LOGINที่มุม VIP ด้านในสุดของ Glow Room ราวินกับกันต์นั่งเอนกายบนโซฟาหนังนุ่ม จิบวิสกี้เย็น ๆ ท่ามกลางเสียงหัวเราะของกลุ่มเพื่อนเก่าสมัยมัธยมที่นัดกันมาสังสรรค์
บรรยากาศเต็มไปด้วยความเป็นกันเอง เสียงดนตรีเร้าใจแต่ไม่กลบเสียงพูดคุย เพลงเปลี่ยนจังหวะเบา ๆ ไปเรื่อย ๆ แสงไฟหมุนช้า ๆ พาดผ่านโต๊ะและใบหน้าของคนในกลุ่มเป็นจังหวะ
จู่ ๆ เพื่อนคนหนึ่งที่นั่งหันหน้าออกไปทางประตูร้านก็เบิกตากว้าง
“เห้ยยย...นั่นน้องขนมนี่หว่า! โตแล้วสวยขนาดนี้เลยเหรอ?”
กันต์ที่ตอนแรกนั่งหันหลังให้ฝั่งประตูหูผึ่งทันทีที่ได้ยินชื่อ เขารีบหันไปตามสายตาเพื่อน...แล้วก็เห็นขนมกำลังก้าวเข้ามาในผับ
ร่างบางที่เดินเยื้องกรายภายใต้สปอร์ตไลต์ ประกอบกับแสงไฟสีม่วงอมทองก็สาดส่องบนร่างระหงนั้นพอดี
กันต์ถึงกับสตั๊นราวกับโดนสาปให้กลายเป็นหิน ดวงตาคมใต้คิ้วเข้มจ้องมองทุกท่วงท่าของเธอ
เสื้อเชิ้ตครอปสีขาวไข่มุกแนบเนื้อแนบใจ หน้าอกอวบอิ่ม กางเกงยีนส์เอวต่ำขับผิวขาวเนียนจนอยากยื่นมือไปสัมผัสร่างบาง ผมลอนนุ่มแกว่งไปตามการก้าวเดิน
ริมฝีปากเคลือบกลอสสีชมพูอ่อนที่ตอนนี้กำลังยิ้มกับเพื่อนอย่างเป็นธรรมชาติ
‘แม่งเอ๊ย! อยากกดให้จมเตียง!!’
กันต์ได้แต่ขบกรามแน่น เข่นเขี้ยวในใจ มือกำแก้ววิสกี้แน่น
ในขณะราวินยกแก้ววิสกี้ขึ้นจิบอย่างใจเย็น ก่อนจะหันไปมองเพื่อนรักที่นั่งนิ่งเหมือนโดนแช่แข็งทั้งตัว
“มองแรงขนาดนั้น...” เขาแกล้งเอ่ยเสียงเบา
“ไม่ลุกไปอุ้มน้องกลับบ้านเลยล่ะ”
กันต์เหมือนได้สติหันหน้ากลับมาทันที
“มองอะไร ไม่มี๊” น้ำเสียงพยายามเรียบ แต่หูแดงอย่างน่าจับผิด
ราวินหัวเราะในลำคอ ยักไหล่
“ยังจะแถอีกนะ เมื่อกี้ มึงมองเธอตาไม่กะพริบเลยนะ”
“กูเปล่า”
กันต์ทำทีหันกลับไปคุยกับเพื่อนอีกคน แต่หางตายังเผลอเหลือบไปมอง เขาเห็นขนมหัวเราะ เธอสะบัดผมเบา ๆ ขยับยกแก้วดื่มกับมิว และเขาก็เห็นหนุ่ม ๆ มองไปที่เธอแทบจะทุกโต๊ะ
หัวใจเขาเต้นแรงเหมือนผิดจังหวะเล็กน้อย ไม่รู้ว่า รู้สึกหวง หรือรู้สึกหึง...หรือทั้งคู่
‘แต่งตัวแบบนั้นมาทำไมวะ!’
