로그인กชกรเดินเท้าไปตามฟุตปาธอีกไม่ถึงร้อยเมตรก็จะถึงร้านขายก๋วยจั๊บและข้าวต้มที่เธอเคยกินเป็นประจำ
“กำไลแขนไหมจ๊ะหนู” เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นอยู่ริมฟุตปาธฝั่งขวามือที่เธอกำลังจะเดินผ่าน ด้วยความที่ชอบเรื่องเย็บปักถักร้อยอยู่แล้วกชกรจึงชะลอการเดินและหยุดยืนอยู่ตรงหน้ายายแก่คนหนึ่งที่กำลังนั่งขายของอยู่ เธอสวมงอบปิดบังใบหน้า ยายใช้ไม้คานหาบสิ่งที่ชาวบ้านเรียกว่า ‘กะยัง’ มาสองใบ ข้างหนึ่งเป็นเครื่องประดับจำพวกสร้อยข้อมือ กำไล แหวน ต่างหู อีกข้างเป็นพวกยาสมุนไพรและน้ำตาลอ้อย
กชกรก้มหยิบสร้อยข้อมือยืดหยุ่นที่ร้อยด้วยลูกปัดสีแดงเส้นหนึ่งขึ้นมา ตรงกลางเป็นหยกกระต่ายสีขาว มันดูสวยงามมากทั้งที่ราคาน่าจะไม่เกินหลักร้อย
กชกรโน้มตัวลงไปเพื่อถามราคาคนที่นั่งอยู่บนพื้น เธอมองเห็นใบหน้าของยายไม่ชัดนัก เพียงเสี้ยววินาทีเธอเห็นเหมือนปานดำรูปหัวใจที่กระดูกไหปลาร้าของยายเพราะยายสวมเสื้อคอกระเช้าด้านในส่วนตัวนอกเป็นเสื้อเชิ้ตแขนยาว “เส้นนี้ราคาเท่าไรคะยาย”
ยายคนนั้นไม่ตอบแต่กลับยื่นมือมาจับมือเธอแล้วคลี่ฝ่ามือเธอออก หญิงชราถือวิสาสะดูลายมือให้เธอ กชกรได้แต่มองแบบงง ๆ หญิงชราเงยหน้าขึ้นสบตากับเกสรแวบเดียว “ถึงเวลาที่หนูจะต้องกลับไปแก้ไขชะตาในอดีตแล้ว” พูดแค่นั้นหญิงชราก็ปล่อยมือเธอให้เป็นอิสระ
“แก้ไขชะตาอะไรหรือคะยาย” กชกรทำหน้าฉงน ยืดตัวยืนขึ้นเต็มความสูง คนเราสามารถกลับไปแก้ไขอดีตของตัวเองได้ด้วยหรือ ถ้าเป็นเช่นนั้นคนอื่นเขาก็คงทำกันทั้งบ้านทั้งเมืองแล้วสิ
“ชะตาเหมือนเรื่องที่หนูฝันถึงเมื่อคืน” ยายพูดขึ้นอีก
กชกรอึ้งไปกับคำบอกเล่าของหญิงชราตรงหน้า “ยายรู้ได้ยังไงคะ” เธอยังไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังสักคน แม้แต่คนในครอบครัว
“ฮ่า ๆ สามีหนูเขากำลังเรียกร้องให้หนูกลับไปหาเขา เขากำลังเดือดร้อนอย่างหนัก ถ้าหนูยังอยู่ที่นี่ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหนหนูก็จะหาสามีไม่ได้เลย”
“ทำไมล่ะคะ” เธอมั่นใจว่าเธอเป็นคนเก่งและสวยมากทำไมเธอจะหาคู่ไม่ได้
“เพราะมันเป็นกรรมที่หนูเคยทำไว้กับสามีแต่ปางก่อน”
“หนูทำอะไรไว้หรือคะยาย” ทำไมยายคนนี้ถึงได้กุเรื่องขึ้นมาหลอกเธอเป็นตุเป็นตะไปได้
“นอกกายนอกใจสามี”
“นอกกายนอกใจสามีอย่างนั้นเหรอ?” กชกรยืนนิ่งงันอยู่เกือบนาที เธอยังไม่เข้าใจในสิ่งที่ยายพูด ช่างเถอะยายอาจจะพูดไปเรื่อยเพราะอายุแกก็น่าจะเจ็ดสิบแปดสิบปีแล้ว
ยายคนนั้นยื่นบางอย่างให้เธอมันเหมือนกับยาลูกกลอนเม็ดสีดำ “สิ่งนี้คืนนี้ก่อนนอนให้หนูอมไว้ใต้ลิ้น เมื่อกลับไปอยู่ภูมิเดิมแล้วหนูจะปลอดภัย เมื่อนั้นจึงคายออกและพกมันติดตัวไว้ ส่วนสร้อยข้อมือนั่นก่อนนอนก็ค่อยสวมมัน”
กชกรรับยานั้นมาเพ่งพินิจดูอยู่เกือบนาทีก่อนจะเอ่ยถาม “แล้วทั้งหมดนี้ยายคิดราคาเท่า…” เมื่อกชกรหันมาอีกครั้งยายก็ไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว เธอรีบเดินไปดูที่หัวมุมตรงทางแยกแต่ก็ตามไม่ทัน “หายไปไหน ทำไมเดินเร็วจัง” กชกรยืนบ่นคนเดียว เอาไว้ถ้ามากินอาหารร้านนี้อีกแล้วค่อยเอาเงินให้แกก็แล้วกัน แต่เธอมากินข้าวต้มร้านนี้ตั้งแต่เรียนมัธยมจนตอนนี้อายุยี่สิบห้าปีแล้วยังไม่เคยเห็นยายคนนี้เลยสักครั้ง แอบสงสัยกับคำบอกเล่าของยายเหมือนกันว่าทำไมทั้งยาลูกกลอนและสร้อยข้อมือจะต้องกำหนดเวลาด้วย
กชกรเก็บสร้อยข้อมือไว้ในกระเป๋า เผื่อว่ามันจะเป็นเครื่องรางของขลัง วันนี้เธออาจจะโชคดีได้เรียกสัมภาษณ์งานทันทีก็เป็นได้
รับประทานก๋วยจั๊บญวนจนอิ่มกชกรจึงเดินเข้าไปในโรงพยาบาล
สามชั่วโมงผ่านไปกชกรเดินออกมาจากโรงพยาบาลด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เธอสอบสัมภาษณ์ผ่านแล้วจริง ๆ เป็นเรื่องเหลือเชื่ออย่างยิ่งที่จะมีใครสัมภาษณ์ผ่านแค่ครั้งเดียวเหมือนกับเธอ และสัปดาห์หน้าเธอจะได้เริ่มงานในตำแหน่งเภสัชกรสมใจ
เธอหยิบสร้อยข้อมือจากกระเป๋าขึ้นมาดูอีกครั้ง มันเป็นสิ่งนำโชคจริง ๆ หากเจอยายอีกครั้งเธอจะซื้อไปฝากพี่ชายด้วย
ก่อนนอนคืนนั้นกชกรหยิบสร้อยข้อมือขึ้นมาสวมที่ข้อมือข้างซ้าย สีแดงของลูกปัดขับสีผิวของเธอให้ขาวผ่องมากขึ้น หยิบยาลูกกลอนเม็ดนั้นขึ้นมาดูอย่างลังเล ใจหนึ่งก็กลัวว่าสิ่งนี้จะเป็นยาพิษ อีกใจก็อยากลอง อยากรู้ว่ายายพูดเพ้อเจ้อหรือไม่
แต่เมื่อหวนนึกถึงคำพูดของยายที่ว่า
‘ฮ่า ๆ สามีหนูเขากำลังเรียกร้องให้หนูกลับไปหาเขา เขากำลังเดือดร้อนอย่างหนัก ถ้าหนูยังอยู่ที่นี่ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหนหนูก็จะหาสามีไม่ได้เลย’
‘เพราะมันเป็นกรรมที่หนูเคยนอกกายนอกใจสามีแต่ปางก่อน’
และก็ยาลูกกลอนเม็ดนี้
‘สิ่งนี้คืนนี้ก่อนนอนให้หนูอมไว้ใต้ลิ้น เมื่อกลับไปอยู่ภูมิเดิมแล้วหนูจะปลอดภัย เมื่อนั้นจึงคายออกและพกติดตัวไว้ ส่วนสร้อยข้อมือนั่นก่อนนอนก็ค่อยสวมมัน’
เธออยากพิสูจน์หาความจริงว่าทำไมเธอต้องปลอดภัย มีใครจะมาทำร้ายเธออย่างนั้นเหรอ
นิ้วเรียวยาวหยิบยาลูกกลอนเม็ดนั้นส่งเข้าปากแล้วซ่อนไว้ใต้ลิ้นตามคำบอกของยาย เหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างชักนำให้เธอทำสิ่งนี้ จากนั้นกชกรก็หลับไหลไปอย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถือว่าเธอได้เลือกแล้ว
เดือนต่อมาเล่ก็เริ่มปลูกเรือนให้ลูกชายคนโต เพราะว่างจากไร่นาทั้งหมดแล้ว เกสรทำอาหารเพื่อจะห่อให้สามีเข้าไปทำบ้านใหม่ในหมู่บ้าน ตอนเย็นค่อยกลับมานอนนา วันนี้เกสรต้องรับหน้าที่เลี้ยงควายคนเดียวเพราะลูกทั้งสองต้องไปโรงเรียนด้วย“แม่ทำอะไรกินเหรอคะ”“แกงปลาช่อนใส่ผักติ้วจ้ะ” เมื่อวานดำไปทอดแหได้ปลามามาก ตัวที่ยังไม่ตายเธอก็ขังไว้ทำกินหลายวัน ต้นผักติ้วข้างเถียงนาก็กำลังผลิยอดและออกดอกเต็มต้น ทั้งต้มซุบทั้งแกงใส่ปลาก็ยังไม่หมด เพราะช่วงนี้ผักติ้วมีมาก ไม่ต้องซื้อหากันเหมือนในยุคปัจจุบันที่เธอจากมา“น่ากินจังเลยค่ะ ปลาช่อนตัวใหญ่มาก หนูขอกินแก้มมันนะคะแม่” เด็กสาวบอกแม่ แก้มปลาเป็นส่วนที่เดือนชอบกินมากที่สุด“จ้ะ ไปล้างมือรอเลย แม่ทำเสร็จแล้ว”“ค่ะ” เดือนรับคำอย่างกระตือรือร้น แล้วรีบเดินเร็วไปล้างมือตามคำแม่บอก ดินผูกควายช่วยพ่อเสร็จก็เดินกลับมาล้างมือเช่นกันกินข้าวเสร็จสามพ่อลูกก็เตรียมตัวเดินทาง ลูกทั้งสองไม่ได้ห่อข้าว เพราะต้องกลับไปกินข้าวที่บ้านปู่กับย่า เพราะแม่เตรียมให้พ่อเรียบร้อยแล้วก่อนไปดำเดินเข้ามาจูบหน้าผากเมียด้วยความรัก “อย่าโหมงานมากนัก” ตอนนี้เธอทอเสื่อขายด้วย เขากลัวว่
เช้าวันต่อมาทุกคนนั่งรับประทานอาหารร่วมกันที่บ้านพักของปรีดา“พี่ดำมาที่นี่ได้ยังไงคะ”“นั่งรถไฟมา ได้ตั๋วยืนด้วย ยืนหลับมาทั้งคืน” เข้ากรุงเทพฯ ครั้งแรกก็แสนทรหดแล้ว“ทำไมไม่รออยู่ที่บ้านคะ” “ก็พี่เป็นห่วงเอ็ง ทำไมไม่บอกพี่ว่าเรื่องทุกอย่างมันเป็นยังไง ปล่อยให้พี่เข้าใจผิดอยู่ได้” น้ำเสียงงอแงเชิงตำหนิอยู่ในที“ทีแรกฉันก็ไม่อยากจะรื้อฟื้นหรอกค่ะ แต่เขาไม่อยากจบเอง ฉันก็ต้องทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง” ไม่ใช่ว่าเธอไม่ผิดเลยที่หนีมาอยู่กับเขา แต่เขาบิดเบือนการตายของเธอและยังไม่อยากจบง่าย ๆ เธอก็ต้องตามเขามาเพื่อสืบหาความจริง“คนมันร้อนตัวมันจะอยู่เฉยได้ยังไงล่ะเกสร” กุหลาบออกความเห็น“ใช่ มันคงกลัวว่าเกสรจะตามมาฆ่ามันคืนน่ะสิ” ปรีดาเสริมขึ้นอีก “แต่ฉันก็ผิดด้วยแหละค่ะ ที่หนีมากับเขาตั้งแต่แรก เรื่องมันถึงได้เป็นอย่างนี้” ไม่คิดเลยว่าเธอคนเดิมในอดีตจะเห็นผิดเป็นชอบได้ขนาดนี้ “ต่อไปนี้เกสรคงไม่ทำให้เพื่อนพี่อกหักอีกแล้วใช่ไหม” ปรีดาเลิกคิ้วถาม เกสรหันไปมองหน้าสามีแล้วยิ้มหวานให้เขา “ไม่ค่ะ ฉันไม่มีวันทำอย่างนั้นอีกอย่างแน่นอน” กุหลาบแอบอมย
เกสรเปิดประตูออกมาถึงกับผวา เธอจำกลอยใจแทบไม่ได้ ใบหน้าบวมเป่งและเขียวช้ำจนตาแทบปิด“เกสรช่วยฉันด้วย” กลอยใจพูดด้วยท่าทางลำบาก“ใครทำอะไรเธอ” เกสรเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง“พี่ชาย เขาบอกว่าจะเลิกกับฉันเพราะจะเอาเธอมาอยู่ด้วย ถ้าฉันไม่เลิกกับเขาเขาจะฆ่าฉัน เมื่อคืนเขาตบตีฉันแทบตาย ฮือ ๆ” กลอยใจบีบน้ำตาเหมือนสั่งมันได้ไอ้ชาติชั่ว! เกสรสบถในใจ เขาตบตีกลอยใจเหมือนกับที่ตบตีเธอ“แล้วฉันจะช่วยเธอได้ยังไง” เกสรยังไม่วางใจนัก แต่ก็รู้สึกสงสารกลอยใจ กลอยใจอาจจะเป็นเหมือนเธอตอนนั้นก็ได้ ที่สมชายขอเลิกแล้วเธอไม่ยอมและยังยื้อที่จะแย่งเขากลับมา สุดท้ายก็ต้องกลายเป็นศพ ถ้าครั้งนี้กลอยใจไม่ยอมก็อาจจะมีชะตากรรมเหมือนกับเธอ“เธอช่วยไปส่งฉันหน่อยได้ไหม ฉันไม่มีเงินสักบาท ฉันหนีเขามา และฉันก็กลัวว่าเขาจะตามฉันมาด้วย ถ้าเขารู้ว่าฉันมาหาเธอที่นี่เขาต้องฆ่าฉันแน่”“ได้ เธอจะให้ฉันไปส่งที่ไหน”กลอยใจบอกสถานที่ที่จะให้เกสรไปส่งสุดท้ายความมีน้ำใจก็มากกว่าความกลัว เกสรบอกกลอยใจออกไป “ไปรอฉันข้างนอกนะ ฉันขอเปลี่ยนชุดแป๊บเดียว” แต่เธอจะไม่ประมาทเด็ดขาด“ได้จ้ะ”เกสรเขียนสถานที่ลงในกระดาษแล้วเดินออกทางหลังห
กลอยใจกลับมาที่บ้านพักตำรวจ เมื่อเห็นสมชายนอนเอกเขนกอยู่ที่โซฟาเธอก็ทำหน้าประหลาดใจ “ทำไมกลับมาเร็วจังเลยคะ” สมชายไม่ตอบแต่เลือกที่จะพูดอีกอย่างที่สำคัญมากกว่า “เธอรู้ไหมว่าเกสรมันยังไม่ตาย” “ฮะ! พี่พูดบ้าอะไร ก็หมอยืนยันว่ามันตายแล้ว ใคร ๆ ก็เห็น” กลอยใจโวยวายเสียงดังรู้สึกใจหายวาบเมื่อได้ยินประโยคนั้น เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะมาล้อกันเล่น สมชายหันไปมองกลอยใจตาเขียว “เบา ๆ อยากให้คนอื่นมาได้ยินหรือไง ก็ฉันเป็นคนพามันมาที่นี่เอง มันยังไม่ตาย และเราต้องรีบทำให้มันตายเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นเรานี่แหละจะตายก่อนมัน” สมชายพูดอย่างหัวเสีย นั่งคิดนอนคิดจนปวดหัวว่าจะกำจัดมันอย่างไรดี ไม่รู้ว่าวิธีที่เขาทำไปวันนี้จะได้ผลหรือไม่ กลอยใจอึ้งไปพักใหญ่ เป็นไปได้อย่างไรวันนั้นเธอเป็นคนเตรียมยาพิษใส่น้ำดื่มเองกับมือ “แต่ไม่เป็นไร ฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว ไม่เกินเย็นนี้ฉันก็จะได้ฟังข่าวดีจากไอ้ปรีดา ฮ่า ๆ ๆ” เขาหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ แค่เกสรยอมกลับมากับเขาคราวนี้ก็ถือว่าเขามีชัยแล้ว “แล้วตอนนี้มันอยู่ไหน” “
