LOGINบทที่ 2
วันวิวาห์สวมเดรสสั้นสีดำค่อนข้างรัดรูป ดีไซน์ปาดไหล่แต่เป็นแขนยาว ดูไม่โป๊แต่อวดทรวดทรงสวยงาม เธอแต่งตัวพอประมาณ ไม่ยั่วยวนเพราะเธอก็กลัวมากทีเดียว หญิงสาวเดินทางไปโรงแรมด้วยตัวเอง ไม่ต้องการให้เขาทราบว่าเธอพักที่ไหน
“เชิญครับคุณวันวิวาห์”
บอดี้การ์ดชุดดำที่คุมเชิงอยู่บริเวณหน้าห้องเปิดประตูให้เธอ หลังจากคนหนึ่งลงไปรับเธอมาจากด้านล่าง เธอหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อย่างก้าวเข้ามาในห้องสวีตหรู แต่เงินหนึ่งหมื่นบาทที่ได้มาทำให้เธอไม่กล้าเอ่ยปากอะไร ได้แต่กระชับกระเป๋าสะพายแนบลำตัวแน่นราวกับเป็นที่พึ่ง ริมฝีปากที่ทาเพียงลิปกลอสแวววาวสีชมพูคลี่ยิ้มบางๆ เมื่อพบเขา ดรัณนั่งมองเธอด้วยสายตาพึงพอใจอย่างเห็นได้ชัด เพียงแต่เขาไม่กวาดมองตั้งแต่หัวจดเท้าอย่างที่คิด แต่แค่นั้นเธอก็สะท้านไหว
“สวัสดีค่ะคุณดรัณ” วันวิวาห์พนมมือไหว้เขา
เขาผายมือเชิญพลางพยักหน้าลง หญิงสาวก้าวเข้าไปทรุดกายลงนั่ง พยายามควบคุมสีหน้าไม่ให้กริ่งเกรงเขาจนเกินไป ทั้งๆ ที่หัวใจเต้นระทึกราวกับมีคนตีกลองศึก
“ชอบอาหารที่จัดให้ไหม อยากสั่งอะไรเพิ่มบอกได้เลยนะ” ดรัณเริ่มชวนคุย สีหน้าดูผ่อนคลายต่างจากทุกครั้งที่เจอกัน และท่าทางของเขาดูสบายๆ ราวกับกำลังกินข้าวกับคนที่รู้จักมักจี่กันมานาน
วันวิวาห์ส่ายหน้า เธอฉายยิ้มหวานส่งให้ ดรัณเลิกคิ้วสูง
“สบายๆ เอาที่เป็นตัวหนูไวน์”
เขารู้...
“คุณจ้างหนูมา หนูอยากทำให้คุณกินข้าวอย่างมีความสุขนี่คะ” หญิงสาวยิ้มอีกครั้ง ก่อนจะเอื้อมไปตักกุ้งเผาตัวโตมาบรรจงแกะเปลือกด้วยช้อนส้อมอย่างชำนิชำนาญ
ดวงตาดำสนิทจับจ้องนิ้วเรียวยาวที่ทาบบนช้อนและส้อมอย่างสนใจ เมื่อเลื่อนมองใบหน้ารูปไข่ที่แต่งแต้มมาอ่อนๆ ดูเป็นธรรมชาติ ดรัณก็พบว่านี่แหละคือสิ่งที่น่าสนใจมากกว่ามือของเธอ
“นี่ค่ะ” วันวิวาห์ตักกุ้งที่แกะเปลือกเรียบร้อยเรียงวางบนจานกระเบื้องเนื้อดีที่มีข้าวอยู่เพียงน้อยนิดเหมือนตักไว้พอเป็นพิธีเท่านั้น ริมฝีปากอิ่มสวยคลี่ยิ้ม ก่อนเธอจะเงยหน้าขึ้นมอง และพบว่าดรัณจับจ้องเธออยู่อย่างไม่วางตา
“ขอบใจ” ดรัณตอบ ไม่ละสายตาจากวงหน้างาม
“กินเลยสิคะ กินเยอะๆ นะคะ”
“หนูไวน์”
“คะ...”
“บนโต๊ะนี้ชอบกินอะไรมากที่สุด” เขาถามเสียงอ่อนโยน สายตายังจับจ้องใบหน้าของเธอ
“อืม...” วันวิวาห์กวาดตามองอาหารชั้นเลิศบนโต๊ะแล้วก็เลือกไม่ค่อยถูก “กุ้งเผาแล้วกันค่ะ ชอบกินไซซ์ขนาดนี้มากกว่า ถ้าเป็นกุ้งแม่น้ำตัวโตๆ มันใหญ่ไปค่ะ”
“งั้นฉันก็เดาใจหนูไวน์ถูกสินะ”
“อย่างคุณดรัณคงสั่งกุ้งแม่น้ำได้เป็นกิโลๆ โดยไม่สะดุ้งสะเทือนเงินในกระเป๋าสินะคะ”
“ไม่หรอก ฉันจ่ายกับอะไรที่สมควรจ่ายเท่านั้น อย่างเช่นชวนหนูไวน์มากินข้าวด้วยกัน ฉันจ่ายแพงกว่าค่าอาหารแน่นอน”
วันวิวาห์ลอบถอนหายใจแผ่วเบา ฉายยิ้มสุดฝืน รู้สึกหน้าชากับคำว่า ‘จ่าย’ หญิงสาวแสร้งตักอาหารแล้วส่งเข้าปาก รสชาติดีเยี่ยม แต่อย่างไรเธอก็กินไม่ลงอยู่ดี
“ทำไมชื่อไวน์”
“คะ...” เธอเบิกตาโต
“ไวน์เป็นของโปรดของฉัน” เขาบอกพร้อมยืนยันด้วยการยกแก้วไวน์สีแดงเข้มขึ้นจิบ
“ของโปรด” เธอบ้าที่ทวนคำพูดของเขาราวกับสมองกลวงเปล่าเสียแล้ว แถมแก้มก็เห่อร้อนราวกับว่าหม้อไฟตรงหน้าร้อนเสียเต็มประดา
“แม่ตั้งให้เหรอ” เขาอยากรู้เรื่องง่ายๆ ของเธอ
“ค่ะ แม่...ชอบกินเหล้าค่ะ แต่ถ้าชื่อเหล้าก็ดูจะเมาไปหน่อย เลยให้ชื่อไวน์”
ดรัณหัวเราะเบาๆ เป็นครั้งแรกที่เขาหัวเราะ วันวิวาห์มองเขาเพลินตา ยอมรับว่าเขาเป็นผู้ชายที่หล่อมาก ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นใครหล่อเท่าเขามาก่อน แม้กระทั่งพระเอกบางคนยังหล่อสู้ดรัณไม่ได้ด้วยซ้ำ เขามีเสน่ห์ทำให้ผู้หญิงที่อยู่ใกล้ชิดใจเต้นแรงได้อย่างง่ายดาย
“แล้วชอบกินไวน์หรือเปล่า”
“ไม่ค่อยชอบค่ะ แต่ดื่มได้ คุณดรัณอยากให้หนูดื่มเป็นเพื่อนไหมคะ”
“กินกุ้งนี่ดีกว่า” ชายหนุ่มตักกุ้งในจานตัวเองคืนให้เธอสองตัว เหลือสำหรับเขาเพียงตัวเดียวเท่านั้น
“อ้าว! ไม่ชอบกินหรือคะ แล้วคุณชอบกินอะไรคะ หนูจะตักให้” วันวิวาห์กระตือรือร้นบริการให้สมค่าจ้าง
“กินตามสบายเถอะ”
“คุณดรัณดูไม่ค่อยหิวเลยนะคะ”
“หิวสิ...”
เจ้าของสถานบันเทิงชื่อดังมองอย่างมีความหมาย ก่อนจะเอนกายพิงพนักแล้วจิบไวน์อย่างสบายอารมณ์ และท้ายที่สุดก็...มองหน้าเธอซึ่งยิ้มใสซื่อ ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย
วันวิวาห์กลับบ้านอย่างงงๆ
ร่างเพรียวบางทิ้งกายลงนั่งบนเตียงนอนเมื่อกลับมาถึง สีหน้ายังไม่คลายความแคลงใจ เธอเปิดกระเป๋าสะพายแล้วเทอุปกรณ์ป้องกันตัวทั้งหลาย มีดพกเอย สเปรย์พริกไทยเอย แต่ดรัณจ่ายเงินจ้างเธอไปกินข้าว ที่หมายความว่ากินข้าวจริงๆ
ดรัณไม่ได้แตะต้องเธอแม้เพียงปลายก้อย เขานั่งมองเธอเฉยๆ แม้ดวงตาคมกริบจะพราวระยับฉายแววพึงพอใจตลอดเวลาก็เถอะ ชายหนุ่มกินข้าวจริงๆ น้อยมาก เขาจิบไวน์แล้วมองเธอกินข้าวอยู่คนเดียวอย่างผ่อนคลายราวกับกำลังดูภาพยนตร์ชั้นดี
คุณพ่อมือใหม่เลี้ยงลูกเป็นคนแรก ความเห่ออย่างมากถึงมากที่สุดทำให้เขาไม่รบกวนภรรยาเวลานอนเลย ชายหนุ่มอาสาลุกมาดูลูกเองยามมีเสียงแอะๆ เกิดขึ้น ค่ำคืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่ดรัณผุดลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ร่างสูงพุ่งไปเกาะที่เปลสีเขียวอ่อน ดวงตาคมทอดมองลูกน้อยที่ตื่นนอนมามองตาแป๋ว ส่งเสียงร้องไห้จนปากเบะ“โอ๋ๆ ลูกจ๋าเป็นอะไรครับ”มือหนาค่อยๆ ช้อนร่างเล็กจิ๋วเข้ามาไว้ในอ้อมแขนอย่างระมัดระวัง แต่มีความเป็นมืออาชีพสูง เพราะชายหนุ่มได้รับการฝึกฝนจากพยาบาลมาแล้วหลายครั้ง เขาเรียนรู้เรื่องการเลี้ยงลูกอย่างคล่องแคล่ว เมื่อมีคอร์สที่น่าสนใจระหว่างตั้งครรภ์ ชายหนุ่มก็ติดสอยห้อยตามภรรยาไปด้วยทุกครั้ง เป็นที่น่าอิจฉาจนสื่อต่างๆ นำไปลงข่าวในฐานะ ‘สามีแห่งชาติ’ อยู่บ่อยๆ“โอ๋ๆ น้องเบียร์ของปะป๊าเงียบนะครับ เดี๋ยวคุณแม่ตื่น ชู่...” คุณพ่อปลุกปลอบลูกน้อยเสียงเบา แต่หารู้ไม่ว่าคนบนเตียงกลับนอนยิ้มมีความสุข ตาพราวระยับดรัณเป็นผู้ชายที่อบอุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ เขารู้ว่าเธอเหนื่อยเลี้ยงลูกช่วงกลางวัน ตอนกลางคืนจึงอาสาช่วยดูลูกแทนแล้วให้เธอนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ ครั้นวันหวานจะอาสามาช่วย ชายหนุ่มก็ไม่ยินยอม เขาบอ
บทส่งท้ายวันวิวาห์ก้าวลงจากรถยนต์พร้อมโอบอุ้มทารกน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม ดวงตาแป๋วแหววมองผู้เป็นแม่เฉยๆ ไม่ร้องไห้โยเยเลย อย่างมากก็แค่ทำเสียงแอะๆ ตามการเคลื่อนไหว ดรัณก้าวเข้ามายืนเคียงข้างภรรยาสาวที่เพิ่งให้กำเนิดลูกชายสมใจอยาก เขาประคองร่างที่เพรียวบางทันทีที่คลอดลูกเสร็จเดินเข้าไปในบ้าน ที่นั่นมีฉากอลังการรออยู่ดวงตากลมโตกะพริบปริบๆ อย่างไม่อยากเชื่อสายตา คฤหาสน์หลังงามพรั่งพร้อมไปด้วยลูกโป่งสีสันสดใสพร้อมป้ายต้อนรับเบบี้เบียร์ ลูกชายที่แค่ชื่อก็คงบอกได้เป็นอย่างดีว่าลูกใคร ริมฝีปากอิ่มงามค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมาอย่างปลื้มปีติ ทุกคนยืนรอรับเธออยู่เบื้องหน้า“ลูกจ๋า...หนูเป็นที่รักของทุกคนเลยนะ มีคนมาหาหนูเพียบเลย” คุณแม่คนสวยกระซิบบอกลูกน้อยในอ้อมอก กลั้นน้ำตาแห่งความยินดีเอาไว้ไม่ไหว“เป็นอะไรไป” ดรัณหันไปเห็นเมียสาวร้องไห้ก็ตกใจ รีบเอื้อมมาไล้เช็ดน้ำตาให้แผ่วเบาพร้อมจูบหน้าผากปลอบขวัญ “เป็นอะไรครับคนดีของพี่”“ไวน์แค่ดีใจน่ะค่ะที่มีคนที่ไวน์รักมาต้อนรับลูกของไวน์ แล้วก็นึกถึงตอนคลอดน้องโซดา ตอนนั้นไม่มีใครเลย...”“แม้แต่พ่อคนนี้” กลายเป็นดรัณที่เสียงเศร้าลง“อย่าคิดมากนะคะ ตอนนี้พี่คลื่
“ไวน์ขอบคุณพี่คลื่นมากนะคะที่ดีกับครอบครัวของไวน์ขนาดนี้”“แล้วเรื่องแม่ล่ะ อยากให้พี่ช่วยอะไรไหม”วันวิวาห์ส่ายหน้าช้าๆ แต่กระบอกตากลับร้อนผ่าว เธอไม่อยากขึ้นชื่อว่าเป็นลูกอกตัญญู แต่สิ่งที่แม่ทำกับเธอนั้น ท่านคงไม่เห็นเธอเป็นลูกด้วยซ้ำ แล้วเธอจะต้องเห็นท่านเป็นแม่อยู่หรือเปล่า“เอาไว้ถ้าท่านเดือดร้อนหนักๆ ไวน์ค่อยช่วยดีกว่าค่ะ” เธอหาทางออกที่ดีที่สุดดรัณพาทุกคนดูห้องนอนส่วนตัวเรียบร้อยแล้วก็พากันเดินลงไปด้านล่าง ที่นั่นชายสูงวัยนั่งอยู่บนโซฟา ท่านคงความมีสง่าราศีเอาไว้ได้เช่นเมื่อก่อน สภาพจิตใจดีขึ้นตามลำดับ นับจากวันที่ภรรยาเดินออกไปจากชีวิตพร้อมกับเงินจากการแบ่งสมบัติจำนวนหนึ่ง และเมื่อดรัณบอกว่าจะพาหลานกับเมียเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วยกัน ท่านก็กลับมากระปรี้กระเปร่ามากขึ้น“สวัสดีค่ะคุณพ่อ”“ซาหวัดดีค่าจุณปู่” น้องโซดากระพุ่มมือไหว้ ก่อนจะปีนโซฟาขึ้นไปนั่งคลอเคลียราวกับสนิทสนมกันมาเนิ่นนาน วันวิวาห์มองสายสัมพันธ์ที่เชื่อมสนิทนั้นด้วยรอยยิ้มกระจ่าง“พ่อดีใจนะที่หนูไวน์ตัดสินใจเลือกกลับมาเป็นครอบครัวเดียวกัน” ดนุพลทอดสายตามองลูกสะใภ้อย่างเอ็นดู“หนูคิดไม่ผิดจริงๆ ค่ะ ถ้าหนูยังจมอยู่กับอ
บทที่ 21วันวิวาห์ก้าวออกมาจากห้องนอน เมื่อเดินมาถึงห้องรับแขกก็ต้องชะงักงันเมื่อพบว่าที่บ้านมีแขกมาหาแต่เช้า ไม่สิ...สายแล้วต่างหาก ใบหน้าเรียวสวยแดงระเรื่อ ก้มหน้างุดลงซ่อนใบหน้าแสนอาย คนข้างกายดูเหมือนจะคาดเดาความคิดเธอได้เป็นอย่างดี เขาเอื้อมมากุมมือแล้วพาเดินไปนั่งที่โซฟาด้วยกัน“ตื่นสายเลยนะคะพี่ไวน์” ผู้เป็นน้องสาวเอ่ยแซวยิ้มๆ“แม่จ๋า มะคืนน้องโซดานอนกะพี่เปรี้ยว แม่จ๋านอนกะปะป๊าทำไมไม่ชวนน้องบ้างเยย” ลูกสาวตัวน้อยวิ่งเข้ามานั่งตักแล้วเอ่ยเสียงงอนๆ แต่ลูกรู้ไหมว่าทำให้แม่หน้าร้อนเหมือนถูกอังไฟ“ไว้คืนนี้นะคะน้องโซดา”“ได้ค่า” หนูน้อยว่าง่าย ก่อนจะเปลี่ยนไปนั่งตักผู้เป็นพ่อบ้าง“เอ่อ...พี่ภามกับพรีมมาหาไวน์หรือคะ” วันวิวาห์เอ่ยถามอย่างยากเย็น ด้วยรู้สึกอายต่อสายตาของเพื่อนสนิทและพี่ชายอย่างมาก โดยเฉพาะภามที่เขามีสีหน้าสลดไปทันทีที่เห็นว่าเธอกับดรัณเดินออกมาจากห้องเดียวกัน“พี่กับพรีมเป็นห่วงไวน์ อยากมาถามให้แน่ใจว่า...ทุกอย่างโอเค” ภามว่า ก่อนจะหันไปมองหน้าดรัณ “แต่ก็คงโอเคแล้วแหละเนอะ พี่ดีใจด้วยนะไวน์”“ขอบคุณนะคะพี่ภามที่เป็นห่วง”“ฉันก็ดีใจกับแกนะไวน์ อีกอย่าง...อีนิวเยียร์ก
วันวิวาห์ตอบไม่ถูก ได้แต่กดใบหน้าลงยอมรับความสุขที่รออยู่เบื้องหน้า เพียงเธอเอื้อมมือไปแตะ ทุกๆ อย่างที่มืดมนอนธการก็พลันสว่างไสวดุจท้องฟ้าแต้มสายรุ้งหลังสายฝนหนักหน่วงได้ผ่านพ้นไป“น้องไวน์!”ดรัณโผเข้ากอดร่างงาม วาดแขนแกร่งโอบล้อมเรือนร่างเล็กอีกครั้งอย่างแสนโหยหา กี่ชั่วโมงกี่นาทีกันที่ต้องแยกจาก นับจากวันนี้จะตัวติดกันทุกวัน จะไม่ปล่อยให้เมียห่างหายไปไหนเด็ดขาด ไปไหนก็จะตามไปเฝ้า เขาสัญญากับตัวเองอย่างนั้น ยิ่งกอดยิ่งแสนหวงแหนวันวิวาห์อุ่นวาบในหัวใจ มองเรือนผมดำสนิทที่เขาแนบใบหน้ากับเหนืออกของเธออย่างแสนรัก ดรัณคุกเข่ากอดเธอ ไม่อยากเชื่อจริงๆ บอกตัวเองกี่ครั้งว่าเขาทำแบบนี้จริงๆ แต่ก็อดมองซ้ำอีกครั้งไม่ได้ว่าเธอไม่ได้ฝันไป เขายอมลงให้เธอ ยอมขอโทษ พร้อมคำสัญญาที่แสนอบอุ่น“ขอบคุณนะคะ คุณสามี”“น้องไวน์ ภรรยาที่รักของพี่คลื่น” ดรัณเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มกว้าง ก่อนจะอดใจไม่ไหวแนบเรียวปากลงกับริมฝีปากอิ่มสวยวันวิวาห์เลื่อนตัวลงจากเก้าอี้หมายจะไปนั่งบนพื้นระดับเดียวกับเขา ทว่าคนตัวโตกลับตวัดเอวบางมานั่งบนตัก แล้วแนบริมฝีปากลงไปอีกครั้ง คลอเคลียสัมผัสความนุ่มนิ่ม ขบเม้มกลีบปากล่างเบาๆ ก่
บทที่ 20“แม่จ๋า”“หืม...ไม่ง่วงหรือคะ ฟังนิทานจบแล้วนะ” วันวิวาห์ถามลูกน้ำเสียงอ่อนโยน เอื้อมมือไปลูบศีรษะเล็กเบาๆ ทอดสายตามองเจ้าตัวเล็กอย่างแสนเอ็นดู หวงแหนความรู้สึกนี้ ไม่อยากให้โตเลย อยากให้ตัวเท่านี้ ให้แม่ได้กอด ได้กล่อมเข้านอนแบบนี้ทุกคืน“เมื่อไรปะป๊าจะมานอนบ้านเยา มานอนกับน้องโซดา” เด็กหญิงถามเสียงเศร้าวันวิวาห์ฟังคำพูดของลูกแล้วก็ลอบถอนหายใจเบาๆ ได้แค่ส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้“น้องโซดารักปะป๊ามากเลยหรือคะ”“ม้ากมากค่า ยักแม่จ๋าเท่าท้องฟ้า ยักปะป๊าเท่าทะเย” หนูน้อยว่าพลางวาดแขนกางกว้าง ผู้เป็นแม่หอมแก้มนุ่มเบาๆ“แม่จ๋าก็รักน้องโซดาเท่าโลกใบนี้เลยนะ”“แล้วปะป๊าไม่ยักน้องโซดาเหยอคะถึงไม่มานอนเล่านิทานให้ฟังเยย” หนูน้อยบ่นเสียงน้อยใจพลางทำหน้ามุ่ย“รักสิคะ ปะป๊าก็รักน้องโซดาเท่าทะเลเหมือนกัน”“ถ้ายัก ปะป๊าต้องมานอนกับเยาที่นี่ นอนกับน้องกับแม่จ๋าด้วย เมื่อไรดีคะ”คำถามของลูกน้อยสร้างความอึดอัดในหัวอกคนเป็นแม่ นี่เธอเป็นแม่หรือเป็นมารขัดขวางความสุข ความสมบูรณ์แบบในครอบครัวของลูกกันแน่ เธอกำลังทำอะไรอยู่“น้องโซดาคะ แม่จ๋าสัญญาว่าจะพาปะป๊ามานอนด้วยกันให้ได้เลย”“เย่! งั้นน้องโซดาหลั







