พราวฟ้าถูกนำตัวกลับมาส่งที่บ้านอีกครั้งพร้อมด้วยผ้าปิดตาเหมือนเดิม เพียงแต่ครั้งนี้เธอไม่ได้ถูกล่ามด้วยกุญแจมือแล้ว
กลับมาถึงก็เกือบสองทุ่มมองเห็นถ้วยบะหมี่ที่อืดจนน้ำแห้งแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจหนักๆ กินบะหมี่เส้นอืดอย่างนั้นอีกทั้งสมองก็ครุ่นคิดวิธีที่จะเงินสามแสนให้ได้ภายในสามวัน หนึ่งวันที่ผ่านไปอย่างไร้ค่า ทำได้เพียงนั่งมองโทรศัพท์ในมือไถไปมาอย่างไร้จุดหมาย เบอร์โทรศัพท์ทุกเบอร์ที่ถูกบันทึกชื่อไว้ไล่ดูแล้วก็ไม่มีใครสักคนที่เธอจะกล้าโทรไปขอยืมเงิน หรือแม้แต่ข้อความแชตจากแอปพลิเคชันต่างๆ มีเพียงเบอร์เดียวที่เธอโทรออกไปหานั่นก็คือพ่อ แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ทั้งวัน มองสมบัติในบ้านถ้าจะขายก็คงจะต้องใช้เวลา ยิ่งตัวบ้านคงไม่ต้องพูดถึง จนสายตาเหลือบไปเห็นรถคันหรูที่ผ่อนมาได้ยังไม่ถึงครึ่งทาง ถ้าขายดาวน์ก็ไม่รู้จะได้ถึงสามแสนหรือเปล่า วันที่สองที่เธอตื่นขึ้นมาในช่วงสาย และตอนนี้ก็บ่ายสองโมงกว่าแล้ว ข้าวเช้าสักเม็ดก็ยังไม่ตกถึงท้อง มีเพียงกาแฟสำเร็จรูปที่ฉีกซองใส่น้ำร้อนแล้วกินได้เลยอยู่ในท้องเพียงแก้วเดียว บ้านขนาดเนื้อที่กว่าร้อยตารางเมตร แต่วันนี้เธอเดินวนอยู่ในบ้านคงมีระยะทางไม่ต่ำกว่าหนึ่งกิโลเมตรแน่นอน เดินวนราวกับหนูติดจั่นที่คิดหาทางออกไม่ได้ จนเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้เธอรีบผวาไปที่โซฟา เห็นเป็นเบอร์แม่เมย์ก็รีบรับสายทันที (ไอ้พราว เอ่อ...มีงานกินข้าวของคุณอธิป แกจะรับอีกไหม สงสัยเขาติดใจแกว่ะ) "ราคาเดิมหรือแม่" (อื้อ เหมือนเดิมทุกอย่าง ถ้าแกตกลงวันนี้ก็ไปที่บ้านเขาได้เลย) พราวฟ้าชั่งใจอยู่ครู่จนแม่เมย์ต้องเอ่ยถามซ้ำ "ตกลงแม่" เมื่อไม่มีหนทางเลือก ศักดิ์ศรีตอนนี้มันกินมันใช้หนี้ไม่ได้ เธอคงต้องวางมันลงก่อน กลั้นใจรับปาก เพียงแต่ครั้งนี้เธอจะไม่ยอมตกเป็นลูกไล่เขาอย่างครั้งก่อนแน่นอน พราวฟ้ามาถึงบ้านหลังใหญ่ในเวลาเดิม ลงจากรถก็ไม่เดินหงออย่างครั้งที่แล้ว ชุดราตรีสีแดงสดกระโปรงยาวสยายละพื้นรับกับผมสั้นสีบอร์นทองและใบหน้าหวานที่ถูกแต่งแต้มไว้อย่างสวยงาม เธอจีบมือจับชายกระโปรงสะบัดเบาๆ ให้เข้าที่ ก่อนจะจิกปลายเท้าก้าวเดินราวกับนางแบบ แม้กระโปรงจะยาวจนถึงพื้นแต่มันก็แอบแฝงความเซ็กซี่เอาไว้ด้วยรอยผ่ายาวตั้งแต่ชายกระโปรงจนถึงขอบบิกินี ทุกครั้งที่ก้าวขายาวๆ เรียวขาคู่งามก็ออกมาอวดความสวย อีกทั้งแผ่นหลังขาวเนียนด้านหลังที่มีเพียงเชือกสีแดงเส้นเล็กผูกไว้กลางหลังเท่านั้น "สวยดีนี่" ฟาริสที่ยืนพิงเคาน์เตอร์บาร์ในห้องเอ่ยทักเมื่อเห็นเธอเดินเข้ามาในห้อง ห้องเดิมเมื่อครั้งที่แล้วนั่นแหละ "ขอบคุณค่ะ" ไม่รอให้เจ้าของห้องเชื้อเชิญ พราวฟ้าก็ก้าวเท้าเดินไปที่เก้าอี้สตูลบาร์ข้างคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น ถือวิสาสะขึ้นไปนั่งไม่สนใจสายตาที่มองอย่างไม่สบอารมณ์ของคนข้างๆ ในตอนนี้ใบหน้าหวานจึงอยู่ระดับเดียวกับคนตัวสูง เธอตวัดเรียวขาข้างที่กระโปรงตัวสวยผ่าสูงขึ้นนั่งไขว่ห้าง ทำให้เรียวขาเนียนข้างนั้นไร้ซึ่งกระโปรงตัวยาวปิดไว้และเธอก็ไม่สนใจชายกระโปรงที่ห้อยทิ้งตัวลงไม่คิดจะจับมันขึ้นมาปิดด้วยซ้ำ "ไม่คิดว่าเธอจะกล้ามานะ" "ฉันก็ไม่คิดว่าคุณจะติดใจ" "ติดใจเธอ ฉันไม่ได้นอนกับเธอ จะติดใจได้ยังไง ถ้าจะติดใจก็คงติดใจไปตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อนนั้นแล้วมั้ง" น้ำเสียงแม้จะไม่ได้เย้ยหยันแต่ก็ฟังไม่ค่อยดูดีนัก ดูผ่อนคลายกว่าเมื่อครั้งที่แล้ว หรือเพราะตอนพูดเจ้าตัวกำลังรินไวน์ส่งให้เธอด้วย "ถ้าไม่ติดใจแล้วเรียกฉันมาทำไมล่ะค่ะ หรือว่าฉันกระตุ้นอารมณ์คุณได้ดี เสร็จแล้วคุณค่อยเรียกคนอื่นมาต่อไรงี้หรอ" กลายเป็นฟาริสที่หน้าตึงขึ้น และเหมือนเธอจะจับจุดเขาได้ถูกอย่างทีเดียว "ฉันคงดีกว่าไวอาก้าซินะคะ" คนพูดหัวเราะเบาๆ อย่างน่าหมั่นไส้ พลางยื่นแก้วไวน์ในมือไปกระทบกับคนข้างๆ "ชนหน่อยค่ะ Cheers" คนพูดยังยักคิ้วให้ก่อนจะจิบไวน์เพียงนิด ส่วนคนที่โดนชนแก้วอย่างไม่ทันตั้งตัวก็ได้แต่ขมวดคิ้ว "ว่าแต่วันนี้มีของเล่นอะไรสนุกๆ อีกไหมคะ" "ฮึ" คราวนี้น้ำเสียงเขาเย้ยหยันขึ้นทันที "เธออยากสนุกแบบไหนล่ะ" "แบบไหนก็ได้ค่ะ แต่ขอแบบที่สนุกกับคุณนะคะ คนเดียวมันไม่สนุกเลย" พราวฟ้าได้แต่จีบปากจีบคอพูด เหมือนนางร้ายในละครหลังข่าวไม่มีผิด "เธอกำลังท้าทายฉันอยู่นะ" "ทำไมคิดแบบนั้นละคะ หรือคุณไม่คิดอยากลองนอนกับฉันสักครั้ง ทั้งที่ยอมเสียเงินตั้งสามแสน ฉันอาจจะถึงใจคุณกว่าเมื่อห้าปีก่อนก็ได้นะ" ไม่พูดเปล่าเมื่อเธอยื่นมือไปลูบแผ่นอกกว้างขอคนข้างหน้า แม้จะมีเสื้อเชิ้ตสีดำกั้นอยู่ แต่ฝ่ามือเล็กก็สัมผัสได้ถึงแผงอกล่ำสัน เธอค่อยๆ ลากมือจนต่ำลงมาถึงหน้าท้องที่แข็งเป็นลอนแม้จะอยู่ภายใต้เสื้อก็ยังสัมผัสได้ถึงลูกคลื่นที่หน้าท้อง "สมกับที่เป็นดาราดังเลยเนอะ แสดงได้ดี แต่ไว้เดี๋ยวค่อยแสดงบนเตียงดีกว่า หรือวันนี้เธออาจจะไม่ต้องเหนื่อยแสดงก็ได้" "อย่างงั้นหรือคะ" ฟาริสเพียงไหวไหล่เบาๆ "จะกินข้าวก่อนไหม" ฟาริสที่เอ่ยถาม เธอยังไม่ทันให้คำตอบ แต่เมื่อได้ยินเสียงพูดถึงอาหารท้องเจ้ากรรมก็เกิดร้องประท้วงออกมาเสียงดัง จนคนข้างๆ ได้ยินชัดเจน จนเขาหัวเราะออกมาเบาๆ "กินเยอะๆ แล้วกัน วันนี้เธออาจจะต้องใช้พลังงานเยอะ"ตอนเด็กชายราฟฟา อายุได้เกือบสองขวบ วงการบันเทิงก็มีข่าวใหญ่อีกครั้ง เมื่อสาธรประกาศแต่งงานรอบสองกับภรรยาคนเดิมอย่างอลินา ไม่ได้สร้างความแปลกใจให้ทั้งเธอและฟาริส สื่อต่างๆ อวยพรกันอย่างคับคั่งในวันแถลงข่าว แต่ก็มีสื่อบางสำนักที่ยังจำเรื่องราวในอดีตได้เป็นอย่างดี เอ่ยถามถึงเรื่องราวในครั้งนั้นทำนองว่าที่เลิกกันเป็นเพราะดาราสาวอย่างพราวฟ้า "สำหรับน้องพราว เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันครับ จริงๆ เธอเป็นน้องสาวของผม ลูกพี่ลูกน้องกันครับ พ่อผมกับแม่เธอเป็นพี่น้องคนละแม่ แต่ที่ตอนนั้นเราต้องปิดข่าวเพราะย่าผมไม่สบาย ท่านไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อน" คำตอบของสาธร สร้างเสียงฮือฮาให้สื่อทุกสำนัก จากนั้นก็ยังมีคำถามอีกมากมายที่ตามมา (ถ้าอย่างนั้นเรื่องที่คุณพราวเป็นมือที่สามก็ไม่ใช่เรื่องจริง) "ครับ" (คุณอลินาไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อนใช่ไหมคะ) "ใช่ครับ คุณอลินาไม่เคยทราบเรื่องนี้ เธอรู้เรื่องตอนงานศพย่าผมนั่นแหละครับ ได้เจอน้องพราวกันโดยบังเอิญในงาน" (คุณสาธรกับคุณอลินาเลยได้มีโอกาสกลับมาดีกันใช่ไหมคะ) "ครับ หลังจากนั้นผมกับอลินาก็ได้มีโอกาสกลับมาคุยกันอีกครั้ง จนถึงวันนี้ครับ
"คุณพ่อคะ คุณพ่อคะ ไหวใช่ไหมคะ" เสียงร้อนรนของพยาบาลที่เอ่ยถาม ชายหนุ่มรูปหล่อที่อยู่ในชุดปลอดเชื้อสีฟ้าเช่นเดียวกับคนท้องที่นอนอยู่บนเตียงผ่าตัด ฟาริสรับแอมโมเนียมาแล้วก็ขยับตัวมานั่งที่เก้าอี้สำหรับคุณพ่อ บริเวณหัวเตียงอย่างเดิม "ไหวไหมคะ ฟาริส" พราวฟ้าเอ่ยถามสามี ที่มีใบหน้าขาวซีดราวกับไก่ต้ม "วะ..ไหว พราวเจ็บหรือเปล่า" เอ่ยถามคุณแม่ที่นอนยิ้มหวานอยู่บนเตียง ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอ "ยังไม่เจ็บหรอกค่ะ" ตอนนี้ยังไม่เจ็บ แต่ไม่รู้ว่าหลังจากยาหมดฤทธิ์แล้วจะเป็นอย่างไร ตอนนี้รู้สึกเพียงเย็นๆ อยู่ที่หน้าท้อง เหมือนมีมือหลายมืออยู่ที่นั่น "ถ้ากลัวเลือดก็อย่าไปมองซิคะ" "ไม่ได้กลัวเลือด แต่กลัวพราวเจ็บ" เพราะภาพที่เขาเห็นเมื่อครู่หลังจากที่หมอกรีดมีดอันเล็กลงที่ผิวหนังหน้าท้องของภรรยา เลือดก็ค่อยๆ ซึมออกมาจากเล็กน้อยกลายเป็นแดงเถือก ความกลัวในชีวิตแทบไม่เคยเกิดขึ้นอยู่ๆ เขาก็แทบเข่าทรุดอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่กลัวเลือด แต่กลัวว่าคนที่นอนท้องโตให้หมอกรีดมีดลงไปจะเจ็บ เธอต้องอดทนขนาดไหน แพ้ท้องก็แสนทรมาน ยิ่งภาพเมื่อครู่ทำเขารู้สึกสงสารเธอขึ้นมาจับใ
