LOGINเชฟสาวทะลุมิติ พบปมทวงหนี้ที่ต้องแลกด้วยชีวิตลูก! มี่มี่ เชฟสาวผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร ตื่นขึ้นมาในร่างของ หลินหว่านเอ๋อร์ แม่ม่ายลูกติดที่ยากจนข้นแค้นและกำลังถูกญาติชั่ว หลินจางซื่อ บีบให้ใช้หนี้ก้อนโต สิบพวงโดยมีเดิมพันคือต้องยก อาเป่า และ อาเหมย ลูกๆ ทั้งสองไปเป็นทาสรับใช้ หว่านเอ๋อร์ปฏิเสธที่จะยอมแพ้ เธอท้าเดิมพันครั้งใหญ่: ขอเวลาเพียงวันเดียว เพื่อหาเงินมาใช้หนี้ทั้งหมด! อาวุธเดียวของเธอคือ "ซาลาเปานมสวรรค์" รูปสัตว์แสนน่ารัก ที่รสชาติอร่อยล้ำจนสร้างปรากฏการณ์ในตลาด ขณะที่การค้าขายกำลังพุ่งสูง นางได้พบกับ มู่ ฉางเฟิง บุรุษผู้สง่างามที่ปลอมตัวเป็นพ่อค้า แต่แท้จริงคือท่านอ๋องผู้มีอำนาจในการสืบคดีทุจริต! ฉางเฟิงถูกดึงดูดด้วยอาหารที่แปลกใหม่และจิตใจที่ไม่ยอมแพ้ของนางเอก เขาเริ่มให้ความช่วยเหลือทางการค้าเพื่อสืบข้อมูลและเพื่อเข้าใกล้หัวใจของแม่ม่ายลูกติดผู้นี้อย่างลับ ๆ ติดตามเรื่องราวของเรือนครัวสองหนาน กับภารกิจใช้หนี้ที่เดิมพันด้วยครอบครัว และความรักที่เบ่งบานระหว่างเชฟสาวกับขุนนางพยัคฆ์ซ่อนเล็บ!
View Moreอารัมภบท
โลกนี้มีคำกล่าวว่า “ความโง่เขลาอาจนำมาซึ่งความตาย”
สำหรับ มี่มี่ เชฟสาวผู้โด่งดังจากโลกยุค 2000 คำกล่าวนี้ควรเปลี่ยนเป็น “ความซุ่มซ่ามอาจนำมาซึ่งการทะลุมิติ” เสียมากกว่า
ชีวิตของเชฟสาวผู้รักอิสระและมีความสุขกับการสร้างสรรค์เมนูใหม่ๆ จบลงอย่างน่าอนาถด้วยการลื่นล้ม
ใช่!!! ลื่นล้มในครัวของตัวเองขณะที่กำลังถ่ายทำวิดีโอ “สูตรซุปฟักทองฉบับมี่มี่”
วินาทีที่ศีรษะกระแทกพื้น มี่มี่คิดในใจเพียงแค่ว่า “ตายจริง!!! นี่ฉันยังไม่ได้ใส่ชีสเลยนะเนี่ย”
...แต่แล้วดวงตาก็ลืมขึ้นอีกครั้ง...
แทนที่จะเป็นห้องฉุกเฉินที่มีกลิ่นแอลกอฮอล์ เธอกลับพบตัวเองนอนอยู่บนเตียงไม้กระดานแข็งๆ ในกระท่อมเก่าโทรมๆ ที่มีกลิ่นอับชื้นผสมกลิ่นควันไฟ
เสียงแรกที่เธอได้ยินไม่ใช่เสียงหมอ แต่เป็นเสียงกระซิบที่เต็มไปด้วยความหิวโหยและความหวาดระแวง
“ท่านแม่ ท่านแม่ลุกขึ้นมาแล้ว พวกเราต้องหิวอีกนานเท่าไหร่” นั่นคือเสียงของอาเป่าเด็กชายวัยเจ็ดขวบ
“แม่ หิว อยากกินไก่ตุ๋น” นั่นคือเสียงของอาเหมยเด็กหญิงวัยสี่ขวบ
มี่มี่หรือตอนนี้คือ หลินหว่านเอ๋อร์ แม่ม่ายผู้แสนอาภัพในยุคโบราณ ต้องรับมือกับความจริงอันน่าตกตะลึง มี่มี่ทะลุมิติมาอยู่ในร่างของแม่ม่ายลูกติดที่เพิ่งฆ่าตัวตายหนีหนี้และความลำบาก นางคือคนยากจนที่สุดในหมู่บ้านและมีญาติชั่วจ้องจะฮุบที่ดินเล็กๆ ของนาง นางไม่มีเงินอีกสักอีแปะ แต่มีปากเล็กๆ สองปากที่จ้องมองเธอด้วยความหวังและความหิวโหย
หลินหว่านเอ๋อร์ ลูบหน้าตัวเองแล้วถอนหายใจยาวเหยียด
