ๆ ดูแล้วก็น่าจะไม่ใช่แค่เจ้าสามเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเจ้าสี่ด้วยเพราะถึงอย่างไรพวกเขาเหล่านี้ก็ขวางทางนางอยู่เวินฉางอวิ้นไตร่ตรองสักครู่ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกห้องในเวลานี้เวินฉางอวิ้นยังนึกว่าเป็นเวินเยวี่ยที่กลับมาเล่นละครอีกครั้ง แต่ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเวินเฉวียนเซิ่งผู้เป็นพ่อของเขา“ฉางอวิ้น พ่อมาเยี่ยมเจ้า”หลายวันมานี้ ที่แวะเวียนมาที่นี่อยู่เป็นครั้งคราวเช่นกันก็มีเวินเฉวียนเซิ่งด้วยเขาแวะมาเยี่ยมลูกชายคนโต และเพื่อเป็นการชดเชยเวินฉางอวิ้นรู้ว่าเขามาที่นี่เพื่ออะไร และไม่ค่อยอยากพบเขาเช่นกันดังนั้นทันทีที่ได้ยินเสียงของเวินเฉวียนเซิ่ง เขาก็หลับตาลงแกล้งทำเป็น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 572

    “หออายุวัฒนะ? นั่นคือที่ใดกัน?”เวินเยวี่ยถามด้วยความงุนงงเวินจื่อเยวี่ยส่ายศีรษะ “ข้าก็ไม่รู้แน่ชัด แต่เพื่อนร่วมสำนักบอกข้าว่า ที่นั่นมียาชนิดหนึ่งที่เรียกว่ายาอายุวัฒนะ สามารถชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืน เปลี่ยนเถ้ากระดูกให้กลายเป็นเลือดเนื้อ วิเศษมาก แต่ก็แพงมากเช่นกัน อยากซื้อก็ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”“พวกเราไปซื้อก็อาจจะซื้อไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”เวินเยวี่ยไม่เห็นด้วยกับคำพูดที่ว่า “ไม่ใช่ซื้อได้ง่าย ๆ”เพราะถึงอย่างไรนางก็คือคุณหนูหกแห่งจวนเจิ้นกั๋วกง และเวินจื่อเยวี่ยก็เป็นคุณชายสามแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงด้วยตัวตนของพวกเขา ในเมืองหลวงแห่งนี้ยังมีอะไรที่พวกเขาหาซื้อไม่ได้อีก?“เห็นว่าเป็นเพราะมียาน้อยมาก และไม่สามารถปล่อยออกมาได้ ดังนั้นไม่ว่าใครที่ไปซื้อก็ต้องรอ ข้าคิดว่าถ้าวิเศษขนาดนั้นจริง ๆ ก็ซื้อสักเม็ดหนึ่งกลับมาให้พี่ใหญ่ลองกิน หากได้ผลจริง ๆ ล้างพิษในร่างกายของพี่ใหญ่ได้ ท่านพ่อก็จะไม่โกรธอีกต่อไปแน่นอน”อันที่จริงพวกเขาสองคนก็ไม่มีทางอื่นแล้วในตอนนี้หายาถอนพิษไม่ได้ดอกไม้พิษก็หาไม่ได้เช่นกันทำได้เพียงรักษาตามมีตามเกิด ซื้อยาอายุวัฒนะนั่นมาให้พี่ใหญ่ลองกินดูเมื่อเวิน

