สามอาทิตย์ผ่านไปไวมากๆ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เรามักจะมาคลุกอยู่กับสปายที่คอนโดของคุณอิฐทุกวัน มาบ่อยซะจนคนที่เราแอบชอบเขาเหม็นขี้หน้า แต่เราก็ยังอยากมาอยู่ดี
“เฮโหล... สปาย วันนี้เป็นยังไงบ้าง ฉันซื้อขนมมาฝากแกด้วยน่ะ แล้วก็มีขนมของ... คุณอิฐด้วย” เราเปิดประตูห้องเข้าไปก่อนจะเปล่งเสียงออกมาด้วยความดีใจเหมือนทุกครั้ง ก่อนจะผ่อนเสียงให้อ่อนลงเมื่อพูดชื่อของคุณอิฐเขา ซึ่งวันนี้เราก็ซื้อขนมทองหยอดมาฝากเขาเหมือนอย่างเช่นเคย ถึงแม้เขาจะไม่แตะต้องมันเลยก็ตาม “โห... แป้ง!! ไม่เห็นต้องซื้อของมาฝากทุกวันแบบนี้เลย สิ้นเปลืองเปล่าๆ แป้งก็ค่าใช้จ่ายเยอะไม่ใช่เหรอ แค่ให้แป้งมาอยู่เป็นเพื่อนเราทุกวัน ก็เกรงใจจะแย่แล้ว...” “เกรงใจอะไรวะ เราเป็นเพื่อนกันนะเว้ย แล้วอีกอย่าง... ฉันก็รักแกมาก ๆ เลยด้วย ไอ้สปาย ฮ่าๆๆ” เราฉีกยิ้มกว้างก่อนจะโผมือโอบไหล่สปายด้วยความเป็นมิตร แต่สายตาของเรานี่สิ กำลังมองหาใครบางคนอยู่ เขาไปอยู่ไหนนะ ผู้ชายคนนั้น “เออ... แล้วนี่คุณอิฐไปไหน?” “อ้อ... พี่อิฐอาบน้ำอยู่น่ะ มาเข้ามานั่งข้างในก่อนดีกว่า” สปายรีบเดินจูงมือเราเข้ามาในห้อง ส่วนเราก็เดินเข้าไปวางข้าวของในมือไว้บนโต๊ะอาหารเฉกเช่นเคย ก่อนจะเดินไปนั่งบนโซฟา แล้วเปิด TV ดูซีรีส์ที่เราชอบ แต่สักพักเราก็ได้ยินเสียงเข้ม ๆ ดังขึ้นมา “เออนี่!! พรุ่งนี้ฝากสปายด้วยล่ะ พรุ่งนี้กูไม่ว่าง พอดีมีงานด่วนเข้ามา” คุณอิฐเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเราในสภาพที่ท่อนบนเปลือยเปล่าเผยให้เห็นรอยสักสวย ๆ ที่ท่อนแขนและลำคอ และแผ่นหลัง สัดส่วนสมส่วน มีซิกแพคเป็นลอน ๆ เรียงตัวสวย ส่วนล่างสวมใส่กางเกงแสล็คสีดำ ก่อนจะใช้ผ้าเช็ดตัวขยี้ผมไปมา ซึ่งตอนนี้เส้นผมของเขาเปียกซก มีน้ำใส ๆ หยดลงมาบนใบหน้าทีละหยดสองหยด พอเราได้มองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาได้รูปของเขา ก็ทำเอาใจเราเต้นระรัว ทำไมเขาถึงดูมีเสน่ห์ขนาดนี้นะ “ได้สิ ไม่มีปัญหา” เราเม้มปากพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะหันไปมองสปายที่ตอนนี้มีสีหน้าที่เป็นกังวล คงจะเป็นห่วงคุณอิฐเขาละสิ “งานเยอะเหรอคะพี่อิฐ” “ใช่!! เยอะมากเลยล่ะ สปายคงต้องอยู่กับไอ้แป้งมันไปสักพักก่อนนะ งานเสร็จเมื่อไหร่เราคงได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง” “ค่ะ” สปายพยักหน้าอย่างว่านอนสอนง่าย ส่วนคุณอิฐก็ยกมือขึ้นไปลูบหัวสปายด้วยความเอ็นดู ก่อนจะก้มลงไปหอมหัวสปายเบาๆ ทำไมเขาช่างเป็นผู้ชายที่อบอุ่นแบบนี้นะ สงสัยเขาคงจะรักสปายมากจริง ๆ นิสัยใจคอไม่เหมือนกับบุคลิกภายนอกของเขาเลย บุคลิกของเขาจะออกแนวแบดบอย แต่จิตใจของเขาชั่งแสนดี และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่เราชอบเขา แต่เราคงทำได้เพียงแอบรักเขาอยู่ห่าง ๆ “งั้นดีเลย ฉันจะได้พาสปายออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง อยู่แต่ในห้องน่าเบื่อจะตาย...” เราสลัดสีหน้าที่เศร้าทิ้งไป