ตอนที่สอง
ยอดหญิงเซียนพิณผีผา
แสงสีขาวสว่างจ้าจนต้องหลับตาก่อนหูจะได้ยินเสียงดนตรีเครื่องสายบรรเลงอย่างไพเราะ เมื่อฟ้าลืมตาขึ้นพบแสงวับแววจากเทียนไขซึ่งจุดจนสว่างไปทั่วบริเวณพาให้หญิงสาวตื่นตะลึงยืนอึ้งอยู่กับที่
ที่นี่คือที่ไหนกัน?
สำนักงานของเธอมีห้องแบบนี้ด้วยหรือ?
สาวใหญ่ยังไม่ทันได้สอดส่องให้ถ้วนทั่วก็ถูกมือเล็กคู่หนึ่งดึงรั้งจากด้านหลังแล้วลากให้เดินตามไปโดยเร็ว
“เฟยเฟย เหตุใดมาหลบอยู่ตรงนี้ เหล่าคุณชายถามหาเจ้ากันให้จ้าละหวั่น มาเร็วเข้า ผู้คนรอฟังเสียงพิณผีผาอันชวนหลงใหลจนส่งเสียงโหวกเหวกวุ่นวายสนั่นห้องโถงแล้ว” เสียงบ่นพร่ำพลางจูงมือน้อยลัดเลาะหลบหลีกมาถึงด้านหลังเวทีซึ่งมีผ้าม่านกั้นอย่างเป็นสัดส่วน
ฟ้ายังคงมึนงงกับสถานการณ์ตรงหน้าจึงยืนนิ่งเฉยพาให้มือเล็กคู่เดิมเอื้อมมาแตะตรงหน้าผาก
“เจ้าไม่สบายหรือ เหตุใดทำสีหน้าเช่นนั้น ไปนั่งพักที่ด้านข้างก่อนดีกว่า ข้าจะบอกแม่เล้าใหญ่ให้จัดคนออกร่ายรำไปพลางๆ” ร่างเล็กผลุนผลันออกไปทิ้งให้หัวหน้างานสาวใหญ่นั่งงุนงงอยู่คนเดียว
หญิงสาวมองสำรวจไปโดยรอบ เมื่อเห็นบรรดาสาวงามแต่งกายด้วยชุดกรีดกรายแต่ทว่าเบาบางเห็นส่วนสัดวับแวมเดินเยื้องย่างไปมาจึงอดตกใจไม่ได้
ทำไมคนที่นี่แต่งตัวแปลกจัง
เมื่อก้มลงมองร่างกายของตนเอง สาวใหญ่ถึงกับสะดุ้งโหยงผุดลุกขึ้นยืนลูบไล้ไปทั่วร่างกายอันไม่คุ้นเคย
เฮ้ย!...นี่ตัวเธอหรือ
ฟ้าหันซ้ายมองขวา เมื่อเห็นวัสดุทรงกลมซึ่งพอจะสะท้อนเงาได้จึงพุ่งเข้าไปหยิบฉวยมาส่องใบหน้าและเรือนร่าง
“ไม่จริง ไม่จริงใช่ไหม”
ใบหน้าขาวผ่องเย้ายวนตาอีกทั้งเรือนร่างอรชรอ้อนแอ้นคาดคะเนได้ว่าอยู่ในวัยไม่เกิน20ปีซึ่งสะท้อนออกมาเรียกสีหน้าตื่นตะลึงจากหัวหน้างานสาวโสด
เธอไม่ใช่คนสวยอีกทั้งอายุ40กว่าแล้ว ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเป็นอีกคนในชั่วพริบตาแบบนี้
หรือว่านี่คือความฝัน ต้องใช่แน่ๆ
อย่าบอกนะว่าเธอฝันซ้อนฝัน
หัวหน้างานสาวพยักหน้าให้กับการคาดคะเนของตนเองพลางมองไปรอบข้างอีกครั้ง
ที่นี่สวยจัง คึกคัก น่าสนุก
อย่างน้อยก็ดีกว่าฝันว่าไปแอบดูคนอื่นกำลังร่วมรักกัน
ว่าแต่...เธอต้องทำอย่างไรต่อไปล่ะ
ฟ้าทรุดนั่งสงบสติแล้วหลับตาคิดทบทวนตามความเคยชินของหัวหน้างานเมื่อยามต้องเผชิญปัญหา
ทันทีที่ความมืดมิดเข้าครอบงำ ความทรงจำของร่างงามก็หลั่งไหลเข้ามาดั่งสายน้ำหลาก
‘ฮัวเฟยฮวา’
ยอดหญิงเซียนพิณผีผาซึ่งมีพลังในการแสดงสูงส่ง สามารถบรรเลงดีดเส้นเสียงดังก้องกังวานได้ทั้งคืน
อดีตสาวใหญ่หัวหน้างานลืมตาเด้งร่างขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก
เดี๋ยวนะ ‘ฮัวเฟยฮวา’ นี่ไม่ใช่ชื่อเดียวกับที่ชายหนุ่มหญิงสาวคู่นั้นซึ่งกำลังตอกกระหน่ำกันอย่างถึงพริกถึงขิงพูดถึงอยู่หรือ
เซียนพิณผีผา?
หญิงสาวเหลียวมองไปยังเครื่องดนตรีที่มีลำตัวยาวรีคล้ายลูกสาลี่ผ่าซีกซึ่งวางอยู่บนโต๊ะด้านข้าง
นี่เรียกว่าพิณผีผาหรือ?
มือเรียวขาวเอื้อมไปหยิบพิณผีผามาวางไว้บนตัก ใช้มือซ้ายประคองไว้และแตะนิ้วมือข้างขวาไล่ไปตามสายอย่างคุ้นชินราวนี่คือสิ่งที่เธอใช้อยู่เป็นประจำ
หญิงสาวร่างเล็กซึ่งเป็นคนแรกที่พบเจอเดินเร็วเข้ามาอีกครั้ง เมื่อเห็นสาวงามหยิบผีผาขึ้นมาแล้วจึงมีรอยยิ้มโล่งใจ
“เฟยเฟย เจ้าดีขึ้นแล้วหรือ เช่นนั้นเตรียมตัวเถอะ”
เตรียมตัว?
หมายความว่าจะให้เธอเล่นเครื่องดนตรีชนิดนี้หรือ จะได้อย่างไรกัน
เด็กสาวเข้ามาช่วยหยิบคันทวนและเล็บเทียมขึ้นมาแล้วจูงร่างงามให้เดินตามไปยืนรออยู่ที่หลังผ้าม่านทึบ
ฟ้าหรือขณะนี้คือฮัวเฟยฮวายังคงมีท่าทางอิดออดคล้ายลังเลใจจนผิดสังเกต
“เจ้าเป็นอันใดไป หากไม่ไหวก็เร่งบอกมาข้าจะได้รีบไปแจ้งแม่เล้าใหญ่ หรือจะบรรเลงสักไม่กี่บทเพลงแล้วรีบลงมา” เด็กสาวซึ่งยืนอยู่ด้านข้างละล้าละลัง
ฮัวเฟยฮวายังไม่ทันตอบคำถาม เสียงปรบมือและโห่ร้องเรียกชื่อก็ดังสนั่นกึกก้องจนแสบแก้วหูทันทีที่สิ้นเสียงประกาศเปิดการแสดงของเซียนพิณผีผาฮัวเฟยฮวา
“เฟยเฟย เฟยเฟย เฟยเฟย”
น่าแปลกที่บัดนี้นางกลับไม่รู้สึกแตกตื่นหรือลนลานอย่างที่คาดราวกับสิ่งนี้คือเรื่องที่คุ้นเคย
ฮัวเฟยฮวาตัดสินใจย่างก้าวอ่อนช้อยด้วยลีลาเย้ายวนไปยังเก้าอี้กลางเวที ใบหน้างดงามแย้มยิ้มเล็กน้อยคล้ายเชิญชวนอยู่ในทีขณะนิ้วเรียวผ่องซึ่งสวมเล็บปลอมเริ่มดีดกดเปลี่ยนระดับเสียงเพื่อบรรเลงบทเพลงอันมีชื่อเสียงแห่งยุค
เสียงเพลงอันน่าทึ่งสะกดผู้คนให้เคลิบเคลิ้มราวอยู่ในห้วงฝัน ยิ่งบวกกับท่วงท่าอันสูงส่งกับหน้าตาน่าทะนุถนอมชวนให้เหล่าชายหนุ่มต่างพร่ำเพ้อถึงสาวงามด้วยไม่อาจจับต้อง
ฮัวเฟยฮวาบรรเลงบทเพลงขับกล่อมเพลงแล้วเพลงเล่าอย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อยด้วยรอยยิ้มที่ได้สร้างเสียงแห่งความสุขแก่แขกเหรื่อในสำนักเริงรมย์แห่งนี้
ฟ้าในร่างของสาวงามกลมกลืนไปกับท่วงท่าลีลาที่แสดงออกมาจนแทบลืมไปว่ากำลังอยู่ในร่างของผู้อื่น
ในขณะบรรเลงเสียงเพลงหญิงสาวก็ลอบมองสังเกตท่าทีของผู้คนรายล้อมไปด้วยพร้อมกัน
“นับวันน้องเฟยเฟยยิ่งบรรเลงเพลงได้ไพเราะจับใจ น่าเสียดายที่ข้าไม่มีโอกาสได้เอื้อมถึงนาง”
“ได้ฟังบทเพลงของนางก็ควรพอใจแล้ว ยังคิดจะแตะต้องนางอีกหรือ ขนาดขุนนางตำแหน่งสูงตั้งหลายคน นางยังไม่เหลือบแล”
“นั่นสิ เจ้าก็รู้ว่านางเป็นหนึ่งในอี้จี้ตัวเด่นของที่นี่ซึ่งขายเพียงศิลปะและความบันเทิง ไม่ขายเรือนร่าง หากเจ้าทนไม่ไหวก็ออกไปหาเซ่อจี้ที่ยืนถือพัดอยู่ด้านนอกนั่น หรือจะเรียกแม่เล้ามาจัดหาให้สักคนก็ย่อมได้”
“อย่ามัวพูดมากกันอยู่ ข้าจะฟังบทเพลงอันไพเราะ ดูสิ นางขึ้นเพลงใหม่แล้ว เพลงนี้ช่างเร่าร้อนยิ่งนัก”
จนใกล้เวลา ทั้งสี่สาวต่างหันไปมองประตูที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงให้เห็น“เด็กฝึกงานคงไม่มาแล้วมั่ง” นักบัญชีพึมพำขึ้นมา“เขายังเด็ก ชีวิตที่นี่อาจยังมีเรื่องให้ทำอีกมาก” หัวหน้างานสาวพูดอย่างเข้าใจ“เตรียมไปกันเถอะ” ซีอีโอสาวหันหน้าเตรียมเปิดประตู“เดี๋ยว รอด้วย” เสียงตะโกนดังมาแต่ไกลพร้อมร่างของเด็กฝึกงานสาวน้อยซึ่งวิ่งมาอย่างเร็วจนแทบชนกับคนอื่นเธอยังมีพ่อแม่ให้ต้องร่ำลา อีกทั้งยังต้องเก็บข้าวของส่งกลับบ้านให้เรียบร้อยจึงใช้เวลาไปหลายวันหากจะบอกว่าเด็กสาวลังเลใจหรือไม่ แน่นอนว่าด้วยความอายุน้อยเธอย่อมต้องสับสนไม่แน่ใจแต่เมื่อนึกถึงความสุขที่ได้รับตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในร่างของฮัวซูฮวา สาวน้อยรู้สึกเสียดายอย่างมากแม้จะเป็นเพียงคณิกาคนหนึ่ง แต่ใช้ชีวิตสุขสบายมากกว่าเธอซึ่งเป็นเด็กฝึกงานที่นี่เสียอีกสำคัญที่สุดคือสามีมู่กังเปา หัวหน้าพรรคมารคนนั้น เขาทั้งรักทั้งเชื่อฟัง ไม่ว่านางอยากได้สิ่งใดเขาล้วนจัดหามาให้อย่างเอาอกเอาใจโดยไม่มีปริปากบ่นนางได้อยู่เรือนหลังใหญ่ มี
ตอนพิเศษเจ็ดทั้งห้าสาวต่างมองกันไปมองกันมาเมื่อค้นพบว่าตัวตนอีกร่างหลังประตูคืออี้จี้สาวดาวเด่นคนใด“เอาเถอะ ที่ผ่านมาพวกเราต่างชอบใจที่จะได้อยู่ที่นั่น ในเมื่อตอนนี้ได้กลับมาแล้ว ใครอยากจะกลับไปก็รีบสะสางเรื่องส่วนตัวให้เสร็จแล้วรีบกลับมาให้ทันแต่ถ้าใครอยากจะอยู่ที่นี่เหมือนเดิม ก็คิดว่าที่ผ่านมาเป็นแค่ความฝันตื่นหนึ่ง เมื่อกลับมาแล้วก็ใช้ชีวิตต่อไปให้ดีส่วนเรื่องที่พวกเราคือใคร คงไม่สำคัญอีกต่อไป”ซีอีโอสาวใหญ่สรุปตามประสาผู้นำ เธอก้าวเดินออกไปก่อนเป็นคนแรกก่อนที่อีกสี่สาวจะแยกย้ายกันกลับไปนั่งสงบสติอารมณ์ที่โต๊ะของตัวเองเสียงแป้นพิมพ์ยังคงรัวดังไม่หยุดสลับกับเสียงถอนหายใจของพนักงานทั้งสาวและไม่สาวซึ่งยังคงก้มหน้าก้มตาทำงานโดยแทบไม่ได้เงยหน้าเงยตาเสียงน้ำดังอยู่ในห้องสุขาบ่งบอกว่าใครบางคนอยู่ด้านในสลับกับเสียงถอนหายใจเฮือกๆซึ่งดังออกมาเป็นระยะคล้ายกับช่วงเวลาที่พวกเธอเปิดประตูข้ามไปอีกโลกหนึ่งซีอีโอสาวมองภาพความเคร่งเครียดตรงหน้าก่อนจะรวบรวมเอกสารทั้งหมดเพื่อจัดการเขียนสั่งงานทุกอย่างให้เรียบร้
ตอนพิเศษหกฮัวซีฮวาซึ่งจู่ๆก็ก้าวเข้ามาถามเสียงสั่นอีกคน“ประตู ประตู ประตู” ฮัวซูฮวาเดินพูดคำเดิมๆซ้ำไปซ้ำมาก่อนจะเดินมายืนด้านข้างของสาวงามทั้งสาม“พวกเจ้ากำลังทำสิ่งใดกัน” หญิงสาวผู้ก้าวเข้ามาเป็นคนที่ห้าหันมาเห็นประตูปริศนาแล้วอ้าปากค้างทันที“พวกเจ้าเคยเห็นประตูนี่กันหรือ” ฮัวซือฮวาหรือนักกฎหมายสาวเอ่ยถามทันทีเมื่อเห็นสีหน้าของอีกสี่สาวงามพวกนางต่างพยักหน้าสีหน้าตื่นตระหนกก่อนจะสะดุ้งตกใจก้าวถอยหลังไปรวมตัวกันเมื่อมีเสียงปริศนาออกมาจากอีกฝั่งของประตู“พวกเจ้าย่อมต้องเคยเห็นกันทุกคน” เสียงทรงพลังเปล่งออกมาโดยไร้ที่มา“เจ้า...เจ้าคือผู้ใด” ซีอีโอสาวในฐานะอดีตผู้ที่มีตำแหน่งสูงที่สุดตัดสินใจเชิดหน้าเอ่ยถาม“ฮ่า ฮ่า ฮ่า พวกเจ้าไม่ต้องรับรู้ในเรื่องนั้น ยามนี้สิ่งสำคัญคือเรื่องที่พวกเจ้าต้องกระทำ ข้ามีเวลาให้เพียงสามวัน พวกเจ้าต้องกลับไปสะสางเรื่องราวยังอีกด้านให้เสร็จสิ้นไม่ว่าจะจัดการอย่างไรก็แล้วแต่ เมื่อใกล้หมดเวลา พวกเจ้าต้องมายืนรอ
ตอนพิเศษห้ายิ่งได้รับความรุนแรง สาวงามยิ่งเร่าร้อนโยกร่างเด้งสะโพกตอบรับอย่างรัญจวนใจ เสียงครางหวานกระเส่าเปล่งออกมาไม่หยุดด้วยความเสียวซ่านเกินกว่าที่เคยได้รับ“อ๊ายยยย เสียว ข้าเสียว พี่เฉิง อ้า...”“แรงอีกดีหรือไม่”“ดี เอาแรงแรง”สาวงามเรียกร้องพร้อมกรีดเสียงดังทั้งร่างกระตุกค้าง จิกขา กำมือ ภายในตอดรัดถี่รัวเป็นสัญญาณของการถึงฝั่งฝันในรอบแรกเสียงจากทั้งสี่ห้องย่อมปลุกความพลุ่งพล่านของอ๋องหนุ่มและชายาสาวในห้องที่ห้าให้คึกคักเร่าร้อน“น้องเฟยเฟย พวกเรายอมแพ้พวกเขาไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นพวกเขาจะหาว่าพวกเราอายุมาก เรี่ยวแรงถดถอย”ชายหนุ่มพูดไปมือจับสะโพกเล็กเอาไว้แน่นแล้วแทงสวนท่อนเอ็นขึ้นมากระแทกร่องจนเต็มแรงก่อนจะแทงตอกทิ่มงัดขึ้นกระแทกลงอย่างสาแก่ใจ“ซี้ดดดด ท่านอ๋อง เบาหน่อย”“เบาหรือ อีกเดี๋ยวเจ้าก็เรียกร้องให้แรงอยู่ดี”อ๋องหนุ่มบดคว้านสะโพก โยกซ้ายทีขวาทีลาดครูดท่อนลำเพื่อให้กระทบถูกส่วนอ่อนไหวด้านใน เขาร่วมร
ตอนพิเศษสี่“เหตุใดใจร้อนเพียงนี้” หญิงสาวบ่นได้ไม่กี่คำก็ต้องเปล่งเสียงอืออาออกมาด้วยถูกกระตุ้นจนรัญจวนวาบหวามยามปลายหัวบานถูเขี่ยวนคลึงกับติ่งแน่นจนเสียดเสียว หญิงสาวย่อมลืมสิ้นเกร็งค้างส่งเสียงครางเร่าร้อน แท่งทวนแกร่งจ่อเข้ากับร่องน้ำฉ่ำเยิ้มก่อนจะแหวกเนินเนื้อนุ่มมุดเข้าไปจนสุดปลายทางเนินอวบอูมแย้มร่องกลีบแดงยามเมื่อดุ้นลำใหญ่ถอนออกและดันเข้าจนมิดลำ“อื้อ...”ชายหนุ่มทั้งถอนทั้งกระแทกโยกเข้าย้ายออกถี่รัว เพื่อให้ภรรยาสาวได้ส่งเสียงครวญครางเป็นสัญญาณเริ่มการแข่งขันห้องที่เริ่มต้นติดตามมาคือห้องของขุนนางหนุ่มจางหมิ่นและภรรยาสาวฮัวซีฮวาชายหนุ่มจับร่างบางหงายหน้าด้วยท่วงท่าสามัญโดยไม่รอช้า“ชอบหรือไม่” ชายหนุ่มถามก่อนจะรัวละเลงลิ้นโดยไม่พักเพื่อให้น้ำหวานสีใสได้รินหลั่งล้นนอง“ท่านพี่...” หญิงสาวเพียงครางตอบเท่านั้น“น้องซีซีอยากให้พี่สอดใส่เข้าไปแล้วหรือไม่”“ใส่..ใส่เลย” เสียงสั่นด้วยอ
ตอนพิเศษสามเฮ้อ...ข้าล่ะอิจฉาพวกเจ้าจริงๆ ได้แต่งงานออกไปมีสามีแสนดีแสนรักใคร่ ดูสิ แม้จะผ่านไปแรมปีแต่สายตาที่พวกเขามองพวกเจ้าราวจะจับกลืนลงท้องไม่ให้ผู้ใดได้พบเห็นที่สำคัญพวกเขาทุกคนต่างยกย่องพวกเจ้าเป็นภรรยาเดียว อ้อ...ลืมไป มีเฟยเฟยซึ่งท่านอ๋องยังมีหลายภรรยา แต่เขาก็ยกย่องและอยู่กับเจ้ามากที่สุด”“แม่เล้าใหญ่ ท่านหาให้ข้าสักคนสิ ข้าอยากได้บ้าง” เสียงงอแงของคณิกาคนอื่นเรียกรอยยิ้มขบขันจากบรรดาสาวงามด้วยรู้ดีว่าพวกนางเพียงหยอกล้อไม่คิดเป็นจริงเป็นจังพวกนางคงไม่รู้ตัวว่า ถ้อยคำซักถามกึ่งดูแคลนหรือท้าทายแกมหยอกล้อ สร้างความกระเหี้ยนกระหือรือให้บรรดาสามีทั้งหลายซึ่งลอบฟังอยู่ต่างอยากแสดงพละกำลังของตนเองให้ผู้อื่นได้เห็นเพื่อลบคำสบประมาท“มาหาว่าข้าบอบบางไร้เรี่ยวแรงหรือ คืนนี้ข้าจะจัดหนักให้น้องซีซีร้องทั้งคืนจนพวกเจ้าไม่ได้หลับได้นอนเลยทีเดียว” จางหมิ่นกำมือแน่นด้วยโดยดูหมิ่นว่าเป็นเพียงขุนนางรูปร่างบาง เขามองไปทางรูปร่างสูงใหญ่ของสามีหญิงสาวคนอื่นพลางคิดในใจสูงใหญ่แล้วอย่า