ในขณะสมองเธอมีแต่ความสงสัย ทว่าไม่กล้าพอที่จะถาม ทั้งที่มันคือสิทธิส่วนบุคคล เธอมีสิทธิ์จะปกป้องตัวเองก็ได้ เมื่อรู้สึกไม่ปลอดภัย
"มองหน้าฉัน จะเอาอะไร"
ดวงตาคู่หวานหลบหลีกกระทันหันทันที หลังชำเลืองแอบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเขา แล้วถูกจับได้ เธอลอบมองอยู่หลายครั้ง ไม่คิดว่าครั้งนี้เขาจะหันกลับมาสบตา
"เปล่าค่ะ"
เอมิเลียปฏิเสธ ดวงตาสั่นระริก
"ฮึ เด็กน้อย เธอโกหกฉันไม่ได้หรอก "
"....."
"อยากจะรู้อะไร ถามมา"
ก่อนหัวใจทั้งดวงจะหล่นลงไปอยู่บนตาตุ่ม เอมิเลียเม้มปากแน่น ไม่คิดว่าจะถูกจับได้ อ้ำอึ้งอยู่อึดใจนึง ภาวนาให้คำถามของเธอนี้ ไม่ถูกเขาตะเพิดกลับมา
"เอมิ..."
"ทำไมต้องพาหนูไปด้วยคะ ทั้งที่คุณสามารถส่งหนูกลับไปก่อนได้ "
เธอหันขวับชิงถาม ครูซัสเลิกคิ้ว
"เธอหมายถึงอะไร?? จะบอกฉันว่าเธอคือคนอื่นไม่สมควรจะพาเข้าไป น่ะหรือ" ย้อนถามกลับ
"ใช่ค่ะ ทั้งที่มันเป็นความลับ"
"เธอจะบอกอะไรฉัน? "
"หนูไม่ควรจะมารับรู้ หรือได้ยินอะไรแบบนี้"
"เธอก็แค่ลืมมัน สาวน้อย... "
เอมิเลียถึงกับเม้มปากเป็นเส้นตรง ช่างใจ ไปไม่ถูก เมื่อชายหนุ่มแนะนำเธอเสียงเรียบ ไร้ท่าทีตื่นเต้นใดๆทั้งสิ้น ต่างจากเธอ ที่ตอนนี้เริ่มจะประหม่าเพราะกลัวเขาเข้าแล้วจริงๆ
"อยู่กับฉัน ยังไงก็ดีกว่าอยู่บ้าน อาจทำเธอเสียขวัญบ่อยหน่อย แต่เชื่อฉันสิ เธอจะปลอดภัย "
ครูซัสทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ก่อนจะนั่งนิ่งเหมือนเก่า ส่วนเอมิเลีย ก็เอาแต่นั่งก้มหน้า เพราะไม่กล้าจะถามต่อ เธอรู้ หากมากกว่านี้เขาหงุดหงิดแน่ เลยต้องปล่อยให้ความเงียบครอบคลุมรถทั้งคันมาตลอดทาง จนกระทั่งถึงที่หมาย เอมิเลียเดินคอตกตามหลังชายหนุ่มมาติดๆ ในใจเต็มไปด้วยความอึดอัด เพราะไม่รู้จะสรรหาคำพูดแบบไหนมาพูดดี จึงปลีกตัวออกมาจากเขา ต่างกับเขาที่ตอนนี้นำหน้าเธอด้วยจังหวะการก้าวเดินปกติ ก่อนจะหยุดกะทันหันตรงหน้าบันได ทำเอมิเลียที่ไม่ทันมองหน้าจูบแผ่นหลังเขาเต็มๆ
ปึก!
"อ๊ะ ขอโทษค่ะ อีกแล้ว..." ก่อนลูบหัวตัวเองป้อยๆ
ครูซัส เก็บอาการในความเปิ่นซ้ำซากของเธอโดยการสูดลมหายใจเข้าปอดสุดลึก
"กลับห้องเธอไปได้แล้ว"
สั่งเธอโดยไม่หันมามอง เอมิเลียพยักหน้า ก่อนจะหมุนตัวกลับห้องตัวเองแต่โดยดี
"ค่ะ ขอบคุณนะคะ สำหรับมหาลัย" ทว่า กลับต้องชะงักด้วยคำทิ้งท้ายนี้
"ไม่เป็นไร มันคือหน้าที่ แม่ฉันอยากจะทำให้เธอ ฉันก็แค่รักษาสัญญา อย่าสร้างปัญหาก็แล้วกัน "
หญิงสาวเงียบกริบ ทั้งรู้สึกแย่ ทั้งขอบคุณมาดามเรกาโดในใจ ก่อนยิ้มอ่อน หันไปลดศีรษะให้เขา
" ....ค่ะ"
"อ้อ พรุ่งนี้ก่อนเก้าโมง ฉันจะให้ลูกน้องพาเธอไปซื้อเสื้อผ้านะ เตรียมตัวไว้ด้วยล่ะ "
"ค่ะ"
และอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกมาจริงๆ... ด้วยสภาพจิตใจที่ดูไม่จืด
เอมิเลียเดินห่อไหล่มาถึงห้อง ไม่ทันสังเกตุเห็นสายตาคู่หนึ่ง ทอดมองเหยียดมาจากอีกห้อง ซึ่งอยู่เยื้องกันกับเธอ เรกาโด เคลที่ กวักมือเรียกสาวใช้ ที่กำลังเดินใกล้เข้ามา เพื่อถามไถ่
"ยัยนั่นน่ะหรือ เด็กในอุปถัมภ์ของคุณแม่"
ซีอาร์หลบตาทันควัน หลังชะงักเท้าตอนหล่อนเรียก เม้มปากกว่าจะตอบ
"ค่ะ"
"มันชื่ออะไร? "
"คุณหนูเอมิเลียค่ะ"
เพี๊ยะ!
สาวใช้หน้าหันไปตามแรงมือ เสี้ยวแก้มชาเป็นแถบ หลังพูดคำนี้ออกมาไม่ทันจบ
"แกกล้ายกย่องมันมาเทียบฉันงั้นหรือ? "
เคลที่ตาลุกวาว ข่มเสียงต่ำอย่างเอาเรื่อง ซีอาร์ก้มหน้าสลด ปากสั่นระริก อยากจะร้องไห้ ทว่าต้องเก็บอาการไว้
"ซะ ซีอาร์ไม่กล้าค่ะ แต่นายท่านสั่ง"
"เฮอะ เลยต้องทำตามงั้นสิ"
"ฮึก.."