“ให้เกสรไปเถอะ แฟนฉันจะได้มีเพื่อน” ปรีดาพูดออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ กุหลาบชำเลืองมองปรีดาเมื่อได้ยินคำว่าแฟนจากปากเขา เขายิ้มจาง ๆ และยักคิ้วให้เธอหนึ่งที “เออ ๆ อย่างนั้นก็ได้” สมชายมีสีหน้าเซ็งนิด ๆ เช่นนั้นแล้วงานของเขาก็ยากขึ้นไปอีก แต่ก็ดีเหมือนกันถ้ากลอยใจกลับมาเขาจะได้ไม่ต้องอธิบายให้มากความ ทั้งสามแอบส่งยิ้มให้กัน เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผน “อย่างนั้นรอฉันแป๊บนึง ฉันขึ้นไปเอายาดมแก้เวียนหัวมาให้เกสรก่อน” “ได้” สมชายเดินลับสายตาไปแล้วกุหลาบเดินเข้ามาจับมือเพื่อนแล้วบีบเบา ๆ “ดีใจที่เธอไม่เป็นอะไร” “ขอบใจมากนะที่เธอกับพี่ปรีดามาทันเวลาพอดี” “แท็กซี่เหยียบคันเร่งจนหัวเหอฉันฟูไปหมด” กุหลาบพูดติดตลก เพราะแท็กซี่วิ่งเปิดกระจกข้างมา เพิ่งรู้ว่าเมืองหลวงมันเจริญเช่นนี้ ถึงบางพื้นที่จะมีทุ่งนาคล้ายกับบ้านนอกก็ตาม กุหลาบก็เผลอมองจนหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง “ฮ่า ๆ ฟูจริง” เกสรหัวเราะชอบใจ กุหลาบได้แต่มองค้อนเพื่อน ปรีดายืนขำน้อย ๆ ถึงแม้กุหลาบจะหัวฟู หน้าไม่ได้ล้าง ฟันไม่ได้แปรง แต่เธอก
สมชายขับรถมาจอดที่ห้องพักตำรวจ เขาเหลือบมองนาฬิกาตอนนี้เวลาเก้าโมงตรง เกสรค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้น ตอนนี้เธอรู้สึกเวียนหัวจนแทบอยากจะอาเจียน ทั้งที่เธอกินยาแก้เมารถไปแล้วแต่สมชายก็ขับรถน่าเวียนหัวเหลือเกิน เหมือนเขาจงใจให้เธอมีอาการเป็นแบบนี้ เกสรมองบ้านพักตำรวจที่เป็นบ้านไม้ทั้งหลังตรงหน้าด้วยความลังเล เธอคิดถูกแล้วใช่ไหมที่กลับมาที่นี่อีกครั้ง ผู้หญิงคนนั้นคงกลับบ้านในช่วงวันหยุดสินะ เขาถึงพาเธอมาที่นี่ได้ อย่างไรเธอจะต้องมีชีวิตกลับไปหาลูกและสามีของเธอให้ได้ สมชายเปิดประตูให้เกสรเดินลงจากรถ เธอเซเล็กน้อย สมชายจึงเข้าไปประคอง “เมารถเหรอ” สมชายถามทั้งที่รู้ดีอยู่แก่ใจ และมันก็เป็นไปตามสิ่งที่เขาอยากให้เป็น “ค่ะ” เกสรแกะมือเขาออกอย่างรวดเร็วและเบี่ยงกายหนีห่าง แม้แต่ปลายขนเธอก็ไม่อยากให้เขาเข้าใกล้ ในอดีตเกสรอาจจะหลงใหลได้ปลื้มผู้ชายคนนี้ แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่เกสรคนเดิมอีกต่อไปแล้ว สมชายถึงกับเลิกคิ้ว ทำไมเกสรต้องทำตัวเหมือนรังเกียจเขาด้วย ปกติจะทำตัวออเซาะฉอเลาะกับเขาเสมอ “กินอะไรร้อน ๆ ก่อนไหมค่อยขึ้นไปนอนพัก พี่ไม่