ก่อนจะพูดยั่วให้คุณอิฐโมโห เพราะเขาหวงสปายยิ่งกว่าอะไรดี “มึงว่าไงนะ อย่าแม้แต่จะคิด” คุณอิฐหันมาตะเบ็งเสียงใส่เรา จนทำให้เราตกใจกลัว อะไรกันนี่ กริยาที่แสดงกับสปายช่างอ่อนโยนซะเหลือเกิน ทีกับเราพูดกระแทกแดกดันไม่ต่างอะไรจากทาส เขาคงกลัวว่าเสี่ยเพลิงจะเจอสปายอีกล่ะสิ ถึงได้ห้ามปรามขนาดนี้ หวงเป็นบ้าเลย “ทำไมละคะพี่อิฐ สปายเองก็อยากออกไปเที่ยวบ้าง” สปายหันไปพูดกับคุณอิฐด้วยสีหน้าที่ผิดหวัง ก่อนจะก้มหน้าก้มตาลงเหมือนกำลังจะร้องไห้ ตั้งแต่สปายประสบอุบัติเหตุ สปายก็กลายเป็นผู้หญิงที่อ่อนแอ นิสัยเปลี่ยนไปจากแต่ก่อนมากๆ ซึ่งเมื่อก่อน เรากับสปายมักจะชอบพูดจาใส่กันแรง ๆ ตามประสาเพื่อนสนิท แต่ตอนนี้เราต้องพูดให้อ่อนโยน เพราะกลัวว่าจะส่งผลกระทบกับอาการป่วยของสปายเข้า “ที่พี่ห้าม เพราะพี่เป็นห่วงเรานะ เพราะโลกภายนอกมันอันตราย แต่ก็เอาเถอะ อยู่ในห้องไปก่อน พอพี่เสร็จงาน พี่จะพาออกไปฮันนีมูนที่ภูเก็ตนะ” “จริงเหรอคะพี่อิฐ ขอบคุณนะคะ” สปายรีบเงยหน้าขึ้นไปฉีกยิ้มกว้างอีกครั้ง ก่อนจะโผเข้าไปประทับริมฝีปากเรียวสวยบนใบหน้าคมคายของคุณอิฐ เมื่อเราได้เห็นภาพนั้น หัวใจเราก็แตกสลายไม่เป็นชิ้นดี น้ำตาก็จะหยดลงมาให้ได้ แต่เราพยายามอดกลั้นไว้ สักพักเราก็ต้องปรับอารมณ์ให้กลับมาร่าเริงอีกครั้ง เพราะกลัวคนตรงหน้าจะสงสัยเอา “พอพี่เสร็จงาน พี่จะพาออกไปฮันนีมูนที่ภูเก็ตนะ” เราทำปากขมุบขมิบ เชิงล้อเลียนเสียงที่คุณอิฐพูดกับสปาย แหม... ทำไมต้องพูดเสียงหวานขนาดนั้นด้วย ส่วนคุณอิฐก็ยื่นมือหนามาผลักหัวเราเบาๆ จนเราแอบอมยิ้มออกมาด้วยความดีใจ อย่างน้อยเขาก็มีมุมอ่อนโยนกับเราบ้าง ตกดึกเราก็ต้องออกไปทำงานที่คลับ และปล่อยให้สปายอยู่คนเดียวในคอนโดกว้างๆ ในใจของเราเป็นห่วงสปายมากๆ แต่ทำไงได้ก็เราต้องมาทำงานนี่ ซึ่งวันนี้เราก็ขึ้นไปเต้นรูดเสาเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่เผอิญ ว่ายังไม่อยากกลับบ้าน เลยลงมาปาตี้กับเจ๊ตาล แล้วก็อีนุ่นต่อ วันนี้เราขอเมาสักวันนะ สมองจะได้ผ่อนคลาย เราอยากกินเหล้าแก้เครียดไปงั้นแหละ “อีแป้ง!! วันนี้มึงไปดูสปายมาเป็นยังไงบ้าง?” เจ๊ตาลหันมาพูดกับเราด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ก่อนจะกระดกเหล้าเข้าปาก “ก็เหมือนเดิมอะเจ๊ สปายมันยังจำหนูไม่ได้เลย!!” “เห้อ...!! สปายมันไม่น่าความจำเสื่อมเลยเนอะเจ๊...!! ไม่งั้นมันก็คงมาทำงานกับพวกเราอยู่” อีนุ่นเพื่อนสนิทของเราอีกคน ก็แสดงสีหน้าเศร้าสร้อย ก่อนจะเอื้อมมือเรียวเล็กรินเหล้าช้าๆ “นั่นน่ะสิ!! เจ๊ก็ว่างั้นแหละ เสี่ยเพลิงก็ใจร้ายจริง ๆ ที่ไล่สปายมันออกไปแบบนั้น สปายมันคงรับความจริงไม่ได้ มันเลยวิ่งออกไปเหมือนคนขาดสติ เลยทำให้โดนรถชนแบบนั้น แค่คิดเจ๊ก็สงสารมันแล้ว เห้อ...!” “แต่ก็ดีน่ะเจ๊... ที่หลานแป้งไม่เป็นอะไร หึ๊ย!! จะมีหลาน จะมีหลาน...” “อีแป้ง!!” อีนุ่นพูดเชิงหยอกล้อ และเอื้อมมือเล็กๆมาตีแขนเราเบาๆ ก่อนพวกเราจะหัวเราะร่าออกมาและโยกเอวตามจังหวะต่อ พอเมาได้ที