"ไสหัวไปให้พ้น! "
สิ้นสุดคำนี้ ซีอาร์ไม่รีรอ กุลีกุจอรีบรนรานออกมา โดยไม่หันกลับไปมองอีก ปล่อยเจ้านายเจ้าอารมณ์อยู่ข้างหลัง ด้วยความโกรธ โทสะหนักจนกู่ไม่กลับ ทำหล่อนต้องกำมือแน่น ถ้าไม่ติดว่า ตัวหล่อนเองก็เกรงกลัวพี่ชาย ยามเขาโมโหร้ายแล้วฟิวขาดมากกว่าหล่อนหลายเท่าเล่าก็ ยามนี้ขาคู่นี้คงพาหล่อนไปอาละวาดสมาชิกใหม่สมใจอยากเรียบร้อย
"มีโอกาสก่อนเถอะ แกไม่มีทางมายืนชูคอ ใกล้พี่ชายฉันแบบนี้แน่"
ทางด้านของเอมิเลีย หลังเดินมาถึงห้อง สิ่งแรกเริ่มที่ทำคือการนั่งเหม่อ ในอกแสนจะทรมานเพราะคิดถึงบ้านเก่าจับใจ ทว่าไม่รู้จะติดต่อกลับไปยังไง และไม่รู้ฝั่งโน้นจะให้ติดต่อไหม... เลยได้แค่นั่งเฉยอยู่แบบนี้
ก็อก ก็อก ก็อก
เสียงเคาะประตูดังเป็นจังหวะสามครั้งเช่นเคย ทำเอมิเลียหลุดออกจากภวังค์หันไปมอง
"ไม่ได้ล็อคจ้ะ"
ยิ้มอ่อนเมื่อเห็นว่าเป็นใคร ต่างจากซีอาร์เอาแต่ก้มหน้านิ่ง หญิงสาวหุบยิ้มลงทันควัน เริ่มผิดสังเกตุ
"พี่ซีอาร์ หน้าของพี่.."
ลุกพรวดลงจากเตียงไปยืนตรงข้าม ก่อนเพ่งมองให้เห็นเต็มตา ในขณะสาวใช้ก้มหน้า หลบตาไม่อยากให้เธอรับรู้ ทว่า เหมือนยิ่งห้ามยิ่งยุ มือบางนุ่มนิ่มยกขึ้นมาเกาะกุมกรอบหน้า ช้อนเบาๆให้หล่อนเงยขึ้นมาสบตากับเธอ
"ฮึก..."
และเมื่อเห็นรอยแดงช้ำเป็นรอยง่ามนิ้วทั้งห้า หญิงสาวถึงกับเบิกตาโพลงตกใจทันที
"ใครทำพี่คะ "
สาวใช้หลบตา เบือนออกไปทางอื่น เอมิเลียถอนหายใจพรืด เพิ่งนึกขึ้นได้เธอไม่ควรถาม มันอาจจะเป็นเรื่องส่วนตัวของหล่อน ซึ่งยากต่อการอธิบาย มือคู่บางจึงค่อยๆลดลงทัน หญิงสาวกรอกตาไปมา ก่อนถ่างขึ้นเล็กน้อย หมุนตัวไปหยิบยาดมที่พกติดไว้ในกระเป๋า แต่ไม่ค่อยได้ใช้ สาเหตุที่เก็บไว้กับตัวมาตลอด เพราะบ่อยครั้งในชีวิต เธอมักจะพบแต่คนเป็นลม ไม่คนแก่ชรา ก็เด็กขี้โรค
"ทายานี้นะคะ จะได้ไม่บวมมาก "
เอมิเลียยิ้มอ่อน ยื่นนิ้วมาแต้มตรงรอยช้ำนั้นด้วยความอ่อนโยน การกระทำของเธอทำให้ซีอาร์หัวใจพองโต เพราะไม่เคยได้รับความอบอุ่นและเอาใจใส่แบบนี้มาก่อน จากหน้าสลดกักเก็บน้ำตาไว้เต็มที่ ตอนนี้ปล่อยให้ไหลลงมาอาบแก้ม พร้อมมองหน้าเธอด้วยแววตาที่ซาบซึ้ง แทนคำขอบคุณ
"เก็บไว้นะคะ เผื่อวันไหนพี่ต้องใช้มัน "
เมื่อทาเสร็จ เธอยัดมันใส่อุ้งมือซีอาร์
"แต่ว่าคุณหนู..."
"ไม่ได้เอาไว้ใช้กับหนูหรอกค่ะ หนูพกไว้เผื่อเจอคนเป็นลมเฉยๆ"
"โถ้..."
สาวใช้ถึงกับเข่าอ่อน นึกไม่ถึงว่าจะเจอคนจิตใจอ่อนโยนขนาดนี้ และนึกไปไกลถึงอนาคต เธอจะอยู่ยังไง หากวันข้างหน้าถูกใครบางคนรังแก
ใช่ ปัญญาของหล่อน มีสถานะเพียงคนรับใช้เท่านั้น จะปกป้องอะไรได้
"รีบไหมคะ "
ซีอาร์หลุดจากความคิด ก้มมองยาดมซึ่งมาอยู่ในอุ้งมือของหล่อนเรียบร้อยแล้ว ช้อนตาขึ้นมองคนถาม สีหน้าเธอดูไม่จืด
"มีเก็บของ ล้างจาน ปัดกวาดอีกนิดหน่อยค่ะ คุณหนูมีอะไรหรือเปล่าคะ "
"มานั่งตรงนี้สิคะ "
เอมิเลียตบเบาะเตียงข้างตัวเองสองสามที
"ค่ะ "
รอให้ซีอาร์ทำตาม จึงพูด
"ต่อไปนี้ เรียกหนูว่า เอมี่ ก็พอค่ะ"
"คะ?"
ก่อนยิ้มอ่อน ค่อยๆเลื่อนมือตนไปกุมมือแข็งผิวกร้าน บ่งบอกถึงสภาพทำงานหนักมานานเกือบค่อนชีวิต
"หนูไม่ชอบคำที่พี่เรียกเลย "
"แต่คุณหนูคะ..."
เอมิเลียชิงส่ายหน้าไม่เปิดโอกาสให้หล่อนได้เถียง
"มันดูให้เกียรติกันเกินไป พี่เรียกหนูแบบนี้ เราจะสนิทกันยากนะคะ หนูอยากคุยกับพี่ได้ทุกเรื่อง "
"ไม่ได้หรอกค่ะ ถ้านายท่านทราบ จะไม่พอใจพี่มากๆ ...."
ทว่า ซีอาร์ยังคงดื้อรั้น ค้านเธอท่าเดียว หญิงสาวเห็นอย่างนั้น จึงปั้นปากงอน
"เขาคงไม่ว่าอะไรหรอกพี่ซีอาร์ ถ้าให้พูดกันตรงๆ ที่มาของหนูมันต่ำกว่านี้ด้วยซ้ำไป อย่าให้เกียรติหนูเลย "
"โถ่ คุณหนู ฮึก.."
ซีอาร์ถึงกับร่ำไห้ บีบมือหญิงสาวแน่น ต่างกับเอมิเลียที่นั่งงงเมื่อเห็นหยดน้ำตานั้น
"พี่ร้องไห้ทำไมคะ "
"ปะ เปล่าค่ะ"
"....."
"อยู่ดีๆ เกิดนึกถึงน้องสาวขึ้นมา หากเธอยังอยู่ คงอายุราวๆกับคุณหนู "
"เอ๋..? ทำไมถึงไม่อยู่ เธอไปไหนหรือคะ?"
เอมิเลียเอียงคอถาม ไร้เดียงสา ก่อนจะเงียบไป หลังซีอาร์เงยหน้าขึ้นมาเล่า
"ตายไปแล้วค่ะ เมื่อยี่สิบปีก่อน ที่โรงเรียนพร้อมเพื่อนอีก 36 คน"
"กะ เกิดอะไรขึ้น?"
