พราวฟ้าแอบถอนหายใจเบาๆ พยายามลุกขึ้นยืนทั้งที่มีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในจุดอ่อนไหวของร่างกาย สัมผัสวูบวาบตอนที่ผ่านมือใหญ่กรีดนิ้วจับไข่สั่นยัดเข้าไปด้านในเธอก็แทบผวาขนลุกชันไปทั้งตัว แต่ตอนนี้สิ่งที่อยู่ในนั้นกลับสร้างความอึดอัดแปลกๆ ให้เธอไม่น้อย มันไม่เจ็บแต่ก็รู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัวเท่าไรนัก
"อ๊ะ..." ลุกขึ้นยืนได้กำลังจะก้าวขาเดินออกจากโซฟาตรงนั้น แต่อยู่ๆ เธอก็ต้องทรุดตัวลงนั่งที่เดิมอย่างแรง เมื่อคนข้างๆ ชูมือขึ้นพร้อมรีโมตอันจิ๋วที่อยู่ในมือ เธอรู้ทันทีว่าตอนนี้เขากดปุ่มให้ของที่อยู่ข้างในตัวเธอมันสั่น และแรงสั่นสะเทือนด้านในมันพาให้เธอเสียววาบไปทั้งท้องน้อย เธอนั่งลงได้ก็ทิ้งกระเป๋าสะพายลงข้างตัวอย่างไม่สนใจ ใช้สองมือกุมที่จุดบอบบางกลางกายอย่างไม่อาจห้ามได้ "อ๊ะ...คุณ...ฟาริส ปิดได้ไหมคะ" เสียงกระท่อนกระแท่นแทบไม่เป็นคำตอนที่เอ่ยขอร้อง ใบหน้าเหยเกราวกับคนเจ็บปวดแต่เขารู้ว่าเธอไม่ได้รู้สึกแบบนั้น "ไม่ชอบหรือ" น้ำเสียงที่ถามมีแววเย้ยหยัน พอเขาปิดรีโมตลงเธอก็ถอนหายใจทิ้งเฮือกใหญ่ "ไหนดูซิ" ฟาริสขยับเข้ามาใกล้ ถือวิสาสะล้วงมือเข้าไปใต้กระโปรงตัวสวยของเธอ นิ้วยาวเรียวลูบผ่านจุดบอบบางอย่างไม่เบามือนัก "น้ำเจิ่งเลยนะ" เธอรู้ว่ามันเป็นอย่างที่เขาว่า เพราะเมื่อครู่ที่ไอ้เครื่องตัวเล็กนั่นทำงานมันกระตุ้นได้อย่างดี แม้จิตใจจะไม่ได้เห็นพ้องกับร่างกาย แต่ก็คงไม่อาจห้ามปฏิกิริยาตอบสนองนั้นได้ และคร้านที่จะให้เหตุผลกับคนตรงหน้า ทำได้เพียงค่อยๆ ดันมือเขาออกอย่างไม่ให้ดูน่าเกลียดเท่านั้น "ถ้าเธอไม่ต้องการ จะกลับก็ได้นะ" "..." "โอเค งั้นฉันจะถือว่าเธอต้องการมัน ไปกินข้าวกันเถอะ" เมื่อเธอไม่ตอบ คนพูดเองก็ตอบเอง พลางลุกขึ้นเดินนำเธอออกไปจากห้อง เขาพาเธอเดินกลับออกมาทางเก่าที่เธอเดินตามคุณอธิปเข้าไปในคราแรก อาหารมื้อค่ำจัดโต๊ะหรูที่เทอเรสหน้าบ้าน แค่เพียงเห็นผู้เป็นเจ้านายเดินมาถึง แม่บ้านที่ยืนรอรับก็จุดเทียนที่วางอยู่กลางโต๊ะทันที บรรยากาศภายใต้แสงเทียนน่าจะชวนให้โรแมนติกมากกว่านี้ ถ้าไม่ติดว่าไอ้ไข่อันจิ๋วสีชมพูมันอยู่ในตัวเธอ และก็พร้อมจะทำงานอย่างขยันขันแข็งได้ตลอดเวลา เธอคงจะรู้สึกชื่นชมกับบรรยากาศอันแสนหวานตรงหน้า บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ถัดจากโต๊ะอาหารเดินมาขยับเก้าอี้ให้เธอแทรกตัวเข้าไป และขยับอีกครั้งตอนที่เธอกำลังจะทิ้งตัวลงนั่ง ถ้าเธอไม่ใช่อดีตดาราเบอร์ต้นๆ ของช่อง และเคยผ่านบทบาทเลิศหรูในละครมาก่อน คงจะทำตัวไม่ถูกเช่นกัน แต่บทเจ้าหญิงจากแคว้นของอริราชศัตรูในครั้งนั้น ทำให้เธอแสดงได้สมบทบาทอีกครั้งในวันนี้ ต่างจากอีกคนที่นั่งลงเอนตัวไขว่ห้างในท่าสบายๆ อยู่ฝั่งตรงข้าม แค่เพียงเธอนั่งลง แม่บ้านที่ยืนรออยู่หลายคนตรงนั้นก็ต่างทำหน้าที่ของตนเองอย่างดี ไวน์ราคาแพงถูกรินใส่แก้วให้เธอในฐานะเลดี้เฟิสต์ ท่าทางการจับขวดที่หันฉลากไวน์ราคาหลายหมื่นให้เธอเห็นอย่างคนชำนาญที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี อาหารเรียกน้ำย่อยก็ถูกวางลงตรงหน้า แต่เธอกลับรู้สึกเหมือนคนเบื่ออาหารขึ้นมาเสียอย่างนั้น ได้แต่ยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มอึกใหญ่ ไม่สนใจมารยาทของสตรีที่พึงมีให้คนตรงหน้า "กี่ปีแล้วนะ ที่เราไม่ได้เจอกัน" เขาแกว่งแก้วไวน์ในท่าสบายๆ ตอนที่เอ่ยถาม "จำไม่ได้ค่ะ" ตลอดระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมาเธอไม่เคยลืมเขาเลยด้วยซ้ำ "ห้าปีใช่หรือเปล่า ตอนนั้นเธอเพิ่งจะอยู่ปีสองใช่ไหม ส่วนฉันอยู่ปีสี่" "ไม่แน่ใจค่ะ" เธอจำได้แม้กระทั่งตอนที่เขาเรียนจบแล้วได้ข่าวว่าไปเรียนต่อต่างประเทศ หลังจากนั้นชื่อของฟาริส ก็หายไปจากสารบบของเธอ มีเพียงความทรงจำอันแสนเลวร้ายของตัวเองที่มันยังจดจำทุกอย่างได้ดี "เห็นเธอในทีวียังตกใจเลย แต่ฉันไม่ค่อยได้กลับไทย เพิ่งกลับมาได้เมื่อไม่กี่เดือนนี่เอง" "คงเห็นนานแล้วมั้งคะ เพราะตอนนี้ฉันไม่มีงานละครฉายที่หน้าจอ" "อ้าวเหรอ..." น้ำเสียงที่ตอบเหมือนไม่รู้ แต่แววตากลับเย้ยหยันจนเธอรู้สึกได้ เขารู้ทุกอย่างดีทีเดียวล่ะ "เพราะเรื่องข่าวนั่นหรือ"ตอนเด็กชายราฟฟา อายุได้เกือบสองขวบ วงการบันเทิงก็มีข่าวใหญ่อีกครั้ง เมื่อสาธรประกาศแต่งงานรอบสองกับภรรยาคนเดิมอย่างอลินา ไม่ได้สร้างความแปลกใจให้ทั้งเธอและฟาริส สื่อต่างๆ อวยพรกันอย่างคับคั่งในวันแถลงข่าว แต่ก็มีสื่อบางสำนักที่ยังจำเรื่องราวในอดีตได้เป็นอย่างดี เอ่ยถามถึงเรื่องราวในครั้งนั้นทำนองว่าที่เลิกกันเป็นเพราะดาราสาวอย่างพราวฟ้า "สำหรับน้องพราว เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันครับ จริงๆ เธอเป็นน้องสาวของผม ลูกพี่ลูกน้องกันครับ พ่อผมกับแม่เธอเป็นพี่น้องคนละแม่ แต่ที่ตอนนั้นเราต้องปิดข่าวเพราะย่าผมไม่สบาย ท่านไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อน" คำตอบของสาธร สร้างเสียงฮือฮาให้สื่อทุกสำนัก จากนั้นก็ยังมีคำถามอีกมากมายที่ตามมา (ถ้าอย่างนั้นเรื่องที่คุณพราวเป็นมือที่สามก็ไม่ใช่เรื่องจริง) "ครับ" (คุณอลินาไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อนใช่ไหมคะ) "ใช่ครับ คุณอลินาไม่เคยทราบเรื่องนี้ เธอรู้เรื่องตอนงานศพย่าผมนั่นแหละครับ ได้เจอน้องพราวกันโดยบังเอิญในงาน" (คุณสาธรกับคุณอลินาเลยได้มีโอกาสกลับมาดีกันใช่ไหมคะ) "ครับ หลังจากนั้นผมกับอลินาก็ได้มีโอกาสกลับมาคุยกันอีกครั้ง จนถึงวันนี้ครับ
"คุณพ่อคะ คุณพ่อคะ ไหวใช่ไหมคะ" เสียงร้อนรนของพยาบาลที่เอ่ยถาม ชายหนุ่มรูปหล่อที่อยู่ในชุดปลอดเชื้อสีฟ้าเช่นเดียวกับคนท้องที่นอนอยู่บนเตียงผ่าตัด ฟาริสรับแอมโมเนียมาแล้วก็ขยับตัวมานั่งที่เก้าอี้สำหรับคุณพ่อ บริเวณหัวเตียงอย่างเดิม "ไหวไหมคะ ฟาริส" พราวฟ้าเอ่ยถามสามี ที่มีใบหน้าขาวซีดราวกับไก่ต้ม "วะ..ไหว พราวเจ็บหรือเปล่า" เอ่ยถามคุณแม่ที่นอนยิ้มหวานอยู่บนเตียง ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอ "ยังไม่เจ็บหรอกค่ะ" ตอนนี้ยังไม่เจ็บ แต่ไม่รู้ว่าหลังจากยาหมดฤทธิ์แล้วจะเป็นอย่างไร ตอนนี้รู้สึกเพียงเย็นๆ อยู่ที่หน้าท้อง เหมือนมีมือหลายมืออยู่ที่นั่น "ถ้ากลัวเลือดก็อย่าไปมองซิคะ" "ไม่ได้กลัวเลือด แต่กลัวพราวเจ็บ" เพราะภาพที่เขาเห็นเมื่อครู่หลังจากที่หมอกรีดมีดอันเล็กลงที่ผิวหนังหน้าท้องของภรรยา เลือดก็ค่อยๆ ซึมออกมาจากเล็กน้อยกลายเป็นแดงเถือก ความกลัวในชีวิตแทบไม่เคยเกิดขึ้นอยู่ๆ เขาก็แทบเข่าทรุดอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่กลัวเลือด แต่กลัวว่าคนที่นอนท้องโตให้หมอกรีดมีดลงไปจะเจ็บ เธอต้องอดทนขนาดไหน แพ้ท้องก็แสนทรมาน ยิ่งภาพเมื่อครู่ทำเขารู้สึกสงสารเธอขึ้นมาจับใ
