ทุกคนภายในห้องพลันชะงักงันไปครู่หนึ่ง กล่าวด้วยความตกตะลึง “องค์รัชทายาท นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะเพคะ!”ในดวงตาของซุนชิงไต้ฉายแววประหลาดใจวูบหนึ่ง “องค์รัชทายาท อย่าได้ทรงผลีผลามเป็นอันขาดเพคะ หากอาการป่วยทางใจนี้รักษาไม่หายดี ก็อาจจะกลายเป็นปมในใจฝังลึก นั่นจะยิ่งเป็นเรื่องยุ่งยากใหญ่หลวงตามมาได้!”ซูเฟิ่งหลิงจับมือของหลี่หลงหลินไว้ พลางทูลทัดทาน “องค์รัชทายาท เรื่องเช่นนี้มอบให้เป็นหน้าที่ของท่านพี่สะใภ้สามจัดการเถิดเพคะ ขนาดท่านพี่สะใภ้สามผู้เป็นถึงหมอเทวดาแห่งต้าเซี่ยยังเห็นว่าเป็นเรื่องยากลำบาก ย่อมไม่ใช่การกล่าวเกินจริงเพื่อให้ตกใจเป็นแน่”หลี่หลงหลินยิ้มแย้มอย่างมีลับลมคมใน เสด็จไปประทับข้างกงซูหว่าน แล้วทรงผลักบานหน้าต่างเปิดออกทันทีทุกคนต่างตกตะลึงพรึงเพริด!แม้จะย่างเข้าสู่ต้นฤดูใบไม้ผลิแล้ว แต่อากาศภายนอกยังคงมีไอเย็นหลงเหลืออยู่บ้าง หากทำให้กงซูหว่านต้องลมจนเป็นหวัดขึ้นมาจะทำเช่นไร?ทว่าในวินาทีต่อมา สีหน้าตกตะลึงของทุกคนพลันแข็งค้างอยู่บนใบหน้าแม้แต่กงซูหว่านเองก็ยังเผยสีหน้าตกตะลึงอย่างสุดขีดออกมาที่ปรากฏแก่สายตาคือ ภายในลานตำหนักอ๋องแห่งนี้ บัดนี้กลับมีผู้คนยื
เมื่อกงซูหว่านได้ยินคำพูดของหลิวเกินเซิง ในดวงตาของนางพลันฉายแววตกใจ“หรือว่าตั้งแต่ตอนเหตุเพลิงไหม้ใหญ่ที่เมืองหลวงเมื่อปีก่อน องค์ชายก็ทรงคาดการณ์ถึงวันนี้ และวางแผนโครงการเมืองใหม่ตงไห่ทั้งหมดไว้แล้ว?”กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความนับถืออยู่บ้างหลิวเกินเซิงเผยรอยยิ้มซื่อๆ กล่าวว่า “ท่านหัวหน้าช่าง วางใจเถอะขอรับ อย่างอื่นพวกเราอาจไม่ถนัด แต่งานใช้แรงกายแบบนี้พวกเราชำนาญนัก แม้เจอสิ่งที่ไม่เข้าใจ พวกเราก็เรียนรู้ได้ขอรับ”โครก...ท้องของกงซูหว่านส่งเสียงดังลั่น ใบหน้างามพลันแดงก่ำ เต็มไปด้วยความกระดากอาย เอ่ยเสียงเบา “ข้า... ดูเหมือนจะหิวแล้ว”ซุนชิงไต้มีสีหน้ายินดี “พี่สะใภ้รอง ท่านรู้ว่าหิวแล้ว นั่นก็หมายความว่าอาการป่วยทางใจหายดีแล้ว! องค์ชายช่างเก่งกาจจริงๆ รักษาปุ๊บหายปั๊บเลย!”หลี่หลงหลินแย้มยิ้มเล็กน้อย โบกมือคราหนึ่ง “นำปลาในห้องเก็บน้ำแข็งออกมาให้หมด! วันนี้กินเนื้อดื่มเหล้ากันให้เต็มที่!”ทุกคนโห่ร้องยินดีอย่างลิงโลด ชูแขนตะโกนก้อง...จวนพระเชษฐภาดาหลู่จงหมิงกำลังดื่มสุราสรวลเสเฮฮากับเหล่าคหบดีตงไห่ บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงดนตรีและการร่ายรำอย
“ลูกรัก”“ดื่มเหล้าพิษจอกนี้!”“แม่ร่วมเดินสู่ยมโลกพร้อมกับเจ้า!”หลี่หลงหลินลืมตาขึ้น พบว่าตนอยู่ในชุดนักโทษ ถูกขังอยู่ในคุกที่มืดมิดหญิงงามในชุดชาววังแสนสง่า ร่ำไห้ดั่งสาลี่ต้องหยาดพิรุณ น้ำตานองหน้า มือถือจอกทอง ดวงหน้างามสะพรั่งเปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวังชั่วพริบตา ความทรงจำมากมายพรั่งพรูเข้ามาในความคิด!ราชวงศ์ต้าเซี่ย ราชวงศ์หนึ่งที่ไม่มีในหน้าประวัติศาสตร์!ข้าทะลุมิติกลายมาเป็นองค์ชายเก้า!หญิงงามในชุดชาววังตรงหน้า คือมารดาของข้า พระชายาโหรวสตรีที่ฮ่องเต้หวู่ทรงโปรดปรานมากที่สุด!ผู้สืบเชื้อสายแห่งราชวงศ์ สมาชิกราชสกุล ร่ำรวยสมบัติวิบูลย์ทรัพย์ สระสุราเมรัยพงไพรเนื้อ หญิงงามละลานตา ช่างเป็นสิ่งที่ผู้คนเสาะแสวงเสียเนี่ยกระไร!ทว่าหลี่หลงหลินกลับไม่ดีใจแม้แต่น้อยชื่อเสียงเรียงนามขององค์ชายเก้าแย่มาก เป็นเศษสวะที่ทุกคนทราบกัน!ไม่เพียงแค่นี้เขายังทำความผิดร้ายแรง ทำให้ฮ่องเต้หวู่พิโรธ สังหารสายเลือดเพื่อธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม!เสือถึงร้ายก็ไม่กินลูกตัวเอง!ต้องเป็นความผิดบาปใดกัน ทำให้ฮ่องเต้หวู่ไม่เห็นแก่ความเป็นพ่อเป็นลูก จำต้องสังหารตนให้ได้?ความทรงจำของหลี่
หลี่หลงหลินขมวดคิ้วเป็นปมคิดไม่ถึงว่า ตนเกิดเป็นมนุษย์มาถึงสองชาติภพ ต้องเผชิญกับเหตุการณ์สิ้นหวังเช่นนี้!ความคิดความอ่านของฮ่องเต้หวู่ยากจะหยั่งถึง จิตใจลึกลับซับซ้อนดั่งเหวเสมือนทะเลราชวงศ์ต้าเซี่ย เต็มไปด้วยขุนนางน้อยใหญ่ ที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถ ฉลาดปราดเปรื่องดูไม่ออกหรือว่า ตนถูกปรักปรำ?พวกเขาต่างรู้ดีแก่ใจ!ถึงขึ้นที่ว่า แม้แต่แม่ทัพผู้เฒ่าซูก็ตระหนักรู้ว่า เป็นฝีมือของขุนนางชั้นสูงในราชสำนักที่ปล่อยข่าวรั่วไหล ทำให้ทหารตระกูลซูตกอยู่ในวงล้อม นำมาซึ่งความพ่ายแพ้!ดังนั้น แม่ทัพผู้เฒ่าซูจึงสู้สุดชีวิต ปกป้องและพาตนเองตีฝ่าวงล้อมออกมา!เพียงแต่น่าเสียดาย แม่ทัพผู้เฒ่าซูสู้รบเพียงลำพัง จนหมดแรงแล้วสิ้นใจในที่สุดก่อนตาย เขาทิ้งจดหมายเขียนด้วยเลือดไว้หนึ่งฉบับ ให้ตนนำไปให้ฮ่องเต้หวู่ เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์!หลี่หลงหลินรีบกุมแผ่นอก พบว่าจดหมายเขียนด้วยเลือดยังอยู่ เขาจึงค่อยโล่งอก!จดหมายเขียนด้วยเลือดฉบับนี้ เป็นความหวังเดียวในการพลิกชะตาชีวิตของตน!ทว่าหลี่หลงหลินคิดทบทวนหลายครั้ง เขาไม่คิดจะเอาจดหมายเขียนด้วยเลือดฉบับนี้ออกมา แล้วให้ฮ่องเต้หวู่โดยตรงเหตุผลนั
เมืองหลวงจวนตระกูลซูพรึ่บ!ณ ลานกลางจวน ลำแสงสีเงินเคลื่อนผ่าน!นั่นไม่ใช่สายฟ้า แต่เป็นลำแสงสะท้อนจากหอกยาว!เงาตามติดการเคลื่อนไหวของหอก หอกพุ่งตัวดุจดั่งมังกร!นางสวมเสื้อเกราะ ด้านหลังมีผ้าคลุมสีแดงโบกสะบัด ไม่ได้สวมหมวกเกราะ ผมยาวสลวยถึงกลางหลังมัดรวบเป็นหางม้า พริ้วไหวขึ้นลงวีรชนผู้กล้าหาญ สตรีไม่แพ้บุรุษ!สตรีผู้นั้นคือซูเฟิ่งหลิงหลานสาวแม่ทัพผู้เฒ่าซู!ตึ้ง!หอกยาวในมือซูเฟิ่งหลิงทิ่มแทงด้วยความรุนแรง เจาะทะลุหุ่นไม้ แตกเป็นเสี่ยงๆ!บนศีรษะของหุ่นไม้มีแผ่นกระดาษติดไว้ สามตัวอักษร...หลี่หลงหลิน!หญิงสาวข้างกายปรบมือ “คุณหนู วิชาหอกของคุณหนูพัฒนาขึ้นอีกแล้วเจ้าค่ะ!”ซูเฟิ่งหลิงกำหมัดแน่น ทรวงอกอิ่มกระเพื่อมขึ้นลงอย่างแรง ดวงตาหงส์น้ำตารื้น พูดด้วยความโมโห “วิชาหอกเก่งกาจ มีประโยชน์อะไร? ข้าเจ็บใจที่ไม่อาจสังหารไอ้คนสารเลวหลี่หลงหลินด้วยตนเอง ไม่อาจแก้แค้นให้ตระกูลซูที่จงรักภักดีได้!”พวกสตรีได้ยินเช่นนั้น ต่างก้มหน้าลง สีหน้าฉายความโกรธเคืองตระกูลซูจงรักภักดีทุกชั่วอายุคน ภักดีต่อต้าเซี่ย!เพราะคนสารเลวหลี่หลงหลิน ทำให้ผู้ชายของตระกูลซูตายอย่างอนาถ เหลือเพียงห
“ฮูหยินผู้เฒ่า!”คนทั้งตระกูลซูพากันทำความเคารพหญิงชราแม้ซูเฟิ่งหลิงจะหยุดการกระทำของตน ทว่ายังเจ็บใจยิ่งนัก “ท่านย่า! แทงครั้งเดียว ข้าก็สังหารเจ้าคนสารเลวหลี่หลงหลินได้แล้ว!”ฮูหยินผู้เฒ่าซูหัวเราะในลำคอ “โชคดีที่ข้ามาทันเวลา หากเจ้าทำให้เว่ยกงกงบาดเจ็บ เช่นนั้นเจ้าก็เท่ากับว่าเจ้าทำความผิดร้ายแรง! ยังไม่รีบถอยออกไปอีก!”ซูเฟิ่งหลิงไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน กลัวแค่เพียงฮูหยินผู้เฒ่าซูเวลาโมโหเท่านั้น แม้จะเจ็บใจ แต่นางก็ถอยไปยืนข้างๆ อย่างเชื่อฟังทว่าดวงตาหงส์คู่นั้น ยังคงจ้องเขม็งไปที่หลี่หลงหลิน แทบอยากจะกลืนกินเขาทั้งเป็น!เว่ยซวินดึงสติกลับมา ก้าวขึ้นหน้าหนึ่งก้าวแล้วทำเคารพ “คารวะฮูหยินผู้เฒ่าซู! ไม่พบเจอกันนาน ฮูหยินผู้เฒ่าซูเป็นเช่นไรบ้าง สุขภาพแข็งแรงดีหรือไม่?”เว่ยกงกงเป็นขันทีคนโปรดของฮ่องเต้หวู่ ถูกขนานนามว่าเก้าพันปีแต่กระทั่งเก้าพันปีท่านนี้ ยังต้องทำความเคารพฮูหยินผู้เฒ่าซูอย่างว่าง่าย!เห็นได้ชัดว่าฮูหยินผู้เฒ่าคนนี้ไม่เพียงมีอำนาจในตระกูลซู แม้แต่ในราชสำนัก ก็น่าเกรงขามยิ่งนัก!ถึงอย่างไร ทหารรักษาแคว้นสิบแปดนายของตระกูลซู นางเป็นคนสอนมากับมือ!เมื่อครั้นฮ
