ยามเช้าของโรงแรมสามดาวใจกลางเมืองท่องเที่ยวสว่างไสวด้วยแสงแดดอ่อน ๆ ที่ลอดผ่านผ้าม่านแพรหรู มะลินยืนมองสวนด้านนอกจากระเบียง ดอกไม้เมืองร้อนเบ่งบานอ่อนหวาน แต่หัวใจของเธอกลับเต็มไปด้วยความอึดอัด
เมื่อคืนเธอแทบไม่ได้นอน คำพูดของสามีในอนาคต "อิคชาน มันดาลิน"ยังดังก้องในหู...
"อยู่ในบทนี้ต่อไป จนกว่าแม่ผมจะฟื้นตัวดีพอ" เขาไม่ได้ตะโกน ไม่ได้ดุด่า แต่ทุกคำ...หนักแน่นจนยากจะลืม
การเดินทางมายังดินแดนที่มากด้วยอารยธรรมจุดมุ่งหมายหลักก็เพื่อมาแก้บนในสิ่งที่ขอและเป็นความใฝ่ฝันของนักเขียนอย่างมะลิน เดินทางเก็บแรงบันดาลใจในการเขียนนิยาย
หากตามแผนเดิม เธอควรจะเดินทางท่องเที่ยวต่ออีกสองสามวันอย่างสบายใจ แต่ตอนนี้สถานการณ์กลับบีบบังคับให้เธอต้องเลือกระหว่าง หนี...หรือกลายเป็นภรรยาในนาม
มะลินเดินกลับเข้ามาในห้อง รวบผมขึ้นลวก ๆ และหยิบกระเป๋าเป้ เตรียมของด้วยจิตใจที่ยังสั่นไหว
...
ทางด้านคฤหาสน์มันดาลิน สุฮาเล่าเรื่องสะใภ้ต่างชาติให้ทุกคนในครอบครัวฟังด้วยความตื่นเต้น
มูทันนั่งจิบชากับคุกกี้ฟังผู้เป็นภรรยาอย่างใส่ใจ
อดีตประเทศนี้มีการแบ่งชนชั้นออกเป็น 4 วรรณะ สังคมไม่อาจยอมรับการแต่งงานข้ามวรรณะ ลูกที่เกิดจากการแต่งงานนี้จะไม่ถูกยอมรับและเป็นที่รังเกียจในสังคม
วัฒนธรรมประเพณีการแต่งงานที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ชายหญิงส่วนมากแต่งงานตามคำสั่งครอบครัว และโดยส่วนใหญ่ไม่ยอมรับสตรีต่างชาติ
แต่ในปัจจุบันโลกได้พัฒนาเป็นยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง บ้านเรือนสะอาดทันสมัย ผู้คนมีสิทธิเท่าเทียม นักการเมืองจาก วรรณะ จัณฑาล ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีบริหารประเทศ เป็นสัญลักษณ์ของความเปลี่ยนแปลงทางชนชั้นในสังคมที่แท้จริง
ส่วนวัฒนธรรมการแต่งงานเองนั้นก็ได้เปลี่ยนไปเช่นกัน หนุ่มสาวคู่รักสามารถเลือกคู่ครองได้เองตามใจและเปิดใจยอมรับสตรีต่างชาติมากขึ้น แต่ถึงกระนั้นบางครอบครัวยังคงวัฒนธรรมการแต่งงานตามคำสั่งพ่อแม่และยังคงมีอิทธิพลอย่างแพร่หลายในบางพื้นที่
ครอบครัวมูทันเป็นตระกูลเก่าแก่แต่ใช้แนวความคิดแบบยุคใหม่เดินทางสายกลาง ไม่เคร่งมากจนเสีย และไม่ดีมากจนเสียนับถือเทพเจ้า รักในวัฒนธรรมของตนมากๆ แต่ก็ไม่รังเกียจว่าที่สะใภ้ต่างชาติแม้แต่น้อย ยิ่งกลับกันหากแต่งงานเธอต้องมาใช้ชีวิตกับลูกชายที่นี่มีแต่ความเห็นใจและจะให้ความรักแก่เธอแทนพ่อแม่
"อิคชานขอวันเดือนปีเกิดลูกสะใภ้มาให้แม่หน่อย อยากให้หลวงพ่อดูฤกษ์ให้เลย"
"แม่คะ เราจะเชิญแขกกี่พันคนดี 1,000 พอไหมคะ?" ริฮาพี่คนที่สองเอ่ยพลางดูแบบการ์ดแต่งงานในมือ
"พี่ว่า 2,000 ดีกว่า" อิมชาน พี่ชายคนที่สามเสนอขึ้น
"วันนี้ลูกไปรับมะลินไปลองชุดแต่งงานนะ" สุฮาหันไปบอกลูกชาย
ทุกคนในบ้านช่วยกันจัดเตรียมงานด้วยความใส่ใจ ทุกคนดูมีความสุขโดยหารู้ไม่มันคือแต่งงานหลอกลวง ยิ่งทำให้หัวใจอิคชานสั่นไหว...