ใช่ เธอตกใจหนัก ถึงขั้นถามเสียงสั่น ถ่างตาเบิกกว้าง เอามือปิดปากตัวเองไว้ พลางอุทานเมื่อได้ยินคำตอบนั้น
"สงครามระหว่างผู้นำประจำหมู่บ้านค่ะ เธอถูกกราดยิง ส่วนพี่รอดมาได้ เพราะคุณพ่อของนายท่านช่วย.."
"โอ พระเจ้า.."
หลังพูดคุยกับซีอาร์อีกไม่กี่ประโยคและปล่อยหล่อนไปทำหน้าที่ของหล่อน เหลือเพียงสาวน้อยวัยละอ่อน จิตใจข้างในอ่อนโยนไม่สมกับสิ่งแวดล้อมที่พบเจอมา อยู่ลำพังเหมือนเดิม เธอยืนกอดไหล่ตรงหน้าต่าง สายตาทอดมองไปไกลลิบ เหม่อลอยไร้จุดหมาย ชีวิตที่นี่ ไม่ต่างกับติดคุกเหล็ก หากไม่มีช่วงเวลานึงที่จะต้องออกไปเรียนหนังสือ เธอคงไม่ต่างจากนักโทษ แม้ร่างกายเสมือนสบายก็เถอะ ทว่า สภาพจิตใจทรุดโทรมเต็มที
เมื่อนานมาแล้ว นับย้อนไปกี่ปีนั้นเธอไม่อาจจะจำมันได้ จำได้แค่ว่า เคยมีครั้งนึง ซิสเตอร์พาเธอ พร้อมเพื่อนกลุ่มเดียวกันออกไปข้างนอกรั้ว บำเพ็ญประโยชน์ให้แก่สังคม ครั้งนั้นเธอเจอหญิงสาวคนนึงยืนเหม่อลอยอยู่คนเดียว มองเพียงข้างหลังก็ทำให้รู้แล้วว่าหล่อนนั้นเป็นคนสวย ร่างบางสง่า เปี่ยมไปด้วยสีขาวสะอาดตา ไร้ความดุร้าย ข้างหน้าของหล่อนมีบ่อน้ำเล็กๆ หล่อนมองมันเสมือนมันคือสิ่งที่มีชีวิต เอมิเลียไม่รู้ว่าท่าทางนั้นหมายความว่าอะไร ทว่า เธอรับรู้ถึงความทุกข์ระทมได้
ใช่ หล่อนเศร้า...
เศร้าเสียจนสิ่งรอบข้างหมองหม่นไปหมด
ภายใต้ดวงตาไร้เดียงสาของเด็กหญิงเอมิเลียจึงเห็นทุกอย่างเป็นสีเทา เธอแอบอยู่มุมเสา ก่อนจะค่อยๆเดินออกไปยืนข้างๆ ช้อนตามองจนกระทั่งหล่อนหันมา ดวงตาแดงก่ำ เต็มไปด้วยรอยช้ำรอบกรอบหน้า ก้มลงมามอง เด็กน้อย ที่ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ไม่มีความรู้สึกตกใจ กับสภาพทรุดโทรมที่ได้เห็น บ่งบอกถึงผ่านการร้องไห้และอดหลับอดนอนเลยสักนิด แต่กลับยื่นมือน้อยๆไปจับมือบางนั้น บีบทิ้งน้ำหนักลงเบาๆ
*" คุณป้า เจ็บไหมคะ..."*
เอ่ยเสียงใส นั่นทำให้มาดามเรกาโดยิ้มอ่อน ส่ายหน้ากลับมา กลบเกลื่อนความจริงในใจ ทว่า ประโยคอีกประโยคสามารถทำให้หล่อนสะอื้นไห้อย่างเลี่ยงได้
"คุณป้าอย่าโดดลงไปเลยนะคะ คุณพ่อบอกเอมี่ว่า คนฆ่าตัวตายจะเป็นบาป"
"ฮึก....."
"ไปหาคุณพ่อกับเอมี่ไหมคะ ไปสารภาพทุกอย่างต่อหน้าพระเจ้า เผื่อจะทำให้คุณป้าเปลี่ยนใจได้"
"โธ่....."
ตอนนั้นเธอช่างไร้เดียงสา จวบถึงตอนนี้ก็ยังคงเดิมอยู่ ต่างกันแค่ว่า ไม่มีผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว คนที่เอ็นดูเธอ ถึงขนาดรับเธอเป็นลูกบุญธรรม นึกแล้ว เอมิเลียคิดถึงหล่อนเหลือเกิน
ด้านครูซัส หลังกลับมาพร้อมกัน ก็วุ่นอยู่แต่กับงานบนโต๊ะสลับกับโทรศัพท์ที่เดี๋ยวเข้าเดี๋ยวออกจนยุ่งเหยิงพาลให้ปวดหัว เขานั่งกุมขมับ ก่อนช้อนตาขึ้นเมื่อมีคนเข้ามา
"บอกกี่ครั้งแล้ว ให้เคาะประตู ฮึ"
เอ็ดตะโรเสียงทุ้มต่ำ ทว่า คนมาใหม่หาได้สนใจไม่ เดินปึงปังมายืนตรงหน้าเตรียมโวยวาย
"เอามันเข้ามาอยู่เสวยสุขทั้งที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าก็ว่าแย่แล้ว พี่ยังจะยกย่องมันเทียบเท่ากับฉันอีก คิดอะไรอยู่" ทำคนฟังถึงกับถอนหายใจพรืด
"ถ้านี่คือเรื่องสำคัญ น้องควรจะนั่งลง แล้วพูดกันดีๆ เคลที่"
ปรามหล่อนด้วยน้ำเสียงเรียบสนิท ไร้อารมณ์เหมือนข้างใน นอกจากหล่อนจะยักไหล่ไม่แยแส ไม่สะท้กสะท้านกลับมาแล้ว เพราะรู้นิสัยพี่ชาย อย่างไรก็ตามใจหล่อน
"ขนาดเข้ามายังไม่เคาะประตูเลย "
ยังจะกวนประสาทอีก ครูซัสพ่นลมออก พลางลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ข่มเสียงต่ำ
"เราคุยกันแล้ว และจะไม่คุยอีก "
เดินมาทำงานต่อด้วยหน้าที่ตายสนิท ไม่แยแสยิ่งกว่าหล่อน ปล่อยให้น้องสาวอ้าปากเหวอ กรีดร้องขัดใจ แล้วเดินออกไปเอง