ก็รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง เพราะสมองเรามันผ่อนคลายมากๆ เรากระดกเหล้าเข้าปาก แก้วแล้วแก้วเหล้า จนรู้สึกมึนๆ เราโยกตัวตามจังหวะเพลงในคลับ และพูดคุยกับเจ๊ตาลและอีนุ่นออกมาเสียงดังมากๆ เอาเป็นว่าพวกเราตะโกนคุยกันค่ะ ฮ่าๆๆ “ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้เองเหรอว่ะ” สักพักพวกเราก็ได้ยินน้ำเสียงที่เข้มขรึมตะโกนออกมาด้วยความโกรธ พอเราหันไปมอง ก็เจอผู้ชายร่างสูงใหญ่ ยืนกำหมัดกัดฟันแน่นจ้องมาที่พวกเรา เขาคือเสี่ยเพลิง ผัวเก่าอีสปาย เสี่ยเพลิงพยายามเค้นหาความจริงกับพวกเราว่าสปายเป็นอะไร หายไปอยู่ที่ไหน ไปอยู่กับใคร ซึ่งแน่นอนค่ะ พวกเราไม่มีทางบอกความจริงอย่างแน่นอน เพราะเรากลัวว่าสปายจะโดนเสี่ยเพลิงทำร้ายอีก เสี่ยเพลิงทั้งขอร้อง ทั้งอ้อนวอน ให้พวกเราบอกความจริง แถมยังสารภาพความผิด แต่พวกเราก็ยังคงปากแข็ง จนเสี่ยเพลิงทนแรงกดดันไม่ไหว เลยขู่ฆ่าตัวตาย เมื่อเราเห็นแบบนั้น เราเลยรู้สึกสงสารเสี่ยเพลิงมาก ๆ เราเลยยอมทำตามที่เสี่ยเพลิงร้องขอ โดยที่ทุกคนก็ยังคงห้ามปรามเราอยู่ แต่ทำไงได้ละคะ เราไม่อยากพรากพ่อพรากลูกใคร และอีกอย่างคุณอิฐจะได้เลิกหลอกตัวเองสักที “งั้นพรุ่งนี้เสี่ยออกมาเจอสปายที่ร้านอาหาร XX เวลาสิบโมงนะคะ แป้งจะพาสปายออกไปรอเสี่ยที่นั่น!!” เรากลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “มึงพูดจริงใช่ไหมแป้ง?” มือหนารีบเอื้อมมาแตะแขนเราเบาๆ แล้วเปล่งเสียงออกมาด้วยความดีใจ “ค่ะ” เราพยักหน้าเบา ๆ เสี่ยเพลิงมีท่าทางที่ตื่นเต้นมาก ต่างไปจากเราที่รู้สึกตื่นตระหนก กลัว กลัวไปซะทุกอย่าง กลัวคุณอิฐจะรู้เรื่อง กลัวคุณอิฐจะเสียใจ เช้าวันถัดไป เวลา 12:00 น. เราก็ทำตามสัญญาว่าจะพาสปายออกไปหาเสี่ยเพลิง แต่กว่าจะขอร้องให้สปายยอมออกมาข้างนอกได้ ก็ยากเอามากๆ เพราะสปายเชื่อฟังคำพูดของคุณอิฐทุกคำ หาข้ออ้างสารพัด กลัวพี่อิฐจะรู้ ส่วนเราเองก็กลัวเขาจะรู้เหมือนกัน แต่จะให้เราทำยังไงล่ะ ก็เสี่ยเพลิงคร่ำครวญจะเป็นจะตายขนาดนั้น จนสุดท้ายสปายก็ยอมออกมา ซึ่งเราก็หลอกสปายไปว่าอยากกินข้าวนอกบ้านบ้าง เพราะกินข้าวอยู่แต่ในคอนโดจนเบื่อแล้ว ซึ่งแน่นอนวิธีนี้ใช้ได้ผล ส่วนเสี่ยเพลิงก็โทรตามจิกเรายิก ๆ อย่างกับไก่ เราใช้เวลาเดินทางไปร้านอาหารXX ราวครึ่งชั่วโมง จนสองเท้าย่างกรายเข้ามาในร้าน สายตาของเราก็เหลือบไปเห็นเสี่ยเพลิงนั่งอยู่ในมุมหนึ่งของร้าน เราเลยจูงมือสปายเข้าไปนั่งโต๊ะข้างๆ และทำทีขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้เขาสองคนปรับความเข้าใจกัน ส่วนเราก็ยืนมองอยู่ห่างๆ สักพักเราก็เห็นเสี่ยเพลิงลากสปายออกไปนอกร้าน ซึ่งเราตกใจมาก นี่เสี่ยเพลิงจะพาสปายไปไหน ที่เราคุยกันไว้ไม่ใช่แบบนี้นี่ ด้วยความเป็นห่วงเพื่อน เรารีบสาวเท้าหนัก ๆ วิ่งเข้าไปประชิดตัวสปายไว้ ส่วนเสี่ยเพลิงก็รีบมายืนบังตัวสปายไว้เช่นกัน “เสี่ยจะพาสปายไปไหนคะ” เราพูดออกมาเสียงดังมาก ๆ และรีบวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาสปายอย่างทันควัน