[CHALEE’s Talks]
“เชิญออกเหรอคะ!!” ฉันเอ่ยออกไปด้วยความตกใจหลังจากผู้จัดการตึกเดินเข้ามาบอกข่าวร้ายถึงในร้าน
ออกตัวก่อนว่าฉันเปิดร้านกาแฟใต้ตึกนี้กำลังจะเข้าเดือนที่สอง เพราะตั้งใจจะให้ลูกชายมีอนาคตที่ดีจึงเอาเงินก้อนสุดท้ายซึ่งหักจากค่าเล่าเรียนลูกมาเปิดร้านกาแฟในกรุงเทพ ฉันรู้ดีว่าที่นี่เป็นบริษัทผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชื่อดัง ดังนั้นต้องมีพนักงานที่สามารถเป็นฐานลูกค้าประจำให้ฉันได้อย่างแน่นอน ระหว่างที่โรงเรียนยังไม่เปิด ฉันก็พาลูกมาทำงานด้วยเพราะไม่อยากให้น้องคลาวด์อยู่ที่บ้านลำพัง
“ค่ะ รบกวนย้ายออกภายในวันนี้ด้วยนะคะ ส่วนเงินค่ามัดจำและค่าเช่าทางเราจะชดเชยคืนเต็มจำนวนภายในเจ็ดวันทำการ”
เจ็ดวัน!! แล้วระหว่างนั้นฉันจะเอาที่ไหนไปมัดจำสถานที่ใหม่กันล่ะ
ไหนจะข้าวของที่ลงทุนไปแล้ววันนี้อีก
“คือ...บอกเหตุผลได้ไหมคะ ทำไมไล่ฉันออก หรือฉันทำผิดกฎข้อไหนของที่นี่หรือเปล่า”
ถ้าเป็นอย่างหลัง ฉันจะได้ขอจ่ายเป็นค่าปรับแทน อย่างน้อยก็คงดีกว่าหาที่ใหม่
ไม่อยากเสียแหล่งลูกค้าตรงนี้ไปเลย เพราะในหนึ่งวันฉันขายให้กับพนักงานตึกนี้ได้หลายหมื่น
ร้านนี้นอกจากจะมีกาแฟ ยังมีขนมและอาหารว่างที่รับมาขายจากข้างนอก เหมาะกับพนักงานที่มีความเร่งรีบในตอนเช้าสุดๆ “เป็นคำสั่งของบอสค่ะ”
“บอส? เจ้าของบริษัทเหรอคะ ฉัน...ไปทำอะไรให้เขา”
จำได้ว่าฉันไม่เคยเจอเจ้าของบริษัทนี้ด้วยซ้ำ ชื่อของเขาฉันยังไม่มีเวลาว่างจะไปหาข้อมูลด้วย เพราะเข้าใจว่าเป็นบริษัทข้ามชาติ เจ้าของก็ไม่น่าจะอยู่ในไทยนี่นา
ผู้จัดการฝ่ายสถานที่มีสีหน้าอึดอัดใจกับคำถามของฉัน อาจจะไม่อยากบอก หรือเขาเองก็ไม่รู้เหตุผลนั้นเหมือนกัน
เดี๋ยวนะ...
“รถยุโรปสีดำคันเมื่อเช้าใช่รถเจ้านายคุณหรือเปล่าคะ” ฉันเอียงคอถามด้วยความสงสัย หันไปมองลูกชายที่หยิบผ้ามาช่วยเช็ดกระจกตู้เค้กเล็กน้อย ก่อนจะดึงสายตากลับมา “เพราะลูกชายฉันไปขวางหน้ารถเขา?”
“เอ่อ...”
เงียบแบบนี้แปลว่าใช่
“เมื่อเช้ามันเป็นอุบัติเหตุ น้องคลาวด์ทำลูกบอลหลุดมือและวิ่งออกไปนอกถนน ฉันขอโทษไปแล้วนะคะ” ฉันลอบถอนหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด พร้อมพยายามอธิบายเรื่องราวให้ผู้จัดการทราบเผื่อเขาจะกลับไปคุยให้ใหม่
ทว่าสีหน้าของคนตรงหน้าก็ยิ่งทำให้รู้สึกสิ้นหวัง
“คุณชาลีเข้าใจพวกเราด้วยนะคะ มันคือคำสั่งของเจ้านาย”
สุดท้ายฉันจึงได้แต่พยักหน้ายอมรับ นั่นสิเนอะ คนตรงหน้าจะทำอะไรได้ ในเมื่อคำสั่งมันมาจากคนมีอำนาจเหนือกว่า
เมื่อหกปีก่อน ฉันเอง...ก็เคยเจอความรู้สึกแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน
“เข้าใจแล้วค่ะ แต่ช่วยทำเรื่องคืนเงินให้ไวที่สุดได้ไหมคะ ฉันต้องใช้มันเหมือนกัน”
“ระ รับทราบค่ะ! ขอโทษด้วยนะคะ”
เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามคำสั่ง สีหน้าผู้จัดการคนนั้นก็ดีขึ้นมาทันตา
คงเหลือแต่ฉันที่ต้องจัดการปัญหาตัวเองต่อไป
[Talk End]
»»-----✧-----««
ก๊อกๆ
“เชิญ”
คำอนุญาตด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ดังได้ยินถึงคนที่อยู่ด้านนอก ลูเซียละความสนใจจากเอกสารผลประกอบการตรงหน้าเงยขึ้นมองลูกน้องที่เข้ามารายงานผลงานที่ตนเองให้ไปทำ
“ผู้จัดการฝ่ายอาคารสถานที่จัดการเรียบร้อยแล้วครับ ภายในเย็นวันนี้ร้านของคุณชาลีจะย้ายออกจากอาคารของเรา” เชร์อธิบายด้วยน้ำเสียงสุภาพ สองมือประสานกันวางไว้ด้านหน้าประกอบ
รอยยิ้มหยันแสดงออกถึงความพึงพอใจในการทำงานอันรวดเร็วปรากฏออกมาบนใบหน้าหล่อเหลา ลูเซียลอบถอนหายใจเล็กน้อยกับการได้กลั่นแกล้งใครบางคนเอาความสะใจเล็กๆ เข้ามาเติมเต็มใจตนเอง
“ไม่ใช่พนักงานบริษัทเรา?”
“ครับ เธอเปิดร้านขายกาแฟอยู่ใต้ตึกติดกับทางขึ้นลิฟต์พนักงานครับ และเป็นแม่ของเด็กที่วิ่งมาขวางหน้ารถเราเมื่อเช้า”
คำพูดว่า ‘ของแม่ของเด็ก’ ทำให้รอยยิ้มแห่งความสุขเมื่อครู่หุบลงฉับพลัน ดวงตาสีเทาเข้มขึ้นหนึ่งระดับกับข้อมูลที่ไม่จำเป็นพวกนั้น
ตอนนั้นบอกว่าต้องกลับมาแต่งงานกับคนที่พ่อแม่หาให้แสดงความคือเรื่องจริง...
“เด็กอายุกี่ขวบ”
“ไม่ทราบครับ แต่จากที่ผมเห็นเมื่อเช้าน่าจะสี่ถึงเจ็ดขวบ”
ช่วงเวลาเดียวกันเป๊ะ!
สมน้ำหน้า ถ้าแต่งงานกับเขาในตอนนั้นก็คงไม่ต้องมานั่งหลังขดหลังแข็งแบกลูกมาทำงานแบบนี้ คิดจะบินหนีจากเขาก็นึกว่าจะบินขึ้นฟ้า แต่นี่กลับดิ่งลงเหว
ลูเซียหัวเราะหึออกมาอย่างสาแก่ใจ โบกมือให้ลูกน้องออกไปจัดการงานต่อ แต่เชร์กลับยืนนิ่งคล้ายอยากจะพูดอะไรบางอย่างจนเจ้าของห้องต้องถาม
“พูด”
“ผู้จัดการอาคารสถานที่แจ้งว่า ทางคุณชาลีขอให้เราโอนเงินค่ามัดจำล่วงหน้า ค่าประกัน รวมถึงค่าเช่าของเดือนที่คืนตามสัญญาในข้อที่บริษัทยกเลิกการให้เช่าพื้นที่ด้วยตนเองครับ”
ใครก็รู้ดี ว่าการพูดเรื่องเงินกับลูเซีย กรอสเวอเนอร์คือสิ่งที่ต้องระมัดระวัง
“เท่าไหร่?”
“สองแสนสองหมื่นบาทครับ เธอต้องใช้เช่าที่อื่นต่อ”
“ประวิงเวลาให้ครบเจ็ดวันค่อยโอนคืน” พูดจบก็ยิ้มมุมปากออกมาอย่างร้ายกาจ
ยิ่งรู้ว่าต้องรีบใช้เงิน เขายิ่งอยากหาวิธีทำให้ผู้หญิงคนนั้นเดือดร้อนให้มากที่สุด
จะเอาเงินไปเช่าที่อื่นงั้นเหรอ? อย่าฝันว่ามันจะง่าย
“ส่งคนตามไปดูผู้หญิงคนนั้น อย่าให้หาที่ใหม่ได้”
คำสั่งไม่สมเหตุสมผลนั้นทำให้ลูกน้องคนสนิทชะงัก ตั้งแต่ได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่คนสนิทของเจ้านายต่อจากพ่อตนเอง เชร์ไม่เคยเห็นว่าลูเซียจะเจ้าคิดเจ้าแค้นกับใครขนาดนี้
“นายครับ ผมคิดว่าเราไม่ควรเสียเวลากับผู้หญิงคนนี้ เรื่องเมื่อเช้าเป็นอุบัติเหตุ และเราได้จัดการขั้นเด็ดขาดไปแล้ว” ความจริงคือเขาสงสารเด็ก อีกทั้งผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรผิด อาจจะซวยหน่อยที่ทะเล่อทะล่ามาทำให้เจ้านายของเขาหงุดหงิด
“ไม่ได้ถามความเห็น สั่งอะไรก็ไปทำ”
คนนั่งอยู่ชำเลืองมองด้วยหางตา สายตาขุ่นเคืองมีประกายความโกรธฝังลึกนั้น ทำให้เชร์เข้าใจว่าคงไม่ใช่แค่เรื่องเมื่อเช้า สุดท้ายเขาก็คืออีกหนึ่งคนที่ไม่อาจทัดทานคำสั่งของคนที่มีอำนาจเหนือกว่าได้ เจ้าของใบหน้าแบบฉบับชาวยุโรปโค้งรับคำสั่ง ก่อนจะเปล่งเสียงออกมาด้วยวาจาหนักแน่น
“...ครับ ขอโทษครับ”
บอดีการ์ดของเขาเดินออกไปแล้ว เจ้าของห้องจึงหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ
บุหรี่ที่ไม่ได้หยิบมันมาใช้ แต่มักจะพกติดตัวไว้ตลอด หากอยากระบายความเครียด
กลิ่นนิโคตินผสมกับกลิ่นดอกลาเวนเดอร์ที่ลอยออกมาตามควันบุหรี่ปะทะเข้ากับจมูกทำให้มาเฟียหนุ่มนึกถึงใครบางคน เขาไม่ได้ชอบลาเวนเดอร์เพราะมันทำให้จิตใจผ่อนคลาย แต่เพราะมันทำให้นึกถึงวันที่ผู้หญิงคนนั้นจากไป ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตนเองเจอความทุกข์แสนสาหัสจนเกือบตายหลายรอบ
ถ้าเขาเคยผ่านเรื่องผู้หญิงคนนั้นมาได้ ปัญหาที่มีอยู่ตรงหน้าก็เล็กนิดเดียว
ภาพของผู้หญิงคนนั้นที่รีบวิ่งมาอุ้มลูกตนเองลอยเข้ามาในหัว ดูจะรักเด็กคนนั้นมาก คงเป็นธรรมดาของผู้หญิงประเภทนั้นที่อยู่กับใครก็รักคนนั้นได้อย่างง่ายดาย
ตอนอยู่กับเขาก็แสดงออกว่ารักเขามาก
พอมีผัวใหม่ก็คงรักผัวใหม่ตนเองมากถึงขั้นมีลูกด้วยกัน
“หึ...” ความคิดชั่วร้ายแวบเข้ามาในหัวจนอดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะออกมาคนเดียว
สองเดือนที่อยู่ที่นี่ เขาจะใช้มันกับเธออย่างสาสม อย่าคิดว่าจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขถ้าเลือกจะทำให้เขาเสียใจก่อน
อยากรู้เหมือนกันว่า ถ้าเธอเป็นฝ่ายเจ็บเจียนตายบ้าง...จะรู้สึกยังไง!!
»»-------✧-------««