ฮูหยินผู้เฒ่าซูอ่านจดหมายเลือดวนซ้ำหลายรอบ พูดด้วยความไม่เข้าใจ “หลี่หลงหลิน! เหตุใดท่านไม่เอาจดหมายเลือด ให้ฝ่าบาท เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน?”หลี่หลงหลินส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มเศร้าหมอง “ไม่มีใครรู้จักลูกชายดีเท่ากับบิดา! นิสัยของเสด็จพ่อ ข้ารู้จักเป็นอย่างดี! ด้วยความหวาดระแวงและดื้อรั้นของเสด็จพ่อ จะเชื่อข้าหรือ?”ฮูหยินผู้เฒ่าซูเงียบนางเองก็รู้ดีว่าฮ่องเต้หวู่เป็นคนอย่างไรตระกูลซู จงรักภักดีต่อต้าเซี่ย ปกป้องดินแดนทางเหนือมาหลายชั่วอายุคน ไม่รู้ว่ามีวิญญาณจงรักภักดีมากมายเพียงใดที่ถูกฝังในต่างแดน แต่ฮ่องเต้หวู่กลับยังคงหวาดระแวงและคอยกดตระกูลซูสถานการณ์ในราชสำนัก ฮูหยินผู้เฒ่าซูก็พอได้ยินมาบ้างขุนนางฝ่ายบุ๋นรักเงินทอง ขุนนางฝ่ายบู๊รักชีวิตบวกกับฮ่องเต้หวู่ไม่ยอมแต่งตั้งองค์รัชทายาทนอกจากองค์ชายเก้าหลี่หลงหลินที่เสเพลเกินไป ไม่มีขุนนางคนใดสนับสนุนขุนนางคนอื่นล้วนลอบสนับสนุนองค์ชายพระองค์ เสมือนองค์ชายทั้งเก้าในสมัยราชวงศ์ชิงช่วงชิงบัลลังก์!หลายฝ่ายในราชสำนักแก่งแย่งชิงดี โจมตีซึ่งกันและกัน จนโกลาหลเสียงร้องทุกข์ของไพร่ฟ้าท่วมท้องถนน ชีวิตลำบากข้นแค้น!เวลานี้
หลี่หลงหลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “ทหารที่เหลืออยู่หนึ่งพันนายของตระกูลซู บุกเข้าวัง ปรับราชวงศ์เปลี่ยนรัชสมัย! เขายืมมือของตระกูลซูกำจัดผู้เห็นต่าง ก้าวขึ้นสู่บัลลังก์ เพื่อให้ตระกูลซูถูกตราหน้าว่าเป็นกบฏ ให้อาชญากรรมทั้งหมดตกอยู่กับตระกูลซู! ” “หากเขาสังหารตระกูลซู ล้างมลทินให้ตนเอง ยกดินแดนให้คนป่าเถื่อนเป็นการชดเชย เขาก็จะนั่งอยู่บนบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง!” “นี่คือภาพรวมแผนการของเขา!” “ยอดแม่ทัพยืนหยัดบนหมื่นกระดูก!” “ไม่ว่าจะเป็นข้า หรือตระกูลซู ล้วนเป็นบันไดของคนผู้นี้!” “คนไร้ประโยชน์อย่างข้า ตายไปก็ไม่น่าเสียดาย!”“แต่ตระกูลซูมีแต่ด้วยความภักดี กลับต้องกลายเป็นกบฏ ถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ ทิ้งชื่อเสียงฉาวโฉ่ไปชั่วลูกชั่วหลาน!” คําพูดนี้ ทําลายกำแพงในใจของฮูหยินผู้เฒ่าซูไปโดยสิ้นเชิง!ตุ้บ!ฮูหยินผู้เฒ่าซูนั่งตัวแข็งทื่ออยู่บนพื้น ดวงตาของนางว่างเปล่า ร้องไห้คร่ำครวญ: “ไม่กลัวหากร่างกายจะแหลกเป็นชิ้นๆ เหลือเพียงใจภักดิ์ไว้ในประวัติศาสตร์! ตระกูลซูของเราไม่กลัวความตาย! เพียงแต่หากตระกูลซูกลายเป็นกบฏจริงๆ แล้วข้าจะมีหน้าไปเจอบรรพบุรุษของตระกูลซูได้ยังไง...
เมื่อกงซูหว่านได้ยินคำพูดของหลิวเกินเซิง ในดวงตาของนางพลันฉายแววตกใจ“หรือว่าตั้งแต่ตอนเหตุเพลิงไหม้ใหญ่ที่เมืองหลวงเมื่อปีก่อน องค์ชายก็ทรงคาดการณ์ถึงวันนี้ และวางแผนโครงการเมืองใหม่ตงไห่ทั้งหมดไว้แล้ว?”กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความนับถืออยู่บ้างหลิวเกินเซิงเผยรอยยิ้มซื่อๆ กล่าวว่า “ท่านหัวหน้าช่าง วางใจเถอะขอรับ อย่างอื่นพวกเราอาจไม่ถนัด แต่งานใช้แรงกายแบบนี้พวกเราชำนาญนัก แม้เจอสิ่งที่ไม่เข้าใจ พวกเราก็เรียนรู้ได้ขอรับ”โครก...ท้องของกงซูหว่านส่งเสียงดังลั่น ใบหน้างามพลันแดงก่ำ เต็มไปด้วยความกระดากอาย เอ่ยเสียงเบา “ข้า... ดูเหมือนจะหิวแล้ว”ซุนชิงไต้มีสีหน้ายินดี “พี่สะใภ้รอง ท่านรู้ว่าหิวแล้ว นั่นก็หมายความว่าอาการป่วยทางใจหายดีแล้ว! องค์ชายช่างเก่งกาจจริงๆ รักษาปุ๊บหายปั๊บเลย!”หลี่หลงหลินแย้มยิ้มเล็กน้อย โบกมือคราหนึ่ง “นำปลาในห้องเก็บน้ำแข็งออกมาให้หมด! วันนี้กินเนื้อดื่มเหล้ากันให้เต็มที่!”ทุกคนโห่ร้องยินดีอย่างลิงโลด ชูแขนตะโกนก้อง...จวนพระเชษฐภาดาหลู่จงหมิงกำลังดื่มสุราสรวลเสเฮฮากับเหล่าคหบดีตงไห่ บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงดนตรีและการร่ายรำอย
ทุกคนภายในห้องพลันชะงักงันไปครู่หนึ่ง กล่าวด้วยความตกตะลึง “องค์รัชทายาท นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะเพคะ!”ในดวงตาของซุนชิงไต้ฉายแววประหลาดใจวูบหนึ่ง “องค์รัชทายาท อย่าได้ทรงผลีผลามเป็นอันขาดเพคะ หากอาการป่วยทางใจนี้รักษาไม่หายดี ก็อาจจะกลายเป็นปมในใจฝังลึก นั่นจะยิ่งเป็นเรื่องยุ่งยากใหญ่หลวงตามมาได้!”ซูเฟิ่งหลิงจับมือของหลี่หลงหลินไว้ พลางทูลทัดทาน “องค์รัชทายาท เรื่องเช่นนี้มอบให้เป็นหน้าที่ของท่านพี่สะใภ้สามจัดการเถิดเพคะ ขนาดท่านพี่สะใภ้สามผู้เป็นถึงหมอเทวดาแห่งต้าเซี่ยยังเห็นว่าเป็นเรื่องยากลำบาก ย่อมไม่ใช่การกล่าวเกินจริงเพื่อให้ตกใจเป็นแน่”หลี่หลงหลินยิ้มแย้มอย่างมีลับลมคมใน เสด็จไปประทับข้างกงซูหว่าน แล้วทรงผลักบานหน้าต่างเปิดออกทันทีทุกคนต่างตกตะลึงพรึงเพริด!แม้จะย่างเข้าสู่ต้นฤดูใบไม้ผลิแล้ว แต่อากาศภายนอกยังคงมีไอเย็นหลงเหลืออยู่บ้าง หากทำให้กงซูหว่านต้องลมจนเป็นหวัดขึ้นมาจะทำเช่นไร?ทว่าในวินาทีต่อมา สีหน้าตกตะลึงของทุกคนพลันแข็งค้างอยู่บนใบหน้าแม้แต่กงซูหว่านเองก็ยังเผยสีหน้าตกตะลึงอย่างสุดขีดออกมาที่ปรากฏแก่สายตาคือ ภายในลานตำหนักอ๋องแห่งนี้ บัดนี้กลับมีผู้คนยื
อารมณ์ของเหล่าผู้ลี้ภัยพลันผันผวนขึ้นลงราวกับนั่งรถไฟเหาะตีลังกา“มีเนื้อให้กินหรือพ่ะย่ะค่ะ? องค์รัชทายาท ท่านไม่ได้ทรงล้อเล่นใช่หรือไม่?”“นี่ข้าไม่ได้ฝันไปจริงๆ ใช่หรือไม่?”หลิวเกินเซิงคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าหลี่หลงหลิน ตื้นตันใจอย่างยิ่ง กล่าวเสียงสั่นเครือ “องค์รัชทายาท พระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยชีวิตทั้งครอบครัวของข้าน้อยไว้ ชาตินี้ต่อให้ต้องทำงานรับใช้หนักหนาดั่งวัวม้า ข้าน้อยก็จะขอตอบแทนพระกรุณาธิคุณให้จงได้พ่ะย่ะค่ะ!”เหล่าผู้ลี้ภัยต่างพากันคุกเข่าลง ถวายบังคมคำนับต่อหลี่หลงหลินหลี่หลงหลินกล่าวเสียงเรียบ “ข้าเป็นถึงรัชทายาทแห่งแผ่นดิน ย่อมมีใจผูกพันห่วงใยประชาราษฎร์ การกังวลในทุกข์สุขของราษฎรถือเป็นหน้าที่ที่ข้าพึงกระทำอยู่แล้ว พวกท่านทุกคนไม่จำเป็นต้องมากพิธีรีตองอยู่ตรงนี้เลย! รีบลุกขึ้นเถิด!”เหล่าผู้ลี้ภัยต่างซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณจนน้ำตาไหลพรากหลี่หลงหลินตรัสเสียงเข้มขึ้น “พวกท่านเดินทางข้ามเขาลุยน้ำ เอาชนะความยากลำบากและภยันตรายนานัปการจนมาถึงตงไห่ได้ ก็รีบเข้าเมืองไปจัดการเรื่องที่พักพิงและกินให้อิ่มท้องเสียก่อน นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด”คนเรานั้นต้องพึ่งพาอาหารการ
สีหน้าสิ้นหวังปรากฏชัดบนใบหน้าอันซูบผอมของเหล่าผู้อพยพ พวกเขาโศกเศร้าราวกับเพิ่งสูญเสียบุพการี“เกินเซิง พวกเรากลับกันเถอะ เดินหน้าต่อไปก็คงเสียแรงเปล่า”หลิวเกินเซิงกล่าวเสียงขรึม “กลับรึ? ตอนนี้พวกเราจะกลับไปที่ไหนได้อีก! ข้าไม่เชื่อว่าองค์รัชทายาทจะทรงทำเรื่องเช่นนี้ หลอกลวงน้ำใจประชาชน! วันนี้ต่อให้ต้องตาย ก็ขอตายให้รู้เรื่องรู้ราวไปเลย!”กล่าวจบ หลิวเกินเซิงก็สาวเท้าเดินตรงไปยังศาลาสิบลี้“เกินเซิง! ทำไมเจ้าถึงได้โง่เช่นนี้ ชีวิตต่ำต้อยก็ถือว่าเป็นชีวิตนะ หากเจ้าไปมีเรื่องมีราวกับทหารพวกนี้เข้า อาจต้องเอาชีวิตไปทิ้งได้!”ผู้คนที่ร่วมเดินทางมาด้วยพยายามทัดทาน แต่หลิวเกินเซิงเดินลิ่วไปไกลแล้วทุกคนจึงจำต้องเดินตามไปข้างหลัง เพื่อคอยระวังไม่ให้หลิวเกินเซิงก่อเรื่องร้ายแรงขึ้นศาลาสิบลี้ทหารม้าสิบกว่านายรอคอยอยู่ด้านนอกศาลา ทั้งไพร่พลและอาชาล้วนแข็งแกร่งกำยำ ดูน่าเกรงขาม ชวนให้ผู้พบเห็นขวัญหนีดีฝ่อภายในศาลามีชายหนุ่มผู้หนึ่งสวมอาภรณ์ผ้าไหมแพรพรรณงดงามกำลังนั่งจิบชาหอมกรุ่นอยู่หลิวเกินเซิงเดินตรงไปยังศาลา หมายจะเข้าไปขอคำอธิบายให้รู้เรื่องผู้ลี้ภัยกลุ่มหนึ่งตามติดอยู่ข้า
ยามเช้าตรู่นอกศาลาพักทางสิบห้าลี้ เมืองตงไห่สายลมวสันต์พัดโชยเบาๆ แสงแดดอ่อนละมุนหลิวเกินเซิงพาบรรดาผู้ลี้ภัยหนุ่มแน่นมาถึงใกล้เขตเมืองตงไห่ก่อนผู้ใด ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความปลื้มปีติ เขาโบกมือพลางตะโกนเสียงดังว่า “ทุกคน อดทนอีกหน่อย อีกไม่ไกลก็ถึงศาลาสิบลี้แล้ว! พอพ้นศาลานั้นก็เข้าเมืองตงไห่ได้เลย! ก่อนตะวันตกดินเราจะได้พบองค์รัชทายาทแน่นอน!”“แค่ได้พบหน้าองค์รัชทายาท พวกเราก็จะมีข้าวกินแล้ว!”