ส่วนเสี่ยเพลิงก็ตะโกนตอบเราด้วยท่าทางที่โมโห “กูจะพาเมียกูไปรื้อฟื้นความทรงจำเว้ย!!” “ไม่ได้นะคะ เสี่ยจะพาสปายไปไหนไม่ได้!! ถ้าคุณอิฐรู้ แป้งต้องตายแน่ ๆ เสี่ยอย่าพาสปายไปเลยนะคะ แป้งขอร้อง!” เรามีสีหน้าที่เคร่งเครียด และรีบขอร้องอ้อนวอนไม่ให้เสี่ยเพลิงเอาสปายไป เพราะเรากลัวคุณอิฐเขาจะรู้ ว่าเราเป็นคนพาสปายมาหาเสี่ยเพลิง เรากลัวว่าเขาจะโกรธจะเกลียดเราไปมากกว่านี้ เพราะที่เป็นอยู่มันก็แย่อยู่แล้ว และเราก็ไม่อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนั้นด้วย ซึ่งแน่นอนต่อให้เราอ้อนวอนแค่ไหน มันก็ไม่ได้ผลค่ะ จู่ ๆ เสี่ยเพลิงเขาก็ควักปืนขึ้นมาขู่เรา ก่อนจะลั่นไกไปบนท้องฟ้า 1 นัด เหตุการณ์นี้ทำให้เรากลัวมาก ๆ เราเลยจำใจยอมให้เสี่ยเพลิงพาสปายไปแต่โดยง่าย โดยที่เราไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองต่อจากนี้เลย เรายืนมองรถหรูเคลื่อนตัวออกไปจากลานจอดรถด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง เราคงต้องกลับไปเผชิญหน้ากับความจริง ที่ตอนนี้ไม่มีสปายอยู่ตรงนี้แล้ว เราสาวเท้าเดินไปโบกวินมอเตอร์ไซค์ช้าๆ ก่อนที่รถจะจอดสนิทหน้าคอนโดหรูใจกลางเมือง ซึ่งเป็นคอนโดของคุณอิฐ เราก้าวเท้าเข้ามาในลิฟต์ ก็รู้สึกหวั่นใจ ไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไง ไม่รู้จะต้องบอกคุณอิฐว่าอะไร ซึ่งตอนนี้เราเครียดมากๆ เราก้าวขาเข้าไปในห้องของคุณอิฐช้าๆ กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้องด้วยความวิตกกังวล ก่อนที่จะเดินไปนั่งบนโซฟา เราถอนหายใจออกมาแรงมากๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมากุมหน้าไว้แล้วก้มลงไปร้องไห้ ถ้าคุณอิฐกลับมาแล้วไม่เห็นสปายจะเป็นยังไงนะ เรานั่งรอคุณอิฐในความมืดอยู่แบบนั้น จนเวลาล่วงเลยไปถึงสองทุ่ม เรานั่งรอในห้องด้วยความกลัว เราไม่มีอารมณ์กินข้าวกินน้ำด้วยซ้ำ เราตั้งหน้าตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ จนสักพักไฟในห้องก็สว่างวาบขึ้นมา ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าคุณอิฐกลับมาถึงห้องแล้ว “นั่งทำอะไรมืด ๆ ว่ะ แล้วนี่! สปายไปไหน” คุณอิฐเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเรา ก่อนจะกวาดสายตามองหาสปายไปรอบ ๆ ห้อง ซึ่งตอนนี้ภายในห้องไร้เงาของสปายไปแล้ว “สปาย... ไปแล้ว” เราสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมายาว ๆ และตัดสินใจตอบคำถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เอาจริง ๆ ตอนนี้เรากลัวมาก ๆ ในใจมีแต่ความกลัว และอีกสิ่งหนึ่งที่เรากลัวมาก ๆ ก็คือ เรากลัวเขาเสียใจ “ไปไหน ไปกับใคร?” คุณอิฐมีอาการที่ตื่นตระหนกมาก และพูดออกมาด้วยอาการกระวนกระวายใจ สีหน้าท่าทางของเขาดูร้อนรน จนเราไม่กล้าที่จะบอกความจริง ซึ่งเราเองก็พยายามรวบรวมความกล้าก่อนจะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “เสี่ยเพลิง...” “แม่ง! ใครเป็นคนพาไปว่ะ มึง!! มึงใช่ไหม