“ดี!ฉานกงกง ประกาศราชโองการออกไป มหาเสนาบดีและขุนนางร่วมมือกันก่อกบฏให้ลงโทษประหารทั้งตระกูล ส่วนคนที่ร่วมมือจากแคว้นหย่งให้ขังเอาไว้ก่อน ข้าจะส่งข่าวไปบอกฮ่องเต้แคว้นหย่งว่าจะจัดการพวกเขาอย่างไรทีหลัง แม่ทัพชายแดนที่เป็นพรรคพวกของมหาเสนาบดีซิง รบกวนเจิ้งกั๋วกงนำกองกำลังไปปราบปรามพวกเขาและนำตัวมาลงโทษที่เมืองหลวงด้วย สำหรับตำแหน่งขุนนางและแม่ทัพที่ว่างลงหลังจากนี้ ข้าจะเลือก
ชิงเว่ยหลงที่อยู่ในเรือนพักของตนเองพอได้ยินเสียงดังอื้ออึงจากลานกลางสำนักก็รีบลุกขึ้นจากการรวบรวมพลังปราณทันที เขารู้ดีว่าเสด็จพ่อ เสด็จแม่และท่านตาทวดน่าจะมาถึงแล้ว ไม่เช่นนั้นในสำนักคงไม่วุ่นวายถึงเพียงนี้ อาจารย์ประจำสำนักพอเห็นเป็นครอบครัวชิงเว่ยหลงมาถึงก็รีบเข้าไปคารวะตามธรรมเนียม พวกเขาไม่ได้รับการแจ้งล่วงหน้าว่าไท่จื่อและไท่จื่อเฟยจะเสด็จจึงทำให้เกิดความวุ่นวายภายในสำนักเช่นนี้“ถวายบังคมไท่จื่อ ไท่จื่อเฟยพะย่ะค่ะ/เพคะ” เหล่าอาจารย์คำ
“ดี! ฉานกงกง ประกาศราชโองการออกไป มหาเสนาบดีและขุนนางร่วมมือกันก่อกบฏให้ลงโทษประหารทั้งตระกูล ส่วนคนที่ร่วมมือจากแคว้นหย่งให้ขังเอาไว้ก่อน ข้าจะส่งข่าวไปบอกฮ่องเต้แคว้นหย่งว่าจะจัดการพวกเขาอย่างไรทีหลัง แม่ทัพชายแดนที่เป็นพรรคพวกของมหาเสนาบดีซิง รบกวนเจิ้งกั๋วกงนำกองกำลังไปปราบปรามพวกเขาและนำตัวมาลงโทษที่เมืองหลวงด้วย สำหรับตำแหน่งขุนนางและแม่ทัพที่ว่างลงหลังจากนี้ ข้าจะเลือก
ชาวเมืองที่รู้สึกว่าช่วงนี้มีคนเพิ่มขึ้นไม่น้อยต่างสงสัยว่าเมืองหลวงกำลังจะมีงานใหญ่อะไรหรือไม่ เพราะปกติแล้วในเมืองหลวงคนก็แทบจะเดินชนกันไปมาอยู่ตลอด แต่ตอนนี้ตามทางเดินยิ่งมีผู้คนมากหน้าหลายตาจนแทบจะไม่มีที่ให้เดินเสียด้วยซ้ำไป ปกติจะมีแค่ช่วงงานเทศกาลใหญ่ ๆ เท่านั้นที่ในเมืองหลวงจะมีคนจากต่างถิ่นเข้ามาค้าขายหรือร่วมงานเทศกาล เพียงแต่พวกเขาไม่เห็นประกาศจากราชสำนักออกมา ทุกคนจึงคิดว่างานใหญ่คงจะใช้เวลาจัดเตรียมระยะหนึ่ง ทางราชสำนักจึงยังไม่ออกประกาศให้พวกเขารู้เท่านั้น สา
ฮ่องเต้เมื่อได้รับรายงานขณะที่พระองค์กำลังตรวจสอบหลักฐานมากมายที่ชิงก้านหลงนำมามอบให้อยู่นั้นก็กริ้วมาก พระองค์สั่งให้ฉานกงกงไปไล่ฮองเฮาให้กลับไปยังตำหนักตนเอง หากฝ่าฝืนที่จะเข้ามารบกวน พระองค์จะปลดนางออกจากตำแหน่งทันที ยิ่งตอนนี้พระองค์มีหลักฐานอยู่ในพระหัตถ์มากมาย หนานเจิ้งเทียนจึงไม่กลัวว่าการปลดฮองเฮาจะทำให้มหาเสนาบดีนำขุนนางมากดดันพระองค์ ฉานกงกงรีบพาทหารองครักษ์ส่วนหนึ่งไปขวางทางขบวนเสด็จของฮองเฮาก่อนที่จะเดินทางไปถึงตำหนักฝ่าบาทอย่างรวดเร็ว“
“ท่านพ่อ เช่นนั้นพวกเราจะทำอย่างไรดีเล่าขอรับ หากนางเข้าวังไปพบฝ่าบาท เจิ้งกั๋วกงก็คงจะถูกปล่อยตัวเป็นแน่” ซิงเซียงหันไปถามบิดาอย่างกังวลเช่นกัน“เจ้าสั่งคนของเราไปเฝ้าที่หน้าพระราชวังเอาไว้ หากเห็นนางเข้าวังเมื่อไหร่ก็จัดการนางกับไท่จื่อเสีย อย่างไรเรื่องนี้ต้องห้ามไม่ให้ฝ่าบาทได้หลักฐาน ไม่เช่นนั้นพวกเราจบเห่แน่ ข้าจะเร่งส่งจดหมายไปหาแม่ทัพแคว้นซ่ง เขาจะได้รีบเดินทางมา”“ขอรับ ท่านมหาเสนาบดี” ขุนนางกับบุตรชายต่างรีบรับคำ พวกเขาขี่หลังเสือแล้วไม่มีทางลงได้ง่าย ๆ อย่างไรเพื่
สองพ่อลูกปรึกษากันอยู่นานกว่าที่จะแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน ชิงก้านหลง เจิ้งหลิน ชิงเว่ยหลงและเสี่ยวจู้ตื่นขึ้นมากลางดึก แสงเทียนสว่างขึ้นในเวลาไม่นานหลังจากทุกคนตื่นเต็มตา“ท่านพี่ล้างหน้าล้างตาก่อน เสี่ยวจู้ เจ้ามีของวิเศษใดให้ท่านพี่เอาไว้ป้องกันตัวหรือไม่ ข้ารู้สึกกังวลอย่างไรไม่รู้” เจิ้งหลินหันไปถามเสี่ยวจู้“อืม?