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 571

    แต่ความตื่นเต้นดีใจนี้ดำเนินไปได้ไม่นานครึ่งชั่วยามต่อมา ฤทธิ์ของยาอายุวัฒนะก็สิ้นสุดลงความบ้าคลั่งในดวงตาของอันปี่เค่อหายไปอย่างรวดเร็วเขาเงยหน้าสูดหายใจเข้าลึก ๆ แต่วินาทีต่อมาปิดปากและจมูกด้วยความรังเกียจ“เก็บกวาดทำความสะอาดให้ข้าด้วย!”อันปี่เค่อออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อออกไปทันทีเมื่อเขาออกจากหออายุวัฒนะที่อยู่ชั้นใต้ดิน กลับไปที่ห้องหนังสือสกุลอันอีกครั้งหนึ่ง เขาก็กลับไปนั่งที่ด้านหลังโต๊ะหนังสือทันทีก่อนจะคว้ากระดาษที่เขียนชื่อไว้หลายชื่อแผ่นหนึ่งบนโต๊ะขึ้นมาเขากวาดสายตาผ่านรายชื่อเหล่านั้นอย่างไม่วางตา สุดท้ายก็จับจ้องไปที่ชื่อนั้นที่อยู่ด้านล่างสุด…“เวินซื่อ”“ธิดาศักดิ์สิทธิ์...จะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวจริง หรือว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ตัวปลอม ก็ให้ข้าได้เห็นชัด ๆ สักหน่อยแล้วกัน……จวนเจิ้นกั๋วกงภายในเรือนของเวินฉางอวิ้นหลังจากกินยาต้มบัวหิมะที่เวินซื่อให้มาแล้ว เวินฉางอวิ้นก็ฟื้นขึ้นมาภายในไม่กี่วันจริง ๆเพียงแต่ร่างกายยังอ่อนแอมาก นอกจากลืมตามองไปรอบ ๆ ได้แล้ว เรื่องอื่นเขาก็ยังทำไม่ได้แม้แต่พูดยังพูดไม่ได้เลยทำได้เพียงนอนอย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 570

    หลังจากคนรับใช้ผู้นั้นจากไป อันปี่เค่อก็นั่งลงบนเก้าอี้ไม้โบราณของเขาทันที หลับตาลง มือข้างหนึ่งงอนิ้วชี้แล้วคาะปลายนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะซ้ำๆ ดัง “ต๊อกๆ ”ท่าทางเช่นนั้นดูเหมือนกำลังรอคอยบางสิ่งบางอย่างอยู่ไม่นานนัก หญิงงามนางหนึ่งที่สวมใส่อาภรณ์น้อยชิ้นก็ถือขวดหยกเขียวเดินเข้ามา ร่างกายอ่อนระทวย นั่งลงบนตักของอันปี่เค่อ แล้วเปิดขวดหยกเขียวนั้นให้เขาและเทยาเม็ดสีดำสนิทสามเม็ดออกมาจากข้างในพอยาเม็ดนั้นออกมา กลิ่นหอมประหลาดก็ฟุ้งกระจายไปทั่วห้องหินนี้ คล้ายคลึงกับกลิ่นหอมรัญจวนใจที่อบอวลอยู่ทั่วทั้งหอใต้ดินที่อยู่ด้านนอกอย่างยิ่งแต่หากนำยาเม็ดนั้นมาใกล้จมูกและปาก ก็ยังสามารถค้นพบได้อีกว่า บนยาเม็ดเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่ายังมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ ติดอยู่ด้วยหากเป็นคนปกติท เมื่อได้กลิ่นคาวเลือดบนยาเม็ดเหล่านี้ เกรงว่าจะรีบถอยห่างทันทีแต่เวลานี้ ภายในหออายุวัฒนะใต้ดินของสกุลอัน มีคนอยู่ทุกประเภท เว้นแต่เพียงคนปกติธรรมดาเท่านั้นอย่างเช่นอันปี่เค่อในยามนี้เขาปรือตาขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองหญิงงามที่นั่งอยู่บนตัก แววตานั้นราวกับกำลังพิจารณาว่าอาหารที่จะกินในวันนี้คืออะไรหลังจากมองจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 569

    ทางด้านอารามสุ่ยเยว่เงียบสงบสุขยิ่งนักแต่ทางด้านเมืองหลวงกลับมีคลื่นใต้น้ำก่อตัวอย่างรุนแรงห้องหนังสือสกุลอันอันปี่เค่อหยิบพู่กันขึ้น ตวัดพู่กันขีดเส้นหนักๆ ลงบนรายงานข่าวกรองฉบับหนึ่งที่ลูกน้องนำมาส่งให้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์จากนั้นก็พลันลุกขึ้นเดินไปยังเชิงเทียนไปพลาง ฉีกรายงานข่าวกรองฉบับนั้นเป็นชิ้นๆ ไปพลางสุดท้ายก็อาศัยเปลวไฟจากเชิงเทียนจุดมัน เปลวไฟก็ลุกลามเผากระดาษแผ่นนั้นอย่างรวดเร็ว และลามขึ้นไปด้านบน ลวกนิ้วมือของอันปี่เค่อที่จับมุมกระดาษอยู่เข้าอย่างจังแต่อันปี่เค่อราวกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย ผ่านไปสองวินาที ถึงค่อยโยนกระดาษที่กำลังลุกไหม้ในมือทิ้งลงไปในอ่างถ่านที่มอดดับไปแล้ว“ใครก็ได้”เงาดำร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นด้านหลังของอันปี่เค่อ คุกเข่าลงอย่างนอบน้อม“ลูกสาวผู้แสนดีคนนั้นของข้าตายแล้วหรือยัง?”เงาดำกล่าวอย่างระมัดระวัง “เรียนใต้เท้า คุณหนูรอง...ยังไม่ตายขอรับ”คำว่า “ยังไม่ตาย” ก็หมายความว่าการลงมือของคนเหล่านั้นล้มเหลวแล้วบนใบหน้าที่แก่ชราของอันปี่เค่อ พลันปรากฏรอยยิ้มเสแสร้งออกมา “ไอ้พวกไร้ประโยชน์ และหมากตัวหนึ่งที่ยังพอจะใช้งานได้อยู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 568

    เป่ยเฉินหยวนเห็นสีหน้าของนาง ก็รู้ว่านางเพิ่งจะรู้ตัว ชั่วขณะหนึ่งก็อดขำไม่ได้“หลังจากนี้ไม่ต้องมาที่ภูเขาด้านหลังแล้วก็ได้ อากาศหนาวลมแรง เดี๋ยวจะป่วยเอาได้ง่ายๆ ”เวินซื่อพยักหน้าอย่างกระอักกระอ่วน “ได้”นางก็ลืมเรื่องนี้ไปเหมือนกันนางเงยหน้ามองเป่ยเฉินหยวนด้วยความอึดอัดใจ เอ่ยถามอย่างหยั่งเชิง “หรือว่า ตอนนี้พวกเรากลับไปอีกดี?”เป่ยเฉินหยวนยิ้มพลางเอ่ยขึ้นทันที “ไหนๆ ก็มาแล้ว อีกอย่างวันนี้ข้าก็อยากจะฟังที่นี่จริงๆ ”เหตุผลหลักคือในเรือนยังมีคนอื่นอยู่ เวลานี้ เขาไม่อยากให้คนอื่นมารบกวนเขาและอู๋โยวเป่ยเฉินหยวนหยิบของที่ตนนำมาด้วยออกมา ค้นเอาห่อขนมพุทราอุ่นๆ ออกมาจากข้างในห่อหนึ่ง และเสื้อคลุมลายดอกเหมยตัวใหม่อีกหนึ่งตัวเป่ยเฉินหยวนระงับความคิดที่อยากจะลงมือสวมให้ด้วยตนเอง แล้วยื่นเสื้อคลุมให้เวินซื่อก่อน“สวมเสื้อคลุมเสียเถอะ ตอนนี้ยังพอไหว ไม่ค่อยมีลม แต่ก็ต้องระวังไว้บ้าง”เวินซื่อเหลือบมองเสื้อคลุมตัวหนาที่ยังคงความอบอุ่นนั้น แล้วมองไปที่เป่ยเฉินหยวน สุดท้ายก็รับของขวัญอันใส่ใจชิ้นนี้มาอย่างเงียบๆ“นี่ ขนมพุทราที่ท่านชอบ”เป่ยเฉินหยวนรอจนนางสวมเสื้อคลุมเสร็จ ก็เปิ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 567