เธอสวยกว่าทุกคนที่เขาเคยควง เธอน่ารักสดใสจนไม่อยากทำร้ายแต่ในขณะเดียวกันความเซ็กซี่ของเธอมันกลับเป็นตัวอันตรายที่ทำเขาอดใจไม่อยู่ไปพร้อมๆ กัน "อยากนอนกับฉันไหม" ใบหน้าหวานตื่นตกใจไม่น้อย แต่ตอนที่เขาจ้องมองเธอ ดวงตาคู่สวยกลับไม่ยอมหลบสายตา "เอ่อ..." เสียงครางในลำคออย่างคนที่ใช้ความคิด เธอคงกำลังตัดสินใจกับเรื่องตรงหน้า อย่างน้อยเขาก็ควรบอก "วันไนต์สแตนด์นะ" "เอ่อ..." เธอยังหาเสียงตัวเองไม่เจอ ไม่รู้ว่าตัดสินใจอย่างไร แต่ใบหน้านั้นหม่นลงเล็กน้อย "พอเดินได้ไหม เดี๋ยวฉันไปส่ง พักอยู่ที่ไหน" เห็นหน้าตื่นๆ ลังเลของเธอ เขาก็เลยยอมตัดใจ แต่พอคนตัวสูงลุกขึ้นยืน ข้อมือเขาก็กลับถูกรั้งเอาไว้ "ที่นี่หรือคะ" คำถามกล้าๆ กลัวของคนตัวเล็ก ทำความอดทนเขาขาดลงตรงนั้น ฟาริสนั่งลงที่โซฟาอย่างเดิม รั้งเอวบางของคนตรงหน้าให้ขยับตัวมาแนบชิด ฝ่ามืออีกข้างประคองท้ายทอยรั้งเข้าหา เขาจูบเธออยู่นาน จูบที่รู้ว่านั่นเป็นจูบแรกของเธอด้วยซ้ำ คนตัวเล็กที่จูบตอบกลับอย่างไม่ประสามันชวนให้อารมณ์แห่งความต้องการแสนดิบเถื่อนพลุกพล่าน ในคืนนั้นเขาจึงแทบจะไม่ได้อ่อนโยนกับเธอสักเท่าไร แต่กระนั้
"พราว แกไปไหนมาอ่ะ หายไปตั้งนาน" น้ำขิงเอ่ยทักเพื่อน แต่พอมองแก้วกาแฟในมือพราวฟ้าก็ได้แต่ร้องอ๋อ "ไปซื้อกาแฟที่ตึกบริหารอีกแล้วซิ" น้ำเสียงล้อเลียน พลางหลิ่วตาใส่เพื่อนอย่างรู้ทัน "ก็เราชอบกาแฟร้านนี้ มันอร่อยดี" "แล้วได้เจอไหมล่ะ" "อื้อ" คนตอบได้แต่ทำเสียงในลำคอ ใบหน้าหวานเห่อแดงขึ้นทันตา คนที่อยากเจอก็ได้เจอ เพียงแต่เขาไม่เคยเห็นเธอก็เท่านั้นเอง ในทุกวันจันทร์เธอจะสามารถเห็นฟาริสได้ที่โต๊ะหินอ่อนใต้อาคารบริหาร ซึ่งร้านกาแฟร้านโปรดของเธอก็อยู่ใกล้ๆ ตรงนั้น ในทุกวันอังคารช่วงเที่ยงเธอจะเจอเขาได้ที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัย แอบรู้ทีหลังจากพี่สาวน้ำขิงว่า ฟาริสจะมีชั่วโมงว่างตอนเที่ยงซึ่งจะต้องเข้าคลาสอีกทีก็เกือบบ่ายสอง หลังจากกินข้าวเสร็จเธอก็จะเจอเขาได้ที่ห้องสมุดบ่อยๆ แต่เขาก็ไม่เห็นเธออีกเช่นเคย เพราะคนที่มาห้องสมุดก็แค่เพื่อพักสายตาเท่านั้น บนโต๊ะมุมด้านในไม่มีหนังสือสักเล่ม มีเพียงใบหน้าหล่อเหลาที่ฟุบลงบนแขนของตัวเอง หลับตาตากแอร์เย็นฉ่ำอยู่ด้านใน เธอมีโอกาสเจอเขาครั้งแรกที่นี่เมื่อเดือนก่อน เพราะต้องมายืมหนังสือเพื่อทำรายงาน ขณะกำลังเขย่งปลายเท้าเพื่อห
สาธรรีบเดินมาต้อนรับพราวฟ้าผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องที่หน้าศาลา อธิปยื่นพวงหรีดขนาดใหญ่ส่งให้ สาธรรับไปแล้วก็เดินไปส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ของวัดช่วยจัดการ เธอเข้าไปรดน้ำศพคุณย่าของพี่ธรเสร็จแล้ว ก็เดินเลยไปทางชายชราที่นั่งอยู่เก้าอี้ไม้ตัวใหญ่อีกฝั่ง โดยมีฟาริสตามประกบไม่ห่าง "สวัสดีค่ะคุณตา" "พราว...เป็นไงบ้างลูก" "สบายดีค่ะ" "นี่ใช่ไหม คุณฟาริสที่เป็นข่าวว่ากำลังจะแต่งงานกัน" "ครับ สวัสดีครับ" "สวัสดี ขอบคุณนะครับที่ช่วยดูแลยายพราวอย่างดี ผมผิดต่อแม่ยายพราวไว้เยอะทีเดียว" "เรื่องอดีตช่างมันเถอะครับ พราวเขาก็ไม่ได้ติดใจอะไร ดูแกยังรักพี่ธรเหมือนพี่แท้ๆ อีกต่างหาก" ขนาดยอมลงทุนให้ตัวเองถูกสังคมด่า แม้อยากจะพูดต่ออีกหลายคำ แต่ฟาริสก็เพียงละไว้เท่านั้น เพราะนึกเห็นใจคนที่เพิ่งกำลังสูญเสีย "ตาขอโทษนะ" "ไม่เป็นไรเลยค่ะ คุณตาทำใจให้สบายนะคะ แต่อีกเดี๋ยวสักพักพราวอาจจะต้องกลับก่อนนะคะ ไม่แน่ใจว่าจะมาได้อีกหรือเปล่าค่ะ เอ่อ..คือ พราวกำลังท้องน่ะค่ะ การเดินทางอาจไม่ค่อยสะดวก" "อ้าว..จริงหรือ ตาดีใจด้วย..แค่นี้ก็ดีแล้วลูก ลำบากแย่" "งั้นเดี๋ยวพราวขอตัวก
แต่งฟ้าแลบ พราวฟ้า ประกาศสละโสดกับนักธุรกิจหนุ่มโพรไฟล์หรู ข่าวพาดหัวในเช้าวันใหม่ที่สร้างความฮือฮาให้กับวงการบันเทิงไม่น้อย ชื่อของฟาริส กลายเป็นที่กล่าวถึงไปโดยปริยาย หลายเพจข่าวที่ตีแผ่ประวัติแม้จะไม่ละเอียด แต่ก็พอรู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน ที่สำคัญและดูผู้คนจะสนใจคงไม่พ้น ไอ้นามสกุลต่อท้ายที่ถูกสื่อตั้งขึ้นให้ ฟาริส นักธุรกิจแสนล้าน และดูคำนั้นจะไม่เกินจริงสักนิด เสียงโอ้กอ้าก ที่ดังมาจากห้องน้ำ หญิงสาวตัวเล็กยืนโกงคออยู่เหนือชักโครกโดยมีชายหนุ่มตัวสูงใหญ่ยืนลูบหลัง "เป็นไงบ้าง โอเคไหม พราว" "ดีขึ้นแล้วค่ะ" ใบหน้าหวานขาวซีด ท่าทางอ่อนเพลีย เพราะตั้งแต่เช้านี่เป็นรอบที่สามที่เธอต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ อาการแพ้ท้องดูจะเล่นงานเธอไม่น้อย "ไปกินข้าวกัน เดี๋ยวจะได้กินยา" "ข่าวออกแล้วหรือคะ" "อืม ออกแล้ว ทำไมครับ คุณแม่กลัวเรตติ้งตกหรือไงที่จะต้องแต่งงาน" "กลัวคุณสามีแห่งชาติจะถูกสาวๆ รุมต่างหาก" "อันนี้ก็อาจจะจริง" คนท้องได้แต่ส่งสายตาเขียวๆ "ไหนว่าไม่ชอบเป็นข่าวไงคะ" "ทำไงได้ล่ะ ก็ได้เมียเป็นดารานี่ ว่างๆ จะผันตัวเองไปเป็นอินฟลูเอนเซอร์แล้วเนี่ย" "ค