LOGINค่ำคืนนี้ เธอเดินเสิร์ฟด้วยสีหน้ายิ้มแย้มมากกว่าทุกวันจนพริมาถาม วันวิวาห์ไม่ได้เล่าให้ฟังว่าแม่มาหา เพราะรู้ดีว่าเล่าไปเพื่อนสนิทจะพูดถึงแม่เธอว่าอย่างไร ไม่ใช่เธอไม่รู้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อยากให้เพื่อนพูดถึงแม่ไม่ดี
วันวิวาห์ร่ำลาเพื่อนเสร็จเรียบร้อยแล้วก็รีบกลับบ้านไปหาแม่ แม้รู้ว่าเมื่อกลับไปถึงแม่คงจะหลับปุ๋ยไม่รู้เรื่องอยู่ก็ตาม
วันวิวาห์เปิดประตูเข้ามาในห้องอย่างเบามือด้วยกลัวว่าท่านจะนอนหลับอยู่ แต่เมื่อกดเปิดโคมไฟก็พบว่าไม่มีคนนอนอยู่บนเตียง
“แม่...แม่คะ” หญิงสาวเรียกหาในห้องน้ำ แล้วก็พบว่าท่านไม่ได้อยู่ในห้อง
ลางสังหรณ์ทำให้เธอรีบเปิดไฟกลางห้อง เมื่อแสงไฟนีออนสว่างวาบ ภายในห้องพักขนาดไม่ใหญ่มากนักว่างเปล่า ไร้เงาของมารดา มีเพียงข้าวของต่างๆ ที่ถูกรื้อค้นจนกระจัดกระจาย หยาดน้ำตาหลั่งรินออกมาอาบแก้ม กายเล็กทรุดลงไปกองกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง
“แม่...”
มือเล็กถูกยกขึ้นมาปิดดวงหน้า สะอื้นฮักทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ว่ามีอะไรหายไปบ้าง แต่หัวใจรวดร้าวเกินกว่าจะพยุงกายไปตรวจตราสิ่งของภายในห้องได้
แม่ไม่เคยรักเธออย่างไรก็ยังเป็นอย่างนั้น ท่านไม่ได้กลับใจอย่างที่เธอแอบหวัง ท่านรักเพียงน้องชายคนเล็กกับสามีคนที่สามเท่านั้น ส่วนเธอกับวันหวานเป็นลูกที่แม่ทิ้งขว้าง หากจะนึกถึงบ้างก็เมื่อเดือดร้อนเรื่องเงิน ที่แม่มาหาเธอก็คงเพราะเงิน จริงสิ!
วันวิวาห์มีแรงขึ้นมาทันทีหลังเพิ่งนึกได้ว่าเงินค่าเต้นโคโยตี้คืนนั้นถูกเก็บเอาไว้ในห้องนี้ เพราะตั้งใจจะนำไปให้น้องสาวด้วยตนเองจึงไม่ได้โอนไป ร่างเล็กรีบลนลานไปเปิดลิ้นชักด้านล่างสุดเพื่อหยิบกุญแจ แต่ก็ไม่พบ เมื่อเหลียวไปมองที่ตู้เสื้อผ้าชั้นล่างก็ปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมา กุญแจเสียบคาอยู่ตรงนั้น
แม่ขโมยเงินไปหมดแล้ว!
“แม่ทำแบบนี้กับไวน์ได้ยังไง แม่ไม่เคยรักไวน์เลยจริงๆ”
ความเสียใจถูกตอกย้ำด้วยเสียงโทรศัพท์มือถือที่กรีดร้องขึ้นมากลบเสียงร้องไห้ วันวิวาห์มองผ่านความพร่าเลือนแล้วก็ใจสลาย
“หวาน...”
เธอแทบจะไม่มีแรงเรียกชื่อน้องสาวด้วยซ้ำ วันหวานมักจะโทรมาหาเวลานี้เพราะรู้ดีว่าเธอเลิกงานแล้ว ซึ่งธุระในครั้งนี้คงหนีไม่พ้น...
“พี่ไวน์ เอ่อ...พรุ่งนี้พี่จะมาหาเปรี้ยวไหม” วันหวานเกริ่นขึ้นอย่างอึกอัก บ่งบอกถึงความเกรงใจเป็นที่สุด
วันวิวาห์หลับตาลงแน่น หยาดน้ำใสไหลอาบแก้มอีกระลอก เธอพยายามสะกดกลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้อีกฝ่ายจับน้ำเสียงได้
“มีอะไรหรือเปล่า หรือว่าพี่ไม่...”
“พี่ได้เงินมาแล้ว พรุ่งนี้พี่จะไปหาเปรี้ยว พี่เลิกเรียนแล้วพี่จะรีบไปหา”
“เสียงพี่ไม่ค่อยดีเลย มีอะไรหรือเปล่า” กระนั้นวันหวานก็จับกระแสสะอื้นได้อยู่ดี
“ไม่มี พี่เป็นหวัด”
“พี่ไวน์...” ผู้เป็นน้องสาวเอ่ยเรียก ก่อนจะว่าเสียงอ่อน “เปรี้ยวเข้าโรงเรียนแล้ว หนูจะรีบไปหางานทำ พี่จะได้ไม่ต้องแบกภาระของครอบครัวหนูไว้แบบนี้ หนูอยากให้พี่มีความสุขบ้าง”
“ความสุขของพี่ก็คือการเห็นหวานกับเปรี้ยวมีชีวิตที่ดี”
“เสียดายจังเลยเนอะ งานที่คลับแบบที่พี่ทำ หนูไปทำไม่ได้เพราะไม่มีใครดูเปรี้ยวตอนกลางคืน ไม่อย่างนั้นหนูคงจะหาเงินได้เยอะกว่านี้”
“ไม่ต้องมาทำงานแบบนี้หรอก ถ้าอยากเป็นเด็กเสิร์ฟจริงก็หาร้านอาหารที่เขาจ้างตอนกลางวัน มีเยอะแยะไป พี่จะช่วยหาอีกทาง”
“ขอบคุณพี่ไวน์มากนะ ถ้าหนูไม่มีพี่ ป่านนี้หนูคง...ไม่เก็บเปรี้ยวเอาไว้”
“เปรี้ยวคือยาใจของพี่กับหวานเลยนะ ที่พี่มีแรงเรียนและทำงานทุกวันนี้ก็เพราะเปรี้ยว” วันวิวาห์น้ำตาคลอเมื่อนึกถึงหลานตัวน้อยวัยสี่ขวบที่เธอไปดึงชะตากรรมให้มีชีวิตอยู่ต่อไป
“งั้นพี่พักผ่อนเถอะนะ”
ใบหน้าเรียวสวยซบลงกับเข่า เสียงสะอื้นดังเบาๆ ท่ามกลางความเงียบงัน หรือว่าชีวิตเดินมาถึงทางตันแล้ว หลังจากที่ต่อสู้จนสายตัวแทบขาดมายาวนาน
เงินหนึ่งหมื่นบาทที่วันวิวาห์ยอมละทิ้งศักดิ์ศรีขึ้นเวทีเต้นโคโยตี้นั้นสูญเปล่า แม่ขโมยเงินไปโดยไม่รู้เลยว่าเงินนั้นคือค่าเทอมของหลานสาวของท่านเอง วันหวานผัดผ่อนมานานจนทางโรงเรียนยื่นคำขาดให้ชำระก่อนจบปีการศึกษา เธอจึงเพียรพยายามหาเงินมาให้จนครบเพื่อที่เด็กหญิงตัวน้อยจะได้มีอนาคต
วันหวานขาดพ่อแม่มาตั้งแต่ยังวัยรุ่น ทำให้ผู้เป็นน้องสาวพลาดตั้งท้องในวัยเรียน น้องสาวไม่รู้จะปรึกษาใครจึงตั้งใจจะไปทำแท้ง โชคดีที่เพื่อนของน้องสาวมาบอก เธอจึงไปห้ามเอาไว้ได้ทันท่วงที หลังจากวันนั้น วันวิวาห์ก็สัญญาว่าจะดูแลน้องสาวกับหลานสาวให้ดีที่สุด
แล้ววันนี้เธอจะผิดสัญญาได้อย่างไร...