    “แล้วแมงมุมพิษนั้นจะส่งผลกระทบต่อท่านหรือไม่?”เป่ยเฉินหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งแรกที่เขาเป็นห่วงคือความปลอดภัยของเวินซื่อเวินซื่อพลันยิ้มออกมา “ไม่เป็นไร ไม่ส่งผลกระทบต่อข้า”“แล้วอาซื่อเจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าแมงมุมพิษของเจ้าอยู่บนตัวของหัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น? หากไม่ใช่หัวหน้าต่างเผ่าผู้นั้น แต่เป็นคนต่างเผ่าคนอื่นเล่า?”หลินเนี่ยนฉือถามเช่นนี้ ไม่ใช่การขัดคำพูดของเวินซื่อเพียงแต่นางกำลังกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างเวินซื่อกับแมงมุมพิษ ตัวอย่างเช่น หากแมงมุมพิษตัวนั้นบาดเจ็บ มันจะส่งผลกระทบต่ออาซื่อหรือไม่ หรือแม้กระทั่งถ้าแมงมุมพิษตัวนั้นตายไป มันจะส่งผลสะท้อนกลับมายังอาซื่อหรือไม่?ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าแมงมุมพิษของอาซื่อเป็นมาอย่างไรกันแน่ แต่พอฟังดูแล้วกลับคล้ายคลึงกับวิชาแมลงกู่ของคนต่างเผ่าเหล่านั้นมากดังนั้น หลังจากที่เป่ยเฉินหยวนและหลินเนี่ยนฉือฟังคำพูดของเวินซื่อจบแล้ว สิ่งแรกที่ทั้งสองกังวลก็คือตัวเวินซื่อเวินซื่อเห็นสีหน้าของทั้งสองคนก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจบางอย่างขึ้นมาในใจของนางรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “พวกท่านวางใจเถิด ข้าไม่เป็นอ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 566

    หลินเนี่ยนฉือที่นั่งมองทั้งสองคนอยู่ในเรือนเล็กๆ ตั้งแต่เมื่อครู่ มุมปากกระตุกเล็กน้อย“พอแล้วอาซื่อ อย่างไรเสียเขาก็เป็นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน เจ้าช่างใจกล้าเกินไปแล้ว”ถึงกับกล้าตำหนิท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้มีอำนาจสูงสุดในราชสำนักรองจากฮ่องเต้ แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็นเทพสงครามต่อหน้าเช่นนี้ จนเขาแทบเงยหน้าไม่ขึ้นหลินเนี่ยนฉือกลัวว่าเวินซื่อจะยั่วโมโหอีกฝ่ายเข้าจริงๆ นางจึงรีบยื่นมือออกไป ดึงตัวคนกลับมาแต่ไม่รู้ว่าเป็นความเข้าใจผิดของนางหรือไม่ ในขณะที่นางจับมือเล็กๆ ของอาซื่อไว้ สายตาของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่อยู่ตรงข้ามกลับดูน่ากลัวขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งยังทิ่มแทงอีกทำเอาหลินเนี่ยนฉือไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก“ไม่เป็นไรๆ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้น”เวินซื่อยังไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลินเนี่ยนฉือ ก็ยกมือขึ้นตบไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆเป่ยเฉินหยวนเอ่ยขึ้นในตอนนี้ “อู๋โยวพูดถูก ข้าไม่ใช่คนใจแคบจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น อู๋โยวก็ยังเป็นสหายของข้า สหายของนาง ย่อมเป็นสหายของข้าเช่นกัน”มุมปากของหลินเนี่ยนฉือกระตุกอีกครั้งหากไม่ใช่เพราะได้ยินสรรพนาม

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status