"ครับ..." อิคชานรับคำเสียงเบา ก่อนเดินออกไปยืนสงบในสวน ปล่อยให้ทุกคนเตรียมงานด้วยความคึกคัก
เขากดเบอร์โทรศัพท์ แต่ปลายสายไม่มีเสียงตอบรับ "หายไปไหน...ไม่รับสายเหรอ?"
"เธออาจจะไม่ได้ยิน"สิงนาทแสดงความคิดเห็นต่อผู้เป็นนาย
"ไม่!"
ความร้อนใจเริ่มกัดกิน เขาตรงไปยังโรงแรมทันที ในใจเขาหวังว่าเธอจะไม่หลอกลวง
"อย่าเป็นเหมือนที่ฉันคิดนะมะลิน ขอให้ฉันคิดผิด"แต่สิ่งที่พบคือ...สิ่งที่เขาคิดเป็นจริง มะลินทำในสิ่งที่เขาเกลียด"การโกหก"
แววตาแห่งความผิดหวัง ผิดหวังที่เขาคาดหวัง เธอไม่เหมือนหนังสือที่เธอเขียน...
"เธอคือคนเขียนหนังสือที่เขาอยากรู้จัก ...ตัวหนังสือของเธอเหมือนกับว่านั่งอยู่ในใจคนที่เจ็บปวดถึงได้เขียนออกมาราวกับมันมีชีวิต"
เธอหายไปแล้ว มะลินเพียงไม่รับผิดชอบในสิ่งที่ก่อ...แถมยังหนี "ละครบทนี้...ในเมื่อเริ่มแล้ว ก็ต้องเล่นให้จบ"
เขากัดฟันพูดขบกรามแน่น
...
ขณะนั้น มะลินรู้สึกโล่งใจเมื่อได้หลีกหนีออกมาจากวังวนของคำโกหก เธอเดินทางข้ามรัฐโดยไม่แจ้งใคร ตั้งใจจะหนีให้ไกลที่สุด แต่ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ชายสวมเครื่องแบบเข้ม ใช้เครื่องสแกนสำรวจอย่างละเอียด
เสียงเตือนดังขึ้น "ติ๊ก~ ติ๊ก!"
"ขอตรวจสัมภาระด้วยครับ" เมื่อเปิดกระเป๋า ทองคำจำนวนหนึ่งถูกพบอยู่ภายใน
"ทองคำ!?" มะลินตกใจสุดขีด ไม่รู้ว่ามันมาอยู่ในกระเป๋าเธอได้อย่างไร
เมื่อนึกย้อนก่อนตรวจคนข้ามด่านก็พบว่าระหว่างทางมาเธอเจอสตรีคนไทยเข้ามาพูดคุยอย่างเป็นกันเอง..น่าจะเป็นตอนนั้นที่เขาแอบใส่ทองในกระเป๋าของเธอ
ภายใต้กฎหมายอินเดีย ห้ามนักท่องเที่ยวพกพาทองเกินมาตรฐานโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า
"เชิญครับ คุณผู้หญิง" เสียงเข้มของเจ้าหน้าที่พาเธอไปยังสถานีตำรวจทันที
"คุณเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการลักลอบนำทองเข้ามาขายใช่ไหม? ใครอยู่เบื้องหลัง บอกมาซะ!"
"เปล่านะคะ! ฉันมีสามีแล้ว เขารวยมาก ฉันไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เลย!" เจ้าหน้าที่มองด้วยสายตาสงสัย ไม่เชื่อในคำพูดของเธอ
"ขอโทรหาครอบครัวได้ไหมคะ ให้มายืนยันความบริสุทธิ์ของฉัน...ได้โปรด!" มะลินกดโทรหาอิคชาน และในเวลาไม่นาน เขาก็มาถึง
เจ้าหน้าที่ถึงกับอึ้งเมื่อเห็นว่า "สามี" ที่เธออ้างถึง คืออิคชาน มันดาลิน
"คุณอิคชาน...? ผมไม่รู้เลยว่าเธอคือภรรยาคุณ" เขามองมะลินนิ่ง ๆ ก่อนพูดเรียบ ๆ
"ภรรยา...?"
มะลินเริ่มร้อนรน ดวงตาเริ่มสั่นไหว เธอก้าวเข้าไปกอดเขาแน่น พร้อมกระซิบเบา ๆ "ช่วยฉันอีกครั้งนะ...ฉันสัญญา จะไม่หนีอีกแล้ว ฉันจะแต่งงานกับคุณ"
เขามองเธอเงียบ ๆ "ผมพาภรรยากลับบ้านแล้วนะครับ"
เพียงคำพูดไม่กี่คำ เธอสามารถรอดพ้นจากการจับตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจบ่งบอกถึงอิทธิพลความน่ายำเกรงของเขาเป็นอย่างมาก
เจ้าหน้าที่ปล่อยตัวเธอทันที มะลินถอนหายใจอย่างโล่งอก การหนีไปของเธอในครั้งนี้ เหมือนได้ทำลายความเชื่อใจจากอิคชาน....
บรรยากาศหรูหรา ท่ามกลางแสงไฟและเสียงดนตรีไพเราะ สะท้อนประกายเพชรจากชุดส่าหรีและแลงก้าของภรรยาเศรษฐีทั้งหลาย แขกชายคือเจ้าของกิจการใหญ่ ส่วนภรรยาส่วนมากคือสาวไทยหน้าตาดี ที่กลายเป็น "สะใภ้แขก" ผู้ทรงอิทธิพลในแวดวงค่ำคืนนี้จึงเหมือน “วันรวมสะใภ้ไทย” โดยไม่ต้องตั้งชื่อให้อลังการ และแล้ว...ในมุมหนึ่งของห้อง เสียงหวานแต่แฝงความเย่อหยิ่งเอ่ยขึ้น หญิงสาวรุ่นพี่ในชุดปักเลื่อมอลังการเดินเข้ามาหามะลิน ยิ้มด้วยแววตาเหนือกว่า"สามีของน้องทำงานอะไรหรือจ๊ะ?""ได้ยินข่าวว่าไปอยู่ทางโน้น...ลำบากมาเลยใช่ไหม ขายของขลัง ขายขนมอะไรสักอย่าง""กลับมาอยู่นี่ก็ดีแล้วจ้ะ พี่จะช่วยอุดหนุน" มะลินยิ้มบาง นิ่งก่อนตอบเสียงเรียบ "ใช่ค่ะ ลำบากมาก ต้องตื่นแต่เช้า ทำอาหาร คอยปรนนิบัติแม่สามี"เธอเว้นจังหวะเล็กน้อย รุ่นพี่ยิ้มหยัน กลบเกลื่อนความอึดอัด"น่าสงสารเสียจริงน้องสาว" "บริษัทของสามีพี่นะ ทำงานกับบริษัทของคุณอิคชาน...เขาถึงไม่เคยปล่อยให้พี่ลำบาก"มะลินพยักหน้าเบา ๆ แล้วกล่าวสุภาพ "ดีจังเลยค่ะ...ขอตัวก่อนนะคะ"เธอหมุนตัวจากมาในชุดเดรสยาวสีเบจระยับ ผ้าคลุมไหล่บางเบาแนบกับแผ่นหลังตรงสง่าบรรยากาศภายในห้องจัดเลี้
อิคชานเดินเข้ามาหาเธอที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกของห้องนอนเขา น้ำเสียงนิ่ง แต่เจือความตั้งใจชัดเจน“สิงนาท เตรียมเช็คให้คุณนาย” เลขาหนุ่มหยิบซองเช็คขึ้นมาแล้ววางลงต่อหน้ามะลิน“ผมให้คุณ 200 ล้าน” เสียงของอิคชานยังคงเรียบสงบ แต่สายตาจับจ้องมาที่เธอ“แต่...หักที่คุณไม่กลับมาในตอนแรก 20 ล้าน”“หักที่คุณปกปิดเรื่องลูก ทำให้ผมพลาดโอกาสดูแลเขาหนึ่งปี 30 ล้าน”มะลินนั่งนิ่ง นึกในใจ ‘ไม่เป็นไร ยังเหลืออยู่’แต่เขายังพูดต่อ“หักที่คุณยกลูกให้ผมแค่คนเดียว”“ถ้าผมไม่รู้ความจริง...พวกเขา พี่น้อง รีวานกับไมร่า คงต้องแยกจากกัน!”“หัก 100 ล้าน”มะลินคำนวณในใจทันที‘เหลือ 50 ล้าน...’‘ไม่เป็นไร เอาเงินตัวเองเพิ่มอีกสิบล้านก็ยังดี’ขณะนั้น ภาและติกำลังเลือกแบบคอนโด อิคชานซื้อให้ขอบคุณช่วยเลี้ยงลูก และเพราะพวกเขาอิคชานถึงได้ครอบครัวคืนมาสิงนาทวางแบบตัวอย่างคอนโดไว้ตรงหน้า ทั้งสองเลือกแบบอย่างเกรงใจ ถึงอย่างไรนั้นก็หลานเลี้ยงด้วยความรักและต่อไปนี้หลานทั้งสองไม่ขาดพ่ออีกแล้วอิคชานรับเช็คจากสิงนาทเพื่อจะเซ็นชื่อแต่เขาชะงัก เมื่อเห็นตัวเลขบนเช็ค เขามองสิงนาท“ฉันบอกว่า ‘หัก’ นายก็หักจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ?”
เช้าวันถัดมาแสงแดดสีอ่อนลอดผ่านกระจกใสของล็อบบี้รีสอร์ตอย่างสงบ มะลินก้าวเข้ามาในฐานะผู้จัดงาน ตรวจสอบความเรียบร้อยรอบสุดท้ายแต่สิ่งที่เธอไม่คิดว่าจะเจอคือ...เขา อิคชานยืนรออยู่ตรงทางเดินหลักยังคงใส่ชุดเรียบ สุขุม แววตานิ่ง...แต่ไม่เหมือนเมื่อวาน"มะลิน" เสียงเรียกที่ดังขึ้นชัดเจนพร้อมกับการคว้าแขนเธอเบา ๆ มะลินสะบัดหลุดก่อนจะหันมาเงียบ ๆ"กลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันเถอะนะ"น้ำเสียงของเขาไม่ได้ออกคำสั่ง...แต่เต็มไปด้วยการอ้อนวอน มะลินสบตาเขา นิ่งเฉียบ"ไม่ค่ะ""คุณจะหาแม่ใหม่ให้ลูกฉันไม่ใช่เหรอ?" คำพูดนั้นเหมือนดึงเขากลับไปเจ็บซ้ำในเวลาถัดมา...“พี่มะลินคะ...บริษัทเงินทุนยกเลิกค่ะ” เสียงเลขาสาวทำให้มะลินชะงักไปชั่วขณะปลายนิ้วที่กำลังเปิดสคริปต์งานสั่นเล็กน้อย “ยกเลิก?” เธอถามเสียงเบา “เขาไม่อยากมีปัญหากับ...คุณอิคชานค่ะ”โครงการอนิเมะของเธอ ที่เพิ่งเริ่มลงมือทำได้ไม่ถึงครึ่ง ถูกถอนเงินทุนกลางทางมะลินนิ่งไป ไม่พูด ดวงตาจับจ้องตัวเลขในแผนงบประมาณหกสิบล้าน ไม่ใช่จำนวนที่เธอจ่ายไม่ไหว แต่เป็นเงินที่ควรถูก “ลงทุน” ไม่ใช่ “เดิมพัน” เงินติดตัวจากวันเดินออกจากมันดาลิน...สองร้อยล้าน แต่
เสียงลมหายใจของทั้งสองคนหนักแน่นเกินกว่าคำพูดใดจะกลบได้ อิคชานนั่งมองลูก ราวกับเด็กได้ของเล่นที่โปรดปราน...“ลูกอยู่กับผม..." เขาเอ่ยเสียงต่ำมะลินเม้มปากแน่น หัวใจเธอบีบตัวเหมือนกำลังถูกบีบด้วยมือที่มองไม่เห็น“คุณทำแบบนี้ได้ยังไง...?” เขาหันมาสบตาเธอดวงตาแดงก่ำ ความผิดหวังแล่นวาบไปทั่ว“ที่ท้องโดยไม่บอก ที่เลี้ยงเขามาตลอดโดยไม่ให้ผมรู้...”“ผมเป็นพ่อนะ...” น้ำเสียงเขาแตกพร่า “ผมควรมีสิทธิ์ดูแลเขาเหมือนคุณ...”เธอนิ่งไม่ใช่เพราะไม่มีอะไรจะพูดแต่เพราะพูดออกไป...จะเจ็บยิ่งกว่ากลั้นไว้อิคชานกัดฟัน สบตาเธอแน่น “คุณใจร้ายมาก มะลิน…”เพียงประโยคนั้น เธอก็หลุดขำเบา ๆ ในลำคอ น้ำเสียงนั้นไม่ได้หัวเราะ แต่มันคือความปวดร้าวที่พรั่งพรู“ฉันใจร้ายเหรอคะ?”เธอเงยหน้าขึ้น สบตาเขาอย่างไม่หลบ“แล้วตอนที่คุณทำเหมือนฉันไม่มีตัวตนในบ้านหลังนั้นล่ะ?”“ฉันออกมาก็เพราะคุณผลักไส” “คุณทำให้ฉันกลายเป็นอากาศธาตุ ทั้งที่ฉัน...เป็นภรรยา เป็นแม่ของลูกคุณ”ทั้งที่หลาย ๆ ครั้งฉันอยากบอกคุณ... มือกำแน่น เธอสูดลมหายใจเข้าลึกพยายามกักอารมณ์ไม่ให้สั่น“ช่างเถอะ...คุณเป็นคนสุขุม รอบคอบ ละเอียดถี่ถ้วน” “ลูกอยู่กับคุณ เข
แสงไฟบนเวทีหลักสาดส่องทั่วฮอลล์หรูของรีสอร์ตกลางหุบเขา สถานที่จัดงานประกวดนิยายประจำปีของ "ต้นตะวันใหญ่" สำนักพิมพ์อันดับหนึ่งของประเทศมะลินยืนอยู่ริมเวที สวมชุดเดรสสีดำสนิท กระโปรงจีบหน้าเข้ารูปเผยเรียวขาได้รูป การแต่งหน้าเน้นผิวเนียนเปล่งปลั่ง กับริมฝีปากสีแดงไวน์ขับความสง่างามราวกับนางพญาแววตาเธอเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ หนึ่งปีก่อน เธอคือผู้หญิงที่ยืนบนเวทีนี้ในฐานะนักเขียนดาวรุ่ง แต่หลังจากวันนั้น—เธอกลายเป็นนักเขียนเร้นกายไม่มีใครเคยเห็นหน้าเธออีกเลย มีเพียงผลงานที่พูดแทนตัวตน บทนิยายของเธอถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปสร้างซีรีส์ดังนับสิบ ทั้งยังได้รับโอกาสกำกับ และร่วมแสดงเองในบทแม่ผู้ทรงพลังระหว่างทำงาน เธอกระเตงลูกแฝดวัยสิบเดือนไปด้วย พร้อมน้องสาวและน้องชายที่ช่วยดูแลเสมอ“พี่มะลินคะ! แย่แล้วค่ะ!” เสียงของทีมงานสาวดังลั่นขณะวิ่งมาหาเธออย่างร้อนรน“กรรมการอีกท่านรถชนค่ะ มาไม่ได้แน่นอนแล้ว…” “ต้องเป็นพี่แล้วล่ะค่ะ”มะลินถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะพยักหน้า “ได้ค่ะ”...เสียงพิธีกรบนเวทีประกาศดังกึกก้อง ฮอลล์ทั้งห้องเต็มไปด้วยนักเขียนรุ่นใหม่และแฟนนิยายตัวยง“ขอเชิญพบกับคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน
อิคชานยืนนิ่งอยู่กลางเวที เสียงไวโอลินจางหาย กลายเป็นความเงียบที่ดังที่สุดในค่ำคืนนั้นเธอเดินจากไปอีกครั้ง ในจังหวะที่เขาคิดว่า...เขาอาจจะได้ยื้อไว้สักวินาที สายตาของผู้คนค่อย ๆ เปลี่ยนจากชื่นชม...เป็นสงสัยแต่เขาไม่แคร์ ไม่เห็นใคร เขาเห็นแค่เธอ...ในชุดแลงก้าที่ไกลออกไปทุกที “มะลิน...” เขาไม่พูดออกมาแต่ชื่อเธอ...ก้องอยู่ในใจ ชื่อเดิม เสียงเดิม ความรู้สึกเดิม ที่เขาพยายามฝังกลบมันมาตลอดหนึ่งปีและในคืนนี้...มันตื่นขึ้นพร้อมกลิ่นหอมที่เธอทิ้งไว้...หลังเวทีมะลินก้มหน้า เช็ดน้ำตาออกจากหางตา แต่เธอไม่ร้องไห้ เธอแค่เหนื่อย เธอไม่รู้ว่ากลิ่นหอมที่เธอเคยรัก จะกลายเป็นกลิ่นที่กรีดหัวใจเธอขนาดนี้ ไม่รู้ว่าท่ามกลางแขกนับร้อย สายตาของคน ๆ เดียว...ยังมีอำนาจทำให้เธอสั่นได้ขนาดนี้“พี่มะลิน”เสียงจากเลขาสาว "รีวานและไมร่าหลับแล้วค่ะ น้องสาวพี่ กับน้องชายพี่ดูอยู่รีสอร์ตข้างๆ ตามที่พี่สั่งค่ะ” มะลินพยักหน้าเบา ๆ เดินจากไปโดยไม่หันหลังกลับ เธอไม่ได้มาที่นี่เพื่อย้อนกลับเธอแค่...ทำหน้าที่...ห้องทำงานส่วนตัวของอิคชาน คืนนั้น ไฟในห้องติดเพียงแค่โคมข้างโต๊ะ อิคชานนั่งอยู่คนเดียว มือยังคงกำแก้วเหล้า
ริมชานเดินผ่านทางเดินหินข้างล็อบบี้แสงแดดยามสายสะท้อนใบไม้ไหว เขาก้าวอย่างรีบร้อนเมื่อเห็นเงาสองร่างที่ยืนตรงเคาน์เตอร์ไม่ผิดแน่…พี่ชายเขา กับ...เธอ คำพูดเย็นชาที่อิคชานกล่าวกับมะลินเมื่อครู่นั้น ไม่ต่างจากมีดที่ฟันลึกลงกลางอากาศ ริมชานยืนมองเหตุการณ์อยู่ไม่ไกลหลังมะลินเดินจากไป ริมชานก็ตรงเข้ามาหาพี่ชายทันที “ทำไมพี่ต้องทำแบบนั้นกับพี่สะใภ้?”อิคชานไม่หันมา ยังคงยืนมองออกไปที่สวนด้านนอก“พี่ไม่คิดเหรอ...ว่ามันรุนแรงเกินไป?”ไม่มีคำตอบ“พี่รู้ไหม...พี่ใจร้ายกับเธอขนาดไหน? เสียงของริมชานเริ่มสั่น แต่ไม่ใช่จากโกรธ จากเสียใจแทน...ผู้หญิงคนหนึ่ง“พี่คิดว่าผมไม่รู้ใช่ไหม ว่าหัวใจพี่...มีเธออยู่เต็มไปหมด”อิคชานยังไม่พูดแต่ริมชานไม่หยุด “อย่าปฏิเสธเลยพี่ เธออยู่ในแววตาพี่ แม้ตอนที่พี่แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นเธอด้วยซ้ำ” ริมชานยิ้มเศร้า ก่อนพูดต่อ“ผมเป็นเชฟนะพี่ ผู้คนบินมาจากทั่วโลกเพื่อทานอาหารของผมแต่รู้ไหม...ตอนผมทำไข่เจียวให้พี่กิน มันไม่อร่อยเลย” เขาหัวเราะเบา ๆ อย่างเจ็บแสบ“ไม่ใช่เพราะฝีมือผมไม่ดี แต่เพราะใจพี่...มันป่วย พี่กินอะไรไม่ได้หรอก ในเมื่อพี่ไม่ให้อภัยตัวเอง พี่มีความสุข