เขาคิดในใจ ขณะที่สายตายังคงจับจ้องเธออย่างเงียบ ๆ เหมือนเสือที่จ้องล่าเหยื่อตัวน้อย
เวลาผ่านไปพักใหญ่ ค็อกเทลหวานที่ขนมจิบไปหลายแก้วเริ่มออกฤทธิ์ ยิ่งทำให้เธอกลายเป็นคนขี้เล่น มีเสน่ห์น่ามองมากยิ่งขึ้น
“แก ๆ เดี๋ยวฉันขอออกไปขยับแข้งขยับขาก่อนนะ” เธอบอกมิว ก่อนจะลุกขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะร่า
“เฮ้ย ๆ ฉันไปด้วยดิ” มิวรีบลุกตามทันที
ทั้งสองตรงไปยังฟลอร์กลางร้าน ท่ามกลางแสงไฟสีชมพูและสีม่วงที่หมุนวนสลับไปกับดนตรีอิเล็กทรอนิกส์เบสแน่น เสียงหัวเราะใส ๆ ของขนมและมิวคลอไปกับจังหวะของเพลง
ร่างระหงขยับไปตามจังหวะเพลง สะโพกส่ายเบา ๆ ลำตัวเอียงนิด ๆ แววตาฉ่ำแสงสะท้อนกับลูกบอลไฟด้านบน ยิ่งทำให้เธอดูร้อนแรงกว่าปกติ ดึงดูดสายตาของทุกคนในบริเวณนั้น
แล้วชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามาหา พร้อมรอยยิ้ม
“ขอเต้นด้วยคนได้มั้ยครับ?” เขายิ้มพลางยื่นมือให้ขนม
“เอ้า~ มีหนุ่มมาขอแกเต้นแน่ะ” มิวหัวเราะคิกคัก ก่อนผลักร่างเพื่อนรักเข้าไปหาชายหนุ่มคนนั้น
“คะ ค่า” ขนมหัวเราะ จับมือของอีกฝ่ายโดยไม่คิดอะไร
ปึก!!
เสียงแก้ววิสกี้กระแทกโต๊ะที่มุม VIP ทำให้ทั้งโต๊ะสะดุ้ง เพื่อน ๆ ที่นั่งล้อมวงอยู่พร้อมใจกันหันไปมองเจ้าของมือที่วางแก้วอย่างแรง
“ใจเย็นมึง...” ราวินหัวเราะเบา ๆ มองเพื่อนรักที่ขมวดคิ้วแน่น
“เดี๋ยวกูมา”
พูดจบกันต์ก็ลุกขึ้น เดินลุยฝ่าผู้คนที่แน่นขนัดตรงไปยังฟลอร์กลางร้านทันที
จังหวะที่ชายแปลกหน้ากำลังโน้มตัวมากระซิบอะไรบางอย่างข้างหูขนม มือหนาของกันต์ก็คว้าไหล่เธอไว้ แล้วดึงออกห่างอย่างแรงจนร่างบางเซเข้าหาอกของเขา
“อ้าว~ พี่กันต์ มาด้วยเหรอค้า~” ขนมเงยหน้าถามด้วยรอยยิ้มฉ่ำ ๆ แววตาเริ่มมึน ๆ อย่างคนกำลังเมานิด ๆ
ชายหนุ่มที่ยืนงงอยู่ข้าง ๆ ขมวดคิ้วถามเสียงห้วน
“คุณเป็นใครครับ?”
กันต์หรี่ตามอง แสยะยิ้มมุมปาก แล้วกระซิบเสียงเข้ม
“ผัวในอนาคตของน้องเขา”
คำตอบนั้นทำเอาหนุ่มคนนั้นอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยกมือยอมแพ้และถอยห่างไปอย่างรู้สถานการณ์
ขนมหันมามองเขา ตาโต ก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมา
“พี่กันต์! ทำไมพูดแบบนั้นล่ะคะ~” เธอเอียงตัวผลักอกเขาเบา ๆ
“ผู้ชายหนีหนูหมดเลยนะ~”
“ดีแล้ว” กันต์พูดนิ่ง ๆ ก่อนจะรวบเอวเธอไว้แน่นโดยไม่ให้ขยับหนี มือของเขาจับแขนเธอขึ้นมาคล้องรอบคอของเขาเอาไว้ ก่อนจังหวะเพลงจะเปลี่ยนเป็นช้าลง
“เต้นกับพี่” เสียงทุ้มกระซิบใกล้ใบหู
“หื้ม?” เธอย่นคิ้วเล็กน้อย มองเขาด้วยสายตาไม่เข้าใจ แต่หัวใจกลับเต้นแรงอย่างน่าประหลาด
กันต์โน้มหน้าลงมาใกล้ จนปลายจมูกเกือบแตะกัน เขากระซิบเสียงต่ำ
“อย่ายั่วมากนัก...พี่ไม่อยากใจร้ายกับเด็ก”
“หึ~ หนูไม่กลัวหรอกค่ะ” เธอยิ้มหวานเจ้าเล่ห์
“ก็พี่บอกเองว่าไม่กินเด็กนี่นา~”
กันต์หรี่ตามองอย่างมีเลศนัย ก่อนจะยกยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์
“ก็ไม่แน่...ถ้าเด็กคนนั้นถูกใจพี่”
สองวันถัดมา...หลังจากที่ขนมรู้ว่า คนส่งกาแฟให้เธอทุกวันคือใคร ก็ถึงเวลาอ่อยกลับแบบเนียน ๆ แล้วล่ะขนมนั่งทำงานหน้าคอมเงียบ ๆ แต่มือกลับไถดูมือถือที่เพิ่งค้นประวัติร้านขนมเจ้าเก่าที่อยู่ในตลาดใกล้โรงเรียนมัธยมเก่า“ขนมเปียกปูนมะพร้าวอ่อน” ขนมที่เขาเคยกินตอนมัธยมซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเธอจำได้ขึ้นใจตอนนั้นเธอยังเป็นเด็กน้อยที่เอาแต่แอบมองพี่กันต์นั่งกินใต้ต้นมะม่วงหลังตึกเรียนแต่ตอนนี้...เธอโตพอจะซื้อให้เขาแล้วเธอสั่งขนมเปียกปูน 2 กล่องจากร้านดั้งเดิม พร้อมกับฝากโน้ตเล็ก ๆ ไปด้วย ให้ไรเดอร์ส่งตรงไปยังสำนักงานของ KTEG“ไม่รู้ว่ายังชอบขนมเหมือนเดิมมั้ย แต่หนูจำได้...ว่าพี่เคยกินทุกเย็นหลังเลิกเรียน"โดยที่เธอก็ไม่ลงชื่อในโน้ตเหมือนกัน...ช่วงบ่าย — ที่ไซต์ก่อสร้างสำนักงานใหญ่ KTEGกันต์กำลังคุมหน้างานอยู่ จู่ ๆ ก็พนักงานรปภ. ก็เดินถือถุงขนมพร้อมโน้ตเล็ก ๆ มาส่งให้ เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะหยิบมาเปิดดู‘ขนมเปียกปูนมะพร้าวอ่อน’แถมยังมาจากร้านเดิมที่เขาเคยซื้อทุกวันสมัยม.ปลาย ร้านที่เขาเองยังนึกไม่ถึงว่าเธอจะจำได้มือใหญ่เปิดโน้ต อ่านเพียงไม่กี่บรรทัด ก็หลุดยิ้มกว้าง...
K-TECH Engineering Group หรือที่ทุกคนเรียกกันสั้น ๆ ว่า KTEG คือหนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศที่พัฒนาเทคโนโลยีด้านวิศวกรรมก่อสร้างอัจฉริยะ มีโปรเจกต์นับไม่ถ้วนที่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างเมืองทั้งระบบและกันต์ก็เป็นหนึ่งในคนที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จเหล่านั้นเขาใช้ชีวิตเรียบง่ายภายใต้ตำแหน่งที่ใคร ๆ ก็คิดว่าเป็นเพียงซีเนียร์โปรเจคเอ็นจิเนียริ่งธรรมดา ๆ ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นใคร และจริง ๆ แล้วร่ำรวยขนาดไหน เขาเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องบอก เพราะในใจ...มีเรื่องอื่นให้คิดมากกว่านั้นโดยเฉพาะเด็กข้างบ้านที่เขาเคยคิดว่า ‘ไม่เอา’ แต่ตอนนี้...เขากลับอยากได้จนแทบทนไม่ไหวกันต์จำได้ดีว่าเธอเคยวิ่งตามเขาในชุดนักเรียนมัธยมปลาย พร้อมกล่องขนมในมือและรอยยิ้มกว้างที่สดใสที่สุดในโลกจำได้ว่าเธอเคยสารภาพรัก ก่อนจะร้องไห้ออกมา เพราะเขาปฏิเสธเธออย่างไม่ไยดีเขาคิดว่าเธอแค่เด็ก คิดว่าอีกหน่อยก็ลืม แต่ตอนนี้คนที่ดันไม่ลืมกลับกลายเป็นเขาเองและเพราะแบบนั้น เขาถึงไม่กล้ามองเธอตรง ๆไม่กล้าพูด ไม่กล้าถาม ไม่กล้ารุกแรง...แต่ก็หยุดความคิดของตัวเองไม่ได้เลยสักวันเขาเริ่มคิดว่า จะจีบเธอแบบไหน ถึงจะเนียน
ที่มุม VIP ด้านในสุดของ Glow Room ราวินกับกันต์นั่งเอนกายบนโซฟาหนังนุ่ม จิบวิสกี้เย็น ๆ ท่ามกลางเสียงหัวเราะของกลุ่มเพื่อนเก่าสมัยมัธยมที่นัดกันมาสังสรรค์บรรยากาศเต็มไปด้วยความเป็นกันเอง เสียงดนตรีเร้าใจแต่ไม่กลบเสียงพูดคุย เพลงเปลี่ยนจังหวะเบา ๆ ไปเรื่อย ๆ แสงไฟหมุนช้า ๆ พาดผ่านโต๊ะและใบหน้าของคนในกลุ่มเป็นจังหวะจู่ ๆ เพื่อนคนหนึ่งที่นั่งหันหน้าออกไปทางประตูร้านก็เบิกตากว้าง“เห้ยยย...นั่นน้องขนมนี่หว่า! โตแล้วสวยขนาดนี้เลยเหรอ?”กันต์ที่ตอนแรกนั่งหันหลังให้ฝั่งประตูหูผึ่งทันทีที่ได้ยินชื่อ เขารีบหันไปตามสายตาเพื่อน...แล้วก็เห็นขนมกำลังก้าวเข้ามาในผับร่างบางที่เดินเยื้องกรายภายใต้สปอร์ตไลต์ ประกอบกับแสงไฟสีม่วงอมทองก็สาดส่องบนร่างระหงนั้นพอดีกันต์ถึงกับสตั๊นราวกับโดนสาปให้กลายเป็นหิน ดวงตาคมใต้คิ้วเข้มจ้องมองทุกท่วงท่าของเธอเสื้อเชิ้ตครอปสีขาวไข่มุกแนบเนื้อแนบใจ หน้าอกอวบอิ่ม กางเกงยีนส์เอวต่ำขับผิวขาวเนียนจนอยากยื่นมือไปสัมผัสร่างบาง ผมลอนนุ่มแกว่งไปตามการก้าวเดินริมฝีปากเคลือบกลอสสีชมพูอ่อนที่ตอนนี้กำลังยิ้มกับเพื่อนอย่างเป็นธรรมชาติ‘แม่งเอ๊ย! อยากกดให้จมเตียง!!’กันต์ได้แต่
สองวันต่อมา...ช่วงเย็น ขนมที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านหลังสีพีชสองชั้นที่ตอนนี้เธออาศัยอยู่คนเดียว เดิมทีบ้านหลังนี้เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของครอบครัวแต่เมื่อพ่อกับแม่ของเธอตัดสินใจย้ายไปอยู่ญี่ปุ่นอย่างถาวรหลังจากธุรกิจลงทุนของคุณพ่อ ดันเกิดปังปุริเย่ระเบิดเถิดเทิงแบบไม่ตั้งใจ ชีวิตของขนมจึงพลิกผันกลายเป็นสาวโสดในบ้านหลังใหญ่โดยสมบูรณ์แม้ใครจะมองว่าน่าเหงา...แต่ไม่ใช่สำหรับเธอก็แหม...อยู่ตัวคนเดียว มีบ้าน มีรถ แถมยังมีอิสระให้ใช้ชีวิตแบบไม่ต้องมีคุณพ่อคุณแม่คอยสแกนชุดก่อนออกจากบ้าน ใครจะไม่ชอบล่ะ?ส่วนบ้านข้าง ๆ ที่แทบจะแชร์รั้วเดียวกัน ก็เป็นของมิวเพื่อนสนิทที่กลายเป็นเหมือนฝาแฝดคนละบ้าน และพี่กันต์ พี่ชายสุดฮอตเจ้าของฉายา ‘คาสโนว่า’ ที่ทำเอาเธอแอบเขินทุกครั้งเวลาเผลอเดินสวนกันครอบครัวของมิวกับพี่กันต์ก็ไม่ได้ต่างจากครอบครัวของขนมเท่าไหร่นัก หลังจากประสบความสำเร็จในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับอินเตอร์ พ่อแม่ของพวกเขาก็บินไปบริหารงานสาขาต่างประเทศอยู่บ่อย ๆ ทิ้งสองพี่น้องไว้ในเมืองไทยอย่างอิสระเสรีไม่แพ้กันและนั่นเอง...คือจุดเริ่มต้นของความสนิทที่กลายเป็นความคุ้นเคยและสุดท้าย...เหมือน
เช้าวันแรกของการเริ่มงานที่บริษัทวิสต้า คอร์เปอร์เรชั่น สาขาเมืองต้นแบบ ขนมเดินเข้าสำนักงานด้วยท่าทางคล่องแคล่ว และความตื่นเต้นเล็ก ๆ ในหัวใจออฟฟิศแห่งนี้ตกแต่งอย่างเรียบหรู ผสานความล้ำสมัยเข้ากับความอบอุ่น ทุกคนดูเป็นกันเอง ไม่มีความเคร่งเครียดแบบที่เธอเคยจินตนาการถึงเพียงไม่กี่นาทีหลังเธอเซ็นชื่อเข้าทำงาน ร่างสูงในสูทสีน้ำตาลอ่อนก็ก้าวเข้ามาทักทาย“ขนม?”หญิงสาวหันขวับตามเสียง และเบิกตากว้างเมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย“พี่วิน!?”“ใช่แล้ว จำพี่ได้ด้วย ดีใจจัง” ราวินหัวเราะอย่างเป็นมิตร ดวงตาคมกริบยังคงอบอุ่นเหมือนเดิม“แหม~ พี่วิน เพื่อนสนิทของพี่กันต์ ใครจะลืมได้ลงล่ะคะ” ขนมหัวเราะอย่างสบายใจขึ้นมาทันทีที่เจอคนคุ้นหน้า“เราทำงานที่นี่เหรอ?”“ค่ะ ขนมมาเป็นเลขาฯ ท่านประธานค่ะ”เธอพูดด้วยรอยยิ้ม โดยไม่ทันได้สังเกตเลยว่า หลายสายตาในออฟฟิศแอบมองพวกเขาอยู่เงียบ ๆ“อย่างนี้ก็แสดงว่า...เราได้ทำงานด้วยกันน่ะสิ” ราวินเอ่ยพร้อมรอยยิ้มมีเลศนัย“หืม?” ขนมเลิกคิ้วงง ๆ“ยังไงคะ?”“มาเถอะ เดี๋ยวก็รู้”ราวินยักคิ้วให้เธอเล็กน้อย ก่อนจะเดินนำไปทางลิฟต์ฝั่งผู้บริหาร ซึ่งขนมลังเลเล็กน้อยแต่ก็ตามไปอย่าง
เช้าวันต่อมา...แดดอ่อน ๆ ส่องลอดม่านเข้ามาในห้องของขนม เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นพอดีกับที่เธอลืมตาตื่น วันนี้เป็นวันแรกของการทำงานตำแหน่งเลขาของท่านประธานขนมลุกขึ้นอย่างกระฉับกระเฉง คว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำก่อนจะเดินออกมาในชุดเดรสสีพาสเทลเข้ารูป ทับด้วยเบลเซอร์สีครีมบางเบา กระโปรงยาวเหนือเข่าเล็กน้อย ผมลอนคลายถูกรวบครึ่งหัวดูหวานละมุน และเผยให้เห็นลำคอขาวเนียนรับกับต่างหูไข่มุกเม็ดเล็กขนมยืนหน้ากระจก ปรับปกเบลเซอร์ให้เข้าที่อีกครั้งก่อนหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นบ่า ทันทีที่เปิดประตูบ้านออก ก็เห็นมิวกำลังยืนหาวอยู่หน้าบ้านตัวเองพอดี“จะไปแล้วเหรอ ยัยขนม? ไปทำงานที่ไหนอะ?” มิวถามเสียงงัวเงีย“บริษัทวิสต้า คอร์เปอร์เรชั่นน่ะ” ขนมตอบ“ว่าแต่...น่าอิจฉาแกจริงๆ แม่อินฟลูเอ็นเซอร์ ได้ทำงานอยู่บ้าน ไม่ต้องรีบตื่นนอน”ขนมแซะเพื่อน ก่อนยื่นมือมาหยิกแก้มกลมของมิวเบา ๆมิวพึมพำเบา ๆ“…วิสต้าเหรอ? เฮ้ย! นั่นมันบริษัทที่อยู่ใกล้แยกใหญ่นี่! ทางเดียวกับบริษัทพี่กันต์เลย!”แล้วก็ไม่รอให้ขนมตอบอะไร มิวหันกลับเข้าไปในบ้าน ตะโกนเสียงดังลั่น“พี่กันต์! ที่ทำงานของขนมไปทางเดียวกับพี่อะ! ไปส่งหน่อย!!”ไม่นาน เส







