ลู่เจ๋อโยนเอกสารข้อมูลออกไป บ่งบอกว่าเห็นด้วยเลขาฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอกขณะนั้นเอง ภาพถ่ายขนาด 7 นิ้วก็ได้หล่นออกมาจากเอกสาร ซึ่งเป็นรูปถ่ายประจำตัวของไป่เสวี่ย...เสื้อเชิ้ตสีขาวบนพื้นหลังสีแดง ผมยาวสีดำมัดเป็นหางม้า และมีออร่าเล็กน้อยในดวงตาของเธอเมื่อมองดูอย่างโง่เขลา เธอดูเหมือนเฉียวซุนในวัย 18 ปีมากเลขาฉินมีสายตาและมือที่รวดเร็ว เธอรีบหยิบมันขึ้นมา ยัดมันเข้าไปในแฟ้มข้อมูลและกำลังจะเอามันออกไปแต่ลู่เจ๋อกลับหยุดเธอ: "เดี๋ยวก่อน!"ลู่เจ๋อรับแฟ้มข้อมูลมา พร้อมกับหยิบรูปถ่ายออกมาดูสักพัก จากนั้นจึงวางมันกลับไปและพูดเบาๆ: "รับมาเถอะ! แต่ไม่จำเป็นต้องดูแลเป็นพิเศษ แค่ปฏิบัติต่อเธอเหมือนเด็กฝึกงานธรรมดาๆคนหนึ่ง"เลขาฉินขัดขืนอยู่ครู่หนึ่ง: "ประธานลู่คะ ถ้าคุณนายลู่รู้เข้าจะไม่มีความสุขได้ สถานะของผู้หญิงคนนี้พิเศษเกินไป ฉันเกรงว่า..."น้ำเสียงของลู่เจ๋อเข้มขึ้น : "ทำตามที่ผมบอก!"หลังจากที่เขาพูดจบ เลขาฉินก็ยังไม่ได้ขยับไปไหนลู่เจ๋อจึงเงยหน้าขึ้นมอง——เลขาฉินยิ้มเบา ๆ : "ประธานลู่ ฉันคิดมาตลอดว่าคุณรักเฉียวซุน แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าคุณหลงรักเฉียวซุนคนที่รักคุณอย่างหลงไห
ลู่เจ๋อเลิกงานเร็วมากและออกจากบริษัทตั้งแต่สี่โมงเย็น เขาไปซื้อของขวัญวันคริสต์มาสให้กับเจ้าหนูลู่เหยียน และแน่นอน เขายังเตรียมของขวัญให้กับเฉียวซุนอีกด้วยช่วงนี้อากาศหนาวมาก ลู่เจ๋อจึงเลือกซื้อผ้าพันคอแคชเมียร์ LV สีชมพูอ่อนให้เฉียวซุนหลังจากซื้อของขวัญและขึ้นรถแล้ว รถ RV สีดำก็ค่อย ๆ ขับออกจากลานจอดรถใต้ดินของห้างสรรพสินค้า หิมะด้านนอกเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ และเริ่มเกาะตัวเป็นชั้นอยู่บนถนนแล้วมีไฟแดงที่สี่แยกข้างหน้าคนขับหยุดรถ ยื่นมือออกไปเช็ดกระจกมองหลังแล้วพูดว่า: "คืนนี้ถ้าหิมะตก เกรงว่าถนนอาจจะถูกปิดกั้น! ประธานลู่ พรุ่งนี้ผมจะมาแต่เช้าตรู่..."ลู่เจ๋อนั่งพิงเบาะหลัง พลางดูของเล่นที่เขาซื้อให้เจ้าหนูลู่เหยียน และพูดเบา ๆ : "พรุ่งนี้เป็นวันคริสต์มาส ฉันจะอยู่กับลูก"คนขับเห็นด้วย: "หลังจากมีลูก ประธานลู่ก็กลายเป็นคนติดบ้านไปแล้ว!"ลู่เจ๋อยิ้มเบา ๆขณะที่รถกำลังจะสตาร์ท ก็มีเด็กสาวคนหนึ่งยืนอยู่ข้างรถ พร้อมกับจับประตูเบา ๆ ด้วยสีหน้าระมัดระวังแต่แฝงไปด้วยความเขินอายเธอคือไป๋เสวี่ยลู่เจ๋อมองดูอย่างเงียบ ๆ สองสามวินาทีก่อนที่จะลดหน้าต่างลงไป๋เสวี่ยกัดริมฝีปาก เธอ
ลู่เจ๋อกลับมาถึงคฤหาสน์ในเวลาเกือบ 1 ทุ่มและเฉียวซุนก็ได้ทานข้าวไปแล้วช่วงนี้จิตใจของเธอเริ่มดีขึ้นบ้างแล้วแต่ลู่เจ๋อยังไม่ได้เลิกจ้างบอดี้การ์ดรอบคฤหาสน์ ในวันที่หิมะตก คนเหล่านี้ปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์และกระจายไปทั่วคฤหาสน์พอรถหยุดลง และเมื่อลู่เจ๋อลงจากรถ เขาตั้งใจไม่หยิบของขวัญออกมาเขาต้องการเซอร์ไพรส์เฉียวซุนลู่เจ๋อเดินผ่านห้องด้านหน้า พลางถอดเสื้อคลุมสีดำออกแล้วยื่นให้คนรับใช้ที่บ้าน เขามองเข้าไปในห้องโถงแล้วถามอย่างเป็นกันเอง : "คุณนายกินข้าวหรือยัง?”คนรับใช้หยิบเสื้อคลุมแล้วยิ้มกว้าง : “คุณนายทานข้าวแล้วค่ะ! เธอเห็นหิมะตกในตอนบ่าย ตอนเย็นเธอยังอุ้มเด็กสาวลงมาชั้นล่าง แล้วมองดูหิมะผ่านหน้าต่าง หนูน้อยตัวเล็กขนาดนั้น มองดูหิมะโดยไม่กลัวสักนิด และยังหัวเราะคิกคักอยู่เลย ดูเหมือนเธอจะชอบหิมะมาก!"ใบหน้าของลู่เจ๋อเต็มไปด้วยความอ่อนโยน เขารีบเปลี่ยนรองเท้าแล้วขึ้นไปชั้นบนห้องนอนใหญ่บนชั้นสองไฟเป็นสีเหลืองให้ความอบอุ่น ระบบทำความร้อนเปิดเต็มที่ และห้องก็อบอุ่นราวกับอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิเฉียวซุนสวมกระโปรงขนสัตว์สีชมพูอ่อนและโน้มตัวไปบนเปลเพื่อหยอกล้อกับเจ้าหนูลู
ลู่เจ๋อวางเจ้าหนูลู่เหยียนไว้บนเปลเขากอดเฉียวซุนจากด้านหลัง จากนั้นวางริมฝีปากบางๆของเขาไว้ที่ใบหูของเธอ และถามด้วยเสียงแผ่วเบา : "ทำไมคุณไม่ลองดูของขวัญของคุณก่อนล่ะ? จะได้รู้ว่าชอบหรือเปล่า?"เฉียวซุนไม่ชอบการสัมผัสของเขาเธอค่อย ๆ แกะของขวัญออก ก่อนจะเห็นผ้าพันคอสีชมพูอ่อนลู่เจ๋อกอดเธอแล้วพูดเบา ๆ : "มันเหมาะกับคุณมาก!"จากครั้งที่แล้ว เขาไม่ได้สัมผัสเธอมาหลายวัน ช่วงนี้เธอค่อนข้างมีสภาพร่างกายที่ดี เขาจึงอยากใกล้ชิดเธอให้มากกว่านี้...อีกอย่าง คืนนี้คือคืนคริสมาสต์อีฟ ดังนั้นเขาจึงอยากจะแสดงความโรแมนติกและอ่อนโยนเขากอดเธอจากด้านหลังลมหายใจอันเร่าร้อนถูกพ่นไปที่ใบหูของเธอ และเสียงของเขาก็แหบแห้งมากขึ้น : "เฉียวซุน มาลองกันเถอะนะ หากคุณรู้สึกไม่สบายใจ ผมจะหยุดทันที"หลังจากพูดจบเขาก็อุ้มเธอไปที่โซฟาเขาใช้มือข้างหนึ่งจับพนักโซฟาแล้วใช้มืออีกข้างพลิกใบหน้าเธอเพื่อมารับจูบจากเขา เขาพึมพำกับเธออย่างอ่อนโยนว่า เขาจะทำให้เธอรู้สึกดี และเขาไม่รังเกียจที่จะทำให้เธอรู้สึกดีก่อน...ผมสีดำของเฉียวซุนสยายลงมาและแผ่ไปทั่วทั้งแผ่นหลังช่างดูน่าเย้ายวนเป็นอย่างมากเธอมองดูเขา มองดูท่า
พวกเขาเลิกกันอย่างไม่มีความสุขหลังจากนั้น พวกเขาเฉยชาต่อกันมากขึ้น และดูเหมือนว่ามีเพียงลู่เจ๋อเท่านั้นที่หลงใหลในการรักษาความสัมพันธ์ของพวกเขาในฐานะสามีภรรยาเขาจะไม่ปล่อยเฉียวซุนไปอย่างแน่นอนแต่เขาแทบไม่รู้เลยว่าการปรากฏตัวของไป๋เสวี่ย ทำให้ภาวะซึมเศร้าหลังคลอดของเฉียวซุนที่ดีขึ้นแล้ว เริ่มแย่ลง เธอเริ่มทานยาต้านซึมเศร้า หยุดให้นมลูก...เริ่มให้เจ้าหนูลู่เหยียนดื่มนมผงแทน ลู่เจ๋อไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้การชดเชยที่ฝ่ายชายเคยกล่าวไว้นั้นเสี่ยงต่อความสัมพันธ์ที่แสนเย็นชาระหว่างสามีภรรยาบางทีเขาอาจจะยังใส่ใจเฉียวซุนอยู่ แต่เขาชอบความอ่อนโยน ความน่ารัก และการชื่นชมของหญิงสาวมากกว่า นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้ชายอยากอยู่ข้างนอกและไม่อยากกลับบ้าน...เฉียวซุนป่วยหนักในช่วงปลายปีเธอนอนไม่หลับในทุกคืน และเริ่มทานยานอนหลับ... ตอนแรกเธอทานยาแค่วันละหนึ่งเม็ด ทว่าหลังจากทานมาเรื่อย ๆ กลายเป็นว่าเธอต้อนทานเพิ่มเป็นสามเม็ด ถึงจะนอนหลับได้ แต่ถึงแม้เธอจะทานยาไปแล้ว ถ้าเจ้าหนูลู่เหยียนร้องไห้ เธอก็จะตื่นขึ้นมาทันที เพื่อมากล่อมเจ้าหนูน้อย ร้องเพลงกล่อมอย่างอ่อนโยน ลู่เจ๋อก็ยั
ไป๋เสวี่ยกำลังจะตอบ แต่ลู่เจ๋อก็เดินผ่านไปแล้วเธออดที่จะรู้สึกผิดหวังไม่ได้ เธอสัมผัสได้ถึงความประหลาดใจที่คุณชายลู่มีต่อเธอ เขาสนใจเธอ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่มองเธอแบบนั้น และเขาคงจะไม่อนุญาตให้เธอนั่งรถของเขาในครั้งนั้นแต่ทำไม...เขาถึงไม่ต้องการเธอล่ะ?ความผิดหวังของไป๋เสวี่ย อยู่ในสายตาของคุณหญิงลู่ทั้งหมด เธอมองด้วยสายตาที่เฉียบแหลม พลางถามเลขาฉินที่อยู่ข้าง ๆ เธอว่า : "เด็กฝึกงานคนนี้เหรอ?"เลขาฉินตอบด้วยความเคารพ : "ใช่ค่ะ! เด็กสาวที่ไม่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว! เธอมักจะหาข้ออ้างมาจะปรากฏตัวต่อหน้าประธานลู่ ประธานลู่... คุ้นกับเธอมาก!"คุณหญิงลู่หัวเราะเยาะ: "ไก่ฟ้าก็คือไก่ฟ้า เป็นนกฟีนิกซ์ไม่ได้หรอก!"ไป๋เสวี่ยได้ยินคำพูดของเธอและเธอก็รู้สึกละอายใจอย่างยิ่ง เธอรู้ด้วยว่าเธอไม่ควรพัวพันกับผู้ชายที่แต่งงานแล้ว...แต่เธอก็ยังควบคุมตัวเองไม่ได้เธอชอบคุณชายลู่!......สองวันต่อมา เลขาฉินมาที่คฤหาสน์เพื่อส่งเอกสารลู่เจ๋อจัดประชุมออนไลน์ในห้องหนังสือ เลขาฉินจึงได้มาส่งเอกสาร และสะดวกที่จะไปดูเฉียวซุนและเจ้าหนูลู่เหยียนอีกด้วยบังเอิญว่าเฉียวซุนอยู่ในห้องนั่งเล่นเลขาฉินได้
หลังจากที่ลู่เจ๋อประชุมเสร็จ เวลาก็เดินมาถึงสองทุ่มแล้วเขาไม่ได้กลับไปที่ห้องนอนทันที แต่เดินไปที่หน้าต่างฝั่งห้องหนังสือ และสูบบุหรี่สองมวนอย่างเงียบ ๆ... ควันเริ่มเยอะขึ้นและปกคลุมห้องหนังสือไว้อ่อน ๆหน้าต่างมุมห้องถูกปกคลุมไปด้วยหมอก เมื่อเอื้อมมือไปเช็ดออก ก็พบว่ามีหิมะหนาประมาณ 10 เซนติเมตรกองอยู่บนพื้นด้านนอกฤดูหนาวนี้ดูเหมือนหิมะตกหนักมากลู่เจ๋อคีบบุหรี่ไว้ระหว่างนิ้วเรียวของเขา และปล่อยควันช้า ๆ พลางมองไปที่วิวที่มืดมนด้านนอก... หลังจากสูบบุหรี่เสร็จแล้ว เขาก็บีบก้นบุหรี่แล้วเดินออกจากห้องหนังสือไปเมื่อเข้าไปที่นั่งเล่นของห้องนอน เขาก็เห็นหนังสือประจำปีอย่างรวดเร็ววางไว้อย่างไม่เป็นระเบีบยเมื่อลองพลิกดูเล่น ๆ ก็เห็นภาพที่เขายืนเคียงอยู่กับไป๋เสวี่ย ภาพบรรยากาศแบบนี้ไม่สามารถพูดได้ว่าบรรยากาศไม่ได้คลุมเครือเลย...ลู่เจ๋อเชื่อว่าเฉียวซุนเห็นแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้โต้ตอบอะไรเขาปิดหนังสือประจำปีแล้วเข้าไปในห้องนอนในคืนที่มีลมแรงและหิมะตก เฉียวซุนยืนอุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนข้างหน้าต่าง พลางเกลี้ยกล่อมให้เธอดื่มนมทีละนิด... ลู่เจ๋อเฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ อยู่พักหนึ่ง ก่อนจะยกมื
ลู่เจ๋อไม่ลังเลเลยที่จะลุกจากเตียงเขาเปิดประตูแล้วเดินออกไป แต่ก็มีลมหนาวพัดเข้ามา เจ้าหนูลู่เหยียนที่อยู่บนเปลเปล่งเสียงเบา ๆ ... เฉียวซุนลุกขึ้น ก่อนจะตบตูดเกลี้ยกล่อมให้เธอนอนเบา ๆหลังจากนั้นไม่นาน ลู่เจ๋อก็กลับมาเขาเหลือบมองเฉียวซุน ก็เดินเข้าไปในห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะมีเสียงดังมาจากข้างใน : "ผมต้องออกไปข้างนอก คุณกับลูกเข้านอนไปก่อนเลย"เฉียวซุนอุ้มลูกเดินไปที่ประตูห้องแต่งตัวลู่เจ๋อกำลังถอดเสื้อคลุมอาบน้ำ ก่อนจะสวมเสื้อเชิ้ตและกางเกงลำลอง แม้ว่าหิมะจะตกและมีลมแรง แต่เขาก็ยังไปพบเด็กสาวในตอนดึกเมื่อเห็นเฉียวซุนจากหางตา เขาก็ขมวดคิ้ว : "ทำไมคุณไม่นอนล่ะ?”เฉียวซุนมองดูเจ้าหนูลู่เหยียน : "ลูกกำลังร้อง! ลู่เจ๋อ ในเมื่อคุณใส่ใจเธอมากขนาดนั้น ทำไมคุณไม่ตั้งตำแหน่งให้เธอล่ะ?"เธอไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว เธอสู้กับลู่เจ๋อไม่ได้ เธอแค่ต้องการความโล่งใจภายใต้โคมไฟคริสตัลลู่เจ๋อค่อย ๆ จัดเสื้อผ้าของเขาให้เป็นระเบียบ ตอนดึกเขาแต่งตัวดีซึ่งทำให้เธอดูซีดเซียวอ่อนแอมากหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เยาะเย้ย : "แล้วทำไมคุณไม่ขอร้องผม รั้งผมไม่ให้ออกไปข้างนอกล่ะ"เฉียวซุนจะไ