แสงแดดอ่อนทอดผ่านม่านหมอกจางของยามเช้า สะท้อนกระทบผิวน้ำจากบ่อประดับกลางลานอย่างนุ่มนวลเสียงนกร้องประสานกับกลิ่นหอมของดอกไม้ที่ถูกจัดแต่งกระจายอยู่ทุกมุม สร้างบรรยากาศของงานแต่งงานอย่างสมบูรณ์แบบภายใต้ซุ้มผ้าขาวที่ตั้งรับแขกในสวนเจ้าสาวเศรษฐีสาวใต้เจ้าของโรงแรมดังในภาคใต้ วัย 45 ปี นั่งยิ้มละมุนเคียงข้างเจ้าบ่าวอินเดียวัย 55 ที่ใบหน้ายังคงสง่างามแม้กาลเวลาจะผ่านไปกับแขกอีกสองคน หนึ่งคือ ธัน นักธุรกิจหนุ่มเชื้อสายอินเดียวัยกลางคนที่กำลังดูจริงจังกับมือถือในมือและอีกคน... อิคชาน ชายผู้เป็นเจ้าของโรงแรมหรูแห่งนี้ กำลังนั่งเงียบราวกับไม่ได้อยู่ในฉากที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มทันใดนั้น...เสียงส้นสูงกระทบพื้นเป็นจังหวะเบา ๆทุกคนหันไปตามเสียงและสิ่งที่เห็น…ทำให้เวลารอบตัวแทบหยุดเคลื่อนไหวมะลินาง…ในเสื้อเชิ้ตผ้าลินินสีขาวปาดไหล่ กางเกงยีนเอวสูงทรงขาม้าเข้ารูป รองเท้าเปิดส้นส้นสูงสีดำผมยาวไฮไลต์น้ำตาลทองลอนสวยถึงกลางหลัง รับกับผิวเนียนที่เปล่งประกายในแสงเช้ากลิ่นน้ำหอมบางเบาที่ลอยตามลม ทำเอาอิคชานนิ่งงันหัวใจเขา...เต้นผิดจังหวะทันทีที่กลิ่นนั้นแตะปลายจมูก“มะลินจ๋า ทางนี้!” เจ้าสาวร้องเรียกเสี
เช้าวันหนึ่งในปลายเดือน…แสงแดดอ่อนที่ลอดผ่านหน้าต่างไม่ได้ทำให้ห้องดูอบอุ่นขึ้นเลย มะลินยืนอยู่หน้าประตูห้องนอน ถืออาหารเช้าที่เพิ่งลงมือทำเองกับมือเสียงฝีเท้าของเขาดังแผ่วลงบันได เขา“ฉันทำข้าวต้มหมูไว้ค่ะ ใส่เห็ดหอมแบบที่คุณชอบ…” เสียงของเธอเรียบ…เบา…แต่เต็มไปด้วยความตั้งใจอิคชานยื่นกล่องเพชรในมือให้สิงนาท "เอาไปให้กิตา เมื่อคืนฉันซื้อให้เธอแต่เธอลืม"เขาไม่อมงเธอแม้แต่น้อย ไม่มีคำตอบเดินผ่านไปเหมือนเธอคืออากาศมะลินยืนนิ่ง มองแผ่นหลังเขาเดินจากไป เธอไม่ชอบอะไรที่ไม่ชัดเจน จึงไปขวางทางเขา"หลบไป"เสียงเข้มห้าว"มาคุยกันหน่อย"มะลินพูดด้วยเสียงนุ้มเรียบ"ไม่คุย ไม่มีอะไรต้องคุย หลบไป "ใบหน้าเคร่งขรึม น้ำเสียงตวาท"ไม่ค่ะ" แขนทั้งสองมะลินถูกกำแน่น สายตาไร้แววของความรัก มีแต่ความเกียจชัง"ฟังนะมะลินฉันไม่อยากพูดหรือสัมผัสผู้หญิงที่คิดแต่จะไปจากฉันและเธอเป็นต้นเหตุแม่ฉันต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะเธอ อย่ามายุ่งวุ่นวายกับฉัน!!!"เธอแตกสลายเจ็บเกินจะลุกไหว แต่มีสิ่งหนึ่งดึงเธอให้เข้มแข็ง ลูก เธอต้องมีความสุขพวกเขาจะได้เกิดมาพร้อมเสียงหัวเราะ ข้าวต้มร้อน ๆ ที่ตั้งใจทำด้วยมือเดียว…ถูกเทลงถังขยะโ