ไร้เสียงจะเถียงกับคนตัวใหญ่ตรงหน้า เมื่อริมฝีปากที่ถูกเม้มไว้แน่นอย่างพยายามกดอารมณ์บางอย่างเอาไว้ หนักเข้าเธอก็ถึงกับต้องกัดริมฝีปากตัวเอง ริมฝีปากที่แห้งผากก็ต้องใช้ลิ้นตวัดเลียเพิ่มความชุ่มชื่น แต่คนตัวเล็กคงไม่รู้ว่าภาพนั้นมันชวนให้เธอยิ่งดูเซ็กซี่ขึ้นไปอีก
"วันนี้ฉันจะช่วยบริการก็แล้วกัน" ฟาริสลุกจากเก้าอี้ตัวเองตรงมาที่เธอ พูดจบเขาก็ก้มตัวช้อนเธออุ้มขึ้นลอยเดินกลับห้อง และถ้าเขาไม่ช่วยบริการอย่างว่าเธอก็ไม่รู้ว่าจะมีเรี่ยวแรงเดินกลับห้องได้หรือเปล่า ร่างอรชรถูกวางลงที่เตียงอย่างไม่เบามือนัก รอยแยกของกระโปรงตัวสวยเผยให้เห็นขอบบิกินีที่โคนขา จนฟาริสเผลอลูบมือลงตรงรอยแยกนั้น "คุณ..ฟาริส" พราวฟ้ารีบจับมือเขาไว้ทันที แต่ไม่ได้เป็นเชิงห้าม กลับรั้งให้คนตัวใหญ่เข้าใกล้ "หือ ทำไม" เขาแกล้งถามทั้งที่รู้อยู่เต็มอก "ชะ...ช่วยฉันด้วย...ฉันไม่ไหวแล้ว" "ขอถอดเสื้อผ้าแป๊บนึง" เสียงกลั้วหัวเราะของเขาจึงทำให้เธอยอมปล่อยมือที่รั้งให้คนตัวสูงขึ้นมาบนเตียง เห็นเขากำลังค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อช้าๆ เหมือนจะไม่ทันใจเมื่ออยู่ๆ เธอก็ชันตัวลุกขึ้นนั่งช่วยเขาถอดสายเข็มขัดออกจากเอว แต่ฟาริสเป็นคนปลดกระดุมกางเกงและถอดมันทิ้งไว้อยู่ข้างเตียง สาวชุดแดงจึงได้รีบปลดกระดุมเสื้อที่คอด้านหลังแต่ปลดเท่าไรมันก็ไม่ยอมหลุดเสียที ฟาริสจึงรั้งให้เธอขยับเข้าหาแล้วจัดการปลดกระดุมเม็ดนั้นให้เอง แต่ระหว่างที่เขากำลังช่วยเธอ เจ้าตัวก็กลับใช้ลิ้นตวัดเลียที่ทับทิมเม็ดเล็กตรงหน้าอก ก่อนที่เธอจะละเลงลิ้นดูดเม้มตวัดเลียอย่างเมามัน อีกทั้งฝ่ามือเล็กก็ลูบวนอยู่แถวหน้าท้องเป็นลอน จนเมื่อเขาแกะกระดุมเม็ดนั้นหลุด กระตุกสายเชือกสีแดงด้านหลังเธอเบาๆ ชุดตัวสวยก็ร่วงลงไปกองอยู่ที่เอวเหลือเพียงแผ่นแปะจุกสีเดียวกับเนื้อนั่น มันก็ถูกดึงออกทันทีเช่นกัน คนตัวเล็กไม่ได้สนใจชุดของตัวเองเพราะมัวแต่ดูดชิมทับทิมเม็ดจิ๋วอยู่ทั้งสองข้าง แต่ก็ต้องยอมรับที่ว่าตอนที่ถูกเธอเลียแบบนี้มันพาให้เสียวไปถึงแก่นกายที่ตั้งเด่โค้งงอเป็นลำอยู่ด้านล่าง "ใจเย็นให้ฉันใส่ถุงยางก่อน" ฟาริสจับเธอออกห่างแล้วก็ดันร่างอรชรให้เอนตัวลงนอน ดึงชุดที่ยังค้างอยู่ที่เอวให้หลุดออกจากตัวพร้อมกับแพนตี้ตัวจิ๋ว ยิ่งมองเธอในตอนที่ทั้งตัวไร้เสื้อผ้า ใบหน้าหวานที่ดูจะหวานกว่าปกติ ทั้งดวงตาที่ปรือตามองอย่างเว้าวอน ฝ่ามือสองข้างก็จิกลงที่นอนไว้แน่นไม่ต่างจากเรียวขาที่บดเบียดเข้าหากันเพื่อระบายความต้องการที่มันลุกโชนร้อนวาบไปทั้งกายจนแทบจะมอดไหม้ ได้แต่รอคอยให้คนตัวสูงจัดการกับอุปกรณ์ป้องกัน เวลาเพียงไม่กี่วินาทีแต่มันเหมือนเนิ่นช้ายิ่งนัก "คุณฟาริส..." เจ้าของชื่อได้แต่กดยิ้มมุมปากเบาๆ เมื่อถูกเรียกด้วยน้ำเสียงกระเส่าที่เขาไม่ได้ยินมาถึงห้าปีเต็ม อดแปลกใจตัวเองไม่ได้เหมือนกันที่อยู่ๆ ก็เกิดจำเรื่องราววันนั้นได้ ทั้งที่ต่อจากเธอก็ยังมีผู้หญิงที่ถูกเขาฟันแล้วทิ้งอีกหลายคน และบางคนเขาแทบจะลืมหน้าไปแล้วด้วยซ้ำ แค่คนตัวสูงโน้มตัวลงเพียงนิด หญิงสาวที่นอนทอดร่างอ่อนระทวยเพราะฤทธิ์ยาก็รีบดึงตัวเขาเข้าหาทันที "ช่วยพราวหน่อยนะคะ ระ...เร็ว" สีหน้าบ่งบอกถึงความต้องการอย่างไม่ปิดบัง ทันทีที่ร่างสูงใหญ่ทาบทับคนใต้ร่างก็แอ่นสะโพกเสียดสีคนด้านบนอย่างจงใจ ฟาริสได้แต่กดยิ้มมุมปากจับเรียวขาข้างหนึ่งของเธอยกสูงอ้าออก กลีบเกสรที่ปิดสนิทก็สยายกลีบอวดสายตา สีเนื้อแดงสดอย่างคนสุขภาพดีชวนให้เขาอยากรังแกหนักๆ จับแท่งเอ็นอันเขื่องจดจ่อเสียดสีปากทางรักที่ถูกเคลือบไปด้วยน้ำหวานหยาดเยิ้มกดหัวเห็ดจุ่มเพียงนิด สะโพกมนก็แอ่นสะท้าน "อื้อ...มิน่าล่ะ แน่นฉิบ" เธอไม่ได้สนใจคนพูดคนเดียวและตอนนี้สมองก็ไม่รับรู้ถ้อยคำกำกวมนั้นด้วย รับรู้เพียงช่องทางคับแน่นปวดหนึบอยากให้เขารีบขยับสะโพกเข้าหาโดยเร็วก็แค่นั้น จึงได้ใช้สองมือรั้งสะโพกสอบให้เข้าหา "คุณฟาริส..." คนใต้ร่างได้แต่เร่งเร้า เมื่อคนด้านบนเพียงแค่ขยับจดจ่อเบาๆ เขารู้ว่าเธอทรมานจวนเจียนขาดใจเลยแหละ เริ่มขยับสะโพกหนักๆ เพียงไม่กี่ครั้งแท่งเนื้ออันโตก็เข้าไปจนสุดทาง ใบหน้าเหยเกร้องครวญครางขึ้นทันทีเมื่อเขาขยับสะโพกบดเบียดเนินเนื้ออวบอูมแทบจะไม่ต่างจากเมื่อห้าปีก่อนนั้นสักนิด แท่งเอ็นสีเข้มที่ขยับเข้าจนสุดลำและค่อยถอนตัวออกจนเกือบสุดทางเช่นกัน ยิ่งกระแทกกระทั้นจังหวะหนัก ปลายเล็บยาวของเธอที่ถูกเคลือบไว้ด้วยสีแดงเช่นเดียวกับชุดก็ครูดแผ่นหลังเขาเป็นทาง "อ๊ะ...อ๊า...ฟาริส" ทุกจังหวะที่กระแทกคนใต้ร่างก็สะเทือนตามแรงถ้าเขาไม่ยึดเอวบางไว้มั่นเธอคงจะได้กระเด็นกระดอนไปจนชนหัวเตียงแน่ หน้าอกอิ่มก็ยิ่งกระเพื่อมราวกับเจ้าเนื้อสองก้อนลอยอยู่ท่ามกลางทะเลที่กำลังฝ่าคลื่นมรสุมลูกใหญ่ "มะ...ไม่ไหวแล้ว"เสียงกระเส่าที่เอ่ยแทบไม่จบคำ เมื่อถูกเขารัวเร็วสะโพกเข้าใส่ยิ่งรู้ว่าเธอจวนเจียนจะถึงสวรรค์อยู่รำไรเขาก็ยิ่งเร่งเร้าจังหวะหนักๆ ส่งเธอให้ถึงฝั่งฝันไปเสียก่อน ยังไม่ทันที่เธอจะได้หายใจได้ทั่วท้อง ฟาริสก็รั้งเอวบางพลิกตัวเธอถูกจับนอนคว่ำ ทั้งที่แก่นกายอันใหญ่ยังเชื่อมต่อทั้งที่สะโพกมนยังไม่หายกระตุกถี่ตอนเสร็จสมเมื่อครู่ เขารั้งสะโพกกลมให้เธอคุกเข่า อัดกระแทกแท่งเอ็นอันใหญ่โตทะลวงลึกรัวเร็วอย่างที่คนใต้ร่างไม่ทันตั้งตัว มันทั้งลึกทั้งจุกและเสียวสะท้านไปในคราเดียวกัน ยิ่งฝ่ามือใหญ่ที่เอื้อมมาบดขยี้ยอดไตแข็งที่หน้าอกอิ่ม พร้อมทั้งขย้ำบีบเคล้นจนก้อนเนื้อสีขาวแดงขึ้นเป็นรอย "ฟาริส...บะ..เบาๆ มันจุก" เสียงเนื้อกระทบเนื้อผสานเสียงน้ำที่เอ่อนองตลอดเวลายามยิ่งถูกกระแทกกระทั้นหนักๆ เสียงลามกหยาบโลนก็ดังทั่วห้อง เตียงคิงไซซ์ขนาดใหญ่ดูแข็งแรงยังไหวยวบตามแรงกระแทก "อ๊ะ..." พราวฟ้าสุดจะกั้นเสียงซี้ดปากไว้ได้ เอ่ยเสียงประท้วงในคราแรกก็ไม่มีท่าทีว่าคนด้านหลังจะยอมลดละกลับยิ่งแรงขึ้นกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ "อื้อ...อีกนิดจะเสร็จแล้ว" เธอเพิ่งได้ยินเสียงเขาตอบกลับก็ตอนนี้ แต่กระนั้นร่อง
