"มิน รอเตอร์ก่อน" ผมรีบวิ่งไปจับนิ้วก้อยเล็กเล็กของเธอมาเกี่ยวไว้กับนิ้วก้อยของผม มินงอนผมตั้งแต่ผมขึ้นเสียงใส่เธอในรถ ก็เธอเล่นพูดว่าจะสนิทกับไอ้หมอนั่นมากกว่าผม ใครจะทนไหว ผมไม่มีทางยอมง่ายง่ายแน่ ไหนจะตอนที่อยู่ในร้านอีก ทำไมต้องนั่งใกล้กันขนาดนั้น ผมไม่เข้าใจ น่าหงุดหงิดชะมัด แทนที่ควรจะเป็นผมที่ต้องคิดบัญชีกับเธอ กลับกลายเป็นผมที่ต้องวิ่งตามเธออย่างตอนนี้ พอเข้ามาในร้านปิ้งย่างที่พวกนั้นนั่งรออยู่ก่อน ผมรีบดันตัวเธอให้เข้าไปนั่งด้านในก่อนที่ผมจะแทรกตัวเข้าไปนั่งข้างๆ เพราะกลัวว่าเธอจะหนีไปนั่งข้างแก๊งค์เพื่อนสาว
"ชาเขียวเย็นไม่หวานสอง" ผมรีบสั่งน้ำของมินกับผม เผื่อว่าน้ำเย็นๆ ชื่นๆใจ จะช่วยลดอาการงอนของเธอลงบ้าง นิดหน่อยก็ยังดี ระหว่างที่ผมกับเพื่อนๆ ย่างเนื้อกันอยู่ ผมก็ไม่ลืมที่จะคอยย่างและคีบเนื้อไปวางไว้ในจานเธอโดยเฉพาะเห็ดออรินจิที่เธอชอบ ส่วนมือข้างที่ว่างอยู่ก็ไปดึงมือนุ่มนิ่มของเธอมาจับไว้บีบเล่นอยู่ใต้โต๊ะ เพราะไม่อยากให้พวกนั้นเห็นแล้วแซวผมกับมิน เดี๋ยวเธอจะเอามาพาลงอนผมอีก แค่ข้อเดียวตอนนี้ ผมก็ร้อนรนจะแย่ "มาย ลลิล ไปกินไอติมกันต่อมั๊ย เราเลี้ยงเอง" ผมที่กำลังงัดแผนสองขึ้นมาง้อมิน ซึ่งเธอไม่มีทางปฏิเสธได้อยู่แล้ว เพราะไหนจะเพื่อนของเธอและของชอบอย่างไอติมอีก ไม่มีใครรู้ใจเธอเท่าผมแน่นอน "ป๋ามากกก" "ไปสิ" ฉันได้แต่นั่งบรึนปากให้กับความเห็นแก่กินของยัยเพื่อนตัวแสบสองคนนั่น ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าที่เตอร์ทำอยู่ตอนนี้ เพราะเขากำลังพยายามง้อฉัน อันที่จริง ใจฉันหน่ะ มันอ่อนยวบตั้งแต่เขาวิ่งมาเกี่ยวก้อยฉันแล้วแหละ แต่อยากจะขอดัดนิสัยเอาแต่ใจของเขาอีกสักหน่อย "มิน เป่าผมให้เตอร์หน่อยสิ ไดร์ที่ห้องเตอร์เสีย" ผมถือวิสาสะเปิดประตูห้องนอนมินเข้ามา แต่ภาพที่ผมเห็นทำผมยืนมองเธอตาค้างก้าวขาไม่ออก มินนั่งชันเข่าทาโลชั่นที่ขาขาวขาว กางเกงนอนขาสั้นลายการ์ตูนของเธอล่นลงมาจนเห็นขาอ่อนเล็กน้อยเกือบเห็นอะไรต่อมิอะไร 'อึก' ผมถึงขนาดกลืนน้ำลายลงด้วยความยากลำบาก ต้องเบี่ยงเบนสายตาคมมองไปรอบๆ ห้อง ที่ผมเคยเข้ามานอนแล้ว จนไปสะดุดกับรูปคู่ของผมกับมินตอนรับน้องสมัยปีหนึ่งที่ตั้งอยู่บนชั้นวางของรวมกับภาพหมู่เพื่อนๆ ของเราสองคน รูปนั้นอาจจะดูเป็นรูปธรรมดา แต่สำหรับผม มันคือการถ่ายรูปคู่กับคนอื่นนอกจากครอบครัวครั้งแรก ที่สำคัญ รอยยิ้มของเธอทำหัวใจแกร่งของผมละลายเหลวตั้งแต่วันนั้น...