“มากินข้าวกันเถอะค่ะ อาหารพร้อมแล้ว”
สปายฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะยกอาหารทุกอย่างมาเสิร์ฟบนโต๊ะ ส่วนเรานะเหรอ จ้องอาหารตาเป็นมันเลย เพราะหน้าตาอาหารน่าทานมากๆ “โห... น่ากินทั้งนั้นเลยสปาย ทำไมแกทำอาหารเก่งจังว่ะ นี่แกไม่แพ้ท้องเลยเหรอ แปลกแฮะ ปกติคนท้องจะเหม็นกลิ่นอาหารนี่นา...” “ไม่รู้เหมือนกันน่ะ เราก็ยังงง ๆ อยู่เหมือนกัน” เพื่อนสนิทพูดออกมาด้วยความสับสนก่อน จะตักข้าวใส่จานช้า ๆ “แปลกจริง!!” “มาสปาย... มานั่งข้าง ๆ พี่ ส่วนคนอื่นก็ไปนั่งตรงนู้นซะ” ชายหนุ่มหันไปมองเพื่อนรักของเราด้วยสายตาหวานหยาดเยิ้ม ก่อนจะเปล่งน้ำเสียงอ่อนหวาน แต่หันมาพูดเสียงเข้มใส่เรา สองมาตรฐานชัดๆ ฟ้าลำเอียง!! “เหอะ!! ใครจะไปอยากนั่งใกล้คุณมึงไม่ทราบคะ แค่คิดก็ขนลุกและ แขยง...” เราเบ้ปากเล็กน้อยก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบแขนด้วยความรวดเร็ว ความจริงก็อยากให้จิตใจของเราแขยงเขาอย่างที่ปากพูด แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะเรารับรู้อยู่เต็มอกว่าเรานั้นรักเขาหมดหัวใจ “ก็ดี... กูจะได้ไม่อึดอัด” อึดอัด! อึดอัดงั้นเหรอ เจ็บจัง เขาคงอยากมีเวลาส่วนตัวอยู่กับสปายสองต่อสองสินะ แต่ทำไงได้ ก็เราอยากเจอหน้าเขาบ่อย ๆ นี่ เราเลยทำได้แค่อดทน และสัญญากับตัวเองว่าจะมาก่อกวนเขาบ่อยๆ “แล้วคิดว่าฉันมีความสุขมากหรือไงที่ต้องเจอคุณมึงทุกวันอะ ฮะ!!” หญิงสาวใช้มือตบโต๊ะดัง ป๊าบ!! ก่อนจะเปล่งเสียงออกมาดัง ๆ ด้วยความโกรธ กล้าดียังไงถึงมาพูดคำว่าอึดอัดใส่เราแบบนี้ หึ!! ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด “น้อย ๆ หน่อย ดูรุ่นด้วยอีหนู...” ชายหนุ่มนั่งกอดอก ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด แล้วจ้องไปที่หญิงสาวด้วยสายตาที่ดุดัน แต่คนตัวเล็กกลับไม่รู้สึกเกรงกลัวเลยสักนิด “รุ่นอะไร IOS หรือ Android ฮะ!!” หญิงสาวพูดยั่วยวนกวนประสาท เพราะไม่อยากให้สถานการณ์บนโต๊ะอาหารตึงเครียดมากเกินไป “ตลกละมึงอะ ระวังปากจะแตกนะครับ กูขอเตือน” คุณอิฐเขม่นตาจ้องหน้าเรา ส่วนเราก็ทำใจดีสู้เสือ จ้องหน้าเขากลับ เอาสิ... ใครจะแน่กว่ากัน “พอได้แล้วค่ะ เลิกทะเลาะกันได้แล้ว สองคนนี้ นี่จริง ๆ เลย หาเรื่องทะเลาะกันได้ไม่เว้นแต่ละวัน เราอยู่ร่วมโลกกัน ผูกมิตรกันไว้ดีที่สุดค่ะ” ส่วนเพื่อนรักของเราก็พูดน้ำเสียงอ่อนหวาน และพยายามโน้มน้าวใจ ให้เรากับไอ้คุณอิฐ ปรับความเข้าใจกัน แต่มันคงไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะดู ๆ ไปคุณอิฐเขาเกลียดเรายิ่งกว่าอะไรดี “สปายก็บอกเพื่อนสิ ว่าอย่ามาที่นี่บ่อยๆ พี่กับมันจะได้ไม่ต้องทะเลาะกันอีกไง” คุณอิฐหันมาพูดเสียงเข้มใส่เรา แหม... ได้ทีรีบไล่เราเลยนะ คิดว่าอยากมาเหยียบที่นี่นักหรือไง แต่เราก็อยากมาที่นี่จริง ๆ นั่นแหละ ทำไงได้ ก็รักเขาไปแล้วนี่ “อะโถ่... คุณมึงก็พูดเกินปาย เพราะฉันเป็นห่วงเพื่อนหรอก ฉันจึงต้องมาอะ จะให้คุณอยู่กับเพื่อนฉันสองต่อสองได้ไง มันอันตราย...” “ทำไม!!” เราพูดลากเสียงคำว่า มันอันตราย... ส่วนเขารีบพูดเน้นคำ ก่อนจะเขม่นตา แล้วเเสดงสีหน้าโกรธเคือง คงกลัวว่าเราจะบอกความจริงกับสปายละสิ ว่าที่ผ่านมามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่เราคงไม่กล้าทำลายความรักที่เขามีให้สปายขนาดนั้นหรอก เพียงเราเห็นเขาทำให้สปายมีความสุข และเห็นเขาได้อยู่กับคนที่เขารัก เราก็รู้สึกอุ่นใจแล้ว “เปล่า... ก็ไม่ทำไม หิวข้าวแล้ว ไม่อยากทะเลาะ” เราพูดเสียงสูง และรีบเอื้อมมือไปตักกุ้งวางบนจานข้าวของคุณอิฐทันที โดยไม่สนใจสายตาของสปายที่จ้องมองเราด้วยความงุนงง คงจะงง ว่าเราตักกุ้งให้คุณอิฐทำไม ทั้งๆที่เมื่อกี้ก็ยังทะเลาะกันอยู่เลย “มองทำไม แดก ๆ ไปสิ อุตส่าห์ลดฐิติกัดฟันตักให้เลยนะ” “.....” ส่วนคุณอิฐก็หันมาจ้องหน้าเราด้วยความตกใจ ก่อนจะเขี่ยมันทิ้งข้างๆจานอย่างไม่แยแส เจ็บใจจังเลย ไม่คิดว่าเขาจะไม่สนใจเราขนาดนี้ เพราะการกระทำทุกอย่างมันแสดงให้เห็นว่าเขาเกลียดเราจริงๆ “สปายกินกุ้งเยอะ ๆ นะลูกของเราจะได้แข็งแรง” คุณอิฐเขาไม่ได้แคร์ความรู้สึกของเราด้วยซ้ำ จากนั้นเขาก็ฉีกยิ้มกว้างให้เพื่อนรักของเราอย่างเอ็นดู และเอื้อมมือไปตักกุ้งตัวใหม่วางบนจานข้าวของสปาย ส่วนสปายก็ยิ้มหวานตอบ “ขอบคุณค่ะพี่อิฐ” เราแสยะยิ้มเจื่อน ๆ ก่อนจะก้มลงไปตักข้าวเข้าปากทีละนิด น้ำตาก็ไหลมาคลอเบ้าช้าๆ เราก็พูดทำเก่งไปงั้นแหละ แต่ใครจะไปรู้ละว่าเราแคร์ความรู้สึกเขามากแค่ไหน “สปาย... อะ!! พี่ป้อน” คุณอิฐยกช้อนขึ้นไปจ่อปากของสปายช้าๆ ส่วนสปายก็อ้าปากกินข้าวด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ดูเขามีความสุขจังเลยนะ แต่มองกลับมาที่เราสิ มันเจ็บปวดไปทั้งหัวใจ เราทำได้เพียงแอบมองพวกเขาแสดงความรักต่อกันเป็นระยะๆ แล้วทำหน้าเศร้า เอาจริงๆเราก็แอบน้อยใจนะ ที่เขารักสปาย ไม่ใช่เรา แต่เราก็ยังหวังดีกับเพื่อน และผู้ชายคนนี้เสมอ “เออะ คุณอิฐเดี๋ยวพรุ่งนี้เราไปซื้อของมาทำอาหารไปแจกเด็ก ๆ ที่มูลนิธิบ้านศรีจันทร์ดีไหม? ” “ไม่!!” คุณอิฐเขารีบตอบปฏิเสธเราทันที ทำไมนะ เราพยายามชวนเขาคุยในเรื่องที่เขาชอบ เพราะเรารู้ไงว่าเขาชอบทำบุญกับเด็กกำพร้า ถึงลุคเขาจะออกแนวแบดบอย ไม่เหมือนกับคนใจดีที่ชอบทำบุญสุนทาน แต่เรารู้นะ ว่าลึก ๆ เขาเป็นคนจิตใจดี แต่เขากลับปฏิเสธคำชวนของเราอย่างไม่คิดไตร่ตรอง เขาไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าเราด้วยซ้ำ ใจร้ายจังเลย “ดีเหมือนกันนะแป้ง เราเองก็ชอบทำอาหาร พรุ่งนี้เราไปซื้อของมาทำอาหารไปแจกเด็ก ๆ กันนะคะพี่อิฐ” สปายหันมาพูดกับเราด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น ก่อนจะหันไปจับแขนคุณอิฐและเขย่าเบา ๆ เชิงออดอ้อน “ได้อยู่แล้ว ไม่มีปัญหา ถ้าสปายชอบ พี่ทำให้สปายได้อยู่แล้วล่ะ” ค่ะ!! ยิ่งฟังยิ่งเจ็บ คุณอิฐเขาแคร์ความรู้สึกสปายเอามากๆ แค่สปายอ้อนนิดอ้อนหน่อย เขาก็รีบตอบรับอย่างรวดเร็ว ต่างกับเรา คนที่ไม่ได้อยู่ในใจเขา จากนั้นเราต่างคนก็ต่างรีบกินข้าว สักพักพวกเราก็กินข้าวกันเสร็จ ส่วนเราก็รีบเก็บจงเก็บจานไปล้างให้เรียบร้อย และรีบบอกสปายให้ไปนั่งพักผ่อนที่โซฟา เพราะตอนนี้สปายท้องอยู่ เราไม่อยากให้สปายทำงานหนัก เพราะตอนนี้สปายก็ยังป่วยอยู่อีกด้วย พอเราล้างจานเสร็จ ก็เดินกลับเข้ามาในห้อง ก็ต้องพบกับภาพบาดตาบาดใจ เพราะตอนนี้คุณอิฐเขากำลังนอนหนุนตักสปายอยู่บนโซฟา ส่วนสปายนั้นก็ยิ้มหวานบีบจมูกคุณอิฐเบาๆ น่าอิจฉาจัง ส่วนเราทำได้เพียงยืนทำหน้าเศร้า น้ำตามันมาจากไหนไม่รู้ จู่ ๆ มันก็ไหลลงมาคลอเบ้าช้า ๆ พอเราได้สติก็รีบปาดน้ำตาลวก ๆ ก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหารดังเดิม ก่อนจะแกะเค้กช็อกโกแลตกินคนเดียวอย่างเอร็ดอร่อย “แดกเค้กไหมค่าา คุณอิฐ” เราเอ่ยปากชวนด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะเพราะพริ้ง ก่อนที่เขาจะตวัดสายตามองมาที่เราสักพัก ก่อนจะเอื้อมไปกุมมือสปายไว้จนแน่น เห้อ... ทำไมคนตรงนั้นถึงไม่เป็นเรานะ พอเช้าวันรุ่งขึ้น เรากับคุณอิฐก็เดินเลือกของในตลาดตั้งแต่เช้ามืด มีทั้งหมู ทั้งผัก ทั้งไก่ เต็มไม้เต็มมือไปหมด ส่วนลูกมือก็คือ เจ๊ตาล กับอีนุ่น เพื่อนสนิทอีกคนของเรา วันนี้เราจะทำอาหารไปแจกเด็กกำพร้าที่บ้านศรีจันทร์ค่ะ ผ่านไปหลายต่อหลายชั่วโมง รถปิคอัพคันใหญ่ก็เคลื่อนตัวเข้าสู่มูลนิธิ เรากับทีมงานอีกประมาณสองสามคน ก็ยกหม้ออาหาร ไปวางไว้บนโต๊ะ ก่อนที่เด็ก ๆ จะเดินเรียงแถวเข้ามาในโรงอาหาร เอาตามตรงนะคะ เด็ก ๆ ที่นี่น่ารักมาก ๆ หน้าตาแป้นแล้น ไม่รู้ว่าพ่อกับแม่จิตใจทำด้วยอะไร ถึงทิ้งเด็กน้อย หน้าตาน่ารัก ๆ เหล่านี้ได้ลงคอ เด็ก ๆ ที่นี่น่าสงสารจริง ๆ ค่ะ “มาเลยจ้าเด็ก ๆ อาหารพร้อมแล้วค่ะ” เสียงหวาน ๆ ของเพื่อนรักเปล่งออกมาอย่างนุ่มนวล ดูก็รู้ว่าเจ้าตัวกำลังมีความสุข “เย้ๆๆ” ส่วนเด็ก ๆ ก็กระโดดโลดเต้นดีใจกันยกใหญ่ น่ารักจริงๆ เลยค่ะ “มาเลยครับ เดินเรียงแถวกันมารับอาหารกันนะเด็ก ๆ” คุณอิฐพูดออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแล้วเดินไปหยุดอยู่ข้าง ๆ สปาย ก่อนที่พวกเขาจะตักอาหารใส่ถาดให้เด็กๆ ตักอาหารไปยิ้มให้กันไป ส่วนเราก็ทำได้แค่ยืนแอบมองอยู่ไกลๆ เห้อ... อย่างน้อยเราก็เห็นเพื่อนรักเรามีความสุข และลืมเรื่องร้ายๆที่ผ่านมา แค่นี้เราก็ดีใจแล้ว 2 อาทิตย์ที่ผ่านไป เราใช้เวลาที่มีอยู่อย่างเป็นประโยชน์ เรามักจะเข้าไปเยี่ยมสปายที่ห้องคุณอิฐบ่อย ๆ เอาจริง ๆ เราก็ไปทุกวันนั่นแหละ พอสาย ๆ เราก็จะขอตัวกลับมานอนพักผ่อนที่ห้อง ก่อนจะออกไปทำงานที่คลับในช่วงกลางคืน ซึ่งก็เป็นคลับของเสี่ยเพลิงคนเลว ที่เราไปเยี่ยมสปายที่คอนโดของคุณอิฐบ่อย ๆ มันคือข้ออ้างของคนที่อยากเห็นหน้าคนที่แอบชอบ ซึ่งการได้แอบมอง มันคือความสุขทางใจจริง ๆ นะ กำลังโทรออก >>> #คุณอิฐ ก็เป็นอย่างเคย เขากดรับสายเราช้ามาก... ช้ามากจริงๆ ไม่รู้มัวทำอะไรอยู่ แต่สักพักเราก็ได้ยินเสียงเข้ม ๆ ดังขึ้น [ฮัลโหล!!] [นี่คุณอิฐ!! สปายเป็นอะไรไปหรือเปล่า ฉันโทรไปหาตั้งหลายสาย ทำไมไม่รับ] เราพูดด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรนด้วยความเป็นห่วง [สปายนอนอยู่ มึงมีอะไร?] น้ำเสียงแข็งกระด้างที่เปล่งออกมา ทำให้ผู้ฟังอย่างเราเจ็บจนจุก [พรุ่งนี้สปายต้องไปฝากครรภ์ใช่ปะ พอดีฉันอยากเป็นคนพาสปายไปน่ะ ฉันอยากเห็นหลาน] [ไม่ต้องยุ่งได้ปะ กูพาไปเองได้ มึงไม่ต้องเสือก] คุณอิฐเขาตะเบ็งเสียงออกมาด้วยความโมโห ไม่รู้เป็นเพราะอะไร [ทำไมว่ะ ก็กูอยากยุ่งอะมีอะไรปะ ก็สปายเป็นเพื่อนกู ถ้ากูจะรักจะห่วงก็ไม่แปลก] เราพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่าโมโหมากๆ จู่ ๆ เขาก็เงียบไป ไม่มีแม้แต่เสียงตอบกลับใด ๆ ทั้งสิ้น [ฮัลโหล!! ฮัลโหล!! ฮัลโหล!!] เรารีบพูดฮัลโหล ออกมาเป็นระยะ ๆ เพื่อให้เขาตอบกลับเราบ้าง แต่สักพักก็ได้ยินเสียงกดวางสาย นี่เขารำคาญเราขนาดนั้นเชียวหรือ ทำไมใจเราต้องสั่นแรงขนาดนี้นะ ที่มันเป็นแบบนี้เพราะเรายังรักเขาอยู่ใช่ไหม แต่เราก็พยายามทำใจแล้วนะ แต่ทำไมมันยากจังว่ะ ไอ้การตัดใจเนี่ย 2 วันผ่านไป วันนี้เราก็เดินทางมาทำงานอย่างปกติ ซึ่งในคลับก็ยังคงครึกครื้นเหมือนทุกวัน วันนี้เราก็แต่งตัวด้วยชุดคอสเพลย์พยาบาลสาว ซึ่งเอาจริงๆเราเองก็สวยซ่อนรูปไม่แพ้สปายมันนักหรอก แต่เพราะสปายเป็นเด็กใหม่ที่เพิ่งเข้ามาเป็นโคโยตี้ได้ไม่กี่วันไง ผู้คนในคลับเลยให้ความสนใจ พอเราขึ้นเต้นรูดเสาเสร็จ ลงมาก็เห็นเจ๊ตาลยืนรออยู่ข้างเวทีแล้ว “อีแป้ง สปายมันเป็นยังไงบ้างว่ะ ไม่ได้ข่าวมันมาจะ 2 อาทิตย์แล้วเนี่ย” “ก็ดีขึ้นอะแหละเจ๊ เพราะคุณอิฐเขาดูแลดี” เราพูดด้วยสีหน้าที่เศร้าสร้อย จนเจ๊ตาลเขาจับสังเกตออก คงจะสงสัยสิท่าว่าช่วงนี้เราเป็นอะไรไป “เหรอ แล้วนี่มึงเป็นอะไร ทำไมทำหน้างั้นว่ะ แปลก ๆ นะช่วงเนี่ย” เจ๊ตาลขมวดคิ้วเข้าหากัน ก่อนจะหันไปมองอีนุ่น เพื่อหาแนวร่วมจับพิรุธเรา “จะเป็นไงอะเจ๊ ก็อาการของคนอกหักรักคุดไง ฮ่าๆๆ” อีนุ่นมันหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข ส่วนเราก็ทำหน้าหงอยไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เราได้แต่ยืนนิ่งเงียบ ฟังเสียงแจ๊ดแว๊ดที่อีนุ่นมันพูดหยอกล้อ มันก็จริงอย่างที่อีนุ่นพูด ก็เราอกหักจริง ๆ นั่นแหละ “เออๆ เจ๊ฝากไปบอกมันด้วยนะ ว่าเจ๊เป็นห่วง และขอโทษด้วยที่ไม่ค่อยได้เข้าไปเยี่ยมมันบ่อยๆ” “เคเจ๊ ปะ อีนุ่น ไปเปลี่ยนชุด จะได้กลับบ้านกัน กูง่วงนอนจะตายห่าละ” “เออ!! เหมือนกันว่ะอีห่าน ไปอีแป้ง” พอเรากลับถึงห้อง ก็หอบร่างกายที่เหนื่อยล้าล้มตัวลงนอนบนเตียงทันที วันนี้เหนื่อยจริงๆว่ะ เหนื่อยทั้งกาย เหนื่อยทั้งใจ[แป้งร่ำ]สองเดือนผ่านไปเดินทางเข้ามาสู่ประตูวิวาห์ โดยที่แป้งร่ำมีอายุครรภ์ได้สี่เดือนเต็ม บรรยากาศล้อมรอบไปด้วยทะเลและหุบเขาสุดกว้างใหญ่ไพศาลคอนเซปต์งานถูกจัดขึ้นตามความชอบของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวที่มักจะชวนกันมานั่งชมพระอาทิตย์ตกดินยามเย็นด้วยกันเป็นประจำ เป็นงานแต่งเล็ก ๆ ที่มีแขกมาร่วมงานเพียงสี่ร้อยที่นั่งมีญาติฝั่งเจ้าบ่าวมาร่วมงานอย่างคับคั่ง ส่วนฝั่งเจ้าสาวมีเพียงป้าเพ็ญและลุงวินัยมาเป็นญาติผู้ใหญ่ให้ ส่วนเจ๊ตาล สปาย นุ่น และบลูเบอร์รี่เพื่อนสมัยเรียนก็ต่างเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับเธอในครั้งนี้เช่นกัน“มึงสวยมากเลยแป้ง ยิ่งท้องก็ยิ่งสวย ยิ่งได้ใส่ชุดเจ้าสาวยิ่งโคตรสวย”สปายเพื่อนรักเอ่ยชม ขณะที่เจ้าสาวกำลังจัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่โดยช่างแต่งหน้าระดับเวิลด์คลาสอย่างคุณมิวกี้ นักแต่งหน้าชื่อดังที่ต้องใช้เวลาจองตัวนานถึงสองเดือนกว่าจะได้ฤกษ์งามยามดีมาสะบัดแปรงบนใบหน้าเกลี้ยงเกลาของคุณแม่ลูกสองอย่างแป้งร่ำ“งื้อ~ ขอบคุณมากนะมึง”เจ้าของใบหน้ายิ้มแย้มหมุนตัวไปมาหน้ากระจกอย่างเก็บความตื่นเต้นเอาไว้ไม่อยู่ ตัวเธอนั้นกำลังสวมชุดแต่งงานผ้าชีฟองบริสุทธิ์ ยามชายกระโปรงยาวฟูฟ่อ
หลังจากกินข้าวกันเสร็จ แป้งร่ำก็เข้าไปล้างไม้ล้างมือให้สะอาดสะอ้านในห้องน้ำ สองเท้าเรียวก้าวขาพ้นธรณีประตูกลับต้องตกใจ เมื่อพบว่าคุณอิฐกำลังนั่งคุกเข่ารอเธออยู่ก่อนหน้านี้แล้ว“คุณอิฐ คุณทำอะไร ลุกขึ้นมาก่อน”หญิงสาวพยายามโน้มลงไปประคองคนตัวสูงให้ลุกขึ้นยืน แต่เขากลับเอาแต่นั่งนิ่ง ๆ มองไปยังใบหน้าแสนหวานไม่วางตา สายตาคู่สวยก็หันไปมองบริเวณโดยรอบ เผยให้เห็นว่ามีทุกคนเดินเข้ามาล้อมรอบเธอกับคุณอิฐไว้ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม“แต่งงานกับพี่นะแป้ง หลายวันก่อนพี่อาจจะยังไม่พร้อม แต่วันนี้พี่ตามหาแหวนเพชรน้ำดีที่สุดมาคุกเข่าขอเธอแต่งงาน พี่พร้อมแล้วที่จะสร้างครอบครัวกับเธอ พี่สัญญาว่าจะเป็นสามีที่ดี เป็นพ่อที่ดีของลูกทั้งสอง”ชายหนุ่มคว้ากล่องกำมะหยี่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมายื่นอยู่ตรงหน้าหญิงสาวที่ตนรัก ก่อนจะค่อย ๆ เปิดมันออกช้า ๆ เผยให้เห็นแหวนเพชรพิงค์โกลด์ เป็นตัวเรือนทองคำแท้ เนื้อสีชมพูอมแดง ซึ่งราคาก็น่าจะปาไปแปดหลักเข้าให้“คุณอิฐ”หญิงสาวเอ่ยเรียกชื่อคุณอิฐด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาจนทุกคนแทบจะไม่ได้ยิน แต่ชายหนุ่มตรงหน้าเขาได้ยินอย่างชัดเจน ก่อนที่เขาจะคลี่ยิ้มออกมาจาง ๆ ในดวงตาคู่คมกับมีน้
วันหยุดสุดสัปดาห์ ซึ่งเป็นวันที่ลูกสาวหยุดเรียนพอดิบพอดี และเป็นจังหวะประจวบเหมาะที่จะพาหลานสาวไปเยี่ยมปู่กับย่าเป็นครั้งแรก เด็กน้อยกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจยกใหญ่ เพราะอยากเห็นคฤหาสน์ที่คุณปู่กับคุณย่าอาศัยอยู่ เพราะผู้เป็นพ่อนั้นเคยเอ่ยปากบอกว่ามันใหญ่โตอย่างกับพระราชวัง“ป๊าวันนี้วันเสาร์ใช่มั้ยคะ”เด็กน้อยชะเง้อคอถามผู้เป็นพ่อที่กำลังขับรถอยู่อย่างคนเก็บความตื่นเต้นเอาไว้ไม่อยู่ ส่วนคุณอิฐก็คลี่ยิ้มจาง ๆ พลางเอ่ยตอบลูกสาว ก่อนจะหันกลับมาขับรถอีกครั้ง“ใช่ค่ะ เสาร์ทั้งวันอ่ะวันนี้ พรุ่งนี้ก็อาทิตย์ทั้งวัน”“ป๊า~ น้องโอปไม่เข้าใจ”เด็กน้อยขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปมมองไปทางผู้เป็นพ่อด้วยความงุนงง เสาร์ทั้งวันคืออะไร อาทิตย์ทั้งวันคืออะไร ซึ่งผู้เป็นพ่อไม่เคยให้คำตอบที่เข้าใจง่าย ๆ ได้เลยสักครั้ง“น้องโอปอลล์อย่าไปถือสาคุณพ่อเขาเลยค่ะ เขายังไม่โต...”แป้งร่ำทำได้เพียงถอนลมหายใจออกมาแรง ๆ อย่างเอือมระอา ก่อนจะหันไปปลอบลูกสาวที่นั่งอยู่เบาะหลัง เพราะไม่อยากให้เด็กน้อยต้องรู้สึกสับสนกับคำตอบนี้“แต่ป๊าตัวโตกว่าคุณแม่อีกนะคะ”“ก็ใช่ค่ะ แต่ก็โตแค่ตัวนั่นแหละ”“คุณแม่จะบอกว่าป๊าสมองไม่พัฒนาเห
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปคุณอิฐยังคงมีอาการแปลก ๆ คล้ายกับคนขาดวิตามิน จนหญิงสาวก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเขาเป็นอะไรไป เธอพยายามชวนเขาไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจสุขภาพอยู่หลายครั้ง แต่เขานั้นมันดื้อรั้นกว่าสิ่งไหน“ไปหาหมอหน่อยไหม เป็นแบบนี้มาเป็นอาทิตย์แล้วนะ”จะว่าเป็นห่วงก็คงใช่ เพราะช่วงนี้เขาป่วยหนักจนแทบไม่ได้เข้าไปดูแลบริษัทเลย ขลุกอยู่แต่ที่บ้านของเธอตั้งหลายอาทิตย์ไปยอมไปไหน ร้องขอให้เธออยู่ดูแลตลอดเวลา“รอให้ลูกกลับมาจากโรงเรียนก่อนได้ไหม อยากพาลูกไปด้วยกัน”“ได้สิ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็ใกล้เวลาเลิกเรียนแล้ว”หญิงสาวเม้มริมฝีปากบางก่อนจะพยักหน้ารับด้วยความดีใจ เพราะวันนี้คุณอิฐกลับเชื่อฟังคำพูดของเธอ ทั้งที่ผ่านมาเขาก็ยืนกรานมาตลอดว่าจะไม่ไปเวลาล่วงเลยไปถึงสี่โมงเย็น ซึ่งเป็นเวลาเลิกเรียนของน้องโอปอล์ ชายหนุ่มขับรถไปรับลูกสาวหน้าโรงเรียนแบบนี้เป็นประจำ จนคุณครูที่ยืนประจำการอยู่หน้าโรงเรียนจำหน้าคร่าตาอันหล่อเหลาเอาการของเขาได้“ลูกหมาของป๊า”ผู้เป็นพ่อนั่งย่อตัวอ้าแขนรอรับลูกสาวที่กำลังวิ่งเข้ามาหาด้วยความดีใจเฉกเช่นทุกครั้ง ท่อนแขนแกร่งก็โอบกอดลูกสาวไว้อย่างแนบแน่นด้วยความคิดถึง“พ่อหมาของลูก ฮ่
ท่อนแขนแกร่งคว้าเอวบางเข้ามาสวมกอดจากทางด้านหลังอย่างแนบแน่น ก่อนจะใช้คางเกยไหล่เธอเอาไว้อย่างออดอ้อน“กลัวผีหรือเปล่า”“ไม่กลัว”“ผีผ้าห่มก็ไม่กลัวเหรอ”“คุณพูดอะไรเดี๋ยวลูกก็ได้ยินหรอก”คนตัวเล็กถึงกับเอ่ยตวาดชายหนุ่มยกใหญ่ แต่เขากลับไม่รู้สึกสะทกสะท้าน แถมยังหัวเราะชอบใจให้กับปฏิกิริยาโต้ตอบของเธอ“ไม่ได้ยินหรอกลูกหลับแล้ว”ไม่พูดเปล่า ยังใช้ริมฝีปากหนาดูดดุ้นซอกคอระหงจนเกิดรอยแดง จนคนตัวเล็กสะดุ้งเฮือกด้วยความเจ็บ“นี่จะทำอะไร ปล่อยนะ”“ไม่ไหวแล้ว หัวก็หอม ตัวก็หอม เธอน่าขึงที่สุดเลยรู้ไหม”ชายหนุ่มพูดพร้อมกับซุกไซร้ไปตามซอกคอขาวเนียนอย่างหื่นกระหาย เขามีอารมณ์ทางเพศทุกครั้งเมื่อได้สัมผัสกับเรือนร่างอรชรของเธอ จนกักเก็บอารมณ์ความรู้สึกว่าต้องการหญิงสาวตรงหน้าเอาไว้ไม่อยู่ ปลายจมูกโด่งก็สูดดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากร่างบางเข้าไปจนเต็มปอด“คืนนี้ขอได้ไหม?”“แล้วถ้าบอกว่าไม่ล่ะ”“ไม่ก็จะเอา เพราะลูกชายสุดที่รักของพี่มันพองตัวแล้ว ลองจับมันดูสิ”ชายหนุ่มคว้ามือเรียวมาจับความเป็นชายที่พองตัวอยู่ใต้ร่มผ้า ซึ่งมันก็ใหญ่โตตามคำบอกเล่าของเขาจริง ๆ คนตัวเล็กทำได้เพียงนั่งกัดปากเพราะรู้สึกเกร็งจนท
ห้าเดือนผ่านไปเมื่อมีเวลาว่างคุณอิฐก็ตามมาแจกขนมจีบแป้งร่ำที่ร้านดอกไม้ฟลาวเวอร์รี่โรสเป็นประจำ และเขาก็ทำแบบนี้มาจะเข้าปีที่ห้าแล้ว พนักงานในร้านก็ต่างรู้สึกอิจฉาที่แป้งร่ำได้เจอผู้ชายดี ๆ แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าที่ผ่านมาเธอต้องเจอกับอะไรบ้าง“สวัสดีครับทุกคน”ชายหนุ่มยกมือขึ้นไหว้พนักงานทุกคนภายในร้านแบบนี้เป็นประจำ ในมือก็ถือข้าวของมากมายที่เขาไปคว้านซื้อมาจากห้างสรรพสินค้าชื่อดังเข้ามาด้วย“อ้าวพ่อหนุ่มมาทุกอาทิตย์เลย”“วันนี้ผมว่างน่ะครับ เลยตามมาเฝ้าแม่ของลูกที่ร้านได้”คุณอิฐฉีกยิ้มหวานกระชากใจ สายตาคู่คมชำเลืองไปมองคนตัวเล็กที่กำลังนั่งจัดดอกไม้ตลอดเวลา“แหม... ไม่ได้เจอกันตั้งสองวันพี่แมวคิดถึ๊ง คิดถึง”พี่แมวโน้มเข้ามากอดคุณอิฐอย่างถือวิสาสะ ใบหน้าที่ดูอ่อนกว่าวัยก็ถูไถไปมายังท่อนแขนแกร่งอย่างออดอ้อน ส่วนคุณอิฐก็ฉีกยิ้มแห้ง ๆ ออกมาให้ได้เห็น เขาพยายามหลีกหนีให้ห่าง แต่ด้วยความเกรงใจเลยยืนนิ่ง ๆ ให้พี่แมวกอดให้หนำใจอยาก“ผมก็คิดถึงทุกคนครับ”“หึ!!”คนตัวเล็กเบะปากคว่ำก่อนจะร้อง หึ! ออกมาในลำคออย่างไม่สบอารมณ์ เพราะเธอรู้สึกสะอิดสะเอียนคำพูดตอแหลของเขาจนเต็มทน เพราะคุณอิฐเขามักจ
“เอ่อ... ผัวก็คือป๊าเองค่ะน้องโอป”ผมตอบออกไปด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ เพราะอยากแสดงความเป็นเจ้าของหญิงสาวตรงหน้าให้ลูกสาวรับรู้ แต่เด็กน้อยอย่างน้องโอปก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดี ก่อนจะเอียงคอถามผมอีกครั้ง“แล้วทำไมป๊าถึงต้องแทนตัวเองว่าผัวด้วยคะ น้องโอปไม่เข้าใจ”“น้องโอปอล์ หนูอย่าไปให้ความสนใจกับคำพูดของพ่อมากนักเลยค่ะ บางครั้งพ่อเขาก็มักจะพูดอะไรออกไปแบบไม่คิด”หน้าหล่อ ๆ ของผมถึงกับแตกออกจากกันเป็นเสี่ยง ๆ เพราะแป้งร่ำเธอพูดหักหน้าผมเข้าให้แล้ว มันเจ็บแปล๊บ ๆ เหมือนโดนมีดบาด แต่ผมไม่สนน่ะ เพราะผมเป็นผัวเธอจริง ๆ“พูดไม่คิดยังไงแป้ง ที่กูพูดไป กูคิดมันทุกคำ ว่ากูเป็นผัวมึง แล้วไอ้เรื่องเมื่อคืนอีก อย่าบอกนะว่าลืม...”“คุณอิฐ อยู่ต่อหน้าลูกอย่าพูดคำหยาบได้ไหม ฉันไม่อยากให้ลูกซึมซับสิ่งไม่ดี”ใบหน้าแสนหวานหม่นลงในทันทีที่ผมพูดจบ ผมชะงักไปทันที ถึงแม้ว่าที่ผ่านมานิสัยผมจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แต่คำพูดคำจาก็ยังคงเหมือนเดิม เพราะผมรู้ตัวเองดีว่าผมเป็นคนโผงผาง พูดไม่เพราะ ชอบพูดจาหยาบคายเป็นที่หนึ่ง เลยทำให้คนตัวเล็กเอือมระอาขนาดนี้ ซึ่งตอนนี้ผมก็รู้สึกผิดเป็นอย่างมาก กลัวว่าน้องโอปจะซึมซั
“ฉันอยาก”เท้าเรียวเล็กจิกเกร็งไปหมด แป้งร่ำเธอใช้ขาข้างหนึ่งถูไถไปตามเรียวขาสวยเพื่อระบายอารมณ์เสียวซ่านที่พลุ่งพล่านอยู่ในตัว“ก็จะทำให้อยู่นี่ไง รีบเหรอ”ผมโน้มลงไปกระซิบที่ซอกคอของเธอด้วยน้ำเสียงแหบพร่า พลางจูบพรมไปตามลำคอระหง เลื่อนขึ้นมายังพวงแก้มขาวนวล และจูบย้ำ ๆ ลงบนปากกระจับได้รูปของเธอ ร่างเล็กอ่อนระทวยด้วยพิษรักยั่วสวาท เธอเด้งหน้าอกรับเมื่อผมใช้ริมฝีปากคลอเคลียลงไปตามเนินอกอวบอิ่ม“อืม ฉันรีบ ฉันไม่ไหวแล้ว มันร้อน ร้อนไปทั้งตัว”มือเรียวยกขึ้นสางผมที่เปียกซกไปด้วยเม็ดเหงื่อ ใบหน้าแสนหวานของเธอเปล่งประกายระเรื่อขึ้นมาจนเห็นได้ชัด เธอร้องซี๊ดออกมายกใหญ่ทั้งที่ผมยังไม่ทันทำอะไร ดวงตาคู่สวยจ้องมองมาที่ใบหน้าคมคายด้วยสายตาหวานหยาดเยิ้ม“จะรับไหวหรือเปล่า ของกูใหญ่นะ”“ไหวสิ ฉันจะอดทน คุณรีบทำหน่อยได้ไหม”ฟันคู่คมกัดเม้มริมฝีปากบางของตัวเองแน่น ก่อนที่เธอจะยกมือเรียวขึ้นมาคล้องคอผมไว้และแสดงสีหน้าออดอ้อน ผมที่ได้เห็นถึงกับเก็บอารมณ์ฟุ้งซ่านในใจเอาไว้ไม่อยู่ อยากจะจับเธอกระแทกให้แรง ๆ โทษฐานที่ทำตัวน่าเอา“อยากจูบตรงนั้นของมึงด้วยได้ไหม?”“ได้สิ ฉันยอมคุณแล้ว ยอมทุกอย่าง คุณอยาก
[คุณอิฐ]หลายอาทิตย์ผ่านไปผมกลับมาดูแลบริษัทที่กรุงเทพฯทุกอาทิตย์ ก่อนจะเดินทางกลับไปหาลูกเมียทันทีเมื่อเคลียร์งานทุกอย่างเสร็จ ผมใช้เวลาเพียงสี่ชั่วโมงในการเดินทางไปจังหวัดใกล้เคียงที่น้องโอปอล์กับแม่ของลูกอาศัยอยู่ มาถึงที่นี่ก็เป็นเวลาสามทุ่มพอดีเป๊ะรถสปอร์ตคันหรูจอดสนิทอยู่หน้าบ้านไม้หลังเล็ก ๆ แต่กลับพบเพียงความมืดมน เพราะเวลานี้กลับไม่มีใครอยู่บ้านเลยสักคน แล้วแป้งร่ำเธอพาลูกไปอยู่ที่ไหน ผมไม่รอช้ารีบต่อสายตรงหาเธอทันที แต่โทรไปเท่าไรเธอก็ไม่รับสาย ก่อนที่ผมจะตัดสินใจส่งข้อความไปหาเธอAit : [อยู่ไหน ทำไมไม่มีใครอยู่บ้านเลยสักคน]Ait : [พาลูกไปไหน บอกมา... เดี๋ยวจะไปรับ]Ait : [ตอบกลับข้อความที]ผมรอจนแล้วจนรอดแต่ก็ไม่มีข้อความตอบกลับแต่อย่างใด จนเวลาล่วงเลยไปถึงเที่ยงคืน ก่อนจะตัดสินใจไปกดกริ่งหน้าบ้านของป้าเพ็ญ เผยให้เห็นเด็กหญิงตัวเล็ก กับหญิงวัยกลางคนเดินออกมาเปิดประตูรั้วหน้าบ้าน ทำไมเวลานี้น้องโอปถึงยังไม่นอน“ป๊า...”ผู้เป็นพ่อนั่งย่อตัวอ้าแขนรอรับลูกสาวที่กำลังวิ่งเข้ามาหาด้วยท่าทางดีอกดีใจอย่างเช่นทุกอาทิตย์“น้องโอป...”ชายหนุ่มคว้าลูกสาวตัวน้อยมาโอบกอดอย่างแนบแน่น ก่