“อืม แล้วคุณมีอารมณ์ตอนไหนบ้างคะ บ่อยไหมคะ” จิตแพทย์สาวประเมินจากสายตาแล้ว เขาน่าจะมีอารมณ์ไม่บ่อยมั้ง หรือว่าเขาใกล้จะเป็นโรคตายด้าน
“มีทุกวันแหละครับ ตอนนี้ผมก็มีกับคุณ แต่ถ้าคุณจับมัน มันจะเหี่ยวทันที อยากลองพิสูจน์ไหม จะได้รู้ว่าผมไม่ได้โกหก”
เจอหน้ากันครั้งแรก คนไข้ก็ให้เธอจับของลับเสียแล้ว ใบบุญญามองหน้าคนไข้ซูเปอร์วีไอพีอย่างจับผิด ถ้าจับแล้วไม่หดละน่าดู เธอจะหักมันคามือเลย
รู้จักนักเทควันโดสายดำ อดีตทีมชาติอย่างเธอน้อยไปแล้ว
หมับ!
มือบางของคุณหมอจับที่เจ้านั่นของคนไข้ทันที เขาคิดว่าเธอไม่กล้าเหรอ บอกไว้เลย คนอย่างหมอใบไม่เคยกลัวอะไรอยู่แล้ว เมื่อเผลอตัวจับไปแล้ว เธอก็ได้แต่ด่าตัวเองในใจ เธอเป็นจิตแพทย์นะ ต้องรักษาระยะห่างระหว่างเธอกับคนไข้ ไม่ควรทำตัวแบบนี้ แบบเจอกันครั้งแรกก็จับ แต่คิดได้ตอนนี้ก็สายไปเพราะจับไปแล้ว
ทันทีที่มือของเธอโดนเจ้านั่น ความแข็งขึงที่มีก่อนหน้านั้นก็ฟีบลงทันที ยิ่งกว่าลูกโป่งที่โดนปล่อยลม
ทั้งสองมองหน้ากันค้าง
“ปล่อยได้รึยัง” คนโดนจับ ถึงจะจับนอกเสื้อผ้า แต่อินน์ก็ไม่สะดวกให้ใครไม่รู้มาจับของเขาค้างแบบนี้
“ขอโทษค่ะ” ใบบุญญาเองก็เพิ่งเคยจับของผู้ชายเช่นกัน เธอทั้งตกใจทั้งแปลกใจที่เจ้านั่นของเขาจากที่มีอารมณ์และแข็งอยู่ดี ๆ ทำไมจู่ ๆ ฟีบลงอย่างง่ายดาย ไม่น่าเชื่อ แต่ก็เป็นไปแล้ว
“เชื่อหรือยังว่าผมยังจิ้น” คนที่ยังไม่เคยได้กับคนจริง ๆ ถามคนฟังอย่างเป็นต่อ ที่ตัวเองไม่ได้โกหก
“ค่ะ เป็นอย่างนี้ตลอดเลยเหรอคะ” เธอเชื่อที่เขาพูด แต่ตอนนี้เธอจะแก้ปัญหาของเขาได้อย่างไรกันนะ ในเมื่อปัญหานี้มันมีมาอย่างยาวนาน
“เป็นอย่างนี้ตลอดเลย” เขาตอบเศร้า ๆ
“คุณให้คนจับมาเยอะก็เป็นแบบนี้เหรอคะ”
จะว่าใช่ก็ใช่ เวลาเดตกันถึงระดับหนึ่ง เวลานัวกันพวกเธอก็จะจับเจ้านั่นของเขา และพวกมันก็อ่อนลงอย่างไม่น่าเชื่อ
“อืม ก็ไม่ได้เยอะมาก ผมไม่ได้ไล่เอาไปให้ใครจับมั่วซั่วหรอกนะ” เวลาเมา ๆ ซุก ๆ นัว ๆ มือไม้ผู้หญิงก็เลื้อยไม่ต่างกันกับมือผู้ชายหรอก บางทีเขายังไม่ทันจะแข็ง พอพวกเธอจับ เขายิ่งอ่อนตัวลงอย่างไม่น่าเชื่อ เหี่ยวยิ่งกว่ามะเขือเผามันมีอยู่จริง
“คุณเคยรักษาไหมคะ” จิตแพทย์สาวถามอย่างห่วงใย ปีนี้เขาอายุสามสิบแปด แต่ยังไม่เคยได้ลิ้มลอง มันก็น่าสงสาร
“อืม เคยบ้าง” เขารักษามาหลากหลายรูปแบบ ขนาดเดินทางไปรักษาถึงเมืองนอกเมืองนามาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ผล
‘เมื่อคุณอินน์อายุสามสิบแปดจะมีหมอมารักษาให้เอง’ นั่นคือคำทำนายที่ป้าของเขาบอก และใครจะเชื่อว่าเธอเดินเข้ามาในวันที่เขาอายุครบสามสิบแปดปีบริบูรณ์จริง ๆ
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ
เรื่องเหลือเชื่อบนโลกใบนี้มีมากมาย
“ขอดูได้ไหม” คำพูดของจิตแพทย์สาวทำคนฟังถึงกับขึงตา เธอเป็นจิตแพทย์นะ ไม่ใช่ศัลยแพทย์
“นี่คุณหมอ ด้านร่างกายผมปกติ ผมตรวจมาทุกอย่างแล้ว อุมงอุโมงค์ก็มุดมาแล้ว” อุโมงค์ที่เขาว่าคือระบบการตรวจแบบ MRI[1] ถือว่าเป็นการตรวจซึ่งเป็นที่นิยมในปัจจุบัน
“ไม่ให้ดูก็ไม่ให้ดู ทำไมต้องเสียงดังด้วย ให้จับได้ แต่ไม่ให้ดู ดุจัง” เธอบ่นพึมพำ จริง ๆ อยากบันทึกวิดีโอตอนที่มันเหี่ยวไว้ด้วยซ้ำ เผื่อจะได้เอาไปวิเคราะห์
“ผมไม่ได้ดุ” พอเห็นใบหน้างามของจิตแพทย์สาว อินน์ก็ต้องมองออกไปนอกหน้าต่างของห้องตรวจ เพราะกลัวว่าจะใจอ่อนให้คนตรงหน้าดูของลับที่เขาไม่เคยเปิดให้ใครดูมานานแล้ว
ถ้าจับแล้วไม่แข็ง คุณก็ไม่ได้ไปต่อ ไม่มีสิทธิ์ดู
“ไม่ดูก็ได้ค่ะ ปกติคุณช่วยตัวเองวันละกี่ครั้งคะ” คำถามของเธอทำเขาหน้าร้อนวูบวาบ ท่าทีขยับกรอบแว่นยิ่งทำเอาเขาหัวใจเต้นระส่ำ
มึงเขินเหรอวะไอ้อินน์
“วันละครั้ง หรือบางทีก็หลายครั้ง” อย่างเช่นวันนี้ อินน์คงต้องทำไม่ต่ำกว่าสองหรือสามครั้ง เพราะคุณหมอตรงหน้าทำให้ร่างกายเขาพลุ่งพล่านเหลือเกิน
[1] MRI หรือ การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า คือ