มุมปากผมยกขึ้นเล็กน้อยเมื่อนึกถึงความทรงจำครั้งแรกที่ผมมีต่อเธอ "วุ่นวายจังนะเตอร์" เสียงของมินดึงสติผมให้หันกลับมาที่เธอ ผมไม่ได้เถียงเธอกลับไปแต่รีบพาตัวเองเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้แทนเธอเพราะกลัวเธอจะไล่ผมให้ออกไปรอข้างนอก มินเสียบปลั๊กไดร์เป่าผมและเดินมายืนซ้อนข้างหลังใช้มือเล็กเล็กค่อยๆ ปัดเส้นผมไปมา นอกจากแม่แล้วไม่มีผู้หญิงคนไหนสามารถจับหัวของผมได้ มีก็แต่...มินคนนี้คนเดียว ผมนั่งมองเธอผ่านกระจกเงาตรงหน้า ถึงแม้เธอจะสูงประมาณหนึ่งร้อยหกสิบห้ารูปร่างสมส่วนพอดิบพอดี แต่ยังห่างกับผมยี่สิบเซนติเมตรเห็นจะได้ ขนาดผมนั่งอยู่ที่เก้าอี้เธอตอนนี้ ศีรษะของผมยังสูงเกือบๆ ถึงคางของเธอเลย ผมขยับตัวลงเล็กน้อยทิ้งศีรษะไปข้างหลังเงยหน้าขึ้นมองสบตาของเธอ "มินหายงอนเตอร์นะ" ตึก ตึก ตึก เสียงหัวใจที่เต้นรัวของฉันมันดังแข่งกับเสียงไดร์เป่าผมที่เปิดอยู่ เตอร์จะรู้ตัวมั๊ยว่าสายตาอ้อนอ้อนเหมือนเด็กน้อยเอาแต่ใจของเขานั้น มันกำลังทำลายกำแพงของฉันลงทีละนิดทีละนิด จนเขาเกือบจะก้าวเข้ามาอยู่ข้างในใจฉัน หรืออันที่จริงเขาไม่เคยอยู่นอกกำแพงตั้งแต่แรกเลยต่างหาก "อื้ม" ฉันตอบเตอร์กลับไปเบาเบาก่อนจะใช้นิ้วเล็กเล็กดีดหน้าผากของเขาด้วยความหมันเขี้ยว ทำให้เขามองฉันตาขวางแต่เพียงแวบเดียวเท่านั้นแววตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันที ก่อนจะหันมาแย่งไดร์ในมือของฉันไปวางที่โต๊ะกระจกและใช้มือใหญ่รวบข้อมือเล็กทั้งสองของฉันไม่ให้หนีไปไหน 'ฟอดดดดด'หลังจากวันนั้นที่เขาขอฉันแต่งงาน งานแต่งของเราสองคนก็ถูกจัดขึ้นหลังจากนั้นสองเดือนทันทีที่เราฝึกงานเสร็จ เราเลือกหนึ่งในโรงแรมของกายเป็นสถานที่จัดงาน เชิญแขกและญาติผู้ใหญ่ของสองครอบครัวมาร่วมงานเกือบพันคน มีหนูมายกับลลิลเป็นเพื่อนเจ้าสาวแสนสวยของฉัน ส่วนเขาก็มีสองหนุ่มอย่างนายกับกายเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว วันนั้นเป็นวันที่เราสองคนมีความสุขมากอีกวันหนึ่ง เพราะนอกจากจะเป็นวันแต่งงานของเราสองคนแล้วยังเป็นวันรวมตัวของคนที่เรารัก และเป็นวันที่ป๊า มามี๊ คุณพ่อ คุณแม่ ของเรายิ้มกว้างกว่าวันไหนๆแต่เพราะว่าเตอร์ลางานได้แค่ห้าวันเพราะต้องกลับมาเตรียมงานขยายสาขาในต่างประเทศ และเขาก็อยากจะพาฉันไปแก้ตัวที่ตอนครบรอบหนึ่งเดือนพาฉันไปแบบกระทันหันด้วย เราเลยตัดสินใจไปฮันนีมูนกันที่ญี่ปุ่น และการแช่ออนเซนมองดูน้องฟูจิ คือหนึ่งในแพลนของฉันกับเขา แต่ก็ต้องแอบลุ้นกันอีกทีว่าเราสองคนจะเป็นผู้โชคดีได้เห็นน้องฟูจิแบบคนอื่นหรือเปล่าและคำตอบก็คือ เราเป็นผู้โชคดี เหมือนอย่างในตอนนี้ที่ฉันกำลังนอนพิงอกแกร่งอยู่ในบ่อออนเซนส่วนตัวมองดูน้องฟูจิที่ออกมาให้เรายลโฉมโดยไม่มีเมฆมาปิดบังเลยสักนิด... "มิน เตอร์อยากมีเบบี๋"
"ถ่ายงานให้เตอร์ทั้งวัน เหนื่อยมั้ย""ไม่เหนื่อยนะ มินสนุก""แต่...""ขอค่าตัวด้วยค่ะบอส""ค่าตัวแพง ผมไม่มีจ่ายหรอกครับ""โห นี่มินทำงานฟรีหรอเนี่ย""เสียใจจัง""หึ" "เตอร์ขอจ่ายค่าจ้างเป็นดินเนอร์มื้อพิเศษแทนได้มั้ย""อืม..." "นี่ถ้าไม่ใช่เตอร์ มินไม่ยอมหรอกนะ""ขอบคุณครับผม"ฟอดผมนั่งรอเธอที่กำลังอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่ผมออกแบบและสั่งตัดมาให้เธอโดยเฉพาะ เดรสสั้นเกาะอกขนนกสีฟ้าพาสเทลพร้อมรองเท้าแก้วส้นสูงรัดข้อ ที่ดูเข้ากันกับผมในเสื้อเชิ้ตคอจีนสีฟ้าพาสเทลเฉดเดียวกัน เพื่อพาไปดินเนอร์ที่โรงแรมหรูบนตึกที่สูงที่สุดของประเทศซึ่งผมขอปิดโซนเพื่อเธอโดยเฉพาะ พอเสียงประตูเปิดขึ้น พร้อมกับการปรากฎตัวของร่างบางน่าทะนุถนอมที่กำลังยืนส่งยิ้มให้ผม ใบหน้าของเธอถูกเติมแต่งด้วยเครื่องสำอางบางเบาเผยผิวใสสุขภาพดี ปากอวบอิ่มถูกทาด้วยลิปสติกสีชมพูพีช เส้นผมสีน้ำตาลคาราเมลตรงสวยดูมีน้ำหนักปกคลุมไหล่มนเล็กน้อยราวกับไม่ได้ตั้งใจ เสริมความน่ารักด้วยเดรสสีโปรดของเธอ ผมไม่รอช้าที่จะเดินไปใส่สร้อยทองคำขาวมีจี้เป็นไข่มุกเม็ดเล็กที่ผมหยิบเตรียมมาถือไว้ที่ลำคอขาวของเธอจากด้านหลัง พร้อมกับจุมพิตลงไหล่
เช้าวันแรกของการฝึกงาน ฉันต้องตื่นเช้ากว่าปกติ เพื่อเตรียมอาหารเช้าง่ายๆ อย่างแซนวิชทูน่าสลัดและชงกาแฟสำหรับเราสองคนไว้กินกันในรถเหมือนตอนที่ไปมหาวิทยาลัยฯ ก่อนจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนักศึกษาที่ดูเรียบร้อยเพราะไม่อยากให้ใครว่าได้ทีหลังว่าไม่เหมาะสมเดี๋ยวจะกระทบไปถึงเขา"มิน เสร็จยัง""จะเสร็จแล้ว ขอห้านาที""ไม่ต้องสวยมากหรอก""เตอร์ไม่อยากให้ใครมอง""เอ้า""มีแฟนสวยเตอร์ต้องดีใจสิ""เตอร์ดีใจ แต่อยากเก็บไว้คนเดียว""ถ้าแต่งงาน เตอร์จะให้มินอยู่แต่บ้าน""ไม่ได้สิ ร้านมินละ""มินตอบตกลงแล้วนะ""ห๊ะ""หึ" ฟอดฉันหลงกลเขาอีกแล้วสินะ พอดูเรียบร้อยแล้วว่าไม่ได้ลืมอะไร เขาก็จูงมือฉันและแย่งกระเป๋าของฉันไปสะพายไว้เองจนฉันแอบคิดว่าวันเกิดเขาปีหน้าฉันจะซื้อให้เขาสักใบนึงน่าจะดี โชคดีที่เช้านี้ถนนค่อนข้างโล่งรถไม่ค่อยติด ทำให้เราสองคนมาถึงก่อนเวลาอย่างที่ตั้งใจกันไว้ เพราะถึงเขาจะเป็นลูกเจ้าของบริษัทและเป็นรองประธานบริษัท แต่เขาก็อยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับพนักงานและไม่อยากให้คุณพ่อคุณแม่โดนว่าแล้วพาลมาถึงฉันด้วย แฟนฉันน่ารักที่สุดเลย... พอถึงเวลาเริ่มงานพี่ฝ่ายบุคคลก็มาพาฉันไปส่งที
"ทำไมมินเมื่อยจังเลย""ควรเมื่อยอยู่นะ" "หึ" "หืม?" "ก็มินเล่นไม่พัก""..." "ถ้ารู้ว่าเมาแล้วมินขยันขนาดนี้" "เตอร์จะซื้อมาไว้ที่ห้องสักลังนึง"เพี๊ยะ! มือเล็กของฉันฟาดลงไปที่ต้นแขนแกร่งทันที ก่อนจะมุดตัวลงไปในผ้าห่มปิดใบหน้าที่แดงเป็นมะเขือเทศเพราะความเขินอาย จะไม่ให้ฉันอายได้ยังไง ดูเขาพูดซิ ภาพเมื่อคืนที่ฉันทำลอยมาเป็นฉากฉากเลย แล้วเขาก็พูดออกมาอย่างหน้าตาเฉยพร้อมกับรอยยิ้มกรุ่มกริ่มที่ดูมีความสุขจนน่าหมันไส้อีก แต่อยู่อยู่ฉันก็รู้สึกเหมือนว่าฉันคิดผิด เพราะภายใต้ผ้าห่มสีฟ้าผืนใหญ่มันมีอาวุธร้ายพร้อมรบซ่อนอยู่ ทั้งเขาและฉันตอนนี้ไม่มีเสื้อผ้าปกคลุมกันเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ให้ตายเถอะ! จะหนีตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว... "ยัยมิน แกจะไม่ไปฝึกงานที่บริษัทฉันจริงๆ หรอ""ฉันอยากให้แกไปด้วยจะได้ครบแก๊งค์""นั่นสิ ขาดขาเม้าท์ไปหนึ่ง เหงาแย่""ฉันก็อยากไปกับพวกแก""แต่เตอร์อยากให้ฉันไปช่วยทำพีอาร์ที่บริษัทเขา""พวกแกได้หยุดเสาร์อาทิตย์มั้ย""นัดกันไปช๊อปหรือไปกินของอร่อยกันก็ได้""หรือมาเจอกันที่นี่""อยู่ใกล้กันแค่นี่เอง"สองสาวแวะมาหาฉันที่คาเฟ่มินิมินนี่แหล่งกบดานหลักของพวกฉันเพราะเครื่องดื่ม
สุดท้ายฉันก็ต้องเอาเสื้อแจ๊คเก็ตสีดำของเขามาใส่ทับอีกที เพื่อปกปิดรอยจางจางและเปลี่ยนลุคให้ดูเท่ห์มากขึ้น ส่วนเขาก็ฉันเสื้อเชิ้ตตัวที่ฉันรีดไว้ให้ปลดกระดุมตั้งสามเม็ดโชว์กล้ามหน้าอกแน่นแน่น ทำฉันมองตาขวางจนต้องเอาคืนโดยการโน้มคอเขาลงมาแล้วกัดเข้าที่หน้าอกขาวขาวของเขาจนเป็นรอยฟัน ซึ่งเขาก็ไม่กล้าบ่นอะไรกลับดูชอบใจด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อฉันไม่ได้เกิดเขาก็ต้องไม่ได้เกิดเหมือนกัน วินวิน"โห ลลิลแซ่บมากกก""แต่หนูมาย แกเหมือนไปวัดนะ""ผิดปกติมาก""ปกติสุดสุด ฉันแค่อยากเปลี่ยนลุคเป็นสาวเรียบร้อยบ้าง"พอมาถึงร้านเหล้าของเตอร์ เขาก็ขอแวะไปดูความเรียบร้อยในร้านแปปนึง ให้ฉันเดินมาหาเพื่อนๆ ที่โต๊ะวีไอพีที่ประจำของพวกเรา ซึ่งพอเดินมาถึงหนุ่มๆ ก็สั่งเครื่องดื่มพร้อมกับแกล้มรอไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนสองสาววันนี้ฉันขอมอบมงให้ลลิลเป็นสาวแซ่บที่สุด นางมาในชุดเกาะอกหนังสีดำกับกางเกงหนังสั้นสีเดียวกัน ดูมั่นและเปรี้ยวสุดสุด ผิดกับยัยหนูมายที่ปกติจะต้องเป็นสาวแซ่บแต่กลับใส่เสื้อฮู้ดสีดำตัวโคร่งกับกางเกงยีนส์ขาสั้นสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาวจนดูแปลกตาไปเลย ส่วนกายก็แต่งตัวคล้ายๆ เตอร์เป็นปกติ แต่ที่ดูไม่ค่อยปกต
และแล้ววันชี้ชะตาของพวกเราทั้งหกคนก็มาถึง ฉันรีบตื่นแต่เช้ามาทำอาหารเช้าง่ายๆ อย่างแซนวิชทูน่าแฮมใส่ผักสลัดกับมะเขือเทศเพื่อเพิ่มคุณค่าทางอาหารให้เขาพร้อมกับอเมริกาโน่เย็นแก้วโปรด และไม่ลืมที่จะทำแซนวิชใส่กล่องไปเผื่อเพื่อนอีกสี่คนด้วย เพื่อเป็นกำลังใจให้มีแรงพรีเซนต์และผ่านไปได้ด้วยดีจะได้ไปฉลองพร้อมกัน"เตอร์จะกินแซนวิชเลยมั้ย" "มินป้อน เตอร์จะได้ขับรถสะดวก""ใจดีจัง""อ้าปาก""อร่อย" "ไม่อยากแบ่งให้ไอ้นายกับไอ้กายกิน""ให้พวกมันไปหากินเอง""เอ้า ไม่ได้สิ""เพื่อนนะ" "หวงหมด"พอมาถึงมหาวิทยาลัยฯ ฉันกับเขาก็รีบเดินไปหาเพื่อนๆ ที่นั่งรอกันอยู่ตรงโต๊ะหินอ่อนมุมเดิมที่เป็นจุดนัดพบ โดยเขาที่สะพายกระเป๋าใส่แมคบุคกับเล่มรายงานทำหน้าที่ถือถุงอาหารเช้าของเพื่อนให้ ส่วนฉันก็ช่วยถือแก้วเก็บความเย็นที่ใส่กาแฟของเราสองคนไว้และรีบก้าวให้ทันเขา พอมาถึงเขาก็รีบแจกขนมให้เพื่อนสาวสองคนไม่ยอมหยิบไปให้สองหนุ่ม ฉันจึงต้องกดดันเขาด้วยสายตาอำมหิตของฉัน จนเขาชักสีหน้างอแงทำปากจิ๊จ๊ะแล้วก็ยอมแบ่งให้อีกสองหนุ่มโดนการโยนไปให้ดีที่นายกับกายรับไว้ทันไม่อย่างนั้นอดกินกันแน่ๆ ฉันจึงชี้นิ้วอย่างคาดโทษใส่เขาขอ