Masuk6
เด็กหนอเด็ก
แต่พอปาลิตาออกไปแล้ว ก็เหลือเพียงแค่เขาและเธออยู่สองคน ต่างคนก็ต่างเงียบ ความกังวลของณิชชยายังคงอยู่จนปฐวีรู้สึกได้
“คุณนั่งสิ เดินไปเดินมาก็ไม่ได้ทำให้คุณหมอออกมาตอนนี้หรอก”
“คุณไม่ห่วงหลานชายคุณบ้างหรือไงคะ”
“ห่วงสิ”
“แต่มันก็เป็นเหตุสุดวิสัยอย่างที่คุณว่าจริง ๆ ”
“ทำไมทีเรื่องนี้ถึงมีเหตุผลได้ แต่กลับเรื่องของเรา..”
“ผมไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลกับเรื่องแบบนั้น เพราะคุณก็ไปโดยไม่มีเหตุผลอะไรให้ผมเหมือนกัน เพราะงั้นมันคนละอย่าง ไม่เกี่ยวกันสักหน่อย”เขาสวนกลับไปอย่างดื้อรั้นและหันหน้ากลับไปเหมือนเดิม ยังคงมีเพียงแค่หญิงสาวที่ยังคงมองใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่ม
เขาไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักนิด เมื่อก่อนเป็นยังไง ตอนนี้เขาก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม..ชอบเอาชนะเหมือนเดิม เอาแต่ใจเหมือนเดิม เธอคิดแค่นั้นก็เลิกคิด หันหน้าไปมองที่ห้องฉุกเฉินในใจก็ยังนึกกังวลเพราะคนป่วยเป็นแค่เด็กอายุไม่กี่ขวบ
ทั้งสองคนนั่งอยู่ข้างกันโดยที่ไม่พูดอะไรออกมา เขาไม่ชวนเธอทะเลาะและเธอก็ไม่ชวนเขาคุย เวลาผ่านไปนานจนทำให้เขาและเธอเริ่มกลับมาเครียดอีกครั้ง
และหลังจากนั้นไม่นานนัก หมอและพยาบาลก็พากันออกมา
“ตอนนี้น้องปลอดภัยแล้วนะคะ แล้วคราวหน้าคุณพ่อและคุณแม่ช่วยกันระวังให้มากกว่านี้หน่อยจะดีกว่านะคะ เพราะน้องยังเด็กมาก และยาพ่นของน้องเป็นสิ่งที่ไม่ควรลืมที่สุดเลยค่ะ ถ้ายังไงเนี่ยหมอจะให้พยาบาลจัดการเรื่องอื่น ๆ ต่อ หมอต้องขอตัวก่อนนะคะ”แพทย์หญิงร่ายยาวเรื่องการรักษาอย่างรีบร้อน เพราะมีเคสการรักษาเข้ามาเพิ่มจนไม่ได้สนใจว่าเขาและเธอไม่ได้เป็นพ่อและแม่ของรักชลิต
แค่คนเคยรู้จักก็ยังเป็นไม่ได้
เธอและเขามองหน้ากันเล็กน้อยก่อนที่ปฐวีจะไม่สนใจเธออีกและไปเดินเรื่องจิปาถะกับนางพยาบาลสาว ส่วนเธอก็ยังอยากอยู่ดูน้องรักสักพักก่อนกลับไปทำงานต่อ
หลังจากนี้ปฐวีจะทำอย่างไรต่อ เรื่องนี้คงต้องเอาไว้คุยกันทีหลัง
“น้องรักไม่เป็นไรแล้วนะคะ”พอเข้ามาถึงที่ห้องพิเศษที่ถูกจัดเตรียมไว้ เด็กชายรักชลิตที่กำลังนอนดูทีวีอยู่เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็หันมามองคนมาใหม่และเผยยิ้มอย่างดีใจขึ้นบนใบหน้า “คุณครูหนูนิด!”
