ร่างบอบบางถูกโยนลงบนที่นอนอย่างไม่แยแส
"โอ๊ย! ท่านนี่อย่างไร ชอบใช้ความรุนแรงกับสตรี ไม่สมกับเป็นหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพรเอาเสียเลย" สือลี่ผิงค้อนควัก ทว่าอีกฝ่ายกลับมองเธอด้วยความเหยียดหยาม
"เจ้ากล้าใช้ข้าเป็นหมากเพื่อเอาตัวรอดอย่างนั้นหรือ" เสียงทุ้มเย็นเยียบราวกับคมมีดน้ำแข็ง
สือลี่ผิงงุนงงชั่วครู่ ทว่าเมื่อฉุกนึกถึงเรื่องบนโต๊ะอาหารที่นางกล่าวอ้างออกไปก็ต้องกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ พลางเอ่ยวาจากะพร่องกะแพร่ง "คือ... คือว่า อันที่จริงข้าก็ไม่ได้อยากทำเช่นนั้น แต่ท่านเองก็ไม่อยากให้ข้าและพี่สาวเป็นอนุบิดาท่านมิใช่หรือ หากข้าไม่บอกว่าเราเป็น...เอ่อ...ออกไป แล้วอยู่ ๆ ท่านก็พาข้ามาบอกว่าเป็นภรรยาตนเอง คิดหรือว่าทุกคนจะยอมเชื่อท่าน"
ลู่อี้ฝานหรี่นัยน์ตาด้วยนึกคลางแคลง ขาสูงย่างกรายเข้าใกล้เตียงเบื้องหน้าเชื่องช้า สือลี่ผิงพยายามกระถดกายไปยังเบื้องหลัง แม้จะตื่นตระหนกเพียงใดทว่านางยังคงปลอบประโลมตนเอง พลางปรับลมหายใจให้เป็นปกติ ต่อให้วันนี้ต้องกลบตนเองลงสู่พสุธา นางก็ไม่มีทางยอมให้บุรุษตระกูลลู่หยามเกียรติตนแน่นอน
"จะไปที่ใ
"ลู่อี้ฝาน ทะ...ท่านทำอะไร ปล่อยข้า!"ขาเรียวดีดดิ้นไปมา มือน้อย ๆ ทุบตีแผ่นหลังกว้างเป็นระวิง"หยุดดิ้น!""ไม่!"ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ขาของสือลี่ผิงพยายามกวัดแกว่งเอาตัวรอดเพียะ!สือลี่ผิงรู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่ฟาดลงมายังบั้นท้ายของตน นางหยุดดิ้นแล้ว ทว่าในใจกลับเต้นดังโครมคราม ภาพต่าง ๆ กลับหน้ากลับหลังไปเสียหมด เขากำลังล่วงเกินนางหรือ เมื่อสักครู่อาการเจ็บแสบนั่น ฝ่ามือของเขาอย่างนั้นรึ"ลู่อี้ฝาน นี่ท่าน คนไร้ยางอาย"เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเหยียดยิ้มกว้างชั่วร้าย "อยากดิ้นนักไม่ใช่หรือ ดิ้นต่อสิ เจ้าดิ้นเท่าใดข้าจะหวดก้นเจ้าเท่านั้น"สือลี่ผิงตะลึงงัน เขาต้องการสิ่งใดจากนางกันแน่ ไฉนต้องรังแกกันเฉกเช่นตุ๊กตาไม้ไร้ชีวิตตนหนึ่ง เพราะเกรงกลัวคำขู่ขวัญ สือลี่ผิงจึงปล่อยให้ศีรษะของตนห้อยต่องแต่งอยู่เช่นนั้น คนบนบ่าเลิกต่อต้านแล้ว ซือซือซึ่งกำลังมาตามสือลี่ผิงพลอยเบิกตากว้างด้วยความตระหนก นางเห็นว่านายของตนออกมานานนักทว่ายังไม่กลับเสียที คาดไม่ถึงว่าจะเห็นลู่อี้ฝานกำลังแบกกายอันเปียกลู่ไว้บนบ่าเช่นนั้นซือซือเอ่ยด้วยค
สืออี้หนานเดินผ่านบริเวณสระน้ำกลางจวน สายตาของนางเหลือบเห็นบุรุษร่างสูงเข้าพอดี ภายในใจคิดอยากใกล้ชิดอีกฝ่าย ขณะเดียวกันสือลี่ผิงกำลังมุ่งหน้าไปยังสระน้ำเช่นเดียวกัน เนื่องจากนางต้องการตักน้ำเพื่อนำไปรดต้นบุปผาที่ตนนั้นปลูกเรียบร้อยแล้ว สือลี่ผิงมิได้สนใจว่ามีอีกคนที่ยังอยู่ใกล้พื้นที่ตรงนั้นตู้ม!อยู่ ๆ เสียงบางอย่างหล่นลงน้ำกลับดังขึ้นไม่มีปี่มีขลุ่ย พร้อมเสียงกรีดร้องของสตรี สาวรับใช้ของสืออี้หนานซึ่งหน้าตาเปื้อนเขรอะแสร้งร้องขอความช่วยเหลืออยู่ตรงนั้น ส่วนนายของตนตะเกียกตะกายประดุจใกล้จมลงไปใต้น้ำแล้ว"ช่วยด้วยเจ้าค่ะอนุสี่ตกน้ำ!"เสียงแหลมเล็กกรีดร้องเสียจนแสบแก้วหู สือลี่ผิงมองลงไปยังสระเบื้องล่างพลางขมวดคิ้วมุ่น สืออี้หนานพยายามตีแขนตีขาสำลักน้ำเสียจนน้ำหูน้ำตาไหล สือลี่ผิงส่ายหน้ายิ้มขัน นางสาวเท้าเข้าใกล้สาวใช้ซึ่งยืนโหวกเหวกโวยวายไม่เป็นเรื่อง ขาเรียวยกขึ้นยันสะโพกที่ดีดเด้งไปมาโครมหนึ่งตู้ม!ลู่อี้ฝานซึ่งยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก เขาเห็นเหตุการณ์เบื้องหน้าทั้งหมดพลอยลอบยิ้มขัน ทว่าสือลี่ผิงกลับไม่เห็นเขา&nb
การหารือสิ้นสุดเพียงเท่านั้น อีกสามวันจึงจะมีการจัดพิธีวิวาห์ขึ้น สือลี่ผิงขอปลีกตัวออกมาก่อน นางไม่อาจทนมองหน้าสือจินรุ่ยและฮูหยินใหญ่ตระกูลลู่ผู้สุดแสนไร้ยางอายได้อีกแล้ว มีอย่างที่ไหนติดหนี้เขายังกล้าเอ่ยปากเรื่องสินสอด ลู่อี้ฝานก็ช่างปะไร เดิมทีนางทำสัญญาเป็นภรรยาของเขาเพียงในนามเท่านั้น เหตุใดเขาจำต้องทำให้เรื่องราวบานปลายเอิกเกริกเพียงนี้กันก่อนวันวิวาห์สือลี่ผิงพยายามหลบเลี่ยงลู่อี้ฝาน บางวันนางถึงขั้นขอค้างที่ห้องของลู่อี้เหนียง โดยให้เหตุผลว่าจะช่วยนวดผ่อนคลายความเครียด อีกทั้งบ่าวสาวไม่ควรพบหน้าก่อนวันวิวาห์ช่วงเช้าสือลี่ผิงจึงใช้เวลาในการปลูกบุปผาและต้นไม้ที่หน้าเรือนให้ลู่อี้เหนียง พยายามทำตัวยุ่งให้มากที่สุด ไม่รู้เหตุใดเวลาว่างนางมักนึกถึงใบหน้าเย็นชาของลู่อี้ฝานเสมอ แม้แต่ในใจของนางเขาก็เข้ามาวนเวียนจนแทบกระอักตายขณะที่สตรีร่างบอบบางกำลังก้ม ๆ เงย ๆ อยู่กับบ่าวสองสามคน สือลี่ผิงรู้สึกตงิดใจชอบกล ประดุจกำลังถูกจับจ้อง นางจึงหันหลังขวับทันเห็นสาวรับใช้ของสืออี้หนานยกถังน้ำขึ้นเหนือหัวพอดี สบกับจังหวะที่นางยืดกายยืนขึ้นยกไม้ยกมือเพื่อคลายความเ
สือจินรุ่ยและสือเสี่ยวเย่นั่งรออยู่สักพักแล้ว เบื้องหน้ายังมีลู่เยี่ยนฮ่าว คุณชายลู่หย่วน รวมถึงสืออี้หนาน ทว่ากลับไร้เงาของลู่อี้ฝาน ตั้งแต่สือลี่ผิงลืมตาตื่นนางยังไม่พบหน้าของเขาเลยด้วยซ้ำ หรือเขาคิดจะลอยแพนางกันเล่า หวนนึกไปแล้วก็ให้ปวดใจอย่างน่าประหลาด เขาไม่สนใจนางก็นับว่าเป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือ"มาแล้วหรือ" ลู่เยี่ยนฮ่าวเอ่ยถามทันทีที่สือเสี่ยวเย่และสือจินรุ่ยพบบุตรสาวคนรองทั้งสองถึงกับเบิกตากว้างตะลึงลาน นับตั้งแต่สาวใช้ของสืออี้หนานไปแจ้งข่าวกับพวกเขาโดยไร้หลักฐานตนก็รู้สึกเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะนางบอกว่าได้ทำหนังสือที่สืออี้หนานเขียนหายไป คาดไม่ถึงว่าการมาครั้งนี้จะพบกับสือลี่ผิงจริง ๆ ทว่ามู่หรานหายไปที่ใดกันเล่า"ลูกตัวดี เจ้าหายไปที่ใดมา!" สือเสี่ยวเย่ลืมตัวโพล่งเสียงดังลู่อี้เหนียงถึงกับตวัดสายตามองขวับ "ฮูหยินใหญ่สือ ข้าทราบว่าท่านกำลังเป็นห่วงบุตรสาว ทว่าที่นี่คือตระกูลลู่ ใช่เรื่องที่ท่านจะทำกิริยาเช่นนี้หรือ"สือเสี่ยวเย่ยิ้มแหย ผู้เป็นสามีจึงกระแอมเบาพลางขึงดวงตาให้นางถอยกลับเดี๋ยวนั้นส
"มาแล้วหรือ ลี่ผิง" ลู่อี้เหนียงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น เรียวมืองามวางถ้วยชาลงแช่มช้า"เจ้าค่ะท่านแม่" สือลี่ผิงค้อมศีรษะเล็กน้อย"มานี่สิ"ร่างบอบบางเยื้องย่างเข้าไปยังเบื้องหน้าของอีกฝ่าย แม้กาลก่อนสือลี่ผิงคนเดิมเข้ามาในนามของอนุ ทว่าคนผู้เดียวซึ่งเอ็นดูนางเป็นที่สุดก็คือฮูหยินใหญ่ตระกูลลู่ นางช่างเป็นสตรีจิตใจกว้าง ถึงแม้อายุไม่ได้น้อยแล้ว ทว่าใบหน้าของลู่อี้เหนียงยังคงงดงามราวสวรรค์ปั้นแต่ง น่าเสียดายยิ่งที่ต้องเข้ามาเป็นภรรยาของลู่เยี่ยนฮ่าว ตาแก่นั่นช่างไม่คู่ควรเลยจริง ๆ"นั่งลงเถิด"สือลี่ผิงผินหน้ามองที่ว่างฝั่งตรงข้ามก็พานเกรงใจ แต่เมื่อเหลียวมองสีหน้าของลู่อี้เหนียงทั้งใจดีและอบอุ่นเพียงนี้ ความอึดอัดใจตลอดหลายวันจึงผ่อนคลายลงไปมาก ริมฝีปากสีกุหลาบยิ้มละไมตอบกลับ"ขอบพระคุณเจ้าค่ะ"สือลี่ผิงหย่อนกายลงนั่ง ทางด้านลู่อี้เหนียงจึงยกป้านชาขึ้นรินให้นาง ด้วยสีหน้าสบายอารมณ์"ท่านแม่ ข้ารินเองเจ้าค่ะ""ไม่เป็นไร ชานี่คือชาใบอ่อน ของดีจากบ้านเกิดของข้าเชียวต
ร่างบอบบางถูกโยนลงบนที่นอนอย่างไม่แยแส"โอ๊ย! ท่านนี่อย่างไร ชอบใช้ความรุนแรงกับสตรี ไม่สมกับเป็นหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพรเอาเสียเลย" สือลี่ผิงค้อนควักทว่าอีกฝ่ายกลับมองเธอด้วยความเหยียดหยาม"เจ้ากล้าใช้ข้าเป็นหมากเพื่อเอาตัวรอดอย่างนั้นหรือ" เสียงทุ้มเย็นเยียบราวกับคมมีดน้ำแข็งสือลี่ผิงงุนงงชั่วครู่ทว่าเมื่อฉุกนึกถึงเรื่องบนโต๊ะอาหารที่นางกล่าวอ้างออกไปก็ต้องกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ พลางเอ่ยวาจากะพร่องกะแพร่ง "คือ... คือว่า อันที่จริงข้าก็ไม่ได้อยากทำเช่นนั้น แต่ท่านเองก็ไม่อยากให้ข้าและพี่สาวเป็นอนุบิดาท่านมิใช่หรือ หากข้าไม่บอกว่าเราเป็น...เอ่อ...ออกไป แล้วอยู่ ๆ ท่านก็พาข้ามาบอกว่าเป็นภรรยาตนเอง คิดหรือว่าทุกคนจะยอมเชื่อท่าน"ลู่อี้ฝานหรี่นัยน์ตาด้วยนึกคลางแคลง ขาสูงย่างกรายเข้าใกล้เตียงเบื้องหน้าเชื่องช้า สือลี่ผิงพยายามกระถดกายไปยังเบื้องหลัง แม้จะตื่นตระหนกเพียงใดทว่านางยังคงปลอบประโลมตนเอง พลางปรับลมหายใจให้เป็นปกติ ต่อให้วันนี้ต้องกลบตนเองลงสู่พสุธา นางก็ไม่มีทางยอมให้บุรุษตระกูลลู่หยามเกียรติตนแน่นอน"จะไปที่ใ