ร้านค้าในตลาดทิศทักษิณที่แต่เดิมไม่เคยได้รับความสนใจ ตอนนี้กลับถูกเหล่าพ่อค้าจำนวนนับไม่ถ้วนพากันแย่งซื้อ!ตั๋วเงินจำนวนมากถูกโบกอยู่ตรงหน้า ทำให้ทุกคนตะลึงจนอ้าปากค้าง!ทั่วทั้งสถานที่แห่งนั้นก็เต็มไปด้วยบรรยากาศดุเดือด!ร้านค้าที่ขายในราคาหลายหมื่นตำลึงก็ถูกแย่งซื้อจนขายหมดเกลี้ยงภายในไม่กี่นาทีนี่เป็นครั้งแรกที่ซูเฟิ่งหลิงได้เห็นเหตุการณ์ที่บ้าคลั่งเช่นนี้ ในสมองของนางก็ว่างเปล่าทันที “พวกเขาเอาเงินมากมายเช่นนี้มาจากไหนกัน...”หลี่หลงหลินยิ้มอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าพวกเขาเป็นพ่อค้าธรรมดาหรือ เจ้าคิดผิดแล้ว! พวกเขาก็เหมือนกับแปดหอการค้าใหญ่ เบื้องหลังถ้าไม่ใช่ขุนนาง ก็เป็นผู้สูงศักดิ์ หรือขันที หรือราชวงศ์!” “ตั้งแต่สถาปนาต้าเซี่ยมาก็สามร้อยปีแล้ว!”“สามร้อยปีที่เจริญรุ่งเรืองและมั่งคั่ง ทองคำและเงินตรานับไม่ถ้วนไปรวมอยู่ในมือของใคร!”“ไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา!”“แต่เป็นคนพวกนี้!” “ตอนนี้ยังเป็นเพียงเหตุการณ์เล็กน้อยเท่านั้น!”“เจ้ายังไม่เคยไปหอนางโลม ไม่รู้ว่าพวกคุณชายเสเพลเหล่านั้น เมื่ออยู่ในศึกชิงรักหักสวาทต่อหน้าหญิงคณิกา ก็ใช้เงินไปจำนวนมาก เหตุการณ์นั้นมันบ้าคลั่งยิ่งก
แน่นอนว่าความแตกต่างนี้มันช่างน่าตื่นเต้นจริงๆ!ซูเฟิ่งหลิงถูกหลี่หลงหลินมองเช่นนี้ก็รู้สึกเขินอายขึ้นมา ใบหน้าอันงดงามของนางก็แดงเรื่อ “เจ้ามองข้าทำไม? เจ้าไม่เคยเห็นข้ามาก่อนหรืออย่างไร?”หลี่หลงหลินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าเคยเห็นแม่เสือแก่ แต่สตรีลามกเพิ่งจะเคยเห็นครั้งแรก”ซูเฟิ่งหลิงตะลึง แล้วพูดด้วยความโกรธ “เจ้าว่าใครเป็นสตรีลามก?”หลี่หลงหลินจ้องไปที่ใบหน้าอันงดงามของซูเฟิ่งหลิง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “แล้วจะใครได้อีกล่ะ? ดึกดื่นป่านนี้ไม่ยอมนอน กลับวิ่งมาที่ห้องบุรุษ ถ้าไม่ใช่สตรีลามกแล้วจะเป็นอะไรได้อีกล่ะ...” “เจ้า...”ซูเฟิ่งหลิงโกรธมากตนกว่าจะแต่งหน้าหวีผมสวมชุดสตรีเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ตนรู้สึกว่ามีเสน่ห์เย้ายวนใจ ไม่แพ้เหล่าพี่สะใภ้แต่ผลสุดท้าย เจ้าหลี่หลงหลินสุนัขตัวนี้กลับไม่ชมว่าตนสวยยังไม่พอแต่ยังบอกว่าตนเป็นสตรีลามกอีก?นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย!ซูเฟิ่งหลิงโกรธมากและจ้องมองไปที่หลี่หลงหลิน “พูดเรื่องไร้สาระให้มันน้อยลงหน่อย ที่ข้ามาหาเจ้าตอนดึกเช่นนี้ เพราะมีเรื่องอยากจะถามเจ้า”หลี่หลงหลินยังคงยิ้มและยื่นมือไปทาง ซูเฟิ่งหลิง “ข้าตอบคำถามเจ้าได้! แต่เจ้าต้อ