มึงทำแบบนี้ทำไมว่ะ” ฝ่ามือหนาคว้ามาที่คอของเราอย่างรุนแรง ก่อนที่จะกระชากตัวเราให้ลุกขึ้นมาจากโซฟา แล้วดันตัวเราให้ไปติดกับผนังห้อง จนมีเสียง ปึก!! ดังขึ้นมา เขาผลักตัวเราแรงมาก ๆ จนเรารู้สึกเจ็บที่แผ่นหลัง จากนั้นเขาก็รวบรวมแรงทั้งหมดที่มี บีบรัดลำคอของเราสุดแรง จนเราหายใจไม่ออก ซึ่งตอนนี้ตัวเราสั่นเครือ เรากลัวเขามาก ๆ เพราะตอนนี้เขาขาดสติไปแล้ว และ จู่ ๆ น้ำตามากมายก็ไหลลงมาอาบแก้มของเราช้า ๆ ด้วยความเจ็บปวด ส่วนใบหน้าของเขาก็มีเส้นเลือดนูนขึ้นมาตามหน้าผาก เขาคงโกรธเรามากจริง ๆ โกรธจนเลือดขึ้นหน้า[แป้งร่ำ]สองเดือนผ่านไปเดินทางเข้ามาสู่ประตูวิวาห์ โดยที่แป้งร่ำมีอายุครรภ์ได้สี่เดือนเต็ม บรรยากาศล้อมรอบไปด้วยทะเลและหุบเขาสุดกว้างใหญ่ไพศาลคอนเซปต์งานถูกจัดขึ้นตามความชอบของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวที่มักจะชวนกันมานั่งชมพระอาทิตย์ตกดินยามเย็นด้วยกันเป็นประจำ เป็นงานแต่งเล็ก ๆ ที่มีแขกมาร่วมงานเพียงสี่ร้อยที่นั่งมีญาติฝั่งเจ้าบ่าวมาร่วมงานอย่างคับคั่ง ส่วนฝั่งเจ้าสาวมีเพียงป้าเพ็ญและลุงวินัยมาเป็นญาติผู้ใหญ่ให้ ส่วนเจ๊ตาล สปาย นุ่น และบลูเบอร์รี่เพื่อนสมัยเรียนก็ต่างเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับเธอในครั้งนี้เช่นกัน“มึงสวยมากเลยแป้ง ยิ่งท้องก็ยิ่งสวย ยิ่งได้ใส่ชุดเจ้าสาวยิ่งโคตรสวย”สปายเพื่อนรักเอ่ยชม ขณะที่เจ้าสาวกำลังจัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่โดยช่างแต่งหน้าระดับเวิลด์คลาสอย่างคุณมิวกี้ นักแต่งหน้าชื่อดังที่ต้องใช้เวลาจองตัวนานถึงสองเดือนกว่าจะได้ฤกษ์งามยามดีมาสะบัดแปรงบนใบหน้าเกลี้ยงเกลาของคุณแม่ลูกสองอย่างแป้งร่ำ“งื้อ~ ขอบคุณมากนะมึง”เจ้าของใบหน้ายิ้มแย้มหมุนตัวไปมาหน้ากระจกอย่างเก็บความตื่นเต้นเอาไว้ไม่อยู่ ตัวเธอนั้นกำลังสวมชุดแต่งงานผ้าชีฟองบริสุทธิ์ ยามชายกระโปรงยาวฟูฟ่อ
หลังจากกินข้าวกันเสร็จ แป้งร่ำก็เข้าไปล้างไม้ล้างมือให้สะอาดสะอ้านในห้องน้ำ สองเท้าเรียวก้าวขาพ้นธรณีประตูกลับต้องตกใจ เมื่อพบว่าคุณอิฐกำลังนั่งคุกเข่ารอเธออยู่ก่อนหน้านี้แล้ว“คุณอิฐ คุณทำอะไร ลุกขึ้นมาก่อน”หญิงสาวพยายามโน้มลงไปประคองคนตัวสูงให้ลุกขึ้นยืน แต่เขากลับเอาแต่นั่งนิ่ง ๆ มองไปยังใบหน้าแสนหวานไม่วางตา สายตาคู่สวยก็หันไปมองบริเวณโดยรอบ เผยให้เห็นว่ามีทุกคนเดินเข้ามาล้อมรอบเธอกับคุณอิฐไว้ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม“แต่งงานกับพี่นะแป้ง หลายวันก่อนพี่อาจจะยังไม่พร้อม แต่วันนี้พี่ตามหาแหวนเพชรน้ำดีที่สุดมาคุกเข่าขอเธอแต่งงาน พี่พร้อมแล้วที่จะสร้างครอบครัวกับเธอ พี่สัญญาว่าจะเป็นสามีที่ดี เป็นพ่อที่ดีของลูกทั้งสอง”ชายหนุ่มคว้ากล่องกำมะหยี่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมายื่นอยู่ตรงหน้าหญิงสาวที่ตนรัก ก่อนจะค่อย ๆ เปิดมันออกช้า ๆ เผยให้เห็นแหวนเพชรพิงค์โกลด์ เป็นตัวเรือนทองคำแท้ เนื้อสีชมพูอมแดง ซึ่งราคาก็น่าจะปาไปแปดหลักเข้าให้“คุณอิฐ”หญิงสาวเอ่ยเรียกชื่อคุณอิฐด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาจนทุกคนแทบจะไม่ได้ยิน แต่ชายหนุ่มตรงหน้าเขาได้ยินอย่างชัดเจน ก่อนที่เขาจะคลี่ยิ้มออกมาจาง ๆ ในดวงตาคู่คมกับมีน้
วันหยุดสุดสัปดาห์ ซึ่งเป็นวันที่ลูกสาวหยุดเรียนพอดิบพอดี และเป็นจังหวะประจวบเหมาะที่จะพาหลานสาวไปเยี่ยมปู่กับย่าเป็นครั้งแรก เด็กน้อยกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจยกใหญ่ เพราะอยากเห็นคฤหาสน์ที่คุณปู่กับคุณย่าอาศัยอยู่ เพราะผู้เป็นพ่อนั้นเคยเอ่ยปากบอกว่ามันใหญ่โตอย่างกับพระราชวัง“ป๊าวันนี้วันเสาร์ใช่มั้ยคะ”เด็กน้อยชะเง้อคอถามผู้เป็นพ่อที่กำลังขับรถอยู่อย่างคนเก็บความตื่นเต้นเอาไว้ไม่อยู่ ส่วนคุณอิฐก็คลี่ยิ้มจาง ๆ พลางเอ่ยตอบลูกสาว ก่อนจะหันกลับมาขับรถอีกครั้ง“ใช่ค่ะ เสาร์ทั้งวันอ่ะวันนี้ พรุ่งนี้ก็อาทิตย์ทั้งวัน”“ป๊า~ น้องโอปไม่เข้าใจ”เด็กน้อยขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปมมองไปทางผู้เป็นพ่อด้วยความงุนงง เสาร์ทั้งวันคืออะไร อาทิตย์ทั้งวันคืออะไร ซึ่งผู้เป็นพ่อไม่เคยให้คำตอบที่เข้าใจง่าย ๆ ได้เลยสักครั้ง“น้องโอปอลล์อย่าไปถือสาคุณพ่อเขาเลยค่ะ เขายังไม่โต...”แป้งร่ำทำได้เพียงถอนลมหายใจออกมาแรง ๆ อย่างเอือมระอา ก่อนจะหันไปปลอบลูกสาวที่นั่งอยู่เบาะหลัง เพราะไม่อยากให้เด็กน้อยต้องรู้สึกสับสนกับคำตอบนี้“แต่ป๊าตัวโตกว่าคุณแม่อีกนะคะ”“ก็ใช่ค่ะ แต่ก็โตแค่ตัวนั่นแหละ”“คุณแม่จะบอกว่าป๊าสมองไม่พัฒนาเห
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปคุณอิฐยังคงมีอาการแปลก ๆ คล้ายกับคนขาดวิตามิน จนหญิงสาวก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเขาเป็นอะไรไป เธอพยายามชวนเขาไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจสุขภาพอยู่หลายครั้ง แต่เขานั้นมันดื้อรั้นกว่าสิ่งไหน“ไปหาหมอหน่อยไหม เป็นแบบนี้มาเป็นอาทิตย์แล้วนะ”จะว่าเป็นห่วงก็คงใช่ เพราะช่วงนี้เขาป่วยหนักจนแทบไม่ได้เข้าไปดูแลบริษัทเลย ขลุกอยู่แต่ที่บ้านของเธอตั้งหลายอาทิตย์ไปยอมไปไหน ร้องขอให้เธออยู่ดูแลตลอดเวลา“รอให้ลูกกลับมาจากโรงเรียนก่อนได้ไหม อยากพาลูกไปด้วยกัน”“ได้สิ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็ใกล้เวลาเลิกเรียนแล้ว”หญิงสาวเม้มริมฝีปากบางก่อนจะพยักหน้ารับด้วยความดีใจ เพราะวันนี้คุณอิฐกลับเชื่อฟังคำพูดของเธอ ทั้งที่ผ่านมาเขาก็ยืนกรานมาตลอดว่าจะไม่ไปเวลาล่วงเลยไปถึงสี่โมงเย็น ซึ่งเป็นเวลาเลิกเรียนของน้องโอปอล์ ชายหนุ่มขับรถไปรับลูกสาวหน้าโรงเรียนแบบนี้เป็นประจำ จนคุณครูที่ยืนประจำการอยู่หน้าโรงเรียนจำหน้าคร่าตาอันหล่อเหลาเอาการของเขาได้“ลูกหมาของป๊า”ผู้เป็นพ่อนั่งย่อตัวอ้าแขนรอรับลูกสาวที่กำลังวิ่งเข้ามาหาด้วยความดีใจเฉกเช่นทุกครั้ง ท่อนแขนแกร่งก็โอบกอดลูกสาวไว้อย่างแนบแน่นด้วยความคิดถึง“พ่อหมาของลูก ฮ่
ท่อนแขนแกร่งคว้าเอวบางเข้ามาสวมกอดจากทางด้านหลังอย่างแนบแน่น ก่อนจะใช้คางเกยไหล่เธอเอาไว้อย่างออดอ้อน“กลัวผีหรือเปล่า”“ไม่กลัว”“ผีผ้าห่มก็ไม่กลัวเหรอ”“คุณพูดอะไรเดี๋ยวลูกก็ได้ยินหรอก”คนตัวเล็กถึงกับเอ่ยตวาดชายหนุ่มยกใหญ่ แต่เขากลับไม่รู้สึกสะทกสะท้าน แถมยังหัวเราะชอบใจให้กับปฏิกิริยาโต้ตอบของเธอ“ไม่ได้ยินหรอกลูกหลับแล้ว”ไม่พูดเปล่า ยังใช้ริมฝีปากหนาดูดดุ้นซอกคอระหงจนเกิดรอยแดง จนคนตัวเล็กสะดุ้งเฮือกด้วยความเจ็บ“นี่จะทำอะไร ปล่อยนะ”“ไม่ไหวแล้ว หัวก็หอม ตัวก็หอม เธอน่าขึงที่สุดเลยรู้ไหม”ชายหนุ่มพูดพร้อมกับซุกไซร้ไปตามซอกคอขาวเนียนอย่างหื่นกระหาย เขามีอารมณ์ทางเพศทุกครั้งเมื่อได้สัมผัสกับเรือนร่างอรชรของเธอ จนกักเก็บอารมณ์ความรู้สึกว่าต้องการหญิงสาวตรงหน้าเอาไว้ไม่อยู่ ปลายจมูกโด่งก็สูดดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากร่างบางเข้าไปจนเต็มปอด“คืนนี้ขอได้ไหม?”“แล้วถ้าบอกว่าไม่ล่ะ”“ไม่ก็จะเอา เพราะลูกชายสุดที่รักของพี่มันพองตัวแล้ว ลองจับมันดูสิ”ชายหนุ่มคว้ามือเรียวมาจับความเป็นชายที่พองตัวอยู่ใต้ร่มผ้า ซึ่งมันก็ใหญ่โตตามคำบอกเล่าของเขาจริง ๆ คนตัวเล็กทำได้เพียงนั่งกัดปากเพราะรู้สึกเกร็งจนท
ห้าเดือนผ่านไปเมื่อมีเวลาว่างคุณอิฐก็ตามมาแจกขนมจีบแป้งร่ำที่ร้านดอกไม้ฟลาวเวอร์รี่โรสเป็นประจำ และเขาก็ทำแบบนี้มาจะเข้าปีที่ห้าแล้ว พนักงานในร้านก็ต่างรู้สึกอิจฉาที่แป้งร่ำได้เจอผู้ชายดี ๆ แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าที่ผ่านมาเธอต้องเจอกับอะไรบ้าง“สวัสดีครับทุกคน”ชายหนุ่มยกมือขึ้นไหว้พนักงานทุกคนภายในร้านแบบนี้เป็นประจำ ในมือก็ถือข้าวของมากมายที่เขาไปคว้านซื้อมาจากห้างสรรพสินค้าชื่อดังเข้ามาด้วย“อ้าวพ่อหนุ่มมาทุกอาทิตย์เลย”“วันนี้ผมว่างน่ะครับ เลยตามมาเฝ้าแม่ของลูกที่ร้านได้”คุณอิฐฉีกยิ้มหวานกระชากใจ สายตาคู่คมชำเลืองไปมองคนตัวเล็กที่กำลังนั่งจัดดอกไม้ตลอดเวลา“แหม... ไม่ได้เจอกันตั้งสองวันพี่แมวคิดถึ๊ง คิดถึง”พี่แมวโน้มเข้ามากอดคุณอิฐอย่างถือวิสาสะ ใบหน้าที่ดูอ่อนกว่าวัยก็ถูไถไปมายังท่อนแขนแกร่งอย่างออดอ้อน ส่วนคุณอิฐก็ฉีกยิ้มแห้ง ๆ ออกมาให้ได้เห็น เขาพยายามหลีกหนีให้ห่าง แต่ด้วยความเกรงใจเลยยืนนิ่ง ๆ ให้พี่แมวกอดให้หนำใจอยาก“ผมก็คิดถึงทุกคนครับ”“หึ!!”คนตัวเล็กเบะปากคว่ำก่อนจะร้อง หึ! ออกมาในลำคออย่างไม่สบอารมณ์ เพราะเธอรู้สึกสะอิดสะเอียนคำพูดตอแหลของเขาจนเต็มทน เพราะคุณอิฐเขามักจ
“เอ่อ... ผัวก็คือป๊าเองค่ะน้องโอป”ผมตอบออกไปด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ เพราะอยากแสดงความเป็นเจ้าของหญิงสาวตรงหน้าให้ลูกสาวรับรู้ แต่เด็กน้อยอย่างน้องโอปก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดี ก่อนจะเอียงคอถามผมอีกครั้ง“แล้วทำไมป๊าถึงต้องแทนตัวเองว่าผัวด้วยคะ น้องโอปไม่เข้าใจ”“น้องโอปอล์ หนูอย่าไปให้ความสนใจกับคำพูดของพ่อมากนักเลยค่ะ บางครั้งพ่อเขาก็มักจะพูดอะไรออกไปแบบไม่คิด”หน้าหล่อ ๆ ของผมถึงกับแตกออกจากกันเป็นเสี่ยง ๆ เพราะแป้งร่ำเธอพูดหักหน้าผมเข้าให้แล้ว มันเจ็บแปล๊บ ๆ เหมือนโดนมีดบาด แต่ผมไม่สนน่ะ เพราะผมเป็นผัวเธอจริง ๆ“พูดไม่คิดยังไงแป้ง ที่กูพูดไป กูคิดมันทุกคำ ว่ากูเป็นผัวมึง แล้วไอ้เรื่องเมื่อคืนอีก อย่าบอกนะว่าลืม...”“คุณอิฐ อยู่ต่อหน้าลูกอย่าพูดคำหยาบได้ไหม ฉันไม่อยากให้ลูกซึมซับสิ่งไม่ดี”ใบหน้าแสนหวานหม่นลงในทันทีที่ผมพูดจบ ผมชะงักไปทันที ถึงแม้ว่าที่ผ่านมานิสัยผมจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แต่คำพูดคำจาก็ยังคงเหมือนเดิม เพราะผมรู้ตัวเองดีว่าผมเป็นคนโผงผาง พูดไม่เพราะ ชอบพูดจาหยาบคายเป็นที่หนึ่ง เลยทำให้คนตัวเล็กเอือมระอาขนาดนี้ ซึ่งตอนนี้ผมก็รู้สึกผิดเป็นอย่างมาก กลัวว่าน้องโอปจะซึมซั
“ฉันอยาก”เท้าเรียวเล็กจิกเกร็งไปหมด แป้งร่ำเธอใช้ขาข้างหนึ่งถูไถไปตามเรียวขาสวยเพื่อระบายอารมณ์เสียวซ่านที่พลุ่งพล่านอยู่ในตัว“ก็จะทำให้อยู่นี่ไง รีบเหรอ”ผมโน้มลงไปกระซิบที่ซอกคอของเธอด้วยน้ำเสียงแหบพร่า พลางจูบพรมไปตามลำคอระหง เลื่อนขึ้นมายังพวงแก้มขาวนวล และจูบย้ำ ๆ ลงบนปากกระจับได้รูปของเธอ ร่างเล็กอ่อนระทวยด้วยพิษรักยั่วสวาท เธอเด้งหน้าอกรับเมื่อผมใช้ริมฝีปากคลอเคลียลงไปตามเนินอกอวบอิ่ม“อืม ฉันรีบ ฉันไม่ไหวแล้ว มันร้อน ร้อนไปทั้งตัว”มือเรียวยกขึ้นสางผมที่เปียกซกไปด้วยเม็ดเหงื่อ ใบหน้าแสนหวานของเธอเปล่งประกายระเรื่อขึ้นมาจนเห็นได้ชัด เธอร้องซี๊ดออกมายกใหญ่ทั้งที่ผมยังไม่ทันทำอะไร ดวงตาคู่สวยจ้องมองมาที่ใบหน้าคมคายด้วยสายตาหวานหยาดเยิ้ม“จะรับไหวหรือเปล่า ของกูใหญ่นะ”“ไหวสิ ฉันจะอดทน คุณรีบทำหน่อยได้ไหม”ฟันคู่คมกัดเม้มริมฝีปากบางของตัวเองแน่น ก่อนที่เธอจะยกมือเรียวขึ้นมาคล้องคอผมไว้และแสดงสีหน้าออดอ้อน ผมที่ได้เห็นถึงกับเก็บอารมณ์ฟุ้งซ่านในใจเอาไว้ไม่อยู่ อยากจะจับเธอกระแทกให้แรง ๆ โทษฐานที่ทำตัวน่าเอา“อยากจูบตรงนั้นของมึงด้วยได้ไหม?”“ได้สิ ฉันยอมคุณแล้ว ยอมทุกอย่าง คุณอยาก
[คุณอิฐ]หลายอาทิตย์ผ่านไปผมกลับมาดูแลบริษัทที่กรุงเทพฯทุกอาทิตย์ ก่อนจะเดินทางกลับไปหาลูกเมียทันทีเมื่อเคลียร์งานทุกอย่างเสร็จ ผมใช้เวลาเพียงสี่ชั่วโมงในการเดินทางไปจังหวัดใกล้เคียงที่น้องโอปอล์กับแม่ของลูกอาศัยอยู่ มาถึงที่นี่ก็เป็นเวลาสามทุ่มพอดีเป๊ะรถสปอร์ตคันหรูจอดสนิทอยู่หน้าบ้านไม้หลังเล็ก ๆ แต่กลับพบเพียงความมืดมน เพราะเวลานี้กลับไม่มีใครอยู่บ้านเลยสักคน แล้วแป้งร่ำเธอพาลูกไปอยู่ที่ไหน ผมไม่รอช้ารีบต่อสายตรงหาเธอทันที แต่โทรไปเท่าไรเธอก็ไม่รับสาย ก่อนที่ผมจะตัดสินใจส่งข้อความไปหาเธอAit : [อยู่ไหน ทำไมไม่มีใครอยู่บ้านเลยสักคน]Ait : [พาลูกไปไหน บอกมา... เดี๋ยวจะไปรับ]Ait : [ตอบกลับข้อความที]ผมรอจนแล้วจนรอดแต่ก็ไม่มีข้อความตอบกลับแต่อย่างใด จนเวลาล่วงเลยไปถึงเที่ยงคืน ก่อนจะตัดสินใจไปกดกริ่งหน้าบ้านของป้าเพ็ญ เผยให้เห็นเด็กหญิงตัวเล็ก กับหญิงวัยกลางคนเดินออกมาเปิดประตูรั้วหน้าบ้าน ทำไมเวลานี้น้องโอปถึงยังไม่นอน“ป๊า...”ผู้เป็นพ่อนั่งย่อตัวอ้าแขนรอรับลูกสาวที่กำลังวิ่งเข้ามาหาด้วยท่าทางดีอกดีใจอย่างเช่นทุกอาทิตย์“น้องโอป...”ชายหนุ่มคว้าลูกสาวตัวน้อยมาโอบกอดอย่างแนบแน่น ก่