เด็กชายลุกขึ้นยืนบนเตียงและกอดณิชชยาไว้แน่นตามประสาเด็ก
ส่วนณิชชยาเองก็ตกใจที่เห็นแบบนั้นจึงกอดตอบรักชลิตไปอัตโนมัติ“อย่ายืนบนเตียงแบบนี้สิครับน้องรัก เดี๋ยวพลาดตกขึ้นมาจะเจ็บนะครับรู้ไหม เดี๋ยวน้าวีของน้องรักก็จะดุด้วย”
“คุณครูรู้จักน้าวีด้วยเหรอครับ”เมื่อเด็กชายได้ยินชื่อของผู้เป็นน้าจากปากของคุณครูสาวก็ตาลุกวาวอย่างสนใจ เพราะถึงแม้เขาจะยังเป็นเด็ก แต่ก็จำได้ว่า ไม่เคยบอกว่า น้าของตัวเองนั้นชื่ออะไรและคนที่มาส่งเป็นประจำก็คือปาลิตา ไม่ใช่ปฐวี “เอ่อ..เคยเป็นเพื่อนกันมาก่อนครับ”ณิชชยาเองก็ทำอะไรไม่ถูกเมื่อรู้ว่าตนเองหลุดปากออกไปก็ต้องบอกไปตามนั้น
“เคยเป็นแฟน”
“เป็นแฟนครับน้องรัก”
เสียงของปฐวีแทรกขึ้นมาเพียงไม่กี่วินาทีที่ณิชชยาตอบคำถามของเด็กชายรักชลิต ทำให้เธอถึงยังคงจับมือน้องรักอยู่หันควับกลับไปมองและขมวดคิ้วให้ซึ่งการกระทำของณิชชยาในขณะนี้นั้น ปฐวีรู้ดีว่าเขากำลังโดนเธอบ่นอยู่ในใจ
“คุณครูหนูนิดกับน้าวีเคยเป็นแฟนกันด้วย!”
“ว่าแต่..แฟนแปลว่าอะไรเหรอครับ”
“เรื่องนี้น้องรักยังไม่ถึงเวลาที่จะรู้นะคะ”เธอรีบบอก
“บอกไปก็ไม่เสียหายนี่ ดีซะอีกครับ น้องรักจะได้รู้ว่ามันมีความหมายว่าอะไร แล้วก็จะไม่ต้องโดนเด็กผู้หญิงที่ไหนขอเป็นแฟนแล้วเป็นกับเขามั่วซั่วไปหมด”เขาเองก็รีบว่าขึ้นมาเช่นกัน และเดินเข้ามาใกล้หลานชายก่อนจะยิ้มให้อย่างอบอุ่น ซึ่งเป็นรอยยิ้มเดียวกันกับที่เธอเคยได้ในตอนนั้น
ไม่นะ หยุดคิดถึงเรื่องพวกนี้สักที เรามีคนรักอยู่แล้ว เรากำลังจะแต่งงาน สิ่งเดียวที่จะหยุดเขาได้คือเราต้องไม่สนใจเขา
เธอเตือนสติตนเองก่อนที่จะถลำไปไกล
“แฟน หมายถึง คนรัก คนรัก หมายถึง คนสองคนต่างคนต่างก็รักกันครับน้องรัก เหมือนอย่างที่พ่อแม่ของน้องรัก รักกันจนแต่งงานและมีน้องรักออกมายังไงล่ะครับ เด็กดี”เขาทั้งสอนและยกตัวอย่างให้หลานชายเข้าใจได้ง่ายพร้อมกับลูบหัวของเด็กน้อยด้วยความอ่อนโยน
และมันก็ง่ายจริง ๆ พอน้องรักเข้าใจแล้วก็ยิ้มไม่หยุด เด็กชายพึงพอใจกับการที่ทั้งสองคนเคยเป็นคนรักกันมาก ๆ และถ้าจะกลับมารักกันก็จะรู้สึกดีมากกว่านี้
“แล้วการแต่งงานคืออะไรครับ”
“การทำทุกอย่างให้ถูกต้องและเป็นการแสดงความรักที่จริงใจอีกแบบหนึ่งครับน้องรัก”เขาว่าต่อ “อืม..ถ้าอย่างนั้น..”
“ถ้าน้องรักอยากให้ครูหนูนิดกับน้าวีกลับมาเป็นแฟนกันเหมือนเดิมต้องทำยังไงครับ”คำถามที่ไร้เดียงสาของเด็กอนุบาลถามครูและน้าชายของตนเอง
นี่มันเปิดโอกาสให้เขาได้แกล้งเธอและบีบเธอโดยการสร้างความหวังให้รักชลิตชัด ๆ ..แกล้งโดยไม่เลือกวิธีการจริง ๆ
น่าโมโหที่สุดเลย
“น้องรักครับ น้าวีกับคุณครู เราสองคนกลับไปเป็นแบบนั้นไม่ได้หรอกนะครับ เพราะคุณครูกำลังจะแต่งงานกับคุณหมอล่ะ”เธอว่าไปตามตรง แต่ใช้วิธีการพูดที่นุ่มนวลเพื่อให้เด็กน้อยไม่คิดว่ามันเป็นการทำร้ายจิตใจมากจนเกินไป
“คุณหมอเหรอครับ คุณหมอคนไหนเหรอครับ น่ารักไหม เป็นคนดีหรือเปล่า”
“ถ้าเป็นคนไม่ดี ครูหนูนิดไม่ต้องแต่งนะครับ น้าวีของน้องรักเป็นคนดีม๊ากมาก ใจดีด้วย กลับมาแต่งงานกับน้าวีแทนนะ”เธอไม่อยากจะเชื่อหูเลยจริง ๆ ว่านี่คือคำพูดของเด็กไม่กี่ขวบ แต่เอาเถอะ ยังไงแล้วอีกฝ่ายก็เป็นแค่เด็ก
แต่คนที่โตกว่าแต่ดันทำตัวเหมือนเด็กไม่รู้จักโตนี่สิ นอกจากจะไม่อธิบายอะไรต่อแล้ว ยังจะยืนยิ้มมองหน้าเธออยู่ได้
“ยิ้มอะไรคะ อย่ามาให้ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ กับน้องรักนะ”
“ผมไม่ได้ให้ความหวังอะไรน้องรักเลยนะ เขาพูดของเขาเอง”
“ก็เด็กนี่ คุณจะไปถือสาแกทำไมล่ะครับ คุณณิชชยา”
“ยังไงก็เถอะ ห้ามพูดว่าเราเคยเป็นแฟนกันให้น้องรักได้ยินอีกเพราะเด็กน่ะ ถ้าได้ยินอะไรซ้ำ ๆ บ่อย ๆ แล้วก็จะจำฝังใจโดยอัตโนมัติ คราวนี้ฉันกับคุณคงจะเป็นจุดสนใจมากขึ้นกว่าเดิม ฉันไม่อยากให้ใครรู้ว่าเราสองคนเคยเป็นอะไรกันมาก่อน เพราะฉะนั้นห้ามพูดนะคะ”เธอกำชับด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและน้ำเสียงของเธอก็สามารถทำให้คนฟังเชื่อฟังอย่างว่าง่าย แม้แต่กับปฐวีเองก็เชื่อเธอและหลงเธออย่างหัวปักหัวปำ
แต่นั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้เขาจะไม่เชื่อฟังคนที่เป็นเพียงแค่ ‘ลูกหนี้’ ของเขาหรอก ไม่มีทาง “ขอบคุณนะครับที่ชี้แนะแนวทางให้ผม”
“เพราะผมเนี่ยจะพูดกรอกหูน้องรักทุกวันเลย”
“ว่าเราสองคนเคยเป็นแฟนกัน”
“คุณจะพูดยังไงก็เรื่องของคุณเลย แต่คุณจำไว้นะคะว่ามันก็แค่ ‘เคย’ ‘เคยเป็น’ และตอนนี้ก็ไม่ได้เป็นแล้ว”เธอย้ำให้เขาฟังอีกครั้งก่อนจะกลับออกไป เพราะเธอต้องรีบกลับไปหาเด็ก ๆ ที่โรงเรียนอนุบาลก่อน
แต่คำพูดของหญิงสาวก็ไม่สามารถที่จะทำให้ปฐวียอมถอยออกไปได้ เธอพูดคำนั้นมาตั้งแต่วันที่เลิกกันจนถึงวันนี้เธอก็ยังย้ำให้เขาฟังอย่างชัดเจน เธอคงไม่คิดเลยสินะ ว่าสิ่งที่เธอย้ำเขามาตลอด แม้ตอนแรกมันจะทำให้เขารู้สึกแย่ แต่ตอนนี้ถึงเธอจะพูดมันอีกร้อยครั้ง ก็ไม่ได้ทำให้เขาสะเทือนได้เลย
“สักวันคุณจะต้องกลับคำพูดของตัวเอง”
“รักชลิตเป็นยังไงบ้างหนูนิด”กลับมาถึงโรงเรียนอนุบาลอุ่นรักแล้ว
ฉัตรฉายก็ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง “น้องรักไม่เป็นไรแล้วล่ะ”“ค่อยยังชั่ว ตอนฉันกับยายพรรอเธอกลับมานะ ลุ้นจนตัวเกร็ง”
“ทำไมล่ะ”เธอถามกลับไปพร้อมกับนั่งลงที่โต๊ะทำงานของตนเอง
“ก็ห่วงกลัวว่ารักชลิตจะเป็นอะไรไปน่ะสิ อีกอย่างนะรักชลิตน่ะ เป็นหลานของคุณปาลิตาเลยนะ คุณปาลิตาเธอไม่ชอบหนูนิดนี่น่า ฉันกลัวว่าเธอจะเอาเรื่องหนูนิดที่ดูแลหลานชายของเธอไม่ดีน่ะสิ”
“แล้วคุณปาลิตาเธอว่ายังไงบ้างล่ะหนูนิด”พรลินีถาม
“ตอนแรกก็ตกใจนะ แต่..พอดีว่าน้าอีกคนน้องรักมาด้วยก็เลยไม่ได้ว่าอะไรมากหรอก”
“น้าอีกคน? ใครอะ? คุณปาลิตาเธอแต่งงานแล้วเหรอ?”
“เปล่า ไม่ใช่”
“ใครเหรอหนูนิด”
“พี่ชายของคุณปาลิตา คุณปฐวี”
“ปฐวี..ชื่อคุ้น ๆ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนเลย”
“ใช่คนที่มีข่าวกับดาราที่ชื่อ จี จีรัณณ์ กมลอนุสรณ์หรือเปล่า”พรลินีถามแทรกขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ฉัตรฉายหันมาสนใจเรื่องที่พรลินีว่าขึ้น
รวมถึงณิชชยา เธอเองก็หันมาสนใจเช่นกัน
“ถ้าคุณปฐวีคนนั้น..ปฐวี นามสกุล ทัศนีรัตนากุลหรือเปล่า”ฉัตรฉายว่าตอบ พรลินีพยักหน้า “ใช่ คนนั้นแหละ”
ด้วยความอยากรู้ที่มีเพิ่มมากขึ้นของครูสาวสองคน จึงช่วยกันหาข้อมูลของชายหนุ่มผ่านทางช่องทางอินเทอร์เน็ต
ผลการค้นหาปรากฎขึ้นบนหน้าจอแสดงผลของคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ มีทั้งข่าวธุรกิจที่มากมายของตระกูลทัศนีรัตนากุลและข่าวซุบซิบ ข่าวลือของปฐวีและ
จีรัณณ์เต็มไปหมด “คนนี้ใช่ไหมหนูนิด”พรลินีหันไปถามคนที่ยืนมองอยู่ด้านหลัง“ใช่..คนนี้แหละ คุณน้าของน้องรัก”
“โห ฉันจะเป็นลม คนใหญ่คนโตขนาดนี้เลยเหรอ”ฉัตรฉาย
“เห็นรถหรูมาส่งทุกวันก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไรหรอก”พรลินี
“จริงไหมหนูนิด?”ถามเพื่อนอีกครั้ง
“อืม ก็จริงของพร แต่หนูนิดไม่เคยคิดเลย ไม่เคยรู้เลยจริง ๆ ”ประโยคสุดท้ายหญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาเพราะไม่อยากให้เพื่อนสาวสองคนได้ยินและสงสัยไปมากกว่านี้
“ไม่มีใครคิดหรอก เพราะน้องรักไม่ได้ใช้นามสกุลทัศนีรัตนากุล แต่เป็นนามสกุล เศษฐาพิมรกุล จะไม่รู้ก็คงไม่แปลก”พรลินีกล่าวก่อนตัดบทสนทนาเพราะต้องไปดูแลเด็ก ๆ ต่อแล้ว ฉัตรฉายเองก็เช่นกัน
“เดี๋ยวมาเม้าท์กันต่อนะหนูนิด”
ฉัตรฉายว่าแค่นั้นก็เดินออกไป เหลือไว้เพียงณิชชยาที่ยังคงยืนมองข่าวของปฐวีและจีรัณณ์
‘ลือหึ่ง! นางเอกสาว จ. เตรียมตัวเป็นสะใภ้พันล้าน ตระกูล ท. ’
‘นางเอกสาว จ. ซุ่มคบ นักธุรกิจ ป. ตระกูลดัง’
‘ลือ ไฮโซ ป. เตรียมเซอร์ไพร์สที่อังกฤษให้นางเอกสาว จ.’
‘นางเอกสาว จ. จากเพื่อนกลายเป็นคนรู้ใจนักธุรกิจ ป. มีลุ้นกลายเป็นคู่ชีวิต’
ข่าวซุบซิบต่าง ๆ ที่อยู่บนหน้าผลการค้นหามีแต่ข่าวดีของเขาทั้งนั้น
แต่ทำไมเขาถึงต้องมาวุ่นวายกับเธอขนาดนี้ด้วย ทั้ง ๆ ที่ตนเองก็มีคนรักอยู่แล้วเธอถอนหายใจออกมาและไม่ควรที่จะให้ความสนใจกับเขายกเว้นเพียงแค่เรื่องเดียว คือเรื่องของน้องรักเท่านั้น จึงเดินเข้ามาใกล้โต๊ะทำงานของพรลินีเพื่อกดพักหน้าจอคอมพิวเตอร์ไว้
‘บริษัทอสังหาฯ ตระกูลทัศนีรัตนากุล หุ้นเพิ่ม! หลังจากทายาทคนโตกลับมาบริหารแทนบิดา ทั้งนี้ยังมีทายาทคนเล็กคอยช่วย’
แต่สายตาเจ้ากรรมก็ดันเห็นข่าวทางธุรกิจของปฐวีเข้าเสียได้ และข่าวนั้นก็ทำให้เธอทำงานที่กำลังจะนำเอาไปสอนเด็ก ๆ ตกลงพื้นกระจัดกระจายเต็มไปหมด “บริษัท..เอ็มไพร์ เฮ้าท์ ที.อาร์.เค อย่างนั้นเหรอ”ชื่อบริษัทที่ปฐวีกำลังบริหารอยู่ ทำให้ความทรงจำเสี้ยวหนึ่งของณิชชยาย้อนกลับเข้ามา
“มันมีความจำเป็นอะไรที่หนูต้องเซ็นให้พ่อด้วยคะ? ภรรยาใหม่พ่อก็ออกจะรักพ่อจะตายไป อุตส่าห์ลงทุนแย่งพ่อไปจากแม่ขนาดนั้นแล้ว ทำไมพ่อถึงไม่ให้ภรรยาใหม่ของพ่อเซ็นค้ำประกันไปล่ะ?”
“หนูนิดอย่ามาประชดประชันพ่อแบบนี้นะ พ่อเลี้ยงหนูนิดมาตั้งแต่เด็ก ๆ จนโตมาป่านนี้ ยังจะกล้าเถียง กล้าไม่เชื่อฟังพ่ออีกเหรอ”
“แต่พ่อในตอนนี้ไม่ใช่พ่อที่หนูรู้จัก พ่อนอกใจแม่ จนทำให้แม่ต้องเข้าโรงพยาบาล แล้วยังทำร้ายจิตใจหนูกับนนท์ ต่างจากพ่อเมื่อก่อน..พ่อที่รักครอบครัว รักพวกเรามากกว่านี้”
“พ่อขอโทษเรื่องที่ผ่านมา แต่พ่อกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ แม่เราก็แต่งงานใหม่ไปแล้ว น้านาน่ะมันไม่ได้เรื่อง ค้ำไปก็กู้ไม่ผ่าน ตอนนี้พ่อเหลือแค่หนูนิดที่จะช่วยพ่อได้ ช่วยพ่อหน่อยนะหนูนิดนะ”
“ไม่ค่ะ ไม่เด็ดขาด พ่อออกไปจากบ้านของหนูนิดได้แล้ว”
“ถ้าหนูนิดไม่ช่วยพ่อ พ่อจะไปคุยกับขวัญฤดีเอง”
“ลูกก็น่าจะรู้ดีนะว่าแม่รักพ่อมากแค่ไหน นายเลอสรรอะไรนั่นก็เป็นได้แค่พี่ชายที่เป็นที่พึ่งให้แม่ของลูกเท่านั้นแหละ”
“พ่ออย่ายุ่งกับแม่นะคะ”
“ถ้าไม่อยากให้พ่อยุ่งกับแม่ ก็เซ็นค้ำประกันให้พ่อซะ”
ความทรงจำที่ไม่อยากจำเกี่ยวกับความร้ายกาจของนายภวัต ผู้เป็นบิดาย้อนกลับเข้ามาในโสตประสาท ตอนนั้นนายภวัตทำให้เธอแทบจะต้องเข้าพบจิตแพทย์เพราะความเครียด แต่ก็ยังโชคดีที่ตอนนั้นเธอได้ทำสัญญาให้นายภวัตเซ็นยืนยันว่าหลังจากที่เธอเซ็นค้ำประกันให้แล้ว บิดาของเธอจะไม่มายุ่งกับขวัญฤดีและธนนท์อีก
คนที่เธอเป็นห่วงที่สุดก็คือขวัญฤดีและธนนท์
เธอน่ะไม่เป็นไรหรอก เธอจัดการตัวเองและครอบครัวของภวัตได้
และทำได้ดีมากด้วย
6เด็กหนอเด็กแต่พอปาลิตาออกไปแล้ว ก็เหลือเพียงแค่เขาและเธออยู่สองคน ต่างคนก็ต่างเงียบ ความกังวลของณิชชยายังคงอยู่จนปฐวีรู้สึกได้“คุณนั่งสิ เดินไปเดินมาก็ไม่ได้ทำให้คุณหมอออกมาตอนนี้หรอก”“คุณไม่ห่วงหลานชายคุณบ้างหรือไงคะ”“ห่วงสิ”“แต่มันก็เป็นเหตุสุดวิสัยอย่างที่คุณว่าจริง ๆ ”“ทำไมทีเรื่องนี้ถึงมีเหตุผลได้ แต่กลับเรื่องของเรา..”“ผมไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลกับเรื่องแบบนั้น เพราะคุณก็ไปโดยไม่มีเหตุผลอะไรให้ผมเหมือนกัน เพราะงั้นมันคนละอย่าง ไม่เกี่ยวกันสักหน่อย”เขาสวนกลับไปอย่างดื้อรั้นและหันหน้ากลับไปเหมือนเดิม ยังคงมีเพียงแค่หญิงสาวที่ยังคงมองใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่มเขาไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักนิด เมื่อก่อนเป็นยังไง ตอนนี้เขาก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม..ชอบเอาชนะเหมือนเดิม เอาแต่ใจเหมือนเดิม เธอคิดแค่นั้นก็เลิกคิด หันหน้าไปมองที่ห้องฉุกเฉินในใจก็ยังนึกกังวลเพราะคนป่วยเป็นแค่เด็กอายุไม่กี่ขวบทั้งสองคนนั่งอยู่ข้างกันโดยที่ไม่พูดอะไรออกมา เขาไม่ชวนเธอทะเลาะและเธอก็ไม่ชวนเขาคุย เวลาผ่านไปนานจนทำให้เขาและเธอเริ่มกลับมาเครียดอีกครั้งและหลังจากนั้นไม่นานนัก หมอและพยาบาลก็พากันออกมา“ตอนนี้น้องปลอด
5ฉุกเฉิน“แต่คุณคงจะลืมไปว่าก่อนที่ผมจะจัดการกับคุณ ผมต้องจัดการไอ้ตัวปัญหาให้พ้นก่อน..แต่ว่า..ไอ้ตัวปัญหาของคุณเนี่ย..”“คงเริ่มจัดการตัวเองไปแล้วเรียบร้อย”“พี่พีท..”หลังจากที่กลับมาถึงโรงพยาบาลเธอก็นึกถึงคำพูดของปฐวีไม่หยุด เพราะสายตาของเขามันบ่งบอกว่าเขากำลังอยู่เหนือเธอ“ปฐวีว่ายังไงบ้างหนูนิด”รัดเกล้าเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง ตอนแรกทั้งถามทั้งบ่นไปด้วยแต่ณิชชยาก็ยังคงเงียบและอยู่ ๆ ก็พูดชื่อคนรักขึ้นมา“เขาไม่ยอม หนูนิดว่าเขาต้องไปรู้เรื่องอะไรมาแน่ ๆ หนูนิดรู้สึกว่าเขาทำเหมือนว่าเขาอยู่เหนือหนูนิดทุกอย่าง”“จริง ๆ หมอนั่นก็อยู่เหนือหนูนิดมาตลอด..เกล้าหมายถึงว่า..”“ไม่เป็นไร เขาอยู่เหนือหนูนิดมาตลอดจริง ๆ เขาแค่อาจจะรู้สึกแพ้ที่อยู่ ๆ ก็กลายเป็นคนที่โดนทิ้งไว้คนเดียว..โดยที่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด”ณิชชยาว่าและยิ้มน้อย ๆ ให้เพื่อนสนิท รัดเกล้ามองเพื่อนสาวที่กลับเข้าไปในห้วงภวังค์ของตนเอง เธอปล่อยให้ณิชชยาตกอยู่ในห้วงความคิดนั้นไปจนกว่าจะดีขึ้น ส่วนเธอก็ทำได้แค่นั่งอยู่ข้าง ๆ ไม่พูดอะไร“นึกสมัยมหา’ลัยเหมือนกันเนอะเกล้า”สักพักณิชชยาก็หันมาบอกเพื่อนสนิท รัดเกล้าเองก็หันหน้ามายิ้มให
4เขา“นี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ! หนูนิด? ทำไมหนูนิดไม่บอกแม่”คุณขวัญฤดีและคุณเลอสรร ผู้เป็นแม่แท้ ๆ และพ่อเลี้ยงรีบเดินทางมาที่โรงพยาบาลหลังจากที่ได้รับเรื่องจากจอมพลและธานีว่าตอนนี้ลูกชายกำลังนอนอยู่ในโรงพยาบาล“จอมพลกับธานีโทรไปบอกคุณลุงกับแม่เหรอคะ”“ใช่ แต่ไม่ต้องไปว่าสองคนนั้นหรอก ไม่บอกน่ะสิจะเป็นเรื่องใหญ่”คุณเลอสรรบอก“คุณลุงกับแม่ไม่ต้องตกใจนะคะ ตอนนี้นนท์ดีขึ้นแล้ว ทั้งสองคนนั่งอยู่ตรงนี้กันก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูนิดจะไปเบิกค่ารักษาพยาบาลก่อน”“ของหนูนิดไม่ต้องเบิกหรอก เดี๋ยวใช้ของลุงดีกว่า”“แต่ว่า..”“เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องแค่นี้ไม่เป็นไรนะ”เขาว่าขึ้นอีก แม้ว่ามารดาของเธอและท่านจะแต่งงานจดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมายแล้ว ส่วนเธอและธนนท์ก็จดทะเบียนเป็นลูกบุญธรรมของคุณเลอสรรแล้วก็ตาม แต่ณิชชยาก็ยังรู้สึกเกรงใจท่านอยู่ดี“เก็บไว้ใช้ยามจำเป็นจริง ๆ ดีกว่าค่ะคุณลุง หนูนิดไหวค่ะ”เธอยิ้มให้และยืนยันว่าไม่เป็นไรจริง ๆ เลอสรรจึงยอมให้ลูกบุญธรรมไปจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง ....“ค่ารักษาพยาบาลของคุณธนนท์มีคนจ่ายแทนไปแล้วนะคะ”เสียงของพยาบาลเอ่ยบอกหญิงสาวที่ยืนอยู่หน
3ผู้หวังดี“มึงอาจจะต้องลงแรงหน่อยเพื่อพิสูจน์ว่าที่พี่เขยของมึงว่ะ”“จริง คนแบบนี้น่าจะต้องเล่นละครสู้เขาหน่อย ใช้เด็กของมึงจัดการก็ได้นะ”“หรือไม่ ถ้ามึงยังจำได้ว่าผู้หญิงคนนั้นที่มึงเจอหน้าตาเป็นยังไง เจอที่ไหนก็หาตัวเธอแล้วเค้นถามเลยก็ดี จะได้ไม่ต้องลงแรงมาก”สุดท้ายก็จบที่สถานบันเทิงอีกฟากหนึ่งของบ้าน เขาตัดสินใจเอาเรื่องนี้มาปรึกษากับธานีและจอมพลเพื่อนสนิทที่ติดมหาวิทยาลัยตามกันมา เพราะเขาเครียดจนไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรให้พี่สาวของเขาเสียใจกับเรื่องแบบนี้น้อยที่สุด“กูไม่อยากให้พี่กูเสียใจเลยว่ะ ไม่อยากให้เสียใจเลยแม้แต่นิดเดียว”เขาว่าพร้อมนำน้ำสีอำพันเข้าปากไปรวดเดียว“กูรู้นะเว้ย ว่ามึงกับพี่หนูนิดผ่านอะไรมาบ้าง แต่ถึงมึงจะรักพี่สาวมึงมากแค่ไหน มึงก็ไม่มีทางห้ามได้หรอก ถึงมึงจะไม่บอก สักวันเขาก็ต้องรู้ว่าคนรักของเขาเป็นยังไง มึงห้ามความเสียใจของเขาไม่ได้”“ความลับมันไม่มีในโลก”“ใช่ สิ่งที่มึงต้องทำน่ะนะ คือคอยอยู่ข้าง ๆ พี่มึงในเวลาที่เขารู้สึกแย่และไม่ต้องไปคิดแทนเขา ว่าเขาจะเสียใจมากแค่ไหนที่โดนคนรักหักหลัง มึงก็รู้ว่าพี่หนูนิดอ่อนนอกแต่แข็งใน มึงก็เคยพูดนี่ว่าเขาเด็ดขาดมาก”
2มีเรื่อง“ได้มาแล้วครับท่านรอง ข้อมูลภายในแฟ้มนี้มีครบทุกคนแล้วครับ”เสียงของคุณธีร์ดังขึ้นพร้อมกับวางซองเอกสารสีน้ำตาลไว้บนโต๊ะทำงานของเจ้านาย“ขอบคุณมากครับ คุณจะไปทำอะไรก็ไปทำเถอะ”เจ้านายว่าเท่านั้น คุณธีร์จึงก้มหัวให้เล็กน้อยก่อนเดินออกไปปฐวีมองซองเอกสารสีน้ำตาลตรงหน้า เขาเปิดมันออกและอ่านด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่งก่อนจะค่อย ๆ กำรูปภาพใบหนึ่งจนบางส่วนยับยู่ยี่เป็นรูปที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนมีไฟประทุอยู่ด้านในจิตใจอย่างยากที่จะทำให้มันดับลงได้ “มีความสุขดีจังเลยนะ”“คุณหมอพาทิศ อรุณเวช..”“อย่างนั้นเหรอ?”“มีความสุขได้แค่ตอนนี้เท่านั้นแหละ ณิชชยา”“น้องรัก?”พอดูข้อมูลสลับกับรูปภาพในมือก็พบเข้ากับรูปที่เด็กชายรักชลิต หลานชายของเขาอยู่ในอ้อมกอดของณิชชยาด้วยท่าทางที่มีความสุข แต่เสียงรบกวนก็เกิดดังขึ้นด้านหน้าของเขา มีเสียงต่อสายตรงเข้ามาหาเขาจนต้องเก็บทุกอย่างไว้ในลิ้นชักใต้โต๊ะทำงานทันที ทำให้ชายหนุ่มยังไม่ทันจะได้รู้เรื่องต่อ“ขออนุญาตค่ะท่านรอง”“มีอะไรครับ”“คุณจีรัณณ์มาขอพบท่านรองค่ะ ไม่ทราบว่า..”“เอ่อ! คุณจีคะ เดี๋ยวค่ะ!”ไม่ทันพูดจบก็มีเสียงห้ามแทรกเข้ามาพร้อมกับหญิงสาวที่สวยสมบ
1รู้แก่ใจ“ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ได้ทำอะไร ผมแค่เดินของผมอยู่ดี ๆ ไอ้พวกนี้มันก็มาหาเรื่องผม คุณตำรวจต้องเชื่อผมนะ”ที่โรงพักไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยเกิดเสียงดังขึ้นปาว ๆ กลางโรงพักเหตุเพราะนักศึกษามีเรื่องทำร้ายร่างกาย ได้แผลคนละแผลสองแผลแต่ก็ยังไม่พอใจจนตำรวจต้องพาพวกเขามาสงบสติอารมณ์ที่นี่“แต่มึงต่อยกูก่อนนะเว้ย พวกกูยังไม่ได้ทำอะไรเลย”“แต่มึงเดินมาหาเรื่องกู โถ่เอ้ยก็คิดว่าเก๋าเหมือนตอนเก๊กหาเรื่อง โดนกูซัดเข้าให้นิดเดียวร้องอย่างกับหมา ไอ้รุ่นพี่เวร”“ไอ้เด็กปีหนึ่ง มึงนี่!”“พอ ๆ นี่มันโรงพักนะ ตำรวจก็อยู่ข้างหน้ายังจะกล้าทะเลาะกันอีก ไปสงบสติอยู่ในคุกก่อนไป จ่าเอาตัวเข้าไปนอนในนั้นเลยไป ปล่อยกับไปเดี๋ยวได้มีเรื่องกันหน้าโรงพักแน่ แล้วขังแยกด้วยนะ เดี๋ยวได้ตีกันตายก่อน”“ไม่ได้นะ ผมไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อยหมวด”“คุณธนนท์ คุณเป็นคนไปต่อยเขาก่อน ถือว่าคุณผิดแล้วนะ ยังจะมาเถียงอีก เข้าไปทั้งคู่นั่นแหละ อยู่ในนั้นจนกว่าผู้ปกครองจะมาประกันตัวแล้วกัน”“ไม่ได้นะหมวด! ปล่อยผมนะจ่า” ถึงจะพูดอย่างนั้นธนนท์ก็ยังคงมีท่าทีขัดขืนจนต้องส่ายหน้า“ขออนุญาตนะครับผู้หมวด”แต่พอพ้นสายตาไปไม่ถึงชั่วโมง ก