ครูซัสออกไปแต่เช้า จากคำบอกเล่าของซีอาร์โดยที่เธอไม่ต้องถาม ร่างบางกำชับเชือกผูกบู้ทให้แน่นเท่าที่จะแน่นได้ พลางยิ้มอ่อนเสมือนตั้งใจฟังคำบอกเล่าซะเต็มประดา ทว่า เปล่าเลย ในใจเธอคิดเหม่อลอยไปไกลแล้ว ของกิจกรรมในวันนี้ งานที่รับมอบหมายให้ไปกับลูกน้องของเขาใช่ มันกดดันน้อยกว่ากันตรงไหนกันล่ะ??ร่างสูงในชุดสูทดำเต็มยศ เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า เขาคำนับน้อยๆให้ ก่อนเธอจะเงยหน้าขึ้นมอง"พร้อมรึยังครับคุณหนู"หญิงสาวเม้มปากแน่น ถึงแม้จะกลัว แต่เธอก็เลือกที่จะไป".... ค่ะ"หันไปยิ้มให้ซีอาร์น้อยๆ โบกมือลา แล้วจึงจะเดินก้มหน้าก้มตาตามหลังบอดี้การ์ดไปที่รถ ในขณะที่เขานั้นผายมือเชื้อเชิญไม่ให้เดินผิดทางตลอดจนถึง"ถ้าหนูเปลี่ยนใจไม่ไปตอนนี้ล่ะคะ"เอมิเลียตั้งคำถาม หลังขึ้นมานั่งบนเบาะเรียบร้อยแล้ว แต่รถยังไม่ทันออก ลูกน้องคนสนิทมือซ้ายของครูซัส ยิ้มกว้างผ่านกระจะมาให้เธอ พลางส่ายศีรษะ"นายไม่ชอบให้ใครขัดใจท่านหรอก เชื่อผมสิ"บอกเธอเสียงเรียบ พร้อมมือผลักเกียร์แล้วเหยียบคันเร่งเคลื่อนรถออกไป เอมิเลียถึงกับหมดแรง ทิ้งร่างพิงพนักทันที"ฟู่ว..." พอกันทั้งเจ้านายและลูกน้องร้านเสื้อผ้าใหญ่โตในห้
เอมิเลียนั่งตัวตรงพร้อมรวบช้อนส้อมเข้าหากันวางกลางจานข้าวซึ่งยังเหลืออยู่เต็มจาน หลังถูกลูแคน บอดี้การ์ดฝั่งซ้ายครูซัสกึ่งบังคับพามากิน ชายหนุ่มหรี่ตาขึ้นมองถือช้อนค้าง เขาเองก็ถูกต่อรองจากเธอ ถึงได้มาร่วมโต๊ะกันอย่างนี้"หนูอิ่ม...""คุณหนูยังไม่อิ่มครับ"หญิงสาวเหลือบตามองบน ยกแขนกอดอกแน่น เริ่มหน่าย กับพฤติกรรมรู้ทันไปเสียทุกเรื่องของเขา ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองเข้าไปในตาสีฟ้า หวังจะสะกดจิต ทว่า..."ทานต่อเถอะครับ คุณหนูเพิ่งทานไปสองคำเอง""หนูอิ่มแล้วค่ะ"เอมิเลียย้ำ เลิกคิ้วขึ้นบ่งบอกให้รู้มันคือความจริง แต่คนผ่านร้อนผ่านหนาวอย่างลูแคนหรือจะเชื่อ เขาวางช้อนลง ตั้งใจพูดแกมขอร้องเน้นคำ"กว่าคุณหนูจะได้ทานมื้อเย็นอีกรู้ไหมครับมันนาน ทานให้อิ่มเสียตอนนี้เถอะครับ ผมขอร้องล่ะ " แต่เหมือนคนขอร้องอย่างเขาจะถูกอ้อนกลับมา เอมิเลียทำหน้าสลด ก้มหน้างุน"ทำไมไม่เชื่อหนูบ้าง ก็ได้ค่ะ... ถ้ากินหมด คุณลูแคนให้รางวัลหนูหน่อยได้ไหมล่ะคะ""หืม... ""หนูมีที่ที่นึงที่อยากจะไปค่ะ"เธอบอกเสียงร่าเริงในประโยคทิ้งท้าย ก้มหน้าก้มตาตั้งใจกินโดยไม่รู้คำตอบจากเขา ปล่อยเขานั่งมึน เสมือนถูก
เวลานานเท่าไหร่ไม่รู้เธอไม่ได้นับ หลังชายหนุ่มเดินออกไปจากห้อง เธอก็เอาแต่นั่งเหม่อลอย มองเพดานสลับกับฝาผนัง ทำอย่างกับมันคือภาพที่พึ่งยึดเหนี่ยวจิตใจสุดท้าย ชีวิตหลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อ คงมีแต่เรกาโดเท่านั้นที่รู้ !เอมิเลียตาบวมเป่ง ค่อยถดร่างบางออกจากเตียงเดินไปล้างหน้า ทำตัวให้ปกติ เมื่อความตกใจนั้นเริ่มทุเลาลง เธอรู้เธอไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้ และเหมือนจะไม่มีวันนั้นเลยด้วยเที่ยงคืนตรงตึก ตึก ตึกเสียงฝีเท้าทำเธอสะดุ้งตื่น ผุดตัวลุกขึ้นมานั่ง หลังหลับไปสักพัก เธอเดินไปที่หน้าต่าง ค่อยๆแง้มมันออก พลางใช้สายตาก้มลงไปดู ชายชุดดำนับสิบ วิ่งกันจ้าละหวั่นเต็มไปหมด หนึ่งในนั้นมีลูแคนด้วย ก่อนจะหลุดร่างเรกาโดผุดออกมาจากตึก เสมือนเช็คความเรียบร้อย เธอรีบหลบ ในจังหวะเขาเงยขึ้นมามอง หญิงสาวขมวดคิ้วครุ่นคิด ก่อนหน้าเธอเหมือนเห็นอะไรบางอย่าง ซึ่งเป็นลังถูกลำเลียงพาขึ้นรถไปแต่ ทำไมต้องทำกันลับๆล่อๆตอนเที่ยงคืนบรื้นนนนดวงตาหวานโผล่ออกไปแอบมองอีกครั้ง หลังได้ยินเสียงรถออกไปพร้อมเสียงความวุ่นวาย แต่เธอพลาดที่มองไกลเกินไป ตอนสายตาชำเลืองตามดวงไฟท้ายรถนั้น เลยไม่ทันสังเกตุเห็นมีคนบางคนด
ร่างสูงสง่ายืนคุยโทรศัพท์อยู่นานสองนานด้วยเรื่องสำคัญ หลังเวเดโน่ได้รับข่าวจากสายลับถึงแก็งค์คู่แข่งเรื่องการส่งออกสินค้าเข้าสู่ตลาดมืด แต่เป็นการเหยียบจมูกพวกเขา"ใครบอกมึง"(ไอ้เวย์) "ฮึ ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้"(ถือว่าสำเร็จไปขั้นนึง แล้วไอ้พวกทรยศนี้ล่ะวะ มึงจะเอาไง) เวเดโน่ขอความเห็นในขณะเรกาโดกำลังครุ่นคิด พร้อมกับพ่นควันบุหรี่ไปด้วย ก่อนจะขยี้และทิ้งลงถัง"เดี๋ยวกูเข้าไปเองดีกว่า "(ได้ งั้นกูจะนัดคนที่เหลือมารอมึง อีกนานไหมวะ ได้ข่าวว่าช่วงนี้กระเตงเด็ก)"ฮึ ตลก..."ชายหนุ่มแค่นหัวเราะ"รอไม่นาน เดี๋ยวกูเข้าไปเลย"แล้วตัดสายทิ้ง ยืนผ่อนคลายความเครียดอยู่อึดใจนึง จึงจะเดินขึ้นรถไป(ครับนาย) "ลูแคน ช่วยมาตามโลเคชั่นนี้ที"ทิ้งน้องสาวกำมะลอไว้ในร้าน โดยให้ลูกน้องมาสานต่อทางด้านของเอมิเลีย และ ไดอาน่า หลังวัดตัวเสร็จ ดีไซเนอร์อย่างหล่อนก็ทำการร่างโครงคร่าวๆทันที หล่อนแพลนจะตัดให้เธอหลายๆชุด มีทั้งชุดลำลองและชุดออกงาน ก่อนจะพากันเดินออกมาเพื่อตกลงราคากับเรกาโด ทว่า ไม่มีเขายืนอยู่ตรงนั้นเสียแล้ว"หืม ไปไหนแล้วล่ะ"ในขณะเอมิเลียแอบชะเง้อคอมองหา สลับกับมองไดอาน่าที่ก
องค์กรดาร์ก สมาคมสำหรับผู้บ้าอำนาจ ถูกแต่งตั้งด้วยรุ่นเก๋าอย่างพ่อของเรกาโด แม้จะถอนทัพไปนานแล้ว ทว่าเบื้องหลังทั้งหมดยังมีเขาอยู่ เรกาโดตื่นเช้าเพื่อเข้าประชุมตามคำบัญชาที่ส่งมาทางสมาร์ทโฟนไร้สาย หน้าขรึมบัดนี้ขรึมยิ่งกว่า เพราะต่อให้หงุดหงิดแค่ไหนกับความยุ่งเหยิงก็ต้องเก็บกักมันไว้ ก่อนศีรษะโค้งคำนับลงหลังถึง" นั่งสิ "ร่างบึกบึนที่ไม่ยอมแก่แม้หนวดเคราจะแฝงสีขาวผายมือเชื้อเชิญ แน่นอนลูกชายถอดแบบจากเขาไม่มีผิด เขาไม่นั่ง" ผมมา เพื่อจะฟังเรื่องสำคัญของท่านเท่านั้น คิดว่าคงไม่นาน "ใครเล่าจะนั่งสนทนากับคนที่ขึ้นชื่อทำให้แม่เขาตายลง เรกาโด วิส เม้มปากแน่น คำรามฮึมฮัมในลำคอ เดินฟึดฟัดไปหยุดข้างหน้าต่าง เขาหันหลังให้ ส่วนลูกชายยืนยืดอกนิ่ง สูทที่สวมใส่ของทั้งคู่ คงความเป็นผู้ดีบ่งบอกถึงการไว้หน้า ไม่ทำตัวกร่างต่อหน้าลูกน้องได้ดีเลยทีเดียว" แกพาเด็กคนนั้นเข้ามาอยู่ในบ้าน ได้สืบหัวนอนปลายเท้าหล่อนรึยัง "แน่นอนครูซัสพ่นลมหายใจพรืด เดาไม่เคยผิดว่าต้องเป็นเรื่องนี้" เธอเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่เกิด โตมาจากที่นั่น จะต้องสืบอะไรอีก "" ก็ไม่ได้หมายความว่าพ่อแม่หล่อนตายแล้วนี่ "" แค่ผู้หญิงคนเด
ปากหนาเป็นกระจับ แดงระเรื่อเผยอขึ้นพ่นควันบุหรี่ ในขณะสายตาคมกริบกำลังมองภาพเคลื่อนไหวผ่านชิปสอดแนม ซึ่งแอบติดไปกับเสื้อลูแคน หลังแสร้งทำเป็นตบบ่าฝากฝังให้ไปส่งน้องสาวกำมะลอ จริงๆแล้ว เจตนาของเขานั้นแค่เป็นห่วง อยากรู้ว่าเธอนั้นเป็นอย่างไร ไม่นึกว่าจะมาเห็นภาพอะไรแบบนี้ และถ้าชิปเก่านั้นไม่ขัดข้องเพราะไม่ค่อยได้ใช้งานนานเสียก่อน คงจะได้ยินเสียงด้วย ภาพตรงหน้าจึงถูกฉายให้เห็นเพียงเอมิเลียโผเข้าโอบหลังบอดี้การ์ดของเขาตุบ!ครูซัสเตะถังขยะไปไกลห่าง หลังทิ้งก้นบุหรี่ลง จนมันล้มเทระเนระนาด ก่อนจะลุกเต็มความสูงเดินไปใส่เสื้อ เก็บกักอารมณ์หงุดหงิดนั้นไว้ เพื่อไปประชุมให้ทันใช่ เพราะไอ้เวย์คนเดียว ทำให้เขาชวดจากการไปส่งเธอ!ในห้องประชุมของดาร์ก บรรยากาศแสงสลัว แอร์เย็นฉ่ำ มีเพียงไฟจากสปอร์ตไลท์เท่านั้นที่ชี้ไปทางกระดานขาว เรกาโดนั่งเงียบในขณะเพื่อนๆกำลังเฮฮาสนั่นห้อง ก่อนหนังสือเล่มหนึ่งจะลอยมาโดนศีรษะ แน่นอนเมื่อรู้ทิศทางของคนปามา เขาจึงปากลับ สร้างเสียงหัวเราะให้เพื่อนที่เหลือไม่น้อย“ เฮ้ พวกไม่เอาน่า แค่ลูกหย่านมแค่นี้ ถึงกับเศร้าเลยหรือวะ"“ ฮ่าๆๆ "พวกเขารู้ เอมิเลียออกจากบ้านของครูซัส
เอมิเลียเดินมาหยุดกลางห้อง ซึ่งเป็นห้องเดิมเมื่อสี่ปีก่อน ตลอดทางเดินที่มาเธอเก็บความมึนงงในนาทีแรกที่เจอลูแคนไว้ จนถึงจุดหมาย หญิงสาวปล่อยมือออกจากที่จับกระเป๋า ย้ายไปนั่งปลายเตียงแทน ทบทวนเหตุการณ์ พยายามนึกถึงสาเหตุที่ทำลูแคนเย็นชาแบบนั้นได้ ทว่านึกยังไงก็นึกไม่ออก การกระทำของเขาเหล่านั้นสวนทางกับจิตใจ จนทำให้เธอมองออกแต่แล้ว.... ในขณะเธอนั่งครุ่นคิด ไม่นานภวังค์ของเธอก็หลุด ถูกทำลายโดยสาวใช้อายุรุนราวคราวเดียวกับเธอ เอมิเลียขมวดคิ้วในจังหวะหล่อนเดินมาถึงและคำนับให้" สวัสดีค่ะคุณหนู ดิฉันซากี มีหน้าที่ดูแลคุณหนูนับแต่นี้ค่ะ "" เอ๋ ?? ..แล้วพี่ซีอาร์ล่ะคะ ไปไหน? "เธอเอียงคอถาม ในขณะซากีก้มหน้างุน สคริปของหล่อนไม่มีคำพูดนอกเหนือจากนี้ หล่อนถูกสั่งให้มารายงานตัวและจัดเก็บกระเป๋าให้คุณหนูเพียงอย่างเดียว" เอ่อ..."" ออกไปให้พ้นซะซากี ""ค่ะ "ระหว่างอ้ำอึ้ง สาวใช้กลับต้องกระวีกระวาดรีบคำนับรนรานเพราะเสียงดังของใครคนนึงครูซัสถือวิสาสะเดินเข้ามาโดยไม่ขออนุญาต จงใจจะห้ามไม่ให้หล่อนนั้นปากโพล่ง แต่นั่นยิ่งทำเอมิเลียสงสัยเข้าไปใหญ่ เธอเหยียดเท้าลงจากเตียงเหยียบพื้น ยืนเต็มความสูง แต่ไ
ร่างสูงปราดเปรียว คอไร้เครื่องประดับ ทว่าระหงสวยจนใครต้องเหลียวหลังมอง สีชุดของเธอฉูดฉาดขับผิวให้เด่น แต่กระนั้นมันไม่ใช่ที่ที่เธอจะต้องมาเดิน ตาหวานกวาดหาสัญลักษณ์ห้องน้ำ เธอหวังจะไปสงบสติอารมณ์เท่านั้น แต่แล้ว ข้อมือเรียวกลับถูกใครบางคนฉุดไว้ ดึงหันตัวไปมอง ในจังหวะร่างบางถึงมุมอับ คนยืนประชันหน้าคือ ..มิเชล" เย้ว! "" อ๊ะ.."หล่อนยืนมองเธอตั้งแต่หน้าผับแล้ว มองตามหลังกรายๆ เห็นแค่เสี้ยวหน้าก็พอจะรู้ว่าเธอสวย และคนสวยมักจะถูกเรกาโดเลือกจนกระทั่งเข้ามาในงาน ยืนมองโต๊ะวีไอพีที่เด่นที่สุดในมุมมืด รอจังหวะเอมิเลียผละออกมา และก็สมหวัง ตาสีฟ้ามองเข้ามาในตาลึก หลังทักทายเสียงแหบห้าว และด้วยส่วนสูงที่เท่ากัน ทำหล่อนจิกได้ง่าย ในขณะเอมิเลียงง เธอชะงักชะงัน" เอาล่ะแม่สาวน้อย บอกฉันมา เธอชื่ออะไร "ขบฟันถาม เส้นเลือดขึ้นลำคอ" คุณเป็นใคร "" เรากำลังจะได้รู้จักกันอยู่นี่ไง "" ฉัน เอมิเลีย "" อืม เอมิเลีย ฉัน ..มิเชล "จริงๆ แล้ว คนที่รู้จักมิเชลฝ่ายเดียวคือเอมิเลีย เธอเคยเห็นหล่อนเมื่อสี่ปีก่อน ตรงหน้ารั้วคฤหาสน์ ซึ่งกำลังทะเลาะกับเรกาโดอย่างบ้าคลั่ง และท้ายที่สุดก็จบลงตรงการนอนด้วยกัน"
ข้างกระโจมเรียงรายหลายหลัง บริเวณกว้างรอบล้อมไปด้วยทะเลทราย นับว่าเป็นครั้งแรกที่แก็งค์อัลฟามาเหยียบที่นี่ และเป็นครั้งเลอค่าไม่เสียแรงที่ยอมเหนื่อยเพื่อได้ไต่เต้า พวกเขาทำสำเร็จ เพียงเพราะการต่อลองของเรกาโด แลกกับการอารักขาหัวโขนผู้ยิ่งใหญ่ใช่ เขาช่างเป็นผู้ที่เสียสละแน่นอนภายหลังของภารกิจพรรคพวกเขาต้องร่วมและมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย นั่นหมายถึงบ่อเกิดของการต้องประนีประนอม บ่อยครั้งที่ต้องเย็นกว่า เพื่อสยบร้อนให้มากที่สุด ยามเรกาโดกระฟัดกระเฟียด ดุจนิสัยหญิงมีประจำเดือนเป็นระลอกแบบไม่ดูเวล่ำเวลา หรือจะเรียกว่าสามวันดี สี่วันไข้ก็ยังได้ แลนิสัยเหล่านี้ มักจะทำงานใหญ่พังประจำ มีอยู่ครั้งหนึ่ง พรรคพวกนอกชายแดนแบบไม่สนิทเท่าไหร่นัก ทว่ายอมร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่มาด้วยกันจนงานสำเร็จ แม้ว่าเจตนาที่เข้ามาช่วยนั้นจะเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทางธุรกิจทั้งหมด กระนั้นเรื่องแบบนี้ ขึ้นชื่อว่าวงการตลาดมืด หามีใครมาถือสากันไม่แต่แล้ว...กลับถูกยิงตายด้วยเงื้อมมือของเรกาโด เพียงแค่ถกเถียง และออกความเห็นไม่ตรงกัน ด้วยเรื่องไร้สาระแค่นั้นเปรียบเป็นอุทาหรณ์สอนใจทุกคนในทีมได้ดีเลยทีเดียว เหล่าเพื่อนสนิ
แผ่นหลังบางถูกสัมผัสเข้ากับพรมหนา พร้อมร่างใหญ่โน้มลงมาคร่อม นิ้วเรียวแตะจึ้กทาบริมฝีปาก ก่อนเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ในจังหวะเขาลดหน้าเตรียมจะจูบ" หืม ..."" อย่าทำแบบนี้ "" อะไร ก็แค่จูบ "เรกาโดเลิกคิ้วหนา" ขอพักได้ไหมคะ เหนื่อยจะแย่"ส่วนเธอร้องขอเสียงกระท่อนกระแท่นเอากับเขาสิ ทีแรกบอกจะนอนเอาแรง คนกะล่อนอย่างเขา หากเธอรู้ไม่ทันก็แย่เต็มทีแล้ว" เอมิเลีย ฉันแค่จะจูบ.."" ฉันอยากคุยกับคุณมากกว่านะคะ"" ........."หัวไหล่แกร่งยักขึ้น หลังก้มมองพวงแก้มเธอนิ่ง ลากสายตามายังลำคอระหง ที่กำลังลอบกลืนน้ำลายจนลูกกระเดือกเคลื่อน แล้วยันตัวลุก" มีสิทธิ์สั่งฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ "ทิ้งตัวลงไปนอนข้างๆ เธออย่างว่าง่าย เพราะเขาเองก็เหนื่อยเหมือนกัน พลางหันมาหาในท่าเท้าคางนอนตะแคง พร้อมถอนหายใจ" จะคุยเรื่องอะไร ก็ว่ามา .."" เรื่อง.."เธอก้มหน้างุด ประโยคทิ้งท้ายเอ่ยเสียงแผ่ว" ซิสเตอร์และเด็กๆ "" ฟู่ววว "ว่าแล้ว เดาไม่เคยผิด ชายหนุ่มถอนหายใจ พลางยันตัวลุก เขาไม่พร้อมจะเจรจาเรื่องเครียดตอนนี้ แต่เธอคงไม่ยอม" ถามว่า? "" คุณพาศพพวกเขาไปไว้ที่ไหน "" ฝากบาทหลวงทำพิธี ฝังในพื้นที่ของฉัน"ชายหนุ่
เฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวล่อนลงแตะพื้น ก่อนออฟโรดมากกว่าสิบคันจะมารอรับ เอมิเลียเริ่มหายใจไม่ออก ท้องไส้ปั่นป่วน เมื่อเห็นความใหญ่อลังการของแก็งค์เขา มันคงยากมากหากจะเชื่อ ทว่า ก็ต้องเชื่อ หลังเธอมายืนอยู่จุดนี้ กับรอยยิ้มที่เจื่อนสนิท เมื่อเทียบชุดที่เขาสวมใส่กับชุดนอนบางเบาของเธอ ทำไมเรกาโดถึงไม่ให้เวลาเธอได้เตรียมตัวบ้าง" ทำหน้าให้มันดีๆหน่อย "เข้าภวังค์ได้ไม่นาน เสียงทุ้มร่างสูงข้างกายก็โพล่งขึ้น เขาติเตือนเธอในขณะใบหน้าและดวงตายังจ้องมองไปยังบอดี้การ์ด ที่พากันลำเลียงของลงจาก ฮ. สู่หลังรถ" คุณพาฉันมาด้วยทำไม ไหนว่ามาพักผ่อน นี่มันผจญภัยชัดๆ ..."" แฮ่มมม" เขาชะงักก่อนยกกำปั้นกระแอมยามเธอหันมาฉอดๆใส่เขา" คุณนี่มัน..."" เฮ้บิ๊กครูซ "แต่แล้ว...กลับต้องปิดปากเงียบหันไปหาเสียงผู้มาใหม่แทน ในขณะสีหน้ายังคงกระเง้ากระงอดอยู่แมททริกยื่นกระเป๋าเดินทางฝากการ์ดที่เดินผ่าน ก่อนวิ่งเร็วมาหาคนทั้งคู่ เขายิ้มทักทาย ในขณะเธอทำได้แค่หลุบหน้าต่ำ เพราะปรับอารมณ์ไม่ทัน" ไง "" โทษทีว่ะ ที่มาช้ากว่าคนอื่น พอดีติดภารกิจที่บ่อน "" ช้าที่ไหน มึงก็มาแล้วนี่ ""เออ ว่าแต่นี่..."" เอมิเลียไง"และนั่
ดวงตาอิดโรยหลุบหลบต่ำ ไซร่าเลือกที่จะไม่ตอบ สมองเริ่มบีบเพราะต้องหวนกลับไปนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา แขนเรียวเปอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นผสมเลือด กวาดกอดตัวเองอีกระลอก ตัวสั่นสะท้าน สติเลอะเลือน เรกาโดอมลมในปาก เริ่มวิตกกังวล ก่อนผละร่างออกห่างยืดอกยืนเต็มความสูง หันไปหาลูกน้อง" เอาน้ำมาสาดเธอ "ซ่า!สิ้นสุดคำสั่ง น้ำถังใหญ่ถูกสาดราดลงกลางหัว ผ่านตัวไปนองพื้น หญิงสาวไม่สะท้กสะท้าน ยิ่งทวีคูณความกลัวด้วยการกอดตัวเองแน่น และแรงกว่าเดิม" ฮึกๆๆ"ก่อนจะล้มลงหมดสติไป' รุ่นเดียวกัน ชะตาเหมือนกัน รักกันให้มากๆนะรู้ไหม 'เสียงเรียบแสนจะอบอุ่นของหญิงวัยกลางคนเอ่ยขึ้น มือคู่บางจับมือเด็กน้อยทั้งสามคนไว้ พร้อมใบหน้ายิ้มแย้มเปี่ยมไปด้วยความใจดี' ค่ะซิสเตอร์ '' เอมี่ ในสถานะที่ลูกอยู่ที่นี่มานาน ดูแลเพื่อนๆด้วยนะ ว่าแต่แม่จะตั้งชื่อลูกสองคนว่ายังไงดี .. '' สเปชี่กับไซร่าไหมคะซิสเตอร์ เอมี่ชอบ 'เด็กน้อยวัยสิบขวบยิ้มตาหยี หันมองหน้าคนข้างๆสลับกับซิสเตอร์ของเธอ' เอางั้นเรอะ ก็ได้ๆ '' ว่าแต่ ทำไมสเปชี่ไม่คุยเลยล่ะ 'เด็กหญิงถามสีหน้าฉงน พร้อมดวงตากลมโตจะเผลอถ่างขึ้นทุกคราที่เธอสงสัย ซิสเตอร์เม้มปากแน่น
ตาหวานเคลือบความใสดุจน้ำมันเบิกออก ร่างถึกอมยิ้ม เกลี่ยพวงแก้มสาวด้วยความหลงใหล ค่อยๆ โน้มหน้าปลายจมูกจ่อใกล้ เธอประหม่า เตรียมหลบ ทว่า มือใหญ่คว้าไว้กลางคัน" อยู่ที่นี่ คงเบื่อแย่ "ชวนสนทนาน้ำเสียงอ่อนโยน ขณะมืออีกข้างไถถูไปรอบเอวคอดกิ่ว หน้าขาแกร่งเบียดหน้าขาเล็ก ท่อนเอ็นถูเสียดเข้ากับเนื้อนูน เอมิเลียตัวเกร็ง เมื่อรับรู้ถึงความผิดปกติ ที่กำลังขยายตัว" อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า "" อยากออกห่างจากตัวคุณค่ะ "" หืม.."ชายหนุ่มเลิกคิ้ว ขำขันต่อคำพูดตรงไปตรงมา ไร้ความแอบแฝงใดๆ นั่น เธอคงกลัว ทว่า กลับท้าทายต่อเขา" เพราะอะไร "" มันอึดอัด "" ไหน ตรงไหน บอกสิ ฉันจะแก้ให้ "เขาล้อเลียน นิ้วใหญ่เลื่อนไปนาบตรงกลางกาย หญิงสาวสะดุ้งโหยง รนรานหลบหลีก ทว่า เรี่ยวแรงกลับไม่เท่าเขา" อย่าค่ะ "ปลายนิ้วเกลี่ยถูไปทั่ว ก่อนจะค่อยล้วงเข้าไปใต้กระโปรงบานผ้าลื่นของเธอ" อย่าอะไร "ขนหน้าขาเรียวขนลุกชู ยามนิ้วเย็นลากยาวทาบทับ พร้อมเสียงกระซิบ ริมฝีปากเหน็บเม้มติ่งหู" คุณครูซ..."" อยู่เฉยๆ สิ อย่าขัดความสุขของฉัน "มาถึงตอนนี้ต่อให้ฝ่ามือเล็กตะปบ ยื้อยึดมือเขา เรกาโดผู้เปี่ยมไปด้วยความเผด็จการ คงไม่
เรกาโดหันขวับ เปลี่ยนติดทางไปยังคนพูดทันที พลางยกกระบอกปืนชี้ ไซร่าเห็นยิ่งตัวสั่น ก้มหน้างุนกว่าเดิม" เธอว่าอะไรนะ" เขาถามย้ำนาทีนี้คงไม่มีใครสนใจคนเจ็บที่นั่งเลือดอาบแขนอยู่บนพื้น" ฉันไม่ทราบค่ะ เธอเอาข้อเสนอมาให้พวกเรา"หล่อนตอบตะกุกตะกัก ไม่ค่อยจะเต็มเสียงนัก สายตาเบือนต่ำไปหาเพื่อนสาว ก่อนเบือนหน้าหนี" ข้อเสนออะไร"" ขะ ข้อเสนอ.... "" บอกมาเถอะน่า ถ้าเธอบอก ฉันจะไว้ชีวิตเธอ"เขาเก็บปืนเหน็บเอวสอบ ก่อนเลื่อนเก้าอี้มานั่งตรงหน้า อย่างใจเย็น ไซร่ากลืนน้ำลายก้อนใหญ่ คอแห้งเผือด กลัวเสียจนกระหายน้ำ" เธอบอกว่า จะดูแลพวกเราอย่างดี เพราะเป็นนายหญิงของที่นี่"" แลกกับอะไร? "" อย่าบอกนะไซร่า... ""หุบปาก! "นิ้วเรียวชี้หน้าคนที่นั่งกับพื้น สายตาดุดัน ในจังหวะเขาถามแล้วหล่อนแทรกขึ้นมา สเปชี่เห็นอย่างนั้น จึงรีบหลบตา .... สำหรับเรกาโดตอนนี้ หล่อนคือคนกลัวไม่เกรง และร้ายที่สุด" หรือฉันจะฆ่าเพื่อนเธอก่อนดีไซร่า " เขากระซิบ " แล้วเรามาคุยกันสองคน... เอาแบบว่า เนื้อแนบเนื้อเลยดีไหม..."เขาหยั่งเชิง เลิกคิ้วเข้ม โน้มหน้าเข้าไปใกล้ เพราะดูออก เด็กพวกนี้หวังสูงเอาการ คงเห็นแบบอย่างเป็นเอ
ทางเดินสีดำมืดมนที่เคยพานพบ สำหรับเรกาโดก่อนหน้านี้ เขาคิดมาโดยตลอดว่าเขาเอาอยู่ ในคติของใจสุดลึก อะไรก็ตามเข้ามาอยู่ในอุ้งมือ ปล่อยเสรีให้เขาดูแลอย่างเต็มที่ ไม่มีทางที่เขาจะทำพลาด ถึงแม้เรื่องนั้นจะยากเกินตัว เว้นแต่...วันที่เธอคนนี้เดินเข้ามา" เอมิเลีย... ฟู่ววว"เขาถึงกับกุมขมับไปไม่ถูก เอนหลังแกร่งพิงพนักเก้าอี้ยาวประจำตำแหน่ง ใช้ความคิดหาทางออกต่อเหตุการณ์ครานี้ แต่เหมือนมันตื้อไปหมดนิ้วเรียวยาวเคาะโต๊ะเป็นจังหวะของเส้นสมองประกอบความคิด ก่อนเรกาโดจะหลับตาแน่น คลายความกดดันนั้นลง ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พาร่างล่ำสมาร์ทไปยืนตรงระเบียง เพื่อจุดบุหรี่สูบภาพศพเรียงรายดำไหม้แทบกลายเป็นขี้เถ้า ติดอยู่นัยย์ตาเขา พาลทำหลอนประสาท หากเรื่องนี้ไม่ใช้เงินมหาศาลในการปิดข่าว เพื่อกันเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามายุ่งเกี่ยว เขาคงจะเครียดหนักกว่านี้ เผลอๆถึงขั้นกระอักเลือดสถานที่กำพร้า แม้จะเป็นพื้นที่ของเขา ตระกูลเขาใช้อิทธิพลกวาดซื้อ เพื่อสานต่อภายในอนาคต หวังบังหน้าธุระกิจผิดกฏหมาย แม้ในความคิดของบิดาจะแสร้งทำ ทว่ากลับมีค่าต่อจิตใจมารดาของเขาทั้งสิ้น ความผิดหวังและเสียใจต้องเกิดขึ้นกับบุตรชายอย่างเ
เอี๊ยด!ล้อรถหยุดเคลื่อนตัวหน้าคฤหาสน์หรู หน้าที่ของคนขับหลังเปิดประตูรถให้ตัวเอง ต้องรนรานลงมาเปิดประตูรถให้เจ้านายด้วย เนื่องจากนายหญิงสลบเหมือดไม่ได้สติตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้วเรกาโดแบกร่างบางสาวไว้เต็มสองแขน กรอบหน้ามนสวยปรักจมแผงอกอุ่น เขาเดินเร็วรุดหน้าไปยังโรงพยาบาลขนาดย่อม หาได้สนใจไม่" ตามหมอมา"" ครับนาย"บาดแผลนอกกายไม่ได้หนักหนาสาหัส เท่ากับภายในใจ ณ ตอนนี้ ชายหนุ่มคิดไม่ตก คงจะหมดความมั่นใจ หากเธอฟื้นขึ้นมาแล้วไม่เหมือนเดิม" หมอมาแล้วครับ"เรกาโดค่อยๆ วางร่างเธอลงบนเบาะ ในจังหวะหมอประจำตระกูลเข้ามาก้มคำนับให้ ใบหน้าหวานเปอะเปื้อนไปด้วยเขม่าควันดำครึก นั่น ทำเขาไม่อยากจะละสายตา เธอหลับตาพริ้ม ท่ามกลางคราบน้ำตาเต็มเปลือก" ฝากด้วยนะหมอ เธอฟื้นเมื่อไหร่บอกฉันด้วย"" ครับ"ก่อนจะหันหลังเดินจากไป เพื่อไปสะสางคดีความสามชั่วโมงผ่านไปเปลือกตาหนักอึ้ง ค่อยๆ ลืมขึ้น ภาพแรกที่เห็น คือเพดานสีขาวสะอาดตา กลิ่นยาคุ้นเคยตลบอบอวลไปทั่ว หญิงสาวลุกพรวดด้วยความตกใจ ก่อนจะเบ้ปากด้วยความเจ็บปวด เมื่อแขนข้างหนึ่งดึงสายน้ำเกลือขึ้นจนตึง" ซี๊ดดดด"เธอปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ ลามไปทั้งตัว" นายหญ
มืดสลัว นาฬิกาภายในห้องบอกเวลาสามทุ่ม เอมิเลียสลึมสลือตื่นเพราะเสียงโหวกเหวกโวยวาย เสมือนฝีเท้าเคาะพื้นเป็นจังหวะรัวเร็วของผู้คนมากกว่าสิบหญิงสาวถูกปลุกขึ้นมาจากความฝัน เธอฝันถึงซิสเตอร์และเด็กๆ จัดงานวันเกิดให้แก่เธอในห้องนอนเก่า ทุกคนแต่งชุดสวย สีสันสดใสสว่างไสวไปด้วยแสงเทียน เสียงปรบมือกระทบกันเป็นจังหวะ หลายคู่ผสานพร้อมกันกับเสียงเพลงในจังหวะน้องเล็กสุดยื่นเค้กมาให้เธอพร้อมยิ้มหวาน จังหวะนั้นที่เธอกำลังจะเป่า แต่แล้ว....ตึก ตึก ตึก ตึกกลับมีเสียงดังกล่าวมารบกวนการนอนของเธอ เอมิเลียลุกขึ้นเดินโซซัดโซเซไปแง้มหน้าต่าง ภาพที่เห็นคือความยุ่งเหยิง ชวนให้เวียนหัว" อะไรกัน.."ก่อนรถทุกคันซึ่งถูกจอดเรียงไว้ จะค่อยๆเคลื่อนตัวออกไป คันสุดท้ายคาดว่าจะเป็นของนายใหญ่เปิดประตูค้าง เรกาเดินเร็วออกมาจากตัวบ้าน เขาหยุดคุยกับบอดี้การ์ดสลับกับช้อนตาขึ้นมามองหน้าต่างห้องของเธอ โชคดีไฟไม่ได้เปิดเขาจึงมองไม่เห็นมีเธอยืนอยู่และไม่นานเสียงเคาะประตูห้องเธอก็ดังขึ้น ด้วยความอยากรู้ หญิงสาวจึงเดินเร็วไปกระชากมากกว่าเปิด แต่แล้วประโยคแรกที่ได้ยินกลับต้องยืนช็อค" นายหญิง.. "" มะ มีอะไร......."" บ