ใบหน้าเปรอะเปื้อนน้ำตาค่อยๆ เงยขึ้น มือเล็กปาดมันทิ้งทำให้ภาพตรงหน้าชัดเจน หญิงสาวเอื้อมไปคว้าถังขยะมาคุ้ยหานามบัตรที่โยนทิ้งไปแล้ว ชื่อดรัณพร้อมเบอร์โทรปรากฏอยู่ในนั้น ตอนนี้เขาเป็นเหมือนแสงสว่างเดียวที่ฉายอยู่ที่ปลายอุโมงค์ รอแค่เธอก้าวเข้าไปหาเท่านั้นก็จะพบทางออก
วันวิวาห์กัดริมฝีปากด้านในอย่างสุดฝืน ขณะกดเบอร์โทรออกหาเขาทันทีแบบไม่ลังเล เธอไม่เหลือทางเลือกอื่นใด หากทำให้วันหวานเห็นว่าเธอลำบาก น้องสาวคงจะเกรงใจจนไม่ยอมรับความช่วยเหลือแน่
“สวัสดีครับ” น้ำเสียงของเขาทรงพลังแม้ในยามดึกดื่นเช่นนี้ เธอลืมไปสนิทว่าดึกมากแล้ว
“ขอโทษนะคะที่รบกวนตอนดึก สะดวกคุยไหมคะ”
“ใคร...หรือว่าหนู”
“คุณจำเสียงหนูได้”
“เสียงหวานแบบนี้มีคนเดียว”
ใจสะท้านวาบราวถูกเขาหยอดมุกจีบใส่ แต่วันวิวาห์รับรู้ได้ว่าผู้ชายแบบเขาไม่จำเป็นต้องสรรหาคำหวาน ในเมื่อเขามีเงินมากมายสามารถซื้อทุกอย่างตามต้องการ
“ค่ะหนูเอง”
“เรายังไม่รู้จักชื่อกันเลยนะ” ดรัณทอดเสียงใจเย็น ไม่แม้แต่จะถามว่าเธอโทรมาทำไม คาดว่าเขาคงรู้คำตอบแล้ว
“วันวิวาห์ค่ะ ชื่อเล่นไวน์” เธอตอบครบถ้วน
“วันวิวาห์...ชื่อหวาน ส่วนชื่อเล่นก็เมามายดี” ดรัณวิเคราะห์ด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีกว่าตอนแรก
“คุณยังอยากกินข้าวกับหนูอยู่หรือเปล่า”
“หืม...”
“วันไหนดีคะ พรุ่งนี้มื้อเที่ยงดีไหมคะ”
“ได้สิ ฉันว่าง”
“เอ่อ...คือ...” เธอกัดปากอีกครั้ง ความอับอายแล่นวูบบนใบหน้า ก่อนจะกลั้นใจถามออกไป “ที่ไหนคะ”
“อยู่ที่ไหนล่ะ ฉันจะให้คนไปรับหนูไวน์เอง”
“หนูไปเองได้ค่ะ”
“ส่งเลขบัญชีมาสิ”
“อะไรนะคะ”
“ฉันจะโอนเงินค่านั่งกินข้าวเป็นเพื่อนให้หนูไวน์”
หลังวางสายวันวิวาห์ข่มความอายส่งเลขบัญชีไปให้เขาผ่านแอปพลิเคชันไลน์ ข้อความถูกอ่านทันที และเพียงเสี้ยวนาที เงินจำนวนหนึ่งหมื่นบาทก็ถูกโอนเข้ามา รวดเร็ว ง่ายดาย จนหญิงสาวหวั่นวิตก
“แค่นั่งกินข้าวจริงๆ หรือเปล่า ได้ตั้งหมื่นบาท”
หญิงสาวระบายลมหายใจออกมา ยกมือข้างหนึ่งขึ้นกุมขมับ ความเครียดแล่นริ้วบริเวณหน้าผากจนต้องพาตัวเองไปทิ้งกายลงนอนอย่างหมดสภาพ ตอนนี้เธอไม่เหลือทั้งแรงกายและแรงใจ
คุณพ่อมือใหม่เลี้ยงลูกเป็นคนแรก ความเห่ออย่างมากถึงมากที่สุดทำให้เขาไม่รบกวนภรรยาเวลานอนเลย ชายหนุ่มอาสาลุกมาดูลูกเองยามมีเสียงแอะๆ เกิดขึ้น ค่ำคืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่ดรัณผุดลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ร่างสูงพุ่งไปเกาะที่เปลสีเขียวอ่อน ดวงตาคมทอดมองลูกน้อยที่ตื่นนอนมามองตาแป๋ว ส่งเสียงร้องไห้จนปากเบะ“โอ๋ๆ ลูกจ๋าเป็นอะไรครับ”มือหนาค่อยๆ ช้อนร่างเล็กจิ๋วเข้ามาไว้ในอ้อมแขนอย่างระมัดระวัง แต่มีความเป็นมืออาชีพสูง เพราะชายหนุ่มได้รับการฝึกฝนจากพยาบาลมาแล้วหลายครั้ง เขาเรียนรู้เรื่องการเลี้ยงลูกอย่างคล่องแคล่ว เมื่อมีคอร์สที่น่าสนใจระหว่างตั้งครรภ์ ชายหนุ่มก็ติดสอยห้อยตามภรรยาไปด้วยทุกครั้ง เป็นที่น่าอิจฉาจนสื่อต่างๆ นำไปลงข่าวในฐานะ ‘สามีแห่งชาติ’ อยู่บ่อยๆ“โอ๋ๆ น้องเบียร์ของปะป๊าเงียบนะครับ เดี๋ยวคุณแม่ตื่น ชู่...” คุณพ่อปลุกปลอบลูกน้อยเสียงเบา แต่หารู้ไม่ว่าคนบนเตียงกลับนอนยิ้มมีความสุข ตาพราวระยับดรัณเป็นผู้ชายที่อบอุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ เขารู้ว่าเธอเหนื่อยเลี้ยงลูกช่วงกลางวัน ตอนกลางคืนจึงอาสาช่วยดูลูกแทนแล้วให้เธอนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ ครั้นวันหวานจะอาสามาช่วย ชายหนุ่มก็ไม่ยินยอม เขาบอ
บทส่งท้ายวันวิวาห์ก้าวลงจากรถยนต์พร้อมโอบอุ้มทารกน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม ดวงตาแป๋วแหววมองผู้เป็นแม่เฉยๆ ไม่ร้องไห้โยเยเลย อย่างมากก็แค่ทำเสียงแอะๆ ตามการเคลื่อนไหว ดรัณก้าวเข้ามายืนเคียงข้างภรรยาสาวที่เพิ่งให้กำเนิดลูกชายสมใจอยาก เขาประคองร่างที่เพรียวบางทันทีที่คลอดลูกเสร็จเดินเข้าไปในบ้าน ที่นั่นมีฉากอลังการรออยู่ดวงตากลมโตกะพริบปริบๆ อย่างไม่อยากเชื่อสายตา คฤหาสน์หลังงามพรั่งพร้อมไปด้วยลูกโป่งสีสันสดใสพร้อมป้ายต้อนรับเบบี้เบียร์ ลูกชายที่แค่ชื่อก็คงบอกได้เป็นอย่างดีว่าลูกใคร ริมฝีปากอิ่มงามค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมาอย่างปลื้มปีติ ทุกคนยืนรอรับเธออยู่เบื้องหน้า“ลูกจ๋า...หนูเป็นที่รักของทุกคนเลยนะ มีคนมาหาหนูเพียบเลย” คุณแม่คนสวยกระซิบบอกลูกน้อยในอ้อมอก กลั้นน้ำตาแห่งความยินดีเอาไว้ไม่ไหว“เป็นอะไรไป” ดรัณหันไปเห็นเมียสาวร้องไห้ก็ตกใจ รีบเอื้อมมาไล้เช็ดน้ำตาให้แผ่วเบาพร้อมจูบหน้าผากปลอบขวัญ “เป็นอะไรครับคนดีของพี่”“ไวน์แค่ดีใจน่ะค่ะที่มีคนที่ไวน์รักมาต้อนรับลูกของไวน์ แล้วก็นึกถึงตอนคลอดน้องโซดา ตอนนั้นไม่มีใครเลย...”“แม้แต่พ่อคนนี้” กลายเป็นดรัณที่เสียงเศร้าลง“อย่าคิดมากนะคะ ตอนนี้พี่คลื่
“ไวน์ขอบคุณพี่คลื่นมากนะคะที่ดีกับครอบครัวของไวน์ขนาดนี้”“แล้วเรื่องแม่ล่ะ อยากให้พี่ช่วยอะไรไหม”วันวิวาห์ส่ายหน้าช้าๆ แต่กระบอกตากลับร้อนผ่าว เธอไม่อยากขึ้นชื่อว่าเป็นลูกอกตัญญู แต่สิ่งที่แม่ทำกับเธอนั้น ท่านคงไม่เห็นเธอเป็นลูกด้วยซ้ำ แล้วเธอจะต้องเห็นท่านเป็นแม่อยู่หรือเปล่า“เอาไว้ถ้าท่านเดือดร้อนหนักๆ ไวน์ค่อยช่วยดีกว่าค่ะ” เธอหาทางออกที่ดีที่สุดดรัณพาทุกคนดูห้องนอนส่วนตัวเรียบร้อยแล้วก็พากันเดินลงไปด้านล่าง ที่นั่นชายสูงวัยนั่งอยู่บนโซฟา ท่านคงความมีสง่าราศีเอาไว้ได้เช่นเมื่อก่อน สภาพจิตใจดีขึ้นตามลำดับ นับจากวันที่ภรรยาเดินออกไปจากชีวิตพร้อมกับเงินจากการแบ่งสมบัติจำนวนหนึ่ง และเมื่อดรัณบอกว่าจะพาหลานกับเมียเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วยกัน ท่านก็กลับมากระปรี้กระเปร่ามากขึ้น“สวัสดีค่ะคุณพ่อ”“ซาหวัดดีค่าจุณปู่” น้องโซดากระพุ่มมือไหว้ ก่อนจะปีนโซฟาขึ้นไปนั่งคลอเคลียราวกับสนิทสนมกันมาเนิ่นนาน วันวิวาห์มองสายสัมพันธ์ที่เชื่อมสนิทนั้นด้วยรอยยิ้มกระจ่าง“พ่อดีใจนะที่หนูไวน์ตัดสินใจเลือกกลับมาเป็นครอบครัวเดียวกัน” ดนุพลทอดสายตามองลูกสะใภ้อย่างเอ็นดู“หนูคิดไม่ผิดจริงๆ ค่ะ ถ้าหนูยังจมอยู่กับอ
บทที่ 21วันวิวาห์ก้าวออกมาจากห้องนอน เมื่อเดินมาถึงห้องรับแขกก็ต้องชะงักงันเมื่อพบว่าที่บ้านมีแขกมาหาแต่เช้า ไม่สิ...สายแล้วต่างหาก ใบหน้าเรียวสวยแดงระเรื่อ ก้มหน้างุดลงซ่อนใบหน้าแสนอาย คนข้างกายดูเหมือนจะคาดเดาความคิดเธอได้เป็นอย่างดี เขาเอื้อมมากุมมือแล้วพาเดินไปนั่งที่โซฟาด้วยกัน“ตื่นสายเลยนะคะพี่ไวน์” ผู้เป็นน้องสาวเอ่ยแซวยิ้มๆ“แม่จ๋า มะคืนน้องโซดานอนกะพี่เปรี้ยว แม่จ๋านอนกะปะป๊าทำไมไม่ชวนน้องบ้างเยย” ลูกสาวตัวน้อยวิ่งเข้ามานั่งตักแล้วเอ่ยเสียงงอนๆ แต่ลูกรู้ไหมว่าทำให้แม่หน้าร้อนเหมือนถูกอังไฟ“ไว้คืนนี้นะคะน้องโซดา”“ได้ค่า” หนูน้อยว่าง่าย ก่อนจะเปลี่ยนไปนั่งตักผู้เป็นพ่อบ้าง“เอ่อ...พี่ภามกับพรีมมาหาไวน์หรือคะ” วันวิวาห์เอ่ยถามอย่างยากเย็น ด้วยรู้สึกอายต่อสายตาของเพื่อนสนิทและพี่ชายอย่างมาก โดยเฉพาะภามที่เขามีสีหน้าสลดไปทันทีที่เห็นว่าเธอกับดรัณเดินออกมาจากห้องเดียวกัน“พี่กับพรีมเป็นห่วงไวน์ อยากมาถามให้แน่ใจว่า...ทุกอย่างโอเค” ภามว่า ก่อนจะหันไปมองหน้าดรัณ “แต่ก็คงโอเคแล้วแหละเนอะ พี่ดีใจด้วยนะไวน์”“ขอบคุณนะคะพี่ภามที่เป็นห่วง”“ฉันก็ดีใจกับแกนะไวน์ อีกอย่าง...อีนิวเยียร์ก
วันวิวาห์ตอบไม่ถูก ได้แต่กดใบหน้าลงยอมรับความสุขที่รออยู่เบื้องหน้า เพียงเธอเอื้อมมือไปแตะ ทุกๆ อย่างที่มืดมนอนธการก็พลันสว่างไสวดุจท้องฟ้าแต้มสายรุ้งหลังสายฝนหนักหน่วงได้ผ่านพ้นไป“น้องไวน์!”ดรัณโผเข้ากอดร่างงาม วาดแขนแกร่งโอบล้อมเรือนร่างเล็กอีกครั้งอย่างแสนโหยหา กี่ชั่วโมงกี่นาทีกันที่ต้องแยกจาก นับจากวันนี้จะตัวติดกันทุกวัน จะไม่ปล่อยให้เมียห่างหายไปไหนเด็ดขาด ไปไหนก็จะตามไปเฝ้า เขาสัญญากับตัวเองอย่างนั้น ยิ่งกอดยิ่งแสนหวงแหนวันวิวาห์อุ่นวาบในหัวใจ มองเรือนผมดำสนิทที่เขาแนบใบหน้ากับเหนืออกของเธออย่างแสนรัก ดรัณคุกเข่ากอดเธอ ไม่อยากเชื่อจริงๆ บอกตัวเองกี่ครั้งว่าเขาทำแบบนี้จริงๆ แต่ก็อดมองซ้ำอีกครั้งไม่ได้ว่าเธอไม่ได้ฝันไป เขายอมลงให้เธอ ยอมขอโทษ พร้อมคำสัญญาที่แสนอบอุ่น“ขอบคุณนะคะ คุณสามี”“น้องไวน์ ภรรยาที่รักของพี่คลื่น” ดรัณเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มกว้าง ก่อนจะอดใจไม่ไหวแนบเรียวปากลงกับริมฝีปากอิ่มสวยวันวิวาห์เลื่อนตัวลงจากเก้าอี้หมายจะไปนั่งบนพื้นระดับเดียวกับเขา ทว่าคนตัวโตกลับตวัดเอวบางมานั่งบนตัก แล้วแนบริมฝีปากลงไปอีกครั้ง คลอเคลียสัมผัสความนุ่มนิ่ม ขบเม้มกลีบปากล่างเบาๆ ก่
บทที่ 20“แม่จ๋า”“หืม...ไม่ง่วงหรือคะ ฟังนิทานจบแล้วนะ” วันวิวาห์ถามลูกน้ำเสียงอ่อนโยน เอื้อมมือไปลูบศีรษะเล็กเบาๆ ทอดสายตามองเจ้าตัวเล็กอย่างแสนเอ็นดู หวงแหนความรู้สึกนี้ ไม่อยากให้โตเลย อยากให้ตัวเท่านี้ ให้แม่ได้กอด ได้กล่อมเข้านอนแบบนี้ทุกคืน“เมื่อไรปะป๊าจะมานอนบ้านเยา มานอนกับน้องโซดา” เด็กหญิงถามเสียงเศร้าวันวิวาห์ฟังคำพูดของลูกแล้วก็ลอบถอนหายใจเบาๆ ได้แค่ส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้“น้องโซดารักปะป๊ามากเลยหรือคะ”“ม้ากมากค่า ยักแม่จ๋าเท่าท้องฟ้า ยักปะป๊าเท่าทะเย” หนูน้อยว่าพลางวาดแขนกางกว้าง ผู้เป็นแม่หอมแก้มนุ่มเบาๆ“แม่จ๋าก็รักน้องโซดาเท่าโลกใบนี้เลยนะ”“แล้วปะป๊าไม่ยักน้องโซดาเหยอคะถึงไม่มานอนเล่านิทานให้ฟังเยย” หนูน้อยบ่นเสียงน้อยใจพลางทำหน้ามุ่ย“รักสิคะ ปะป๊าก็รักน้องโซดาเท่าทะเลเหมือนกัน”“ถ้ายัก ปะป๊าต้องมานอนกับเยาที่นี่ นอนกับน้องกับแม่จ๋าด้วย เมื่อไรดีคะ”คำถามของลูกน้อยสร้างความอึดอัดในหัวอกคนเป็นแม่ นี่เธอเป็นแม่หรือเป็นมารขัดขวางความสุข ความสมบูรณ์แบบในครอบครัวของลูกกันแน่ เธอกำลังทำอะไรอยู่“น้องโซดาคะ แม่จ๋าสัญญาว่าจะพาปะป๊ามานอนด้วยกันให้ได้เลย”“เย่! งั้นน้องโซดาหลั







![เมียแต่ง [PWP] + [NC30+]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)