เธอสวยกว่าทุกคนที่เขาเคยควง เธอน่ารักสดใสจนไม่อยากทำร้ายแต่ในขณะเดียวกันความเซ็กซี่ของเธอมันกลับเป็นตัวอันตรายที่ทำเขาอดใจไม่อยู่ไปพร้อมๆ กัน "อยากนอนกับฉันไหม" ใบหน้าหวานตื่นตกใจไม่น้อย แต่ตอนที่เขาจ้องมองเธอ ดวงตาคู่สวยกลับไม่ยอมหลบสายตา "เอ่อ..." เสียงครางในลำคออย่างคนที่ใช้ความคิด เธอคงกำลังตัดสินใจกับเรื่องตรงหน้า อย่างน้อยเขาก็ควรบอก "วันไนต์สแตนด์นะ" "เอ่อ..." เธอยังหาเสียงตัวเองไม่เจอ ไม่รู้ว่าตัดสินใจอย่างไร แต่ใบหน้านั้นหม่นลงเล็กน้อย "พอเดินได้ไหม เดี๋ยวฉันไปส่ง พักอยู่ที่ไหน" เห็นหน้าตื่นๆ ลังเลของเธอ เขาก็เลยยอมตัดใจ แต่พอคนตัวสูงลุกขึ้นยืน ข้อมือเขาก็กลับถูกรั้งเอาไว้ "ที่นี่หรือคะ" คำถามกล้าๆ กลัวของคนตัวเล็ก ทำความอดทนเขาขาดลงตรงนั้น ฟาริสนั่งลงที่โซฟาอย่างเดิม รั้งเอวบางของคนตรงหน้าให้ขยับตัวมาแนบชิด ฝ่ามืออีกข้างประคองท้ายทอยรั้งเข้าหา เขาจูบเธออยู่นาน จูบที่รู้ว่านั่นเป็นจูบแรกของเธอด้วยซ้ำ คนตัวเล็กที่จูบตอบกลับอย่างไม่ประสามันชวนให้อารมณ์แห่งความต้องการแสนดิบเถื่อนพลุกพล่าน ในคืนนั้นเขาจึงแทบจะไม่ได้อ่อนโยนกับเธอสักเท่าไร แต่กระนั้
"พราว แกไปไหนมาอ่ะ หายไปตั้งนาน" น้ำขิงเอ่ยทักเพื่อน แต่พอมองแก้วกาแฟในมือพราวฟ้าก็ได้แต่ร้องอ๋อ "ไปซื้อกาแฟที่ตึกบริหารอีกแล้วซิ" น้ำเสียงล้อเลียน พลางหลิ่วตาใส่เพื่อนอย่างรู้ทัน "ก็เราชอบกาแฟร้านนี้ มันอร่อยดี" "แล้วได้เจอไหมล่ะ" "อื้อ" คนตอบได้แต่ทำเสียงในลำคอ ใบหน้าหวานเห่อแดงขึ้นทันตา คนที่อยากเจอก็ได้เจอ เพียงแต่เขาไม่เคยเห็นเธอก็เท่านั้นเอง ในทุกวันจันทร์เธอจะสามารถเห็นฟาริสได้ที่โต๊ะหินอ่อนใต้อาคารบริหาร ซึ่งร้านกาแฟร้านโปรดของเธอก็อยู่ใกล้ๆ ตรงนั้น ในทุกวันอังคารช่วงเที่ยงเธอจะเจอเขาได้ที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัย แอบรู้ทีหลังจากพี่สาวน้ำขิงว่า ฟาริสจะมีชั่วโมงว่างตอนเที่ยงซึ่งจะต้องเข้าคลาสอีกทีก็เกือบบ่ายสอง หลังจากกินข้าวเสร็จเธอก็จะเจอเขาได้ที่ห้องสมุดบ่อยๆ แต่เขาก็ไม่เห็นเธออีกเช่นเคย เพราะคนที่มาห้องสมุดก็แค่เพื่อพักสายตาเท่านั้น บนโต๊ะมุมด้านในไม่มีหนังสือสักเล่ม มีเพียงใบหน้าหล่อเหลาที่ฟุบลงบนแขนของตัวเอง หลับตาตากแอร์เย็นฉ่ำอยู่ด้านใน เธอมีโอกาสเจอเขาครั้งแรกที่นี่เมื่อเดือนก่อน เพราะต้องมายืมหนังสือเพื่อทำรายงาน ขณะกำลังเขย่งปลายเท้าเพื่อห
สาธรรีบเดินมาต้อนรับพราวฟ้าผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องที่หน้าศาลา อธิปยื่นพวงหรีดขนาดใหญ่ส่งให้ สาธรรับไปแล้วก็เดินไปส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ของวัดช่วยจัดการ เธอเข้าไปรดน้ำศพคุณย่าของพี่ธรเสร็จแล้ว ก็เดินเลยไปทางชายชราที่นั่งอยู่เก้าอี้ไม้ตัวใหญ่อีกฝั่ง โดยมีฟาริสตามประกบไม่ห่าง "สวัสดีค่ะคุณตา" "พราว...เป็นไงบ้างลูก" "สบายดีค่ะ" "นี่ใช่ไหม คุณฟาริสที่เป็นข่าวว่ากำลังจะแต่งงานกัน" "ครับ สวัสดีครับ" "สวัสดี ขอบคุณนะครับที่ช่วยดูแลยายพราวอย่างดี ผมผิดต่อแม่ยายพราวไว้เยอะทีเดียว" "เรื่องอดีตช่างมันเถอะครับ พราวเขาก็ไม่ได้ติดใจอะไร ดูแกยังรักพี่ธรเหมือนพี่แท้ๆ อีกต่างหาก" ขนาดยอมลงทุนให้ตัวเองถูกสังคมด่า แม้อยากจะพูดต่ออีกหลายคำ แต่ฟาริสก็เพียงละไว้เท่านั้น เพราะนึกเห็นใจคนที่เพิ่งกำลังสูญเสีย "ตาขอโทษนะ" "ไม่เป็นไรเลยค่ะ คุณตาทำใจให้สบายนะคะ แต่อีกเดี๋ยวสักพักพราวอาจจะต้องกลับก่อนนะคะ ไม่แน่ใจว่าจะมาได้อีกหรือเปล่าค่ะ เอ่อ..คือ พราวกำลังท้องน่ะค่ะ การเดินทางอาจไม่ค่อยสะดวก" "อ้าว..จริงหรือ ตาดีใจด้วย..แค่นี้ก็ดีแล้วลูก ลำบากแย่" "งั้นเดี๋ยวพราวขอตัวก
แต่งฟ้าแลบ พราวฟ้า ประกาศสละโสดกับนักธุรกิจหนุ่มโพรไฟล์หรู ข่าวพาดหัวในเช้าวันใหม่ที่สร้างความฮือฮาให้กับวงการบันเทิงไม่น้อย ชื่อของฟาริส กลายเป็นที่กล่าวถึงไปโดยปริยาย หลายเพจข่าวที่ตีแผ่ประวัติแม้จะไม่ละเอียด แต่ก็พอรู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน ที่สำคัญและดูผู้คนจะสนใจคงไม่พ้น ไอ้นามสกุลต่อท้ายที่ถูกสื่อตั้งขึ้นให้ ฟาริส นักธุรกิจแสนล้าน และดูคำนั้นจะไม่เกินจริงสักนิด เสียงโอ้กอ้าก ที่ดังมาจากห้องน้ำ หญิงสาวตัวเล็กยืนโกงคออยู่เหนือชักโครกโดยมีชายหนุ่มตัวสูงใหญ่ยืนลูบหลัง "เป็นไงบ้าง โอเคไหม พราว" "ดีขึ้นแล้วค่ะ" ใบหน้าหวานขาวซีด ท่าทางอ่อนเพลีย เพราะตั้งแต่เช้านี่เป็นรอบที่สามที่เธอต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ อาการแพ้ท้องดูจะเล่นงานเธอไม่น้อย "ไปกินข้าวกัน เดี๋ยวจะได้กินยา" "ข่าวออกแล้วหรือคะ" "อืม ออกแล้ว ทำไมครับ คุณแม่กลัวเรตติ้งตกหรือไงที่จะต้องแต่งงาน" "กลัวคุณสามีแห่งชาติจะถูกสาวๆ รุมต่างหาก" "อันนี้ก็อาจจะจริง" คนท้องได้แต่ส่งสายตาเขียวๆ "ไหนว่าไม่ชอบเป็นข่าวไงคะ" "ทำไงได้ล่ะ ก็ได้เมียเป็นดารานี่ ว่างๆ จะผันตัวเองไปเป็นอินฟลูเอนเซอร์แล้วเนี่ย" "ค