“ใต้เท้าตู้ ท่านมาสาย!”เว่ยซวินค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา และยกยิ้มเบาๆตู้เหวินยวนหย่อนร่างนั่งลง มุมปากกระตุกเล็กน้อย แค่นเสียงว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะข้าแสร้งหมดสติ ก็คงยังคุกเข่าอยู่หน้าตำหนักหยั่งซิน ทนทุกข์เหมือนขุนนางคนอื่นๆ อยู่แน่!”เว่ยซวินตกตะลึงจิ้งจอกเฒ่าตัวนี้เป็นจักจั่นลอกคราบ[footnoteRef:1] หลุดออกจากเปลือกเพื่อมาตามนัดหมาย [1: หนึ่งในกลยุทธ์ติดพันของสามก๊ก หมายความถึงการหลบหลีกโดยมิให้ผู้ใดล่วงรู้ ซึ่งนับว่าเป็นกลยุทธ์ในการถอยทัพโดยไม่เกิดความกระโตกกระตาก] แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเดินกะโผลกกะเผลก คงเป็นเพราะคุกเข่าอยู่ทั้งคืน ข้อเข่าเลยอ่อนแอเว่ยซวินถอนหายใจ “คราวนี้ ฮ่องเต้ตั้งใจแน่วแน่ จะจัดการกับกลุ่มขุนนางของพวกท่านแล้ว!”เมื่อตู้เหวินยวนได้ยินก็ขมวดคิ้ว “ขันทีเว่ย ท่านหมายความว่าอย่างไร? ฮ่องเต้ไม่ใช่ว่ายืมมือพระเก้าพันปีของท่านมาจัดการกับกลุ่มขุนนางอยู่แล้วหรือ?”เว่ยซวินส่ายหัวเบาๆ “ผิดแล้ว! จิตใจของฮ่องเต้ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าความสมดุล! หลายปีที่ผ่านมาขันที ขุนนางและทหาร สามกองกำลังได้ต่อสู้กันทั้งที่ลับและที่แจ้ง เขม่นแดกดันกันอยู่ตลอด!”“ในสายตาคนนอก พวกเราวิ
เว่ยซวินจิบชา “ใต้เท้าตู้ไม่จำเป็นต้องทดสอบพวกเราหรอก! ท่านและข้าต่างก็ข้าราชบริพาร ทุกคนล้วนทำงานเพื่อฮ่องเต้! สำหรับศัตรูของท่านและข้า ย่อมต้องพวกทหารสูงศักดิ์...”ตู้เหวินยวนขมวดคิ้ว ถามด้วยความสับสน “ทหารสูงศักดิ์?”กองกำลังทั้งสาม ขุนที ขุนนางและทหาร ต่อหน้าและลับหลังราชสำนัก ล้วนแต่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด แสดงให้เห็นถึงพลังอันยิ่งใหญ่ผู้นำของทหารสูงศักดิ์คือตระกูลซูอย่างไม่ต้องสงสัยนับตั้งแต่สมาชิกผู้ภักดีของตระกูลซูตายไป ศพถูกฝังทางตอนเหนือ ตระกูลนี้ก็เริ่มมีสัญญาณของการเสื่อมโทรมสำหรับอำนาจของหรงกั๋วกง ก็เป็นเพียงลิงสวมหมวก[footnoteRef:1] ไม่มีทางกลายเป็นความจริงได้! [1: อุปมาว่า คางคกขึ้นวอ] เว่ยซวินต้องการร่วมมือกับขุนนาง เพื่อจัดการกับทหารสูงศักดิ์จริงๆ หรือ?หรือว่า เขาต้องการคนล้มแล้วเหยียบซ้ำ เอาชนะกลุ่มทหารให้ได้โดยสิ้นเชิง ยุติการเผชิญหน้าสามกองกำลังในราชสำนัก?เว่ยซวินพยักหน้าและพูดอย่างหนักแน่น “ใช่แล้ว ทหารสูงศักดิ์!”ตู้เหวินยวนส่ายหัว “ทหารสูงศักดิ์เสียบารี ไม่คู่ควรที่จะเป็นศัตรูของเรา ยิ่งไม่คู่ควรให้สองเราร่วมมือกัน!”เว่ยซวินเคาะนิ้วลงบนโต๊ะแล้วพู
แม้ว่าตู้เหวินยวนจะพูดไม่รักษาน้ำใจ แต่เขาก็ยังนั่งอยู่ที่โต๊ะ ไม่ได้ลุกขึ้นจากไปเว่ยซวินเป็นคนเช่นไร? จะไม่เข้าใจความหมายได้อย่างไร?จิ้งจอกเฒ่าตัวนี้ ไม่เต็มใจร่วมมือเพียงอยากเจรจาเงื่อนไข!เว่ยซวินหายใจเข้าลึกๆ มองไปที่ตู้เหวินยวน “คนฉลาดไม่พูดมากความ! ใต้เท้าตู้ ต้องทำอย่างไร ท่านถึงจะยอมร่วมมือกับข้า จัดการกับองค์ชายเก้าและขุนนางที่อยู่ข้างหลังเขา?”ตู้เหวินยวนยิ้มเจ้าเล่ห์ ดุจสุนัขจิ้งจอก “ง่ายมาก! ข้าต้องการให้เว่ยกงรับปาก สนับสนุนองค์ชายสี่เป็นรัชทายาท!”เว่ยซวินเงียบไปเขาไม่แปลกใจกับคำขอนี้!ในบรรดาองค์ชายทั้งเก้า นอกจากหลี่หลงหลินที่เป็นคนไร้ประโยชน์องค์ชายอีกแปดพระองค์ ล้วนแต่ได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งอยู่เบื้องหลังและตู้เหวินยวน ก็สนับสนุนองค์ชายสี่ หลี่จื้อ!กลุ่มขันทีที่มีเว่ยซวินเป็นผู้นำ เพื่อหลีกเลี่ยงความสงสัย จึงไม่เข้าใกล้องค์ชายพระองค์อื่นๆ มากเกินไป และยังคงวางตัวเป็นกลางการเคลื่อนไหวของตู้เหวินยวน คือการบังคับให้เว่ยซวินสนับสนุนองค์ชายสี่!การรวมกำลังของขันทีและขุนนางเข้าด้วยกัน ความแข็งแกร่งย่อมเกินกว่าจินตนาการได้ แม้แต่ฮ่องเต้ก็แข็งแกร่
ตู้เหวินยวนส่ายหน้า สุ้มเสียงเยียบเย็น “หัวหน้าผู้ดูแลเว่ย เจ้าอย่าเสแสร้งอีกเลย! องค์ชายเก้าเป็นศัตรูกับขุนนางบุ๋น เป็นศัตรูกับชนชั้นสูง เพียงอย่างเดียวคือมิได้ประกาศเป็นศัตรูกับพรรคขันทีของเจ้า! คนลงแรงอยู่เบื้องหลัง มิใช่เจ้าผู้ดูแลเว่ย ยังเป็นใครอีกเล่า?”“องค์ชายเก้าอยากมีชีวิตอยู่หรือไม่ ข้าไม่แน่ใจ!”“แต่ข้ากลับรู้ดี บางคนไร้ยางอายเกินไปแล้ว!”“เห็นได้ชัดว่าสนับสนุนองค์ชายเก้าอยู่เบื้องหลัง ไม่เพียงไม่ยอมรับ ยังแสร้งร่วมมือเป็นพันธมิตรกับข้า ยุแยงขุนนางซื่อตรงและชนชั้นสูงให้บาดหมางกัน ตนเองนั่งบนภูเขาดูเสือต่อสู้กัน รอตักตวงผลประโยชน์!”“ข้าพูดถูกหรือไม่?”เว่ยซวินเผชิญหน้ากับข้อกล่าวหา ทั้งตัวคนลืมตาอ้าปากค้างเขาวางแผนเข้าร่วมกับขุนนางบุ๋นจริง ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับตู้เหวินยวนอีก!ส่วนข้อกล่าวหาของตู้เหวินยวน แม้เป็นเรื่องสมมุติ เว่ยซวินก็ไม่เคยคิดมาก่อน!“หัวหน้าผู้ดูแลเว่ย!”ตู้เหวินยวนเปิดปากเสียงเยียบเย็น “นับตั้งแต่วันนี้ไป ข้าและเจ้าเป็นศัตรูคู่อาฆาต มิอาจอยู่ร่วมกันได้! พวกเราจะได้เห็นดีกันในราชสำนัก!”พูดจบ สะบัดแขนเสื้อจากไป!เว่ยซวินนั่งบนเก้าอี้ สมองเต็มไ
เว่ยซวินยิ่งคิดยิ่งโกรธองค์ชายเก้าอยู่ภายนอกยโสโอหัง ล่วงเกินคนไปทุกหนแห่งปรากฏว่า หม้อดำกลับครอบศีรษะพวกเขาไว้กระนั้นหรือ?บัดนี้ชนชั้นสูงและขุนนางซื่อตรง ล้วนคิดว่าข้าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังท่าน หากถูกโจมตีเป็นกลุ่ม ต่อให้ข้าสามารถรับมือได้ แต่ก็ถูกปรักปรำเหลือหลาย“ไม่ได้การ!”“องค์ชายเก้า ครั้งนี้ข้าไม่สามารถปล่อยให้ท่านสมปรารถนา!”“จะต้องให้ท่านชดใช้!”ดวงตาเว่ยซวินทอประกาย วางแผนอำมหิตภายในใจคนทั่วหล้าคิดว่าข้าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของหลี่หลงหลิน!มีเพียงข้ารู้ดี หลี่หลงหลินเป็นคนหัวเดียวกระเทียมลีบคนหนึ่ง สามารถพึ่งพาได้เว้นเสียแต่สกุลซูแล้ว ก็มีเพียงชื่อเสียงของฝ่าบาทต้องการลงมือกับหลี่หลงหลิน ง่ายดายอย่างมาก ง่ายยิ่งกว่าขยี้มดตัวหนึ่งให้ตายทว่าเว่ยซวินไม่วางแผนกำจัดหลี่หลงหลินท่านทำร้ายครอบครัวข้ากระนั้น?เช่นนั้นข้าจะโต้กลับ ใช้ประโยชน์จากท่านแสวงหาอำนาจให้ข้า!เพียงเว่ยซวินคิดเช่นนี้ ก็สงบลงแล้ว สายตากวาดมองลูกชายบุญธรรมเหล่านั้น สบถด่าออกไป “ลุกขึ้นเถอะ! บุรุษตัวโตกลุ่มหนึ่ง ร้องไห้โวยวาย กลายเป็นอันใดไปแล้ว? ก็แค่สูญเสียตำแหน่งทหารมิใช่หรือ? มีอันใดร้ายแ
ซูเฟิ่งหลิงสับสนแล้ว จับจ้องหลิ่วหรูเยียน “พี่สะใภ้สี่ ท่านกำลังพูดอะไร? หรือว่าท่านและหลี่หลงหลินสมคบคิดกัน? แต่ นี่เป็นไปไม่ได้!”หลิ่วหรูเยียนขมวดคิ้ว เปิดกล่อง หยิบเครื่องแบบทหารใหม่เอี่ยมออกมาจากภายในหนึ่งชุด พูดอย่างแปลกใจ “สมคบคิดอันใด? องค์ชายเก้าให้ข้าช่วย ตัดเครื่องแบบทหารใหม่เอี่ยมให้เจ้าหนึ่งชุด!”“ให้เจ้าลองๆ ดู ที่ใดไม่พอดี ข้าจะได้นำไปแก้”“เจ้าไม่ถอดเสื้อผ้า จะลองได้เยี่ยงไร?”ซูเฟิ่งหลิงโง่งมแล้ววุ่นวายอยู่นาน ที่แท้ก็เพื่อลองเครื่องแบบทหาร!นางถลึงตาใส่หลี่หลงหลินแวบหนึ่งเป็นความตั้งใจของเจ้าสารเลวคนนี้ไม่พูดอันใด เพียงเข้ามาก็พูดว่าให้ข้าถอดเสื้อผ้า!ไม่ว่าตกอยู่ที่ใคร ใครบ้างไม่เข้าใจผิด?สารเลว! สารเลว!ก็รู้จักหาความสำราญให้ตนเอง!ซูเฟิ่งหลิงดื้อดึงขึ้นมาแล้ว กอดอก “ข้าไม่ลอง! เครื่องแบบทหารห่วยๆ มีประโยชน์อันใด?”หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “นั่นเจ้าพูดผิดไปแล้ว! คนอาศัยเสื้อผ้าม้าอาศัยอาน! กองทัพเองก็เป็นเช่นนี้! ชุดเกราะใหม่เอี่ยม กองทัพสวมเครื่องแบบหล่อเหลา เพียงมองดูก็รู้ว่าเป็นทหารฝีมือดีแข็งแกร่ง ศัตรูย่อมถอยหนีตามธรรมชาติ พ่ายแพ้โดยไม่ต้องสู้!”“ต
หลี่หลงหลินอ่านความคิดของซูเฟิ่งหลิงออก พูดยิ้มๆ “เครื่องแบบทหารชุดนี้ โอ้อวดจริงนั้นล่ะ! แต่โอ้อวดมีอันใดผิดกันเล่า? กองทัพอันดับหนึ่งในใต้หล้า หรือไม่สมควรให้โอ้อวดกระนั้นรึ?”กองทัพอันดับหนึ่งในใต้หล้าซูเฟิ่งหลิงตกตะลึงองค์ชายเก้าโอ้อวดเกินไปแล้ว!กองทัพสกุลซูเป็นทหารฝีมือดีจริง แต่เรื่องแข็งแกร่งที่สุดนี้ ก็ไม่กล้าเรียกว่าเป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้า!เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน!แค่ต้าเซี่ยนี้ ก็มีหลายกองทัพ สามารถเทียบกับกองทัพสกุลซูได้ยกตัวอย่างเช่นกองทัพทหารรักษาพระองค์...นอกเหนือจากต้าเซี่ย ก็มีมากโข!ยกตัวอย่างเช่นทหารม้าหุ้มเกราะของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ!เพียงคิดถึงตรงนี้ มือทั้งสองข้างของซูเฟิ่งหลิงก็กำแน่นอย่างอดไม่ได้กองทัพสกุลซูก็พ่ายแพ้ให้กับทหารม้าหุ้มเกราะของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ ถูกทำลายทั้งกองทัพไม่มีใครเหลือรอด!ได้ยินมาว่าท่านปู่ ท่านอา ยังมีพวกพี่ชาย บ้างตายท่ามกลางความวุ่นวายของกองทัพ บ้างต่อสู้จนหมดแรงตาย บ้างถูกจับแล้ว ถูกยัดใส่กระสอบ ให้ม้าเหยียบจนเละ!นี่คือความอัปยศมากเพียงใด!หลี่หลงหลินพูดอย่างโอหัง ต้องการเป็นกองทัพอันดับห
ซูเฟิ่งหลิงดีใจมาก กระตือรือร้นหน้าแดงก่ำ “ได้! พวกเราจะไปยามใด?”หลี่หลงหลินพูดสอดปาก “ข้าและพี่สะใภ้ใหญ่ไปเกณฑ์ทหาร เกี่ยวอันใดกับเจ้า?”ซูเฟิ่งหลิงดื้อดึงขึ้นมาแล้ว กระโดดขึ้นอาชาพุทราแดง ตะโกนเสียงดัง “ท่านไม่ให้ข้าไป ข้ากลับจะไปให้ได้! ข้าล่วงหน้าไปก่อนหนึ่งก้าว พบกันที่ค่ายผู้ลี้ภัยนอกเมือง...”ยังพูดไม่ทันจบ เงาร่างของซูเฟิ่งหลิงก็ออกจากจวนสกุลซูไปแล้ว หายลับไปที่หัวถนนลั่วอวี้จู๋ส่ายหน้าเบาๆ ทอดถอนใจ “เฮ้อ เด็กโง่คนนี้! ถูกองค์ชายเก้าเล่นอยู่ในกำมือ...”หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “พี่สะใภ้ใหญ่ ไยท่านพูดเช่นนี้?”ลั่วอวี้จู๋เอ่ยตอบ “หากองค์ชายเก้าไม่คิดให้ซูเฟิ่งหลิงไปเกณฑ์ทหารจริง เหตุใดต้องให้นางลองเครื่องแบบทหารด้วยเล่า? ยังมิใช่ความดื้อดึงของนาง ถูกท่านจับไว้...”“องค์ชายเก้า วิธีควบคุมคนของท่าน ช่างชวนให้คนเลื่อมใสโดยแท้!”หลี่หลงหลินหัวเราะฮาๆ “พี่สะใภ้ใหญ่งดงามมีไหวพริบ ฉลาดปราดเปรื่องเป็นอันดับหนึ่ง เป็นแบบอย่างในหมู่สตรี...”ลั่วอวี้จู๋โบกมือ พูดตัดบทหลี่หลงหลินแล้ว “เวลาไม่เช้าแล้ว องค์ชายเก้า พวกเราออกเดินทางเถอะ!”ลั่วอวี้จู๋และหลี่หลงหลินขึ้นรถม้า รถม้าบรรทุกเง
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค