LOGIN“อายุคงไม่เกินสามสิบห้า จะหิวอะไรขนาดนั้น!”
เธอหยิบนามบัตรขึ้นมาดูแล้วก็ต้องเกร็งตัวสุดขีด ยกมือขึ้นมาป้องปาก ตาเบิกโต รีบโยนนามบัตรทิ้งลงถังขยะราวกับเป็นของร้อน
“คุณดรัณ เจ้าของเวฟคลับ!”
ดวงตาคู่สวยกะพริบปริบๆ หัวใจเต้นกระหน่ำ สมาธิที่ตระเตรียมสำหรับอ่านหนังสือกระเจิดกระเจิงหายไปกับสายลมหมดแล้ว นี่เธอถูกนายจ้างซื้อบริการ และก็ปฏิเสธเขาไปอย่างไม่ไยดี ไม่ใช่ว่าถูกไล่ออกจากงานเสียล่ะ
“แต่จะว่าไป เขาดูอันตราย หรือจะหางานที่คลับอื่นแทนดี”
วันวิวาห์คิดไม่ตก แต่แล้วก็ปัดเรื่องเครียดๆ ออกไปจากหัวสมองเพราะต้องทำสมาธิอ่านหนังสือให้ได้ พรุ่งนี้เธอมีสอบกลางภาคแล้ว จะต้องทำคะแนนให้อุ่นใจเอาไว้ก่อน
วันวิวาห์เป็นนักศึกษาปีสี่คณะนิเทศศาสตร์ เอกการโฆษณา มหาวิทยาลัยรัฐบาลชื่อดัง เธอผ่านการฝึกงานเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่วิจัยและเก็บอีกหนึ่งรายวิชาก็จะเรียนจบอย่างเป็นทางการ งานวิจัยของเธอไม่มีปัญหา ทั้งยังรับจ้างทำให้เพื่อนไฮโซอีกสองสามคนด้วย ทุกคนรู้ดีว่าเธอไม่ใช่ลูกคนรวย ที่เข้ามาเรียนในสังคมแบบนี้ได้เพราะว่าเธอเรียนเก่งและตั้งใจเรียนมาก ทุกคนจึงไว้ใจจ้างทำวิจัยให้ เม็ดเงินที่ได้มาก็กระจายไปหลายทาง แทบจะเรียกว่าเงินเพียงผ่านมือเธอเท่านั้น
หญิงสาวอ่านหนังสือได้ไม่กี่บรรทัด สมาธิก็กระเจิดกระเจิงอีกครั้งเมื่อเสียงเคาะประตูห้องพักดังขึ้น เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะก้าวไปส่องที่ตาแมว เรียวคิ้วย่นเข้าหากันทันทีเมื่อเห็นผู้มาเยือน
“แม่...” วันวิวาห์มองแม่บังเกิดเกล้าด้วยแววตาว่างเปล่า แล้วกล้ำกลืนก้อนขมๆ ลงคอ “มาทำไมเหรอ”
“ฉันก็คิดถึงแกน่ะสิไวน์”
วันทองตอบเสียงสูงแล้วเดินฉับๆ เฉี่ยวหัวไหล่ลูกสาวเข้าไปในห้องหน้าตาเฉย วันวิวาห์ลอบถอนหายใจแผ่วเบา ทำอะไรไม่ได้นอกจากปิดประตูลงแล้วเดินคอตกตามไป
“แม่มีอะไรเหรอ” วันวิวาห์ถามอีกครั้ง สีหน้าดูอึดอัด ก่อนจะลดระดับสายตาลงไปมองที่มือ พบว่าแม่ถือกระเป๋าใบขนาดกลางๆ มาหนึ่งใบ
“แหม ฉันจะมาหาลูกต้องมีอะไรด้วยเหรอ” มารดาแหวใส่ เงยหน้าขึ้นมองตาเขียว
“เห็นแม่ถือกระเป๋ามาด้วย”
“ก็ว่าจะมานอนกับลูกสักคืน”
“อะไรนะคะ!”
“ทำไม แอบเอาผู้ชายมาค้างด้วยหรือไง ฉันถึงมานอนกับแกไม่ได้”
วันวิวาห์ถอนหายใจยาว แม่ไม่เคยมองเธอในแง่ดี กระทบกระทั่งหัวใจทุกครั้งที่พบหน้า โชคดีแค่ไหนที่เธอสอบได้ที่มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ หาไม่แล้วหัวใจคงบอบช้ำไปมากกว่านี้
“ไม่มีหรอกค่ะ ไวน์ยังเรียนไม่จบนะ”
“สมัยนี้เขาก็มีผัวตอนเรียนกันทั้งนั้นแหละ แกก็ไม่ได้ทำงานพิเศษดีเด่นอะไรนี่ ได้ข่าวว่าเข้าไปทำงานในคลับ ได้เสี่ยรวยๆ สักคนหรือยัง” วันทองถามพลางยิ้มรอ ดวงตาเปล่งประกายวาดหวังว่าคำตอบของลูกสาวจะตรงใจ
“ไวน์ไม่ได้ขายตัวนะแม่ ไวน์ทำงานเสิร์ฟ”
“พับผ่าสิ! เล่นตัวทำไม เราน่ะมีดีที่หน้าตา อกเอวแม่ก็ให้มาเยอะ ขี้คร้านจะตกทรัพย์ได้เป็นแสนๆ” ผู้เป็นแม่ชี้แนะแนวทางร่ำรวย
“แม่ เอาเป็นว่าแม่จะมาขอเงินไวน์เหรอ”
“เปล๊า!” วันทองส่ายหน้าพลางโบกมือยืนยัน
“ถ้างั้นแม่มีอะไรให้ไวน์ช่วยหรือเปล่าคะ” หญิงสาวพยายามถามในฐานะลูกกตัญญู ไม่ว่าจะยังไง สายสัมพันธ์แม่ลูกก็ต้องคงอยู่ แม้ว่ามันจะบางเบาจนแทบจะขาดอยู่แล้วก็ตาม
“ไม่ได้เจอกันเป็นปีแล้วนะลูก ทำไมไม่กลับบ้านบ้างล่ะ” วันทองเอื้อมมือไปลูบเรือนผมสั้นประบ่า ทอดสายตาอ่อนโยนมองลูกสาวคนโต ทว่าวันวิวาห์กลับยิ้มแกนๆ
ที่จริงเธอกลับบ้านตลอด แต่ไม่ได้ย่างกรายเข้าไปที่บ้านของแม่...กับครอบครัวใหม่เท่านั้นเอง เธอไปเยี่ยมน้องสาวที่อยู่ต่างอำเภอเท่านั้น ไม่เคยคิดว่าท่านจะคิดถึงอยู่บ้างเหมือนกัน คิดว่าเพียงโอนเงินให้ตามที่ขอแทบทุกครั้ง แม่ก็คงรับรู้ได้ว่าเธอยังเป็นลูกคนหนึ่งเหมือนกัน
“ไวน์ไม่ค่อยว่างค่ะแม่ ต้องทำงานแล้วก็อ่านหนังสือสอบ ไวน์จะ...” เอาเกียรตินิยม...คำพูดท้ายถูกเอ่ยเพียงในใจ พูดไปแม่ของเธอก็คงไม่สนใจ แม่จะสนก็ต่อเมื่อเกียรตินิยมทำเงินได้มากเท่าไร
“นี่กำลังอ่านหนังสืออยู่เหรอ พักไว้ก่อน นี่แม่ซื้อของกินมาฝากแกเยอะเลยนะ” วันทองชูถุงขนมตรงหน้าพร้อมฉายยิ้มกว้าง
“นี่แม่จำของโปรดไวน์ได้ด้วย” เป็นครั้งแรกที่ดวงตากลมโตทอแววสดใสขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มยินดี
“ของโปรดลูกแม่ก็ต้องจำได้ซี นี่ไง...พายลูกตาลเจ้าดังแห่งเมืองนครปฐม” ผู้เป็นแม่หยิบออกมาจากกล่องแล้วป้อนให้ถึงริมฝีปากอิ่มสวย วันวิวาห์ถอยห่าง ทำหน้างุนงง “กินสิลูกไวน์ ไม่ได้กินมานานแล้วไม่ใช่หรือ”
“เดี๋ยวไวน์กินเองก็ได้”
หญิงสาวตัดสินใจหยิบพายลูกตาลมากัดด้วยตัวเอง แม้ภายในใจจะโหยหาความอบอุ่นสักเพียงใด แต่ความห่างเหินที่ผ่านมาทำให้เธอไม่กล้ารับไมตรีจากแม่ กลัวว่าจะต้องเจ็บปวดอีกครั้ง
“อร่อยไหมลูก”
เธอพยักหน้ารับ น้ำตาคลอหน่วย พายลูกตาลอร่อยมาก อร่อยที่สุดเท่าที่เธอเคยกินมา ร้านคงปรับปรุงสูตรให้ดีขึ้นแน่ๆ เลย และไม่น่าเชื่อว่าเธอจะกินพายลูกตาลของแม่เกือบหมดกล่อง เมื่อได้สติจึงรีบเอาไปเก็บใส่ตู้เย็นไว้ กลัวจะหมดเสียก่อน
“ทำไมไม่กินต่อล่ะไวน์”
“เก็บไว้กินพรุ่งนี้บ้าง” เธอหันมายิ้มให้แม่แบบไม่ฝืน ก้าวเข้าไปนั่งข้างๆ แล้วเอื้อมไปจับมือ “แม่จะอยู่กี่คืน”
“คืนเดียว คิดถึงแกเลยปลีกตัวมาหา พอดีฉัตรลางานได้แล้ว แม่เลยให้มันช่วยเมียเลี้ยงลูกเองแล้วรีบมาหาแกเนี่ยแหละ” วันทองพูดถึงวันฉัตรน้องชายต่างพ่อที่มีลูกตั้งแต่วัยรุ่น จึงต้องออกจากโรงเรียนโดยปริยายทั้งฝ่ายชายฝ่ายหญิง
“แล้วแม่ได้ไปเยี่ยมหวานบ้างไหม” เธอถามทั้งที่รู้ดีแก่ใจ
“โอ๊ย! ลูกใจแตกแบบนั้น ปล่อยให้มันรับชะตากรรมไปก่อนเถอะ ไปช่วยมากก็คงจะงอมืองอตีนไม่ทำมาหากิน ขอเงินฉันอย่างเดียว แค่ไอ้ฉัตรฉันก็จะแย่แล้ว” วันทองรีบตะปบปากแทบไม่ทัน ตาเบิกโตล่อกแล่ก ก่อนจะยิ้มกลบเกลื่อน
“ฉัตรทำไมเหรอ” เธอไม่ค่อยสนิทกับน้องชายมากนัก
“เปล่าหรอก มันก็ผู้ชายน่ะ” วันทองโบกมือ ทำหน้าเบื่อที่จะพูด
“แต่วันนี้ไวน์ต้องไปทำงานที่คลับนะแม่ กว่าจะกลับก็เกือบเช้าแล้วน่ะสิ” วันวิวาห์ทำหน้าเครียด คิดไม่ตกว่าจะแยกร่างยังไง หนึ่งปีที่ไม่ได้พบหน้าแม่ จะปฏิเสธว่าไม่คิดถึงก็คงโกหก เพียงแค่มันจืดจางเหมือนหยดน้ำหวานในแก้วน้ำเปล่าก็เท่านั้น
“ไม่เป็นไรเลย หัวค่ำแม่ก็หลับไม่รู้เรื่องแล้ว แกก็นอนกับแม่ก่อน พอแม่หลับแกค่อยออกไป”
“จริงด้วยเนอะ”
วันวิวาห์นึกน้อยใจอยู่ดีว่าแม่ไม่เคยถามเธอเรื่องเรียนเลย ถ้าเธอไม่เล่า แม่ก็ไม่พูดอะไร เรื่องเรียนไม่สำคัญ หรือเธอกันแน่ที่ไม่สำคัญ
คุณพ่อมือใหม่เลี้ยงลูกเป็นคนแรก ความเห่ออย่างมากถึงมากที่สุดทำให้เขาไม่รบกวนภรรยาเวลานอนเลย ชายหนุ่มอาสาลุกมาดูลูกเองยามมีเสียงแอะๆ เกิดขึ้น ค่ำคืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่ดรัณผุดลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ร่างสูงพุ่งไปเกาะที่เปลสีเขียวอ่อน ดวงตาคมทอดมองลูกน้อยที่ตื่นนอนมามองตาแป๋ว ส่งเสียงร้องไห้จนปากเบะ“โอ๋ๆ ลูกจ๋าเป็นอะไรครับ”มือหนาค่อยๆ ช้อนร่างเล็กจิ๋วเข้ามาไว้ในอ้อมแขนอย่างระมัดระวัง แต่มีความเป็นมืออาชีพสูง เพราะชายหนุ่มได้รับการฝึกฝนจากพยาบาลมาแล้วหลายครั้ง เขาเรียนรู้เรื่องการเลี้ยงลูกอย่างคล่องแคล่ว เมื่อมีคอร์สที่น่าสนใจระหว่างตั้งครรภ์ ชายหนุ่มก็ติดสอยห้อยตามภรรยาไปด้วยทุกครั้ง เป็นที่น่าอิจฉาจนสื่อต่างๆ นำไปลงข่าวในฐานะ ‘สามีแห่งชาติ’ อยู่บ่อยๆ“โอ๋ๆ น้องเบียร์ของปะป๊าเงียบนะครับ เดี๋ยวคุณแม่ตื่น ชู่...” คุณพ่อปลุกปลอบลูกน้อยเสียงเบา แต่หารู้ไม่ว่าคนบนเตียงกลับนอนยิ้มมีความสุข ตาพราวระยับดรัณเป็นผู้ชายที่อบอุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ เขารู้ว่าเธอเหนื่อยเลี้ยงลูกช่วงกลางวัน ตอนกลางคืนจึงอาสาช่วยดูลูกแทนแล้วให้เธอนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ ครั้นวันหวานจะอาสามาช่วย ชายหนุ่มก็ไม่ยินยอม เขาบอ
บทส่งท้ายวันวิวาห์ก้าวลงจากรถยนต์พร้อมโอบอุ้มทารกน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม ดวงตาแป๋วแหววมองผู้เป็นแม่เฉยๆ ไม่ร้องไห้โยเยเลย อย่างมากก็แค่ทำเสียงแอะๆ ตามการเคลื่อนไหว ดรัณก้าวเข้ามายืนเคียงข้างภรรยาสาวที่เพิ่งให้กำเนิดลูกชายสมใจอยาก เขาประคองร่างที่เพรียวบางทันทีที่คลอดลูกเสร็จเดินเข้าไปในบ้าน ที่นั่นมีฉากอลังการรออยู่ดวงตากลมโตกะพริบปริบๆ อย่างไม่อยากเชื่อสายตา คฤหาสน์หลังงามพรั่งพร้อมไปด้วยลูกโป่งสีสันสดใสพร้อมป้ายต้อนรับเบบี้เบียร์ ลูกชายที่แค่ชื่อก็คงบอกได้เป็นอย่างดีว่าลูกใคร ริมฝีปากอิ่มงามค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมาอย่างปลื้มปีติ ทุกคนยืนรอรับเธออยู่เบื้องหน้า“ลูกจ๋า...หนูเป็นที่รักของทุกคนเลยนะ มีคนมาหาหนูเพียบเลย” คุณแม่คนสวยกระซิบบอกลูกน้อยในอ้อมอก กลั้นน้ำตาแห่งความยินดีเอาไว้ไม่ไหว“เป็นอะไรไป” ดรัณหันไปเห็นเมียสาวร้องไห้ก็ตกใจ รีบเอื้อมมาไล้เช็ดน้ำตาให้แผ่วเบาพร้อมจูบหน้าผากปลอบขวัญ “เป็นอะไรครับคนดีของพี่”“ไวน์แค่ดีใจน่ะค่ะที่มีคนที่ไวน์รักมาต้อนรับลูกของไวน์ แล้วก็นึกถึงตอนคลอดน้องโซดา ตอนนั้นไม่มีใครเลย...”“แม้แต่พ่อคนนี้” กลายเป็นดรัณที่เสียงเศร้าลง“อย่าคิดมากนะคะ ตอนนี้พี่คลื่
“ไวน์ขอบคุณพี่คลื่นมากนะคะที่ดีกับครอบครัวของไวน์ขนาดนี้”“แล้วเรื่องแม่ล่ะ อยากให้พี่ช่วยอะไรไหม”วันวิวาห์ส่ายหน้าช้าๆ แต่กระบอกตากลับร้อนผ่าว เธอไม่อยากขึ้นชื่อว่าเป็นลูกอกตัญญู แต่สิ่งที่แม่ทำกับเธอนั้น ท่านคงไม่เห็นเธอเป็นลูกด้วยซ้ำ แล้วเธอจะต้องเห็นท่านเป็นแม่อยู่หรือเปล่า“เอาไว้ถ้าท่านเดือดร้อนหนักๆ ไวน์ค่อยช่วยดีกว่าค่ะ” เธอหาทางออกที่ดีที่สุดดรัณพาทุกคนดูห้องนอนส่วนตัวเรียบร้อยแล้วก็พากันเดินลงไปด้านล่าง ที่นั่นชายสูงวัยนั่งอยู่บนโซฟา ท่านคงความมีสง่าราศีเอาไว้ได้เช่นเมื่อก่อน สภาพจิตใจดีขึ้นตามลำดับ นับจากวันที่ภรรยาเดินออกไปจากชีวิตพร้อมกับเงินจากการแบ่งสมบัติจำนวนหนึ่ง และเมื่อดรัณบอกว่าจะพาหลานกับเมียเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วยกัน ท่านก็กลับมากระปรี้กระเปร่ามากขึ้น“สวัสดีค่ะคุณพ่อ”“ซาหวัดดีค่าจุณปู่” น้องโซดากระพุ่มมือไหว้ ก่อนจะปีนโซฟาขึ้นไปนั่งคลอเคลียราวกับสนิทสนมกันมาเนิ่นนาน วันวิวาห์มองสายสัมพันธ์ที่เชื่อมสนิทนั้นด้วยรอยยิ้มกระจ่าง“พ่อดีใจนะที่หนูไวน์ตัดสินใจเลือกกลับมาเป็นครอบครัวเดียวกัน” ดนุพลทอดสายตามองลูกสะใภ้อย่างเอ็นดู“หนูคิดไม่ผิดจริงๆ ค่ะ ถ้าหนูยังจมอยู่กับอ
บทที่ 21วันวิวาห์ก้าวออกมาจากห้องนอน เมื่อเดินมาถึงห้องรับแขกก็ต้องชะงักงันเมื่อพบว่าที่บ้านมีแขกมาหาแต่เช้า ไม่สิ...สายแล้วต่างหาก ใบหน้าเรียวสวยแดงระเรื่อ ก้มหน้างุดลงซ่อนใบหน้าแสนอาย คนข้างกายดูเหมือนจะคาดเดาความคิดเธอได้เป็นอย่างดี เขาเอื้อมมากุมมือแล้วพาเดินไปนั่งที่โซฟาด้วยกัน“ตื่นสายเลยนะคะพี่ไวน์” ผู้เป็นน้องสาวเอ่ยแซวยิ้มๆ“แม่จ๋า มะคืนน้องโซดานอนกะพี่เปรี้ยว แม่จ๋านอนกะปะป๊าทำไมไม่ชวนน้องบ้างเยย” ลูกสาวตัวน้อยวิ่งเข้ามานั่งตักแล้วเอ่ยเสียงงอนๆ แต่ลูกรู้ไหมว่าทำให้แม่หน้าร้อนเหมือนถูกอังไฟ“ไว้คืนนี้นะคะน้องโซดา”“ได้ค่า” หนูน้อยว่าง่าย ก่อนจะเปลี่ยนไปนั่งตักผู้เป็นพ่อบ้าง“เอ่อ...พี่ภามกับพรีมมาหาไวน์หรือคะ” วันวิวาห์เอ่ยถามอย่างยากเย็น ด้วยรู้สึกอายต่อสายตาของเพื่อนสนิทและพี่ชายอย่างมาก โดยเฉพาะภามที่เขามีสีหน้าสลดไปทันทีที่เห็นว่าเธอกับดรัณเดินออกมาจากห้องเดียวกัน“พี่กับพรีมเป็นห่วงไวน์ อยากมาถามให้แน่ใจว่า...ทุกอย่างโอเค” ภามว่า ก่อนจะหันไปมองหน้าดรัณ “แต่ก็คงโอเคแล้วแหละเนอะ พี่ดีใจด้วยนะไวน์”“ขอบคุณนะคะพี่ภามที่เป็นห่วง”“ฉันก็ดีใจกับแกนะไวน์ อีกอย่าง...อีนิวเยียร์ก
วันวิวาห์ตอบไม่ถูก ได้แต่กดใบหน้าลงยอมรับความสุขที่รออยู่เบื้องหน้า เพียงเธอเอื้อมมือไปแตะ ทุกๆ อย่างที่มืดมนอนธการก็พลันสว่างไสวดุจท้องฟ้าแต้มสายรุ้งหลังสายฝนหนักหน่วงได้ผ่านพ้นไป“น้องไวน์!”ดรัณโผเข้ากอดร่างงาม วาดแขนแกร่งโอบล้อมเรือนร่างเล็กอีกครั้งอย่างแสนโหยหา กี่ชั่วโมงกี่นาทีกันที่ต้องแยกจาก นับจากวันนี้จะตัวติดกันทุกวัน จะไม่ปล่อยให้เมียห่างหายไปไหนเด็ดขาด ไปไหนก็จะตามไปเฝ้า เขาสัญญากับตัวเองอย่างนั้น ยิ่งกอดยิ่งแสนหวงแหนวันวิวาห์อุ่นวาบในหัวใจ มองเรือนผมดำสนิทที่เขาแนบใบหน้ากับเหนืออกของเธออย่างแสนรัก ดรัณคุกเข่ากอดเธอ ไม่อยากเชื่อจริงๆ บอกตัวเองกี่ครั้งว่าเขาทำแบบนี้จริงๆ แต่ก็อดมองซ้ำอีกครั้งไม่ได้ว่าเธอไม่ได้ฝันไป เขายอมลงให้เธอ ยอมขอโทษ พร้อมคำสัญญาที่แสนอบอุ่น“ขอบคุณนะคะ คุณสามี”“น้องไวน์ ภรรยาที่รักของพี่คลื่น” ดรัณเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มกว้าง ก่อนจะอดใจไม่ไหวแนบเรียวปากลงกับริมฝีปากอิ่มสวยวันวิวาห์เลื่อนตัวลงจากเก้าอี้หมายจะไปนั่งบนพื้นระดับเดียวกับเขา ทว่าคนตัวโตกลับตวัดเอวบางมานั่งบนตัก แล้วแนบริมฝีปากลงไปอีกครั้ง คลอเคลียสัมผัสความนุ่มนิ่ม ขบเม้มกลีบปากล่างเบาๆ ก่
บทที่ 20“แม่จ๋า”“หืม...ไม่ง่วงหรือคะ ฟังนิทานจบแล้วนะ” วันวิวาห์ถามลูกน้ำเสียงอ่อนโยน เอื้อมมือไปลูบศีรษะเล็กเบาๆ ทอดสายตามองเจ้าตัวเล็กอย่างแสนเอ็นดู หวงแหนความรู้สึกนี้ ไม่อยากให้โตเลย อยากให้ตัวเท่านี้ ให้แม่ได้กอด ได้กล่อมเข้านอนแบบนี้ทุกคืน“เมื่อไรปะป๊าจะมานอนบ้านเยา มานอนกับน้องโซดา” เด็กหญิงถามเสียงเศร้าวันวิวาห์ฟังคำพูดของลูกแล้วก็ลอบถอนหายใจเบาๆ ได้แค่ส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้“น้องโซดารักปะป๊ามากเลยหรือคะ”“ม้ากมากค่า ยักแม่จ๋าเท่าท้องฟ้า ยักปะป๊าเท่าทะเย” หนูน้อยว่าพลางวาดแขนกางกว้าง ผู้เป็นแม่หอมแก้มนุ่มเบาๆ“แม่จ๋าก็รักน้องโซดาเท่าโลกใบนี้เลยนะ”“แล้วปะป๊าไม่ยักน้องโซดาเหยอคะถึงไม่มานอนเล่านิทานให้ฟังเยย” หนูน้อยบ่นเสียงน้อยใจพลางทำหน้ามุ่ย“รักสิคะ ปะป๊าก็รักน้องโซดาเท่าทะเลเหมือนกัน”“ถ้ายัก ปะป๊าต้องมานอนกับเยาที่นี่ นอนกับน้องกับแม่จ๋าด้วย เมื่อไรดีคะ”คำถามของลูกน้อยสร้างความอึดอัดในหัวอกคนเป็นแม่ นี่เธอเป็นแม่หรือเป็นมารขัดขวางความสุข ความสมบูรณ์แบบในครอบครัวของลูกกันแน่ เธอกำลังทำอะไรอยู่“น้องโซดาคะ แม่จ๋าสัญญาว่าจะพาปะป๊ามานอนด้วยกันให้ได้เลย”“เย่! งั้นน้องโซดาหลั




![เมียน้อยพ่อเป็นของผม [Is Mine]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)