“เอาเถอะ ซุปฟักทองน่ะมันเรื่องเล็ก แต่การทำอาหารเลี้ยงลูกสองคนในสภาพนี้ นี่สิคือภารกิจระดับเชฟมิชลิน”
มือที่เคยจับมีดทำครัวราคาแพง ตอนนี้ต้องมาจับตะหลิวสนิมๆ แต่ความมุ่งมั่นในฐานะเชฟและหัวใจของความเป็นแม่ที่ถูกปลุกขึ้นมา ทำให้ดวงตาของนางเป็นประกาย
นางจะใช้สูตรอาหารลับเฉพาะจากโลกอนาคต พลิกชะตาจากหญิงม่ายผู้ยากจน ให้กลายเป็นเจ้าของเรือนครัวสองหนานที่อบอุ่นและร่ำรวยที่สุดในแคว้นนี้ให้ได้
ตอนที่10ราตรีกาลอันตราย (2) นักเลงเสี่ยวซ่านกำลังก้มดูรองเท้าที่เปื้อนขี้หมาอย่างรังเกียจ ขณะที่ไอ้หู่กำลังจะเริ่มปฏิบัติการงัดประตู ฉัวะ!!! เงามืดที่ว่องไวดุจสายฟ้าก็พุ่งลงมา จงซิ่นเคลื่อนไหวราวกับนักล่าผู้สง่างาม คราวนี้เขาใช้เทคนิคที่เน้นความเฉียบขาดเพื่อปิดปากพวกมันทันที ตูม!!! จงซิ่นใช้สันมือที่แข็งแกร่ง กระแทกเข้ามาที่จุดรวมเส้นประสามบริเวณคอของนักเลงไอ้หู่ที่กำลังยื่นมือไปเกาคอตัวเองอย่างแม่นยำ ร่างของมันล้มพับลงไปกองกับพื้นโดยไม่มีแม้แต่เสียงร้องด้วยความเจ็บปวด จงซิ่นหมุนตัวอย่างรวดเร็ว นักเลงเสี่ยวซ่านกำลังจะร้องโวยวายด้วยความตกใจ “แกเป็นใครวะ” ผัวะ!!! จงซิ่นใช้ฝ่ามือกระแทกที่กระพุ้งแก้มของมันอย่างรุนแรงแต่รวดเร็ว ทำให้เสี่ยวซ่านลิ้นพันกันและไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้ จากนั้นจึงใช้เท้าเกี่ยวขาให้ล้มลง โดยจงใจให้เท้าเปื้อนขี้หมาเหยียบใบหน้าของไอ้หู่ที่สลบไปแล้ว ก่อนจะใช้ฝ่ามือกระแทกที่ท้ายทอย มันไม่ได้ตั้งตัว ก็แน่นิ่งไปในทันที ทุกอย่างเกิดขึ้นในเสี้ยววินาที จงซิ่นจัดการมัดร่างนักเลงทั้งสองไว้กับลำต้นหลิวอย่างร
ตอนที่10ราตรีกาลอันตราย ยามราตรีคืนที่หนาวเหน็บ จงซิ่นในชุดสีเข้มยังคงซุ่มอยู่ในพุ่มไม้หนาข้างกระท่อมของแม่ม่ายหลินหว่านเอ๋อร์ เขาสัมผัสได้ถึงความหนาวที่เริ่มกัดกินเข้าไปในกระดูก แต่ก็ยังต้องสงบนิ่งตามวิสัยขององครักษ์มืออาชีพ ส่วนท่านอ๋องมู่ฉางเฟิงนั้น ยังคงยืนพิงอยู่ใต้ต้นหลิวอย่างสง่างาม ทั้งที่จริงๆ แล้วทรงหนาวจนไหล่กระตุกเล็กน้อย “ท่านอ๋อง” จงซิ่นกระซิบเตือนด้วยความหวังดี แต่แฝงด้วยความเหนื่อยใจ “ทรงสวมชุดบางเกินไปหรือเปล่าพะย่ะค่ะ” มู่ฉางเฟิงไม่หันมามอง พระองค์ยังคงจ้องไปยังกระท่อมที่แสงไฟดับลงแล้ว ด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความลึกลับ “ความหนาวเพียงเท่านี้ มีหรือจะทำอะไรข้าได้จงซิ่น” มู่ฉางเฟิงกล่าวเสียงเรียบ “เจ้าควรใช้สมาธิเฝ้าระวังมากกว่าจะมาห่วงเรื่องความสบายของข้า” “ความสบายของท่านอย่างนั้นหรือท่านอ๋อง ท่านหนาวจนปากสั่นแล้วพะย่ะค่ะ” จงซิ่นคิดในใจอย่างอดไม่ได้ แต่ก็ทำได้เพียงถอนหายใจเงียบๆ “ว่าแต่...” มู่ฉางเฟิงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้เสียงกระซิบของพระองค์ดูเหมือนจะแฝงไปด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย “ข้าวห่อที่ข้าสั่ง
ตอนที่9หมูตุ๋นตงพออาเป่าและอาเหมย นั่งมองหม้อตุ๋นด้วยสายตาไม่กระพริบ กลิ่นหอมที่อบอวลไปทั่วกระท่อมเก่าๆ ช่างแตกต่างจากกลิ่นเหม็นอับที่คุ้นเคย “ท่านแม่ กลิ่นหอมจนข้าท้องร้องทนไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ” อาเหมยกล่าวด้วยความตื่นเต้นเพราะนางไม่เคยได้กลิ่นอาหารที่หอมอย่างนี้ภายในกระท่อมน้อยๆ หลังนี้ “นี่คือหมูตุ๋นตงพอนะลูก ถ้าลูกได้ลิ้มรสของมัน ลูกต้องยิ้มไม่หุบเป็นแน่” หลินหว่านเอ๋อร์กล่าวพร้อมรอยยิ้มให้กับลูกสาว “เป็นเมนูที่ต้องใช้ความพยายาม แต่ก็เป็นรางวัลสำหรับเด็กดีอย่างพวกเจ้า” เนื้อหมูตุ๋นได้ที่ หลินหว่านเอ๋อร์ตักหมูที่ดูน่ารับประทานวางลงบนชามข้าวของลูกๆ โดยมีน้ำซอสสีเข้มเคลือบเงาเนื้อหมูอยู่ อาเป่าใช้ช้อนตักเนื้อหมูสามชั้นที่นุ่มราวกับวุ้นเข้าปากช้าๆ ทันทีที่เนื้อหมูแตะลิ้น ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจและดีใจ รสชาติหวานนำเค็มตาม เนื้อหมูที่ละลายในปากนั้นเต็มไปด้วยรสชาติที่ล้ำลึกและอบอุ่น “อร่อย อร่อยมากเลยท่านแม่” อาเป่ากล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ น้ำตาคลอด้วยความดีใจเพราะไม่ได้กินอะไรอร่อยๆ อย่างนี้มานานแล้วตั้งแต่พ่อทิ้งไป “แม่
ตอนที่9หมูตุ๋นตงพอ “ท่านอ๋อง กระหม่อมคิดว่าจางซื่อมีความริษยาอย่างที่สุดและคำพูดสุดท้ายของนางดูไม่ปลอยภัยกับหว่านเอ๋อร์พะย่ะค่ะ” “มู่ฉางเฟิงไม่ได้ตอบทันที เขายังคงจ้องมองไปยังประตูที่ปิดลงของกระท่อมนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาคมกริบของเขาสะท้อนภาพความอบอุ่นที่ซ่อนอยู่ภายใน “นางกล้าหาญมากและฉลาด” มู่ฉางเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและเปี่ยมด้วยความพอใจ จงซิ่นเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวัง “แต่ด้วยสายตาที่นางมองแม่นางหลินก่อนจากไป ข้าเกรงว่าเรื่องคงไม่จบง่ายๆ พะย่ะค่ะ” มู่ฉางเฟิงก้าวเท้าออกมาจากใต้ต้นหลิวอย่างเชื่องช้า “นั่นเป็นสิ่งที่ข้าคาดคิดไว้อยู่แล้ว” ท่านอ๋องกล่าว “จงซิ่นเจ้าสั่งการให้คนของเรา จับตาดูแม่นางหลินและลูกของนางไว้ตลอดเวลา อย่าให้นางรู้ตัว แต่ถ้ามีอันตรายใดๆ เข้าใกล้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงิน หรือเรื่องชีวิตของนางและบุตรเจ้าต้องจัดการโดยทันที ห้ามให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายนาง” “รับบัญชาพะย่ะค่ะ” จงซิ่นตอบรับคำสั่งอย่างหนักแน่น ทั้งสองเดินจากไปอย่างรวดเร็ว โดยมีความสนใจทั้งหมดของท่านอ๋องมุ่งเป้าไปที่สตรีม่ายลูกติ