หลี่หลงหลินมองใบหน้าอันงดงามของซูเฟิ่งหลิง แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มหยอกล้อ “ถ้าเจ้าคิดว่าพรุ่งนี้มันเร็วเกินไป ข้าเปลี่ยนเป็นวันอื่นได้! เดือนหน้าก็ได้...”ซูเฟิ่งหลิงส่ายหัวแล้วกล่าวอย่างตื่นเต้น “ไม่เร็วไปสักนิด! ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี! พรุ่งนี้กำลังเหมาะ! เช่นนั้นพวกเรามารับสมัครทหารกันก่อนดีหรือไม่?ในการสร้างกองทัพของตระกูลซูขึ้นมาใหม่ สิ่งแรกที่ต้องทำคือการรับสมัครทหารหลี่หลงหลินส่ายหัว “ไม่ต้องกังวลเรื่องการรับสมัครทหาร! พวกเรามาเลือกสถานที่ฝึกทหารกันก่อนเถอะ!”ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง แล้วเอ่ยเห็นด้วย “ใช่! สถานที่ฝึกทหารมีความสำคัญมากกว่า! แต่ที่ไหนเหมาะล่ะ?”หลี่หลงหลินยิ้มแล้วพูดว่า “ภูเขาทิศประจิมเป็นอย่างไร?”ซูเฟิ่งหลิงสะดุ้งเล็กน้อย “ภูเขาทิศประจิมอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวง ค่อนข้างเงียบสงบ! ยิ่งไปกว่านั้น ข้าเพิ่งจะทหารที่เหลืออยู่ไปตัดต้นไม้ในภูเขาทิศประจิม ค่อนข้างคุ้นเคยกับที่นั่นดี มันเป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับฝึกทหารจริงๆ!” “แต่เกรงว่าคงจะไม่ได้...”หลี่หลงหลินเลิกคิ้ว “ทำไมไม่ได้ล่ะ?”ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยอย่างลำบากใจ “เจ้าไม่รู้อะไร แม้ว่าภูเขาทิศประจิมจ
ซูเฟิ่งหลิงรู้ตัวว่าตัวเองพูดผิด จึงบิดแขนหลี่หลงหลิน “ไม่ได้ เจ้าต้องชนะ! ข้าจะได้จูบเจ้า! ถ้าเจ้าแพ้ ข้า... ข้า...ข้า...”ซูเฟิ่งหลิงยิ่งพูดยิ่งสับสน ใบหน้าของนางร้อนผ่าว ก่อนจะหันหลังแล้วเดินจากไปหลี่หลงหลินดูแผ่นหลังของนาง ยกมือขึ้นสัมผัสรอยริมฝีปากบนแก้มของตน จากนั้นก็ยิ้ม “แม่เสือตัวนี้น่ารักจริงๆ...”วันต่อมาในพระราชวังต้องห้ามเว่ยซวินกำลังนำขันทีหลายคนไปคำนวณรายรับรายจ่ายของคลังราชวงศ์ไม่ใช่อะไรวันนี้เป็นวันที่ต้องจ่ายเงินเดือนให้เหล่าราชวงศ์เงินเดือนของขุนนางก็จ่ายออกจากคลังหลวงสำหรับขุนนางที่มีบรรดาศักดิ์ เงินเดือนของพวกเขาจะได้จากคลังราชวงศ์ดังนั้นฮ่องเต้หวู่จึงร้อนใจมาก สั่งให้เว่ยซวินรีบคำนวณดูว่ามีเงินเหลืออยู่ในท้องพระคลังเท่าไหร่ พอต่อการจ่ายเงินเดือนให้กับเหล่าราชวงศ์หรือไม่หลังจากที่เว่ยซวินยุ่งมาครึ่งวัน ในที่สุดเขาก็จัดการบัญชีเรียบร้อย จากนั้นก็นำไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้หวู่ “ฝ่าบาท รายรับของคลังราชวงศ์ปีนี้คือ...”ฮ่องเต้หวู่พูดอย่างไม่อดทน “ข้าไม่ฟังเรื่องนี้! เจ้าบอกข้ามาว่ามันเหลืออยู่เท่าไหร่!”เว่ยซวินกระซิบ “ทูลฝ่าบาท ไม่ถึง... หนึ่งหมื่นตำลึง
ฮ่องเต้หวู่กำลังเดือดดาล ความโกรธที่อัดอั้นเต็มเปี่ยมนี้ไร้หนทางจะระบายออก เขาอยากจะฆ่าคนเพื่อระบายความโกรธไม่ว่าคนที่พวกขุนนางต้องการฟ้องร้องเป็นใครในเมื่อเจอกับคมดาบของเขา เขาไม่ไม่มีทางปรานี!ฮ่องเต้หวู่เอามือไพล่หลังแล้วก้าวออกไปนอกประตูตำหนัก ตามที่คาดไว้ เขาเห็นตู้เหวินหยวนและกลุ่มขุนนางคุกเข่าอยู่บนพื้น “เฮอะ!” “เป็นสถานการณ์ที่ยิ่งใหญ่จริงๆ!”ดวงตาของฮ่องเต้หวู่เย็นชาลง เขาโบกมือแล้วพูดว่า “ขุนนางที่รักทั้งหลาย เกิดเรื่องอะไรขึ้น พูดมาเถอะ!”ตู้เหวินหยวนกล่าวว่า “ทูลฝ่าบาท! กระหม่อมต้องการฟ้องร้ององค์ชายเก้าหลี่หลงหลินพ่ะย่ะค่ะ!”ใบหน้าของฮ่องเต้หวู่พลันมืดมนเจ้าเก้าอีกแล้วหรือ?เมื่อไม่กี่วันก่อน ผู้ตรวจการเยว่ซานก็เพิ่งจะถูกข้าเตะตายเพราะใส่ร้ายเจ้าเก้าแต่นี่พวกเจ้าก็มากันอีกแล้ว?เจ้าเก้าไปกินข้าวบ้านของพวกเจ้าหรืออย่างไร?เหตุใดพวกเจ้าถึงได้มุ่งมั่นต้องการสังหารเขาให้ได้เช่นนี้กัน?อีกอย่างเมื่อวานนี้ข้าก็เพิ่งแต่งตั้งให้เจ้าเก้าเป็นผิงเป่ยโหววันนี้พวกเจ้าก็มารวมตัวกันฟ้องร้องเจ้าเก้านี่ไม่ใช่การตบหน้าเจ้าเก้า แต่เป็นการตบหน้าข้า!ฮ่องเต้หวู่ไม่ได
ในที่สุด ตู้เหวินหยวนก็พบว่าองค์ชายเก้าที่ดูเหมือนจะมีแต่ข้อบกพร่องผู้นี้ จริงๆ แล้วเป็นคนที่สะอาดมากหรือจะบอกว่า...เขาใสสะอาดยิ่งกว่าขุนนางในราชสำนักส่วนใหญ่เสียอีกอย่างมากที่สุด เขาก็เป็นพวกที่ชอบไปสถานที่เริงรมย์อย่างสำนักการสังคีต เพื่อดื่มเหล้า ฟังเพลง และยิ้มให้หญิงคณิกา แข่งขันแย่งชิงทำเรื่องไร้สาระกับพวกคุณชายเจ้าสำราญคนอื่นๆส่วนเรื่องทุจริตผิดกฎหมายอะไรพวกนั้น หลี่หลงหลินไม่เคยทำเลยสุดท้ายตู้เหวินหยวนก็พบสิ่งเล็กๆ จากเอกสารจำนวนมากเมื่อไม่นานมานี้ ซูเฟิ่งหลิงมักจะพาพวกทหารพ่ายศึกไปแอบตัดไม้ที่เขาทิศประจิมซูเฟิ่งหลิงเป็นคู่หมั้นของหลี่หลงหลินหลี่หลงหลินจะต้องเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังการลักลอบตัดต้นไม้ของนางตู้เหวินหยวนจึงดีใจมากเมื่อเห็นเช่นนั้น จึงรีบเรียกรวมตัวขุนนาง แล้วเข้าไปในพระราชวังด้วยกัน คุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ฟ้องร้องหลี่หลงหลินฮ่องเต้หวู่มองตู้เหวินหยวนแล้วพูดด้วยความโกรธ “ขุนนางที่รักของข้า! เจ้าว่างเกินไปจนฟุ้งซ่านหรือไม่? เจ้าเอาเรื่องเล็กน้อยนี้มารบกวนข้าอย่างนั้นหรือ? แล้วยังสร้างสถานการณ์ให้เป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้อีก? มันไม่น่าขำไปหน่อยหรือ?”ตู
โบยแปดสิบไม้อย่างนั้นหรือ?ฮ่องเต้หวู่ตกใจมากเมื่อได้ยินเช่นนั้นตู้เหวินหยวนเกลียดชังจนบ้าคลั่งไปแล้วหรือ?คำพูดที่เหลวไหลเช่นนี้ก็พูดออกมาได้หรือ?การโบยคืออะไร?ขุนนางหลายคนที่ได้ยินการลงโทษนี้ต่างก็หน้าเปลี่ยนสีอย่าว่าแต่แปดสิบไม้!เหล่าขุนนางในที่นี้ล้วนอ่อนแอ ตราบใดที่พวกเขาถูกโบยเพียงสิบไม้ กระดูกและร่างกายก็จะแหลกเป็นเสี่ยงๆ และตายทันที!เหตุใดองค์ชายสี่ถึงสามารถรอดชีวิตมาได้หลังจากถูกโบยไปสี่สิบไม้?ไม่เพียงเพราะเขามีร่างกายที่แข็งแกร่งเท่านั้นแต่เพราะว่าเจ้าสี่มีอำนาจในราชสำนักมาก องครักษ์ที่ลงโทษเขาแทบไม่กล้าลงมือรุนแรง ทำให้เขาหนีจากหายนะนี้ไปได้!ส่วนเจ้าเก้า ต่อให้เขาจะได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ แต่อำนาจในราชสำนักก็ไม่มี!นอกจากนี้ ตู้เหวินหยวนยังต้องติดสินบนองครักษ์ให้พวกเขาทุบตีจนตายถ้าโบยแปดสิบไม้ เกรงว่าเจ้าเก้าคงจะร่างแหลกเป็นโคลน!หากข้าต้องฆ่าเจ้าเก้าเพียงเพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นการลักลอบตัดไม้บนภูเขาทิศประจิม ราษฎรทั่วใต้หล้านี้ คงจะชี้มาที่ข้าแล้วสาปแช่ง ว่าข้าโหดเหี้ยม ไม่เว้นแม้แต่ลูกชายของตัวเอง!พวกเจ้ากำลังทำให้ข้าตกลงไปในกับดักไร้มน
หลี่หลงหลินเห็นตู้เหวินหยวนและกลุ่มขุนนางคุกเข่าอยู่บนพื้นเป็นกลุ่มใหญ่ดำมืดก็ต้องตกตะลึงตู้เหวินหยวนเงยหน้าขึ้น มองไปที่หลี่หลงหลิน โดยไม่ปิดบังความโกรธในดวงตาสองตาสบประสาน ประกายไฟอันดุเดือดก็ระเบิดพล่านออกมา!หลี่หลงหลินเข้าใจทันทีขุนนางพวกนี้ พุ่งเป้ามาที่ข้า!ดูเหมือนว่าตู้เหวินหยวน จะทำเรื่องบ้าบอขึ้นมาอีกแล้ว!แต่หลี่หลงหลินไม่ได้ตื่นตระหนกเลยหากตัวตรงก็ไม่กลัวเงาคด[footnoteRef:1]! [1: หากบริสุทธิ์ก็ไม่ต้องกลัวสิ่งใด] ตนเองไม่เคยทำเรื่องผิดใหญ่ผิดโตอะไร เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรต้องกลัว!หลี่หลงหลินไม่ได้มองไปทางตู้เหวินหยวนด้วยซ้ำ เขาเดินตรงไปหาฮ่องเต้หวู่และคารวะด้วยความเคารพ “ลูกถวายบังคมเสด็จพ่อ!”ฮ่องเต้หวู่พยักหน้า “เจ้าเก้า วันนี้ถึงเจ้าเข้าวังมาด้วยเหตุใด?”หลี่หลงหลินกล่าวตอบ “เพราะเงินพ่ะย่ะค่ะ...”ฮ่องเต้หวู่ได้ยินคำว่าเงินก็ปวดหัวตุบๆไม่มีขุนนางในราชสำนัก องค์ชายทั้งหลาย หรือนางสนมในวังหลังคนใด สามารถทำให้ข้ารู้สึกกังวลได้เท่าเรื่องนี้เปิดปากหุบปาก ล้วนแต่เรื่องเงิน!แต่ละคนดูคล้ายผีดูดเลือดกันไปแล้ว!ชาติที่แล้วข้าคงเป็นคนที่ชั่วร้ายมาก ก่อเหตุฆาต
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค