หลี่หลงหลินขมวดคิ้วแน่นโจ๊กหนึ่งหม้อ ใสจนสามารถสะท้อนเงาคนได้!เหตุใดปักตะเกียบไม่ล้ม?ในนี้ต้องมีลูกไม้อันใดเป็นแน่!หลี่หลงหลินยื่นมือ หยิบตะเกียบในหม้อขึ้นมา ทันใดนั้นรู้สึกหนักถึงขั้นเป็นตะเกียบเหล็กสั่งทำพิเศษหนึ่งคู่!แต่เพียงตะเกียบเหล็ก ไม่มีทางไม่ล้ม!หรือว่า...หลี่หลงหลินเตะหม้อเหล็กพลิกคว่ำ น้ำโจ๊กที่อยู่ภายในสาดกระเซ็นลงพื้น เผยให้เห็นก้นหม้อ ถึงขั้นเป็นทราย!ตะเกียบเหล็กปักบนทราย ล้มได้ก็แปลกแล้ว!ซูเฟิ่งหลิงโกรธจัด คว้าปกคอเสื้อของผู้ดูแลหลิว “เจ้าขุนนางชั่วคนนี้! ถึงขั้นใช้ทรายมาบรรเทาทุกข์ราษฎร์ เจ้ายังเป็นคนอยู่หรือไม่?”ผู้ดูแลหลิวคล้ายไม่ว้าวุ่นเลยแม้แต่น้อย พูดยิ้มๆ “พระชายาองค์ชาย! ชี้แนะท่านหนึ่งประโยค! แม้กระหม่อมเป็นเพียงผู้ดูแลขั้นเจ็ด แต่ก็เป็นขุนนางในราชสำนัก! ทำร้ายขุนนางในราชสำนัก มีโทษสถานหนัก!”“เจ้า...”ซูเฟิ่งหลิงโกรธจัด กลับไม่ยอมปล่อยมือผู้ดูแลหลิวไม่มีความกลัว พูดจาฉะฉาน “องค์ชายเก้า! กระหม่อมทำงาน ล้วนเคารพกฎของราชสำนักไปทุกจุด! สำหรับทรายในหม้อนี้ ก็ปะปนมากับข้าวใช้บรรเทาทุกข์ ไม่เกี่ยวอันใดกับกระหม่อม!”“ส่วนตะเกียบเหล็กนี้ ก็เป
ทั่วทั้งค่ายผู้ลี้ภัยเงียบกริบ ทุกคนล้วนลืมตาอ้าปากค้าง!ตกตะลึงที่สุด ก็คือลั่วอวี้จู๋และซูเฟิ่งหลิงพวกนางคิดไม่ถึงอารมณ์ของหลี่หลงหลินรุนแรงเพียงนี้ ถึงขั้นใช้กระบี่ฟันผู้ดูแลหลิวแล้วซูเฟิ่งหลิงเดาะลิ้น สีหน้าดีใจ “ท่านบอกข้าทุกวันมิให้วู่วาม ปรากฏว่าวู่วามเสียยิ่งกว่าข้าร้อยเท่า! ข้าวู่วามเยี่ยงไร ก็ไม่ถึงขั้นฆ่าคนตายคาที่ ยิ่งไปกว่านั้นยังฆ่าขุนนางในราชสำนักอีกด้วย!”วู่วามก็ส่วนวู่วาม แต่สะใจยิ่งนัก!วีรชนผู้กล้าใช้ความรุนแรงละเมิดกฎ!การกระทำของหลี่หลงหลิน ก็เป็นสิ่งที่ซูเฟิ่งหลิงอยากทำ แต่ไม่กล้าทำ!ลั่วอวี้จู๋รีบลงจากรถม้า ก้าวเท้าฉับไวเข้ามาหยุดข้างกายหลี่หลงหลิน มองศพผู้ดูแลหลิวบนพื้น บ่นตำหนิ “องค์ชายเก้า ท่านให้หม่อมฉันพูดเช่นไรถึงจะดี! คราวนี้ ท่านก่อเรื่องใหญ่แล้ว...”หลี่หลงหลินยิ้มแล้ว ชูวิหคมังกรแห่งต้าเซี่ยขึ้นฟ้า “ข้ามีกระบี่อาญาสิทธิ์อยู่ในมือ ก็แค่ปลิดชีพขุนนางชั่วขั้นเจ็ดเท่านั้น มีอันใดเลวร้ายกัน? ข้าก็แค่ต้องการกำจัดขุนนางชั่ว ผู้ดูแลหลิวเป็นเพียงการเริ่มต้น!”ท่ามกลางสายตาทุกคน ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลิน เท่ากับส่งสาสน์ท้ารบให้หัวหน้ากลุ่มขุนนางตู้เหว
หากไม่มีเบี้ยหวัดทหาร ทหารจะอยู่ได้อย่างไร หรือจะให้พวกเขาอดตายกันหรืออย่างไร?หลี่หลงหลินที่เตรียมพร้อมมานานแล้ว ก็ส่งสัญญาณมือให้พวกคนขับรถ!พรึบ!การเคลื่อนไหวของเหล่าคนขับรถเป็นไปอย่างพร้อมเพรียง ดึงผ้าคลุมสีดำลงมาจากรถ เผยให้เห็นเหรียญเงินที่วางซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบ!ซี้ด...เสียงสูดหายใจด้วยความตกใจก็ดังขึ้นในค่ายผู้ลี้ภัยพวกชาวบ้านต่างพากันตกใจ!พวกเขาไม่เคยเห็นเงินมากเท่านี้มาก่อนในชีวิต!นี่คือภูเขาเงินอย่างแท้จริง!เสียงของหลี่หลงหลินดุจเสียงฟ้าร้องที่ก้องอยู่ในหูของชาวบ้าน “ข้านั้นต่างจากผู้อื่น เห็นเงินเหล่านี้หรือไม่? ผู้เป็นทหารของข้า แจกเบี้ยหวัดทันที!” “ทหารธรรมดา จะได้ห้าตำลึงต่อเดือน!” “ทหารระดับนายพัน จะได้เดือนละห้าสิบตำลึง!” “แม่ทัพ จะได้เดือนละห้าร้อยตำลึง!” “หากพวกเจ้ามีความสามารถ ได้เป็นผู้ช่วยของแม่ทัพอย่างข้า ก็รับไปเลยหนึ่งพันตำลึงต่อเดือน!”ทั้งสนามต่างก็ระเบิดขึ้นมา เดือดไปทั่วบริเวณ!ไม่ต้องพูดถึงพวกชาวบ้าน แม้แต่ลั่วอวี้จู๋ก็ยังประหลาดใจใบหน้าที่งดงามของลั่วอวี้จู๋ซีดขาว นางรีบพูดอย่างกังวล “องค์ชายเก้า เจ้าบ้าไปแล้วหรือ! เจ้ารู้หร
ภายใต้รางวัลจำนวนมาก ย่อมต้องมีผู้กล้ายิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่หลี่หลงหลินสังหารหัวหน้าหลิว ชื่อเสียงของเขาในหมู่ผู้ลี้ภัยก็สูงขั้นไม่น้อย!ชั่วขณะหนึ่งจำนวนของผู้ที่อยากเข้าร่วมกองทัพ ก็แห่กันไปเหมือนกับปลาที่ข้ามแม่น้ำซูเฟิ่งหลิงเห็นผู้คนเข้าร่วมมากมายเช่นนี้ก็ตกใจเมื่อนางและปู่ของนางฝึกฝนทหารอยู่ในกองทัพ ย่อมเห็นการรับสมัครด้วยตาของตัวเองแม้ว่ากองทัพตระกูลซูจะรับสมัครทหาร ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มาสำหรับกองทัพอื่นๆ ต้องจับผู้ที่แข็งแกร่ง ต้องจับครอบครัวมาบังคับให้ชายหนุ่มที่แข็งแกร่งเข้าร่วมกองทัพ!“องค์ชายเก้า ไม่มีความทะเยอทะยานอย่างแน่นอน!”ลั่วอวี้จู๋ถอนหายใจเบาๆ ดวงตาอันงดงามเป็นประกาย กำลังจ้องมองไปที่แผ่นหลังของหลี่หลงหลินไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ในใจของซูเฟิ่งหลิงถึงได้สั่นไหว ราวกับว่าไหน้ำส้มสายชูของนางคว่ำ รู้สึกลำบากใจอย่างบอกไม่ถูกมีคนสมัครเข้าร่วมกองทัพจำนวนมากเกินไป หลี่หลงหลินจึงออกเงื่อนไขสามข้อเพื่อคัดเลือกเงื่อนไขแรกคืออายุผู้ที่เข้าร่วมกองทัพจะต้องมีอายุอย่างน้อยสิบหกปี อายุสูงที่สุดคือยี่สิบห้าปี!ผู้ที่มีประสบการณ์ด้านทหารมาก่อน สามารถผ่
“แม้ว่าหัวหน้าหลิวเป็นเพียงขุนนางตำแหน่งเล็กๆ ขั้นเจ็ด แต่อย่างไรก็เป็นส่วนหนึ่งของกรมคลังเช่นเดียวกับพวกเรา ร่ำเรียนมาอย่างยากลำบากกว่าสิบปี หลังจากสอบบัณฑิตผ่าน กว่าจะได้เป็นขุนนางไม่ใช่เรื่องง่าย!”“หรือว่าท่านกลัวองค์ชายเก้า ไม่กล้าออกหน้าเพื่อหัวหน้าหลิว?”พวกขุนนางอาวุโสขมวดคิ้ว แล้วเอ่ยถามอย่างสงสัยตู้เหวินยวนแค่นเสียงเย็นชา “องค์ชายเก้า คิดว่าข้ากลัวเขาหรือ? พูดตามตรง ก่อนหน้านี้ข้าประเมินเขาสูงไป คิดว่าเขาจะฉลาดกว่านี้หน่อย! แต่สุดท้ายเขากลับสังหารขุนนางราชสำนักต่อหน้าทุกคน!”“ทำอะไรสวรรค์เฝ้าดูอยู่!”“ก่อนที่มันจะพังพินาศ ต้องทำให้มันบ้าคลั่งก่อน!”“มาดูกันเถอะว่าสุดท้ายแล้ว องค์ชายเก้าจะมีจุดจบอย่างไร!”อันที่จริงแล้ว ตู้เหวินยวนมีปมอยู่ในใจเขาตลอดเวลาเหตุใดฮ่องเต้จึงมอบกระบี่อาญาสิทธิ์ให้องค์ชายเก้า?เมื่อเกิดกบฏก็ต้องมีปีศาจ!ความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือฮ่องเต้ต้องการสอบสวนคดีของตระกูลซู แล้วแต่งตั้งให้องค์ชายเก้าเป็นผู้แทนพระองค์!เหตุใดตู้เหวินยวนถึงได้โจมตีองค์ชายเก้าอย่างบ้างคลั่ง?สิ่งที่เขากลัวก็คือเรื่องนี้!แต่หลังจากองค์ชายเก้าสังหารหัวหน้าหลิว ตู้เห
“ผู้ตรวจการกองทัพ...”ฮ่องเต้หวู่พึมพำอย่างครุ่นคิดข้อเสนอของเว่ยซวินนั้นถูกใจฮ่องเต้หวู่จริงๆอย่างแรก สามารถตรวจสอบทุกการเคลื่อนไหวของหลี่หลงหลินได้สองมันสามารถช่วยให้เขาสำรวม ไม่กระทำผิดอย่างเหิมเกริมอย่างไรก็ตาม ฮ่องเต้หวู่ไม่มีลูกน้องที่พอให้เชื่อใจได้มากนัก ผู้ตรวจการกองทัพที่เหมาะสมอยู่ น้อยเสียยิ่งกว่าน้อยเขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “สหาย เจ้ามีตัวเลือกที่เหมาะสมหรือไม่?”เว่ยซวินรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากฮ่องเต้หวู่ใจอ่อนอย่างที่คาด ทั้งหมดกำลังเป็นไปตามเรื่องราวที่เขาวางเอาไว้!แต่สีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลง กลับขมวดคิ้วกล่าวว่า “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมยังนึกไม่ออกตอนนี้...”เมื่อฮ่องเต้หวู่มีสีหน้าผิดหวัง เว่ยซวินก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “แต่ว่าในกรมกลาโหมมีชายหนุ่มที่มีความสามารถอยู่หลายครั้ง กระหม่อมมีข้อมูลของพวกเขาอยู่บ้าง ฝ่าบาททรงทอดพระเนตรดูพ่ะย่ะค่ะ...”รุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์คือลูกชายบุญธรรมของเว่ยซวินอย่างไรก็ตาม เว่ยซวินตั้งใจบอกว่าเป็นคนของกลมกลาโหม เพื่อทำให้ตัวเองบริสุทธิ์ฮ่องเต้หวู่พยักหน้า รับสิ่งที่เว่ยซวินมอบให้ อ่านอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงกล
หากจะบอกว่ารังแกเบื้องบน ก็คงมีเพียงฮ่องเต้คนเดียวเท่านั้นที่ยังโง่!ฮ่องเต้หวู่ตะลึง หลังจากเงียบอยู่นานก็พูดว่า “เรื่องนี้ ช่างมันไปก่อนเถอะ! อย่าเพิ่งไปตรวจสอบ! อย่างไรเสีย ตู้เหวินยวนจะไม่มีวันเลิกราแน่ จะต้องใช้โอกาสนี้โจมตีเจ้า…”“แต่เจ้าไม่ต้องกังวล!”“ฎีกาฟ้องร้องของพวกเขา ข้าจะเก็บเอาไว้ไม่ส่งไป เจ้าไม่จำเป็นต้องสนใจข่าวลือเหล่านี้!”หลี่หลงหลินซาบซึ้งใจ ยกมือขึ้นคำนับกล่าวว่า “ลูกขอบพระทัยเสด็จพ่อ!”ฮ่องเต้หวู่ตรัสขึ้นมาอีกครั้ง “แต่หากเรื่องนี้มันวุ่นวายมากเกินไป จะต้องเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์แน่! สหายเว่ยเพิ่งจะเสนอความคิดให้ข้าฟัง ว่าจะจัดผู้ตรวจการกองทัพไปที่ค่ายของเจ้าสองสามคน เข้าไปตรวจตราเพียงในนามเท่านั้น เจ้าจะยินดีหรือไม่?”ผู้ตรวจตรากองทัพ?หลี่หลงหลินเงยหน้าขึ้นและมองไปที่เว่ยซวินด้วยความประหลาดใจในที่สุด สุนัขขันทีตัวนี้ก็ข่มกลั้นเอาไว้ไม่ได้แล้วสินะ จึงอยากจะลงมือกับตนแล้ว!ขณะที่หลี่หลงหลินอยู่ในกองทัพตระกูลซู เขาก็คือผู้ตรวจการกองทัพเขาคุ้นเคยกับวิธีการนี้เป็นอย่างดีเลยล่ะพูดตามตรง ฮ่องเต้หวู่ไม่เชื่อใจแม่ทัพ ดังนั้นจึงส่งสายลับสองสามคนไปจับตาดูอย
เว่ยซวินส่ายหัวกล่าวว่า “ท่านดูองค์ชายเก้าสิพ่ะย่ะค่ะ พูดไร้สาระอะไรกัน!”ฮ่องเต้หวู่ถอนหายใจ “เจ้าเก้า ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากให้ผู้อื่นไปยุ่งเกี่ยวกับงานทหารในกองทัพของเจ้า แต่เจ้าต้องอยู่ในความเป็นจริง...”หลี่หลงหลินกล่าวโดยไม่คิดด้วยเสียงทุ้ม “เสด็จพ่อ! ลูกยินดีทำหน้าที่ตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ! หากภายในสามวันนี้ ลูกยังไม่ทหารที่เป็นบัณฑิตจอหงวน ลูกยินดีรับโทษพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หวู่โบกมือ “เรื่องลงโทษ ไม่จำเป็นแล้ว! หากเจ้าทำไม่ได้ตามที่พูด ภายในสามวัน ข้าจะส่งผู้ตรวจการกองทัพไปที่ค่ายทหารของเจ้า และเจ้าห้ามปฏิเสธเด็ดขาด!”หลี่หลงหลินโค้งคำนับ “ลูกน้อมรับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ! ตอนนี้ดึกแล้ว ลูกขอทูลลา เสด็จพ่อทรงรีบพักผ่อนนะพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หวู่พยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรมากเว่ยซวินมองร่างที่จากไปของหลี่หลงหลิน บนมุมปากพลันฉายรอยยิ้มเหยียดหยามองค์ชายเก้าเอ๋ยองค์ชายเก้า!เจ้าไม่รู้ว่าชื่อเสียงของเจ้ามันแย่แค่ไหนในหมู่บัณฑิต!บัณฑิตจอหงวนใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ หรือ?อย่าว่าแต่สามวัน!ต่อให้สามปี!หลี่หลงหลินก็หาไม่เจอ!สถานการณ์ทั้งหมดถูกตัดสินเช่นนี้เขาต้องรอเพียงสามวันเท
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค