ลู่อี้ฝานเดินจากไปโดยไม่หันมาสนใจนางอีก สือลี่ผิงมองตามอีกฝ่ายตาปริบ ๆ เขากำลังคิดทำสิ่งใดกันแน่ แล้วนางควรทำเช่นไรต่อหรือ จ้าวหวินและมารดาของสือลี่ผิงคงกำลังคอยทางตนอยู่เป็นแน่
คิดสิลี่ผิงควรทำเช่นไรดี
สือลี่ผิงพยายามประมวลความคิด ดูเหมือนอีกฝ่ายชะล่าใจอยู่ไม่น้อย แม้ห้องอาจทึมทึบทว่ากลับยังมีแสงรำไรลอดผ่าน เสียงบานประตูปิดงับดังปัง ร่างบอบบางจึงรีบถลันกายแนบหูชิดบานประตูเดี๋ยวนั้น บรรยากาศด้านในช่างดูอับชื้นไม่น่าอภิรมย์
สือลี่ผิงพยายามแนบใบหูให้ชิดกับบานประตูมากที่สุด นางได้ยินเสียงสนทนาของบุรุษดังแว่วเป็นระยะ
"นายน้อย เอาเช่นไรดีขอรับ ตอนนี้นายท่านได้เปลี่ยนตัวอนุเป็นสือลี่ผิงแล้วขอรับ"
ลู่อี้ฝานเลิกคิ้วหนึ่งฝั่ง เขารู้สึกแคลงใจกับสถานะของคุณหนูตระกูลนี้อย่างน่าประหลาด แท้จริงแล้วสืออี้หนานคือนางที่อยู่กับเขา หรือเป็นสือลี่ผิงตัวจริงตามที่นางกล่าวอ้างกันแน่
"เมื่อสักครู่นางปฏิเสธว่าตนเองคือสืออี้หนาน เช่นนั้นตอนนี้สือลี่ผิงตัวจริงยังคงอยู่ที่จวนสกุลสือใช่หรือไม่"
"เอ่อ...เกร
ลู่อี้ฝานเดินจากไปโดยไม่หันมาสนใจนางอีก สือลี่ผิงมองตามอีกฝ่ายตาปริบ ๆ เขากำลังคิดทำสิ่งใดกันแน่ แล้วนางควรทำเช่นไรต่อหรือจ้าวหวินและมารดาของสือลี่ผิงคงกำลังคอยทางตนอยู่เป็นแน่คิดสิลี่ผิงควรทำเช่นไรดี สือลี่ผิงพยายามประมวลความคิด ดูเหมือนอีกฝ่ายชะล่าใจอยู่ไม่น้อย แม้ห้องอาจทึมทึบทว่ากลับยังมีแสงรำไรลอดผ่าน เสียงบานประตูปิดงับดังปัง ร่างบอบบางจึงรีบถลันกายแนบหูชิดบานประตูเดี๋ยวนั้น บรรยากาศด้านในช่างดูอับชื้นไม่น่าอภิรมย์สือลี่ผิงพยายามแนบใบหูให้ชิดกับบานประตูมากที่สุด นางได้ยินเสียงสนทนาของบุรุษดังแว่วเป็นระยะ"นายน้อย เอาเช่นไรดีขอรับ ตอนนี้นายท่านได้เปลี่ยนตัวอนุเป็นสือลี่ผิงแล้วขอรับ"ลู่อี้ฝานเลิกคิ้วหนึ่งฝั่ง เขารู้สึกแคลงใจกับสถานะของคุณหนูตระกูลนี้อย่างน่าประหลาด แท้จริงแล้วสืออี้หนานคือนางที่อยู่กับเขา หรือเป็นสือลี่ผิงตัวจริงตามที่นางกล่าวอ้างกันแน่"เมื่อสักครู่นางปฏิเสธว่าตนเองคือสืออี้หนาน เช่นนั้นตอนนี้สือลี่ผิงตัวจริงยังคงอยู่ที่จวนสกุลสือใช่หรือไม่""เอ่อ...เกร
ตุบ!"โอ๊ย!"ร่างบอบบางถูกโยนลงพื้นอย่างไม่ปรานี ตลอดเส้นทางสือลี่ผิงพยายามด่าทอทุบตีบุรุษปริศนาเสียจนสิ้นไร้เรี่ยวแรง มีอย่างที่ไหน ยกร่างสือลี่ผิงขึ้นบ่าแข็งราวแผ่นเหล็กไม่หนำใจ เขายังวางตัวของนางพาดเอาไว้บนหลังม้า ขณะที่อาชาห้อตะบึงไปเบื้องหน้าความจุกเสียดก็พลอยแล่นปร๊าดเข้ามาบริเวณช่องท้องเสียจนแทบอาเจียนพรึบ!ผ้าคลุมศีรษะถูกปลดออก สือลี่ผิงพยายามปรับรูม่านตาของตนเพื่อให้สามารถมองภาพเบื้องหน้าได้ชัดถนัดตา ทว่านางพิศมองเพียงใดบุรุษตรงหน้าก็ยังประดุจเงาสูงใหญ่เงาหนึ่งเท่านั้น"ท่านเป็นใคร เหตุใดต้องทำกับข้าถึงเพียงนี้"เจ้าของร่างสูงนั่งไขว้ขาอยู่บนเก้าอี้ไม้เนื้อดี ทว่าสือลี่ผิงกลับมองหน้าของเขาไม่ชัดนัก เนื่องจากด้านในเป็นห้องขนาดไม่กว้างมาก ซ้ำยังมืดมนทึมทึบ มีเพียงแสงสว่างจากเชิงเทียนที่ส่องสะท้อนอยู่เบื้องหลัง อีกฝ่ายมองเห็นนางได้กระจะตาเขาทอดสายตามองสตรีบนพื้นพลางเหยียดยิ้มหยามหยัน"เจ้าหรือ สืออี้หนาน" เสียงทุ้มเอ่ยเย็นเยียบเสียงคุ้น ๆ ปวดหัวนักความทรงจ
"คุณหนูและฮูหยินรองหายไปขอรับ" เสียงบ่าวในจวนเอ่ยหน้าตื่นสือจินรุ่ยโมโหจนถึงขีดสุด เขายกมือขึ้นคลึงหว่างคิ้วพลางหลับดวงตาพยายามระงับโทสะ สือเสี่ยวเย่เดินอาด ๆ เข้ามาด้านในก็ให้ต้องงุนงงกับความอลหม่านในจวน"ท่านพี่เกิดเรื่องใดหรือเจ้าคะ""มู่หรานและลี่ผิงหนีไปแล้ว""หนีไป!" เสียงแหลมแผดดังลั่นด้วยอาการตื่นตระหนกสือจินรุ่ยขมวดคิ้ว "เสียงดังหนวกหูนัก""แล้วจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ" น้ำเสียงของนางร้อนรน แผนสำรองที่วางเอาไว้ต้องพังครืนไม่เป็นท่าอีกแล้วหรือ เหตุใดสือลี่ผิงจึงปีกกล้าขาแข็งได้เพียงนี้สือจินรุ่ยตวัดสายตามอง กล่าวลอดไรฟัน "เพราะเจ้าไม่ใช่หรือ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ เจ้ากดขี่พวกนางเกินกว่าเหตุ""ท่านพี่ จะกล่าวหาเพียงข้าได้อย่างไรเจ้าคะ ท่านเองก็ไม่ต่างจากข้า""หุบปาก!" สือจินรุ่ยตวาดลั่นสือเสี่ยวเย่หน้าซีดเผือดสะดุ้งตัวโยน นางผินหน้าประกาศเสียงดังก้อง "แยกย้ายกันออกตามหาพวกนาง หากวันนี้ไม่พบก็อย่าได้เสนอหน้ากลับมา""ขอรับ/เจ้าค่ะ"บ่าวในจวนต่างแยกย้ายออกตามหาสือลี่ผิงให้จ้าละหวั่น กว่าที่นางจะหล
สุดท้ายแล้วการรับอนุคนใหม่ของลู่เยี่ยนฮ่าวจึงเป็นคุณหนูรองของตระกูลสือ นามว่าสือลี่ผิง ทว่าสือลี่ผิงที่หมายถึงก็คือคุณหนูใหญ่ที่สลับตัวตนกับคุณหนูรอง ใต้เท้าลู่ต้องการนำตัวของนางกลับเดี๋ยวนั้นโดยไร้พิธีรีตองสืออี้หนานต้องการเปิดโปงสถานะของตนและสือลี่ผิง ทว่ากลับถูกบิดาปรามไว้ นางจึงยอมก้มหน้ารับชะตาด้วยความขมขื่น ท้ายที่สุดสืออี้หนานจึงลอบบอกความจริงให้ลู่เยี่ยนฮ่าวทราบ แต่เมื่อความจริงถูกเปิดเผยกลับเพิ่มความเดือดดาลให้อีกฝ่ายเป็นทบทวีคูณ ประดุจสาดน้ำร้อนลวกตนเอง"ท่านแม่...ฮรึก ฮือออ...ท่านแม่เจ้าคะ เหตุใดจำต้องเป็นข้า ไยท่านเคยบอกว่าจะส่งมันไป!" สืออี้หนานร้องไห้โยเย เอ่ยวาจาร้อนรนราวคนเสียสติสือเสี่ยวเย่กอดปลอบประโลมบุตรสาวของตนแนบอก นางเองก็จนใจช่วยเหลือ พลางกัดฟันกรอดด้วยความเคียดแค้น "อี้หนาน ไม่ต้องร้อง ถึงอย่างไรใต้เท้าลู่ก็ร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งแห่งหนานโจว ต่อให้เขามีอนุมากมายแล้วอย่างไร เจ้าก็เพียงปิดหูปิดตาอยู่ให้สุขสบายไปวัน ๆ ไม่ดีกว่าหรือ"สือเสี่ยวเย่ไม่อยากให้เรื่องเป็นเช่นนี้ ผู้ใดจะคาดคิดว่าสือลี่ผิงกล้าเล่นลูกไม
สือลี่ผิงแสร้งตกใจ นางรีบยอบกายลงบนพื้น "ใต้เท้า ท่านโมโหสิ่งใดหรือเจ้าคะ หรือข้างามไม่ถูกใจท่าน" เสียงทุบโต๊ะดังขึ้นอีกหน ทุกคนต่างพร้อมใจกันสะดุ้งโหยง สือจินรุ่ยเร่งยืนขึ้น ตวัดสายตามองฮูหยินตน นางรีบหลุบดวงตาไม่กล้าสู้หน้าผู้เป็นสามี พลางค้อนควักให้กับสือลี่ผิง แต่ไหนเลยสือลี่ผิงจะคิดใส่ใจ อยากเดินหมากสลับตัวหรือ มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก "ตะ...ใต้เท้าลู่ ท่านใจเย็น ๆ ก่อน แท้จริงหน้าตาของอี้หนานไม่ใช่เช่นนี้ นางคงป่วย" สือจินรุ่ยเร่งแก้ตัว "ป่วยหรือ อัปลักษณ์เพียงนี้ แล้วภาพนี้เล่ามิใช่นางรึ!" ลู่เยี่ยนฮ่าวยกภาพวาดสาวงามขึ้น ทันทีที่สือเสี่ยวเย่เห็นภาพเบื้องหน้า ดวงตาพลันเบิกกว้าง นางยกมือทาบอกแทบเกิดลมจับหงายตึง นั่นคือภาพวาดของสืออี้หนานจริง ไยจึงไปอยู่กับใต้เท้าลู่ได้กัน หรือเมื่อครู่เป็นสิ่งที่สือลี่ผิงขว้างมันลงไป"ลี่ผิง!...เอ่อ...อี้หนาน ใบหน้าของเจ้าไยจึงบวมเจ่อปานนั้น" สือจินรุ่ยเอ่ยเสียงแข็ง สือลี่ผิงแหงนหน้าขึ้น สภาพใบหน้าของนางแทบดูไม่จืด ปากบวมแก้มปูดไปทุกสัดส่วน ยิ่งมองก็ยิ่งไม่น่าอภิรมย์ สือลี่ผิงขยับปากบวมเจ่ออู้อี้ "ท่านพ่อ หน้าตาของข้าก็เป็นเช่นนี้มานานแล้วนะเ
ชายวัยกลางคนนั่งจิบน้ำชาสีหน้าคล้ายยิ้มแต่มิยิ้มอยู่ ณ จวนสกุลสือ ที่เขาเดินทางมาในวันนี้เพียงเพื่อต้องการพบหน้าคุณหนูใหญ่ของสือจินรุ่ย ซึ่งตนหมายทำการรับนางเข้าไปเป็นอนุคนที่สี่ของจวน ใครก็ว่าบุตรสาวคนโตของสกุลสือหน้าตางดงามสะสวย ทว่ากลับมิเคยมีผู้ใดเอ่ยถึงคุณหนูรองเลยสักครา วันนี้เขาอยากเห็นกับตานักว่าจะงดงามสมคำร่ำลือหรือไม่"บุตรสาวของท่านเล่า ใต้เท้าสือ" ลู่เยี่ยนฮ่าวยกถ้วยชาขึ้นพลางเป่าลมเย็นลงไปก่อนจิบราวไม่อนาทรร้อนใจเขารู้สึกอารมณ์สุนทรีย์นักที่ตนจะได้รับอนุรุ่นลูกเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของจวน นานมากแล้วที่ไม่ได้ลิ้มลองสตรีหน้าใหม่ ๆ แม้มีอนุมากมายทว่าเขารู้สึกเบื่อหน่ายบรรดาสตรีเหล่านั้นเสียแล้ว"ใต้เท้า ใจเย็น ๆ สิขอรับ ตอนนี้นางกำลังเตรียมตัวต้อนรับท่าน คงตื่นเต้นเลยช้าเพียงนี้" สือจินรุ่ยรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เขาปรายตามองฮูหยินของตน พลางเอ่ยเสียงเบาลอดไรฟัน "เมื่อใดนางจะโผล่หัวมา"สือเสี่ยวเย่ค้อนควัก "มันน่านัก เดี๋ยวข้าส่งคนไปตามเองเจ้าค่ะ""รีบไป!"สือเสี่ยวเย่กวักมือเรียกสาวรับใช้นางหนึ่ง พลางกระซิบกระซาบเสียงแผ่ว อีกฝ่ายพยักหน้าแล้วเร่งจากไปด้วยความร้อนรน"เอ
สือลี่ผิงกวาดสายตามองสตรีร่างผอมโซซึ่งนอนอยู่บนเตียงกลางเก่ากลางใหม่ จิตใจของนางไหวระทึก เหมือนเหลือเกิน นี่คือท่านแม่ของนาง หน้าตาละม้ายกันถึงเพียงนี้ สือลี่ผิงจึงรับรู้ได้ในบัดดล ว่านางได้เข้ามายังร่างเดิมของตน ร่างที่ไม่รู้ว่าถือกำเนิดแต่ชาติปางไหน และนางต้องวนมาชดใช้กรรมใด ทว่าการได้มารดากลับมาอีกครั้งนับเป็นพรจากสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่เหนือคณนาแล้ว"ท่านแม่!" สือลี่ผิงถลันกายเข้าหาผู้เป็นมารดาด้วยใจคะนึงหานานมากแล้วที่แม่ของนางตายจากไปไม่อาจย้อนกลับ แม้แต่คำบอกลาก็ยังไม่ทันได้เอ่ย แค่ก แค่ก "ลี่ผิง ไยมอมแมมเช่นนี้เล่า แล้วเร่งร้อนเรื่องใด" ฝ่ามือสั่นระริกเอื้อมสัมผัสใบหน้าของบุตรสาวด้วยความทะนุถนอม พลางไอโขลกไม่หยุดหย่อน สื่อลี่ผิงส่ายหน้าเป็นพัลวัน นางจับมือของมารดาแนบไว้ข้างแก้มของตน หยาดน้ำสีใสเอ่อคลอ ภาพเบื้องหน้าเริ่มพร่าเบลอ "ท่านแม่ ข้าคิดถึงท่านเจ้าค่ะ" มู่หรานคลี่ยิ้มอบอุ่น ปลายนิ้วชี้ค่อย ๆ ปาดหยาดน้ำตาซึ่งหลั่งรินลงมาอาบพวงแก้มจนเปื้อนเขรอะ "เด็กดี ไม่ต้องร้อง ทำราวกับเราจากกันนานโข เจ้าถูกลงโทษให้อยู่ห้องเก็บฟืนทั้งคืน คงลำบากแย่แล้ว" "ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ เพียงข้ายังพ
เสียงลมหายใจดังผะแผ่วท่ามกลางความเงียบสงัด นัยน์ตากลมโตปิดสนิทราวคนมืดบอด อีกไม่นานคงต้องบอกลาโลกใบนี้เสียแล้ว สตรีร่างบอบบางนอนทอดกายไร้เรี่ยวแรงอยู่ภายในโลงไม้แสนคับแคบ เหตุใดบรรยากาศแลดูวิเวกวังเวงนัก นางกำลังถูกฝังทั้งเป็น!หญิงสาวผู้หนึ่งถูกใส่ความว่านางคบชู้สู่ชาย ขณะที่บุรุษสามารถมีภรรยามากมายทว่าสตรีกลับไม่ได้รับความเป็นธรรม ซ้ำร้ายบุรุษที่นางต้องแต่งเข้ามายังแก่คราวพ่อ มักมากในกาม บิดาของนางไม่เคยไยดีต่อบุตรีเช่นนาง ทุกคนล้วนทราบดีว่านางเป็นคุณหนูรองที่บิดาไม่ได้ตั้งใจให้กำเนิด นางคือความผิดพลาดของตระกูล คือความอัปยศที่ไม่อาจกล่าวถึง ครั้นถึงคราต้องขายบุตรสาวเพื่อใช้หนี้ บิดาของนางจึงไม่ลังเลที่จะเลือกส่งนางออกไปเป็นอนุผู้อื่น อยู่จวนของตน ถูกพี่สาวต่างมารดารังแก ตบแต่งออกมาถูกอนุคนอื่น ๆ รุมกลั่นแกล้ง สวรรค์ช่างเลือดเย็นกับนางยิ่งนัก ชาตินี้ข้าไม่อาจมีชีวิตดังใจหวัง ชาติหน้าขออย่าให้ข้าต้องเกิดมาอ่อนแอเช่นนี้อีกเลย ..ซ่าาาาา....."ลากมันออกไป!" สตรีร่างบอบบางนอนขดกายอยู่บนพื้นเย็นเยียบ มีเพียงฟางแห้งที่ใช้ปูรองเอาไว้อย่างลวก ๆ นางค่อย ๆ ขยับเปลือกตาเนิบช้า เรือนกายสั