นางเอกดังขาลงดอดรับงานกินข้าว ข่าวว่าค่าตัวหลายแสน ข่าวพาดหัวตามสื่อบันเทิงเกือบทุกช่องทางตั้งแต่เมื่อคืนดูจะยิ่งเป็นที่จับตามอง ทั้งนักข่าวที่ต่างพากันหาข้อมูล หรือแม้แต่ชาวเน็ตที่ทำตัวเป็นนักล่าแม่มด และคนส่วนใหญ่เกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ว่าได้ ต่างพุ่งเป้ามาที่เธอ พราวฟ้า (ไอ้พราว เอาไงวะ งานวันนี้แกจะยกเลิกก็ได้นะ เดี๋ยวฉันปฏิเสธให้ เพราะถ้าแกไปงานอีเวนต์เย็นนี้แกโดนนักข่าวรุมแน่) แม่เมย์รีบโทรมาแต่เช้าหลังได้ข่าวจากหน้าสื่อต่างๆ และทุกคนล้วนพุ่งเป้ามาที่เด็กในสังกัดของตัวเอง "ไม่เป็นไรแม่ อุตส่าห์มีงาน" (แกไหวนะ ยังไงฉันจะช่วยกันนักข่าวให้แล้วกัน) "ขอบคุณจ้ะแม่" วางสายไปแล้ว ก็ได้แต่นั่งถอนหายใจ เปิดเข้าไปอ่านคอมเมนต์ก็เห็นแต่ผู้คนด่า ทั้งหยาบคายทั้งสาปแช่ง ก่อนจะคว่ำโทรศัพท์ลงที่โซฟา เสียงแจ้งเตือนข้อความที่ดังตั้งแต่เช้ายังไม่มีทีท่าจะเงียบลง ทั้งข้อความจากคนรู้จัก จากนักข่าวหรือแม้แต่ข้อความจากโซเชียลที่ส่งเข้ามาด่า จนเมื่อเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอย่างคนหมดแรง "ค่ะพี่ธร" (พี่เห็นข่าวเรื่องรับงานอะไรนั่นน่ะ เลยเป็นห่
"ข่าวดาราขาลงรับงานกินข้าว มีแต่คนพุ่งเป้ามาที่น้องพราว น้องพราวคิดว่าไงคะ" "อืม...เรื่องธรรมดาค่ะ ที่คนจะมองแบบนั้น คงเพราะพราวไม่ค่อยได้รับงานช่วงนี้ค่ะ" ตุ๊กตาทองต้องเป็นของกู พร้อมรอยยิ้มหวานที่สาดให้ทุกคนก่อนจะจบลงที่คนถาม "น้องพราวหายหน้าไปไหนคะ ตั้งแต่ข่าวคราวนั้น" "ก็ยังอยู่นี่แหละค่ะ ใช้เวลาพักผ่อนบ้าง เดินทางบ้างตามประสา" "แล้วคิดจะกลับมาเล่นละครอีกไหมคะ" "ยังไม่มีแพลนช่วงนี้เลยค่ะ แต่ถ้าบทน่าสนใจก็โอเคนะคะ ผู้จัดติดต่อได้นะคะ พราวยังคิดถึงงานละครอยู่" "ข่าวว่างานกินข้าวหลายแสนเลย น้องพราวคิดว่าไงคะ" "โห หลายแสนเลยหรือคะ น่าสนใจ หยอกๆ ค่ะ" "แล้วช่วงนี้ความรักเป็นยังไงบ้างคะ" "โสดสนิทเลยค่ะ รับขนมจีบซาลาเปาเพิ่มไหมคะ" คำตอบของเธอสร้างเสียงหัวเราะให้พี่ๆ นักข่าวได้อย่างดี "ข่าวเมื่อครั้งนั้น ยังมีผลกับน้องพราวอยู่ไหมคะ" "เห็นคนด่าแล้วก็น่าจะยังมีผลกับทุกคนมั้งคะ แต่พราวมูฟออนแล้วค่ะ ตามที่เคยยืนยันไปครั้งนั้นแล้วว่าทุกอย่างไม่มีอะไร ตอนนี้ก็ยังยืนยันเหมือนเดิมค่ะรวมถึงข่าวในวันนี้ด้วย ทุกอย่างไม่มีอะไร แต่ถ้าอยากกินข้าวโทรมาได้นะคะ" เธอจบบทส
อีกด้านของคฤหาสน์หลังใหญ่ภายในห้องทำงาน อธิปเดินเข้ามาถึงเห็นเจ้านายกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่พร้อมเอกสารกองโตตรงหน้า "คุณพราวฟ้าปฏิเสธรับงานครับ" ฟาริสชะงักปากกาที่กำลังเซ็นเอกสาร เงยหน้ามองลูกน้องคนสนิทที่ยืนห่างออกไปเพียงนิด "ทำไม เงินน้อยไปหรือ" ก่อนจะจรดปากกาลงที่เอกสารอีกครั้ง "เอ่อ...คุณพราวไม่มีคิวว่างครับ เห็นว่างานกินข้าวติดต่อมาเยอะมาก" คนฟังได้แต่ขมวดคิ้ว "อืม เข้าใจแล้ว แล้วเรื่องเงินกู้ที่ปล่อยไปเดือนหน้าครบกำหนดเยอะไหม" "เกือบสามสิบล้านครับ" "นายลงไปดูแลทีนะ ไอ้เข้มมันติดปัญหาอะไรหรือเปล่า เดือนที่แล้วก็มีจ่ายช้าใช่ไหม" "ครับ จ่ายดอกเบี้ยช้าไปล้านกว่าบาท แต่เงินต้นสิบห้าล้านได้ครบครับ" "ลงไปดูไอ้เข้มมันหน่อยแล้วกัน คนไหนปัญหามาก ก็ลองเรียกมาคุยกันหน่อย" "ได้ครับ" "อ้อ ลองเพิ่มค่าตัวให้ซิ" "เพิ่มค่าตัว ให้ใครครับ" อธิปถามขึ้นเพราะยังไม่เข้าใจว่าเจ้านายหมายถึงใคร คนถามก็ขมวดคิ้วมุ่น "ยายดารานั่นน่ะ" "อ๋อ...ครับ" เสียงลากยาวของลูกน้อง ทำให้ผู้เป็นนายเหลือบสายตามองอย่างไม่สบอารมณ์นักและเหมือนอธิปจะรู้ตัวรีบหายออกจากห้องไปทันที
พราวฟ้าถูกพากลับมาที่บ้านของฟาริสอีกครั้ง และครั้งนี้เธอได้นั่งรถตู้กลับมาพร้อมกับคุณอธิป ไร้ซึ่งพันธนาการที่ข้อมือและดวงตาก็ไม่ได้ถูกผ้าปิดไว้อีก จนเมื่อรถที่แล่นออกมาได้ครู่ใหญ่ๆ จึงรู้ว่าทิศทางที่เธอถูกปิดตามาทุกครั้งมันคือแถวไหน โกดังแถวชานเมืองเพียงแต่ยังรู้พิกัดที่แน่นอนเท่านั้นเอง เพราะไม่ค่อยได้มาแถวนี้สักเท่าไร เธอถูกพามาที่ห้องทำงานใหญ่ของฟาริส นั่งรอที่โซฟาตัวใหญ่ โดยมีคุณอธิปที่ยืนห่างออกไปเล็กน้อย พอเจ้าของห้องวางมือจากเอกสารตรงหน้าก็เดินมาที่โซฟานั่งตรงข้ามกับเธอ "ไหนว่าคิวเต็ม ยังเก็บได้ไม่ครบสามล้านอีกหรือ" ฟาริสรับรู้เรื่องราวจากลูกน้องคนสนิทที่โทรกลับมาบอกเรียบร้อยแล้ว คนถูกถามก็ได้แต่นั่งหน้าตึง เจ้าหนี้นอกระบบก็สำรวจคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า ใบหน้าใสขาวเนียนสิวฝ้าสักเม็ดก็แทบหาไม่เจอ ทั้งที่วันนี้เธอไม่ได้แต่หน้า เสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงผ้าขาสั้นธรรมดา จนเขาเดารองเท้าที่เธอใส่มาได้เลยแม้ว่าตอนนี้เธอจะสวมสลิปเปอร์ของบ้านเขาอยู่ก็ตาม "ฉันไม่ได้รับงานแบบนั้น" "ถ้างั้นจะเอาเงินสามล้านจากที่ไหนคืนฉันล่ะ หรือให้ฉันไปจับพ่อเธอมาดี เธอคงไม่รู้ว่ามีพวกผีพนั
ห้องนอนของแม่บ้านที่อยู่ห่างจากตึกใหญ่ไปทางด้านหลังที่เป็นห้องครัว เป็นเรือนปูนขนาดไม่ใหญ่นักแบ่งเป็นห้องคล้ายห้องแถวเกือบสิบห้องเห็นจะได้ เธอได้อยู่ห้องริมสุดด้านในมีเตียงขนาดสามฟุตครึ่งโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าที่ทำจากไม้อัดราคาถูก ยังดีที่มีห้องน้ำในตัวและนอกจากนั้นทั้งห้องก็แทบจะไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกอะไรสักอย่าง นอกจากพัดลม เธอมองไปในห้องแล้วก็นิ่งเงียบไม่ได้เอ่ยอะไร คุณอธิปเพียงมองเธออย่างสำรวจ เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้นทั้งที่ประตูห้องยังไม่ได้ปิด แม่บ้านที่เคาะประตูก็เดินเข้ามาพร้อมด้วยชุดพนักงานที่ยังอยู่ในถุงอย่างดี สีเดียวกับที่แม่บ้านใส่ เธอเดาว่าคงจะเป็นแบบเดียวกันนั่นแหละ "เดี๋ยวคุณเปลี่ยนชุดก่อน แล้วก็ตามป้าไปในครัวนะคะ" "เรียกพราวเฉยๆ ก็ได้ค่ะ" คงเพราะความเป็นดาราและป้าแม่บ้านคงจำเธอได้ น้ำเสียงที่เรียกจึงออกจะเกรงใจไม่น้อย "ถ้ามีอะไรก็บอกผมได้ เดี๋ยวป้าตองจะบอกรายละเอียดให้ครับ ป้าแกเป็นคนเก่าคนแก่ของที่นี่" "ขอบคุณค่ะ" เมื่อทุกคนออกไปแล้ว เธอจึงได้แต่ทิ้งตัวนั่งลงที่เตียงขนาดไม่ใหญ่ได้แต่หวังว่าคืนนี้จะไม่นอนตกเตียงซะก่อน ถอนหายใจเฮ
"ผู้หญิงคนนั้นมาอยู่ที่นี่ได้ไงคะ" "มาทำงานใช้หนี้อ่ะ" "ทำงานใช้หนี้" อลินาอุทานเสียงสูงอย่างไม่อยากเชื่อ "ชีตกต่ำขนาดนั้นเลยหรือคะ ก็เห็นผู้จัดการส่วนตัววิ่งหางานให้วุ่น" และแน่นอนงานที่ได้ไปต้องไม่ใช่จากช่อง ATV แน่นอน "หนี้จากพ่อน่ะ ผีพนัน" "ท่าทางคนบ้านนี้คงหาดีไม่ได้สักคน งั้นไอ้ที่ว่ารับงานกินข้าวก็คงจะจริงซินะ" คนที่รู้ความจริงอยู่เต็มอกได้แต่ยกแก้วน้ำขึ้นจิบ ไม่ได้ต่อความกับลูกสาวเจ้าของช่อง ATV ต่อ "ว่าแต่วันนี้ริสว่างไหม ไปทานข้าวนอกบ้านกันดีกว่าค่ะ แล้วก็ค่อยไปฟังเพลงกันต่อ อลินอยากฟังเพลง" "งานผมเยอะมากเลยวันนี้ นี่ก็ยังเซ็นเอกสารไม่เสร็จเลย อาจจะต้องทำงานดึกด้วยคืนนี้" "อย่างฟาริสไม่ต้องทำงานยังได้ ไม่เห็นต้องซีเรียสเลย" "ไม่ทำงานก็จนตายซิครับคุณหนูอลิน นั่นมันคุณหนูอลินนะที่ไม่ต้องทำงานก็ได้" "พูดแบบนี้หาว่าอลินขี้เกียจหรือคะ" อลินาได้แต่ทำหน้าเง้างอดอย่างไม่จริงจังนัก "ผมไม่ได้หมายถึงแบบนั้นสักหน่อย" "งั้นเย็นนี้ทานข้าวที่บ้านก็ได้ค่ะ แล้วก็จิบไวน์กันสักขวดเป็นไงคะ" "อือ ก็ได้" ทำงานวันแรกก็เหมือนความซวยวิ่งเข้าหา เมื่อช่วงเย
จนเวลาสามทุ่มกว่าไวน์ขวดนั้นพร่องจนเกือบหมด หญิงสาวสวยผิวสีน้ำผึ้งในชุดเดรสรัดรูปสีครีมที่กำลังลุกขึ้นก็ทำท่าจะเซนิดๆ ฟาริสก็รีบเข้าไปช่วยประคอง มองดูทั้งคู่เดินหายเข้าไปในตัวบ้าน ส่วนพวกแม่บ้านก็จัดการเก็บของทุกอย่างตรงนี้ให้เรียบร้อยราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น "ขับรถไหวไหม ให้อธิปไปส่งดีกว่า" ประคองหญิงสาวนั่งลงที่โซฟาได้ ก็เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง "นึกว่าจะชวนค้างที่นี่ซะอีก" "อย่าเลยครับ เดี๋ยวผมต้องทำงานต่ออีก และขืนให้อลินนอนที่นี่ เช้าก็บ่นนอนไม่หลับอีก" "ริสก็นอนเป็นเพื่อนอลินซิคะ" เสียงหวานที่เอ่ยกระเซ้าคนข้างๆ พร้อมด้วยสายตาที่ทอประกายอย่างไม่ปิดบัง พลางขยับตัวเข้าหาชายหนุ่มอย่างจงใจ ฟาริสเพียงยกยิ้มมุมปาก "เราคุยเรื่องนี้กันแล้วไง ว่าจะคบกันเหมือนเพื่อนเท่านั้น" "แต่ริสก็ยังรักอลินอยู่นี่คะ อลินรู้นะ แล้วตอนนี้อลินก็หย่าแล้วด้วย" "พูดแบบนี้ใครได้ยินจะคิดว่าผมเป็นชู้เอานะ" "คนที่เป็นชู้คือผู้หญิงคนนั้นต่างหาก" เพราะคำว่าชู้สะดุดหู ทำให้หญิงสาวเสียงเข้มขึ้นทันที "แล้วทำไมตอนนั้นคุณไม่ฟ้องล่ะ" "ทนายบอกว่าหลักฐานไม่แน่นพอ แล้วเพราะสาธรเขาขอไว้ค่ะ
ตอนเด็กชายราฟฟา อายุได้เกือบสองขวบ วงการบันเทิงก็มีข่าวใหญ่อีกครั้ง เมื่อสาธรประกาศแต่งงานรอบสองกับภรรยาคนเดิมอย่างอลินา ไม่ได้สร้างความแปลกใจให้ทั้งเธอและฟาริส สื่อต่างๆ อวยพรกันอย่างคับคั่งในวันแถลงข่าว แต่ก็มีสื่อบางสำนักที่ยังจำเรื่องราวในอดีตได้เป็นอย่างดี เอ่ยถามถึงเรื่องราวในครั้งนั้นทำนองว่าที่เลิกกันเป็นเพราะดาราสาวอย่างพราวฟ้า "สำหรับน้องพราว เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันครับ จริงๆ เธอเป็นน้องสาวของผม ลูกพี่ลูกน้องกันครับ พ่อผมกับแม่เธอเป็นพี่น้องคนละแม่ แต่ที่ตอนนั้นเราต้องปิดข่าวเพราะย่าผมไม่สบาย ท่านไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อน" คำตอบของสาธร สร้างเสียงฮือฮาให้สื่อทุกสำนัก จากนั้นก็ยังมีคำถามอีกมากมายที่ตามมา (ถ้าอย่างนั้นเรื่องที่คุณพราวเป็นมือที่สามก็ไม่ใช่เรื่องจริง) "ครับ" (คุณอลินาไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อนใช่ไหมคะ) "ใช่ครับ คุณอลินาไม่เคยทราบเรื่องนี้ เธอรู้เรื่องตอนงานศพย่าผมนั่นแหละครับ ได้เจอน้องพราวกันโดยบังเอิญในงาน" (คุณสาธรกับคุณอลินาเลยได้มีโอกาสกลับมาดีกันใช่ไหมคะ) "ครับ หลังจากนั้นผมกับอลินาก็ได้มีโอกาสกลับมาคุยกันอีกครั้ง จนถึงวันนี้ครับ
"คุณพ่อคะ คุณพ่อคะ ไหวใช่ไหมคะ" เสียงร้อนรนของพยาบาลที่เอ่ยถาม ชายหนุ่มรูปหล่อที่อยู่ในชุดปลอดเชื้อสีฟ้าเช่นเดียวกับคนท้องที่นอนอยู่บนเตียงผ่าตัด ฟาริสรับแอมโมเนียมาแล้วก็ขยับตัวมานั่งที่เก้าอี้สำหรับคุณพ่อ บริเวณหัวเตียงอย่างเดิม "ไหวไหมคะ ฟาริส" พราวฟ้าเอ่ยถามสามี ที่มีใบหน้าขาวซีดราวกับไก่ต้ม "วะ..ไหว พราวเจ็บหรือเปล่า" เอ่ยถามคุณแม่ที่นอนยิ้มหวานอยู่บนเตียง ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอ "ยังไม่เจ็บหรอกค่ะ" ตอนนี้ยังไม่เจ็บ แต่ไม่รู้ว่าหลังจากยาหมดฤทธิ์แล้วจะเป็นอย่างไร ตอนนี้รู้สึกเพียงเย็นๆ อยู่ที่หน้าท้อง เหมือนมีมือหลายมืออยู่ที่นั่น "ถ้ากลัวเลือดก็อย่าไปมองซิคะ" "ไม่ได้กลัวเลือด แต่กลัวพราวเจ็บ" เพราะภาพที่เขาเห็นเมื่อครู่หลังจากที่หมอกรีดมีดอันเล็กลงที่ผิวหนังหน้าท้องของภรรยา เลือดก็ค่อยๆ ซึมออกมาจากเล็กน้อยกลายเป็นแดงเถือก ความกลัวในชีวิตแทบไม่เคยเกิดขึ้นอยู่ๆ เขาก็แทบเข่าทรุดอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่กลัวเลือด แต่กลัวว่าคนที่นอนท้องโตให้หมอกรีดมีดลงไปจะเจ็บ เธอต้องอดทนขนาดไหน แพ้ท้องก็แสนทรมาน ยิ่งภาพเมื่อครู่ทำเขารู้สึกสงสารเธอขึ้นมาจับใ
เธอสวยกว่าทุกคนที่เขาเคยควง เธอน่ารักสดใสจนไม่อยากทำร้ายแต่ในขณะเดียวกันความเซ็กซี่ของเธอมันกลับเป็นตัวอันตรายที่ทำเขาอดใจไม่อยู่ไปพร้อมๆ กัน "อยากนอนกับฉันไหม" ใบหน้าหวานตื่นตกใจไม่น้อย แต่ตอนที่เขาจ้องมองเธอ ดวงตาคู่สวยกลับไม่ยอมหลบสายตา "เอ่อ..." เสียงครางในลำคออย่างคนที่ใช้ความคิด เธอคงกำลังตัดสินใจกับเรื่องตรงหน้า อย่างน้อยเขาก็ควรบอก "วันไนต์สแตนด์นะ" "เอ่อ..." เธอยังหาเสียงตัวเองไม่เจอ ไม่รู้ว่าตัดสินใจอย่างไร แต่ใบหน้านั้นหม่นลงเล็กน้อย "พอเดินได้ไหม เดี๋ยวฉันไปส่ง พักอยู่ที่ไหน" เห็นหน้าตื่นๆ ลังเลของเธอ เขาก็เลยยอมตัดใจ แต่พอคนตัวสูงลุกขึ้นยืน ข้อมือเขาก็กลับถูกรั้งเอาไว้ "ที่นี่หรือคะ" คำถามกล้าๆ กลัวของคนตัวเล็ก ทำความอดทนเขาขาดลงตรงนั้น ฟาริสนั่งลงที่โซฟาอย่างเดิม รั้งเอวบางของคนตรงหน้าให้ขยับตัวมาแนบชิด ฝ่ามืออีกข้างประคองท้ายทอยรั้งเข้าหา เขาจูบเธออยู่นาน จูบที่รู้ว่านั่นเป็นจูบแรกของเธอด้วยซ้ำ คนตัวเล็กที่จูบตอบกลับอย่างไม่ประสามันชวนให้อารมณ์แห่งความต้องการแสนดิบเถื่อนพลุกพล่าน ในคืนนั้นเขาจึงแทบจะไม่ได้อ่อนโยนกับเธอสักเท่าไร แต่กระนั้
"พราว แกไปไหนมาอ่ะ หายไปตั้งนาน" น้ำขิงเอ่ยทักเพื่อน แต่พอมองแก้วกาแฟในมือพราวฟ้าก็ได้แต่ร้องอ๋อ "ไปซื้อกาแฟที่ตึกบริหารอีกแล้วซิ" น้ำเสียงล้อเลียน พลางหลิ่วตาใส่เพื่อนอย่างรู้ทัน "ก็เราชอบกาแฟร้านนี้ มันอร่อยดี" "แล้วได้เจอไหมล่ะ" "อื้อ" คนตอบได้แต่ทำเสียงในลำคอ ใบหน้าหวานเห่อแดงขึ้นทันตา คนที่อยากเจอก็ได้เจอ เพียงแต่เขาไม่เคยเห็นเธอก็เท่านั้นเอง ในทุกวันจันทร์เธอจะสามารถเห็นฟาริสได้ที่โต๊ะหินอ่อนใต้อาคารบริหาร ซึ่งร้านกาแฟร้านโปรดของเธอก็อยู่ใกล้ๆ ตรงนั้น ในทุกวันอังคารช่วงเที่ยงเธอจะเจอเขาได้ที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัย แอบรู้ทีหลังจากพี่สาวน้ำขิงว่า ฟาริสจะมีชั่วโมงว่างตอนเที่ยงซึ่งจะต้องเข้าคลาสอีกทีก็เกือบบ่ายสอง หลังจากกินข้าวเสร็จเธอก็จะเจอเขาได้ที่ห้องสมุดบ่อยๆ แต่เขาก็ไม่เห็นเธออีกเช่นเคย เพราะคนที่มาห้องสมุดก็แค่เพื่อพักสายตาเท่านั้น บนโต๊ะมุมด้านในไม่มีหนังสือสักเล่ม มีเพียงใบหน้าหล่อเหลาที่ฟุบลงบนแขนของตัวเอง หลับตาตากแอร์เย็นฉ่ำอยู่ด้านใน เธอมีโอกาสเจอเขาครั้งแรกที่นี่เมื่อเดือนก่อน เพราะต้องมายืมหนังสือเพื่อทำรายงาน ขณะกำลังเขย่งปลายเท้าเพื่อห
สาธรรีบเดินมาต้อนรับพราวฟ้าผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องที่หน้าศาลา อธิปยื่นพวงหรีดขนาดใหญ่ส่งให้ สาธรรับไปแล้วก็เดินไปส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ของวัดช่วยจัดการ เธอเข้าไปรดน้ำศพคุณย่าของพี่ธรเสร็จแล้ว ก็เดินเลยไปทางชายชราที่นั่งอยู่เก้าอี้ไม้ตัวใหญ่อีกฝั่ง โดยมีฟาริสตามประกบไม่ห่าง "สวัสดีค่ะคุณตา" "พราว...เป็นไงบ้างลูก" "สบายดีค่ะ" "นี่ใช่ไหม คุณฟาริสที่เป็นข่าวว่ากำลังจะแต่งงานกัน" "ครับ สวัสดีครับ" "สวัสดี ขอบคุณนะครับที่ช่วยดูแลยายพราวอย่างดี ผมผิดต่อแม่ยายพราวไว้เยอะทีเดียว" "เรื่องอดีตช่างมันเถอะครับ พราวเขาก็ไม่ได้ติดใจอะไร ดูแกยังรักพี่ธรเหมือนพี่แท้ๆ อีกต่างหาก" ขนาดยอมลงทุนให้ตัวเองถูกสังคมด่า แม้อยากจะพูดต่ออีกหลายคำ แต่ฟาริสก็เพียงละไว้เท่านั้น เพราะนึกเห็นใจคนที่เพิ่งกำลังสูญเสีย "ตาขอโทษนะ" "ไม่เป็นไรเลยค่ะ คุณตาทำใจให้สบายนะคะ แต่อีกเดี๋ยวสักพักพราวอาจจะต้องกลับก่อนนะคะ ไม่แน่ใจว่าจะมาได้อีกหรือเปล่าค่ะ เอ่อ..คือ พราวกำลังท้องน่ะค่ะ การเดินทางอาจไม่ค่อยสะดวก" "อ้าว..จริงหรือ ตาดีใจด้วย..แค่นี้ก็ดีแล้วลูก ลำบากแย่" "งั้นเดี๋ยวพราวขอตัวก
แต่งฟ้าแลบ พราวฟ้า ประกาศสละโสดกับนักธุรกิจหนุ่มโพรไฟล์หรู ข่าวพาดหัวในเช้าวันใหม่ที่สร้างความฮือฮาให้กับวงการบันเทิงไม่น้อย ชื่อของฟาริส กลายเป็นที่กล่าวถึงไปโดยปริยาย หลายเพจข่าวที่ตีแผ่ประวัติแม้จะไม่ละเอียด แต่ก็พอรู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน ที่สำคัญและดูผู้คนจะสนใจคงไม่พ้น ไอ้นามสกุลต่อท้ายที่ถูกสื่อตั้งขึ้นให้ ฟาริส นักธุรกิจแสนล้าน และดูคำนั้นจะไม่เกินจริงสักนิด เสียงโอ้กอ้าก ที่ดังมาจากห้องน้ำ หญิงสาวตัวเล็กยืนโกงคออยู่เหนือชักโครกโดยมีชายหนุ่มตัวสูงใหญ่ยืนลูบหลัง "เป็นไงบ้าง โอเคไหม พราว" "ดีขึ้นแล้วค่ะ" ใบหน้าหวานขาวซีด ท่าทางอ่อนเพลีย เพราะตั้งแต่เช้านี่เป็นรอบที่สามที่เธอต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ อาการแพ้ท้องดูจะเล่นงานเธอไม่น้อย "ไปกินข้าวกัน เดี๋ยวจะได้กินยา" "ข่าวออกแล้วหรือคะ" "อืม ออกแล้ว ทำไมครับ คุณแม่กลัวเรตติ้งตกหรือไงที่จะต้องแต่งงาน" "กลัวคุณสามีแห่งชาติจะถูกสาวๆ รุมต่างหาก" "อันนี้ก็อาจจะจริง" คนท้องได้แต่ส่งสายตาเขียวๆ "ไหนว่าไม่ชอบเป็นข่าวไงคะ" "ทำไงได้ล่ะ ก็ได้เมียเป็นดารานี่ ว่างๆ จะผันตัวเองไปเป็นอินฟลูเอนเซอร์แล้วเนี่ย" "ค
หดคอกลับพร้อมสายตาเขียวๆ อย่างไม่จริงจังนัก แต่เมื่อเขาบอกให้อยู่เฉยๆ เธอจึงได้นิ่งค้างอยู่แบบนั้น ฝ่ามือใหญ่ปัดข้างแก้มเบาๆ แล้วก็อ้อมไปด้านหลังศีรษะ พลันของบางอย่างก็ร่วงจากมือมาอยู่ข้างลำคอ "อุ๊ย! อะไรคะ" อุทานด้วยความตกใจ แต่พอก้มมองสายสร้อยที่อยู่ตรงลำคอ และมืออีกข้างของเขาก็หยิบชายสร้อยอีกข้างขึ้นเพื่อติดตะขอให้เธอ "คุณฟาริส!!" เธอร้องด้วยความตกใจมากกว่าตอนอุทานเมื่อครู่เสียอีก เมื่อจดจำมันได้ว่าไอ้สร้อยเส้นนี้ก่อนหน้านี้มันยังวางโชว์อยู่ในชอป และที่สำคัญราคากว่ายี่สิบล้าน เธอจำได้เพราะตอนที่เดินผ่านแอบแวะมองมันเห็นราคาแล้วก็แทบจะคำนวณเป็นเงินไทยไม่ถูกเลยทีเดียว "จะร้องตกใจอะไร" "มันแพงมากเลยนะคะ" "ก็เห็นเธอไปยืนมองมันอยู่" "พราวแค่มองว่ามันสวยดี เห็นดาราเกาหลีใส่กันหลายคน เลยไปแอบมองราคาเฉยๆ" "ก็อยากซื้อให้เมียไม่ได้หรือไง" "คุณจะซื้อทุกอย่างที่พราวมองไม่ได้หรอกน่ะ งั้นถ้าพราวมองดวงจันทร์คุณไม่ต้องขี่จรวดไปเอามาให้หรือไงคะ" "ฉันจะไปนาซ่าให้เขาผลิตยานอวกาศให้" "คุณไปคนเดียวนะ พราวกลัวตาย" ฟาริสหัวเราะร่วนแล้วก็ดีดหน้าผากเหม่งของเธอไปเสียอีก
จนมาถึงทางออกจึงได้เห็นเครื่องบินขนาดไม่ใหญ่เท่าเครื่องบินพาณิชย์ แต่ยี่ห้อที่ตัวเครื่องนกยักษ์ลำใหญ่แสดงบริษัทสายการบินระดับโลกอย่างผู้มีอันจะกินมักใช้บริการ เพราะมันคือเครื่องบินเช่าเหมาลำ นอกจากฟาริส คุณอธิป ก็ยังมีทีมบอดี้การ์ดอีกห้าคนที่ร่วมเดินทางในครั้งนี้ แม้เครื่องบินจะลำเล็กกว่าปกติมาก แต่เมื่อขึ้นลอยลำบนท้องฟ้าได้ ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ภายในห้องโดยสารหรูหราไม่ต่างจากชั้นเฟิสต์คลาสสักนิด ลูกเรือสาวสวยสองคนที่คอยบริการตลอดการเดินทาง ดูจะพิเศษกว่าสายการบินปกติ กว่าสิบสองชั่วโมงในการเดินทาง แม้จะเหนื่อยล้า แต่เมื่อมาถึงวิลล่าหลังใหญ่ใกล้ทะเลสาบก็ทำให้เธอหายเหนื่อยได้ทันที แสงสะท้อนของดวงอาทิตย์กระทบผิวน้ำระยิบในช่วงเที่ยงของวันกับอากาศเย็นสบายแม้จะเป็นในช่วงฤดูร้อน "อ้าว มาถึงกันแล้วหรือ" เสียงทักเป็นภาษาไทยจากด้านหลัง พอหันไปเธอก็เห็นชายสูงวัยคนเดียวกับเมื่องานวันเกิดที่บ้านหลังใหญ่ "สวัสดีครับพ่อ" ฟาริสเดินเข้าไปสวมกอดคนที่เรียกว่าพ่อ ส่วนเธอเดินเข้าไปหาท่านพลางยกมือขึ้นไหว้ "สวัสดีค่ะ" "หนูเองหรือที่ช่วยจัดงานวันเกิดให้ฉัน ขอบใจนะ วันนั้นติ
พราวฟ้าถูกอุ้มขึ้นในท่าที่เธอยังคร่อมเขาอยู่ แต่ดูท่าฟาริสคงจะไม่ได้จับเธออุ้มแตงอยู่ตรงนี้ เมื่อเขาเดินไปทางชั้นลอยของเพนต์เฮ้าส์ เธอจึงได้รู้ว่าห้องนอนเขาอยู่ด้านบน เธอถูกวางลงที่เตียงใหญ่ ฟาริสก็จัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตัวเอง ก่อนจะจับชุดเดรสตัวสวยของเธอถอดออกทางศีรษะ บราเซียเกาะอกไร้สายก็ถูกถอดออกอย่างรวดเร็ว รวมถึงแพนตี้ตัวจิ๋ว ฟาริสประทับจูบมาอีกครั้ง ซุกไซ้ลำคอระหงหนักๆ คนตัวเล็กก็รีบเอ่ยห้ามอีกครั้งเช่นกัน "ไม่ทำคอเป็นรอยหรอก เดี๋ยวทำตรงอื่นแทน" ตรงอื่นที่ว่าคงเป็นหน้าอก เมื่อเนินอกอิ่มถูกเขาขบเม้มแรงๆ จนเกิดรอยแดง "ฟะ..ฟาริส" เสียงกระเส่าคล้ายเอ่ยห้าม แต่กระนั้นมันกลับยิ่งทำให้คนที่ยังดูดเม้มยอดอกยิ่งหื่นกระหาย ทุกตารางนิ้วที่ลิ้นร้ายตวัดเลียแผ่นหลังเนียนก็แอ่นลอยแทบไม่ติดพื้น หนวดเคราเขียวเป็นตอสั้นๆ ที่ครูดผิวอ่อนนุ่มยิ่งสร้างความเสียวซ่าน หน้าท้องแบนราบที่ถูกหนวดครูดผ่าน สะโพกมนก็แอ่นขึ้นเนินเนื้อโหนกนูนเสียดสีแผงอกล่ำสันอย่างไม่รู้ตัว "ขอทำรอยตรงนี้ด้วยนะ" "มะ...ไม่เอานะ อ๊า..." เนินเนื้อสามเหลี่ยมอวบอิ่มที่ถูกริมฝีปากหยักขบเม้มอย่างแรง มื