ทว่าเมื่อได้ฟังคำของหลิวเกินเซิง เหล่าผู้ลี้ภัยกลับมิได้แสดงความยินดีแม้แต่น้อย แต่ละใบหน้าที่ซูบตอบกลับฉายแววคลางแคลงใจ“เกินเซิง เจ้าบอกว่าองค์รัชทายาทผู้นี้จะเชื่อถือได้จริงหรือ? ตลอดทางที่ผ่านมานี้ ดูเหมือนเขตตงไห่จะรกร้างกันดาร พืชพันธุ์ธัญญาหารในนาก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะเก็บเกี่ยวได้ ท่านแน่ใจหรือว่าพวกเราไปถึงเมืองตงไห่แล้วจะมีข้าวกินจริงๆ?”“ใช่แล้ว เกินเซิง แม้ว่าหนทางนี้จะยากลำบากเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่อย่างน้อยระหว่างทางก็ยังพอมีเปลือกไม้ให้แทะ มีรากหญ้าให้เคี้ยว แต่พอเข้ามาในเขตเมืองตงไห่ ต้นไม้ทุกหนแห่งกลับมีแต่ลำต้นเกลี้ยงเกลา แม้แต่เปลือกไม้ก็ไม่มีให้แทะ ไม่ต้องพูดถึงรากหญ้า
เมื่อหลี่หลงหลินเห็นว่าท่าทีของกงชูหว่านแน่วแน่เด็ดเดี่ยว จึงไม่ได้ขัดขวางอีกต่อไป เพียงพยักหน้าเบาๆ แล้วกล่าวว่า “พี่สะใภ้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องการรับคนเข้าทำงานก็ไม่จำเป็นต้องเร่งร้อนนักหรอก ขนาดเมืองตงไห่ใหญ่โตปานนั้น ประชากรกว่าหลายแสน จะให้เชื่อคำของพระเชษฐภาดาฝ่ายเดียวได้อย่างไร? ท่ามกลางราษฎรย่อมมีผู้ตาสว่างรู้ผิดชอบอยู่บ้าง เจ้าจึงไม่จำเป็นต้องแบกรับความกดดันจนหนักอึ้ง รับสมัครได้เท่าใด ก็เอาเท่านั้น! มีมาเท่าใด ก็รับไว้ทั้งหมด ไม่ต้องปฏิเสธผู้ใด!”กงซูหว่านชะงักไปครู่หนึ่ง เอ่ยถามว่า “ไม่ปฏิเสธผู้ใดหรือเพคะ? รัชทายาท ยามนี้ค่าจ้างที่เราเสนอให้นั้นสูงกว่าราคาตลาดเท่าตัว ทั้งสวัสดิการก็ดีเยี่ยม หากมิใช่เพราะพระเชษฐภาดาออกมาสร้างความวุ่นวาย เกรงว่าเพียงแค่วันนี้วันเดียวก็คงสามารถรับสมัครช่างฝีมือดีได้ครบตามจำนวนแล้ว”“ทว่ายามนี้ข่าวลือแพร่สะพัด คนที่มาก็ล้วนเป็นพวกไร้ฝีมือ ถ้าไม่คัดกรองให้ดี เกรงว่างานก่อสร้างจะต้องพังเอาแน่ๆ”หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ พลางกล่าว “พี่สะใภ้ไม่ต้องกังวล แม้แต่พวกอันธพาลข้างถนน ก็ยังต้องเชื่องเมื่อเจอกับเฟิ่งหลิง ตราบใดที่คนเหล่านั้นมีฝีมือ ไม่ว่าจ
ภายในห้องหนังสือหลี่หลงหลินกำลังวาดผังอย่างขะมักเขม้น เห็นว่ากงซูหว่านมา จึงเงยหน้าพูดยิ้มๆ “พี่สะใภ้รอง ท่านด่าพระเชษฐภาดาได้เจ็บแสบยิ่งนัก สาแก่ใจจริงๆ!”ใบหน้ากงซูหว่านแดงเรื่อ เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “ท่านรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว?”หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “ไม่ใช่เพียงข้า เรื่องนี้เล่าลือไปทั่วทั้งตงไห่แล้ว อีกไม่นานก็จะส่งต่อไปยังเมืองหลวง ผ่านไปนานกว่านี้อีกระยะหนึ่ง ผู้คนทั้งเหนือใต้ก็จะได้รับรู้กันอย่างถ้วนทั่ว!”“พี่สะใภ้รอง ท่านจะมีชื่อเสียงแล้ว!”สีหน้ากงซูหว่านแดงยิ่งขึ้น ขบเม้มริมฝีปากเบาๆ “องค์ชาย ท่านอย่าล้อหม่อมฉันเล่นเลย! ชื่อเสียงเรื่องด่าคนมีอะไรดี! หม่อมฉันหญิงร้ายเช่นนี้ น่ากลัวว่าไม่มีชายใดต้องการ แต่งไม่ออกแล้ว!”หลี่หลงหลินแสยะยิ้ม “หากไม่มีใครกล้าแต่งกับท่าน ข้าจะแต่งเอง! อย่างไรเสียข้าก็แต่งงานกับเสือโคร่งอย่างซูเฟิ่งหลิงไปแล้ว เพิ่มหญิงปากคอเราะร้ายมาอีกหนึ่งคนก็ชินชาไม่รู้สึกรู้สาอันใดแล้ว!”กงซูหว่านสะเทิ้นอายใบหน้าแดงเรื่อ พูดเสียงนุ่มนวล “ห้ามพูดถึงหม่อมฉันและน้องเล็กเช่นนี้! ยิ่งไปกว่านั้น ใครรับปากว่าจะแต่งกับท่าน...”ผิวพรรณที่เดิมทีขาวดุจหิมะของกงซูหว่า
กงซูหว่านหัวเราะขึ้นมา “อะไรกัน? พระเชษฐภาดาท่านกลัวแล้วหรือ? คนซื่อตรงย่อมไม่หวั่นเกรงต่อคำว่าร้าย ท่านยิ่งไม่ให้พูด ข้าก็ยิ่งจะพูด! ข้ายังจะตะโกนเสียงดังอีกด้วย! พวกเจ้าสกุลหลู่ล้วนกบฏฝังลึกอยู่ภายในกระดูก อิงตามที่ข้าได้เห็น น่ากลัวว่าพระเชษฐภาดาก็ใกล้จะเจริญตามรอยพวกเขาในอีกไม่ช้าแล้ว!”หลู่จงหมิงกุมอกแน่นๆ คล้ายถูกคนชกอย่างแรงหนึ่งหมัด เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “สาม...สามหาว!”“ผู้หญิงฝีปากคมกริบตัวดี!”“กล้าหยามเกียรติพระเชษฐภาดาต่อหน้าธารกำนัล!”“เด็กๆ ตบปาก!”“ตบปากคมกริบของนางให้ข้า!”เพียงสิ้นเสียงลง บ่าวท่าทางดุดันหนึ่งกลุ่มทางด้านหลังหลู่จงหมิงก็ถลันเข้ามาล้อมกงซูหว่านเอาไว้สีหน้าเหล่าราษฎร์เผือดซีด ต่างพากันแยกย้ายพระเชษฐภาดาหยิ่งยโสโอหังภายในตงไห่จนคุ้นชินแล้ว พวกเขาล่วงเกินไม่ไหว!กงซูหว่านกลับไม่ขยับเขยื้อน สีหน้าเยียบเย็นผ่อนคลาย สบมองหลู่จงหมิงสีหน้าหมิ่นแคลน “ท่านกล้าแตะต้องข้า?”หลู่จงหมิงหัวเราะ “ข้าเป็นพระเชษฐภาดาของฮ่องเต้พระองค์ปัจจุบัน เจ้านับเป็นตัวอะไร? ก็แค่พี่สะใภ้ของรัชทายาทไม่ใช่หรือ? กลับกล้าอ้างบารมีเย่อหยิ่งจองหอง? ข้าพระเชษฐภาดาผู้ยิ่งใหญ่ ต่อให
เพียงเอ่ยถ้อยคำนี้ออกมาราษฎร์ตงไห่ต่างพากันฮือฮา!องค์ชายเก้าคนของต้าเซี่ย แต่ละคนล้วนเกิดความคิดก่อกบฏเริ่มแรกคือองค์ชายใหญ่ องค์ชายสาม องค์ชายสี่และองค์ชายหก วางแผนร้าย คิดก่อกบฏบัดนี้ถึงตาองค์ชายเก้าหลี่หลงหลินแล้ว!บัดนี้เขาเป็นรัชทายาท ได้รับความโปรดปรานอย่างลึกซึ้งจากฮ่องเต้หวู่ ต่อให้ก่อกบฏ โทษก็ไม่ถึงตายเลวร้ายที่สุดก็เหมือนองค์ชายสี่หลี่จือ ถูกกักบริเวณ ใช้ชีวิตอย่างไร้ความหมายไปชั่วชีวิตหากตนเองโง่งม ไปสร้างเมืองใหม่อะไรนั่นกับรัชทายาท วางแผนก่อกบฏ นั่นคือโทษประหารชีวิตเก้าชั่วโคตร!ราษฎร์ไม่น้อยเดิมทีก็ลังเลอยู่ ครั้นถูกหลู่จงหมิงพูดคำนี้ออกมา ทำลายความคิดไปแล้วหลู่จงหมิงเห็นสถานการณ์ดังนั้น ใบหน้าลำพองใจ “กงซูหว่าน เจ้ากลับไปบอกรัชทายาท เรื่องเขาวางแผนก่อกบฏถูกข้าจับได้แล้ว! อีกเดี๋ยวข้าจะถวายฎีกาหนึ่งฉบับกราบทูลฝ่าบาท เล่นงานเขาจนอับจนหนทาง!”รัชทายาทรับมือยากจริง!แต่กงซูหว่านผู้หญิงคนหนึ่ง หลู่จงหมิงสามารถจัดการได้อย่างผ่อนคลาย“ฮึๆ...”คิดไม่ถึงเลยว่ากงซูหว่านไม่มีความตกใจเลยแม้แต่น้อย ตรงข้ามกันแสยะยิ้มเย็นชาออกมาสีหน้าหลู่จงหมิงเคร่งขรึม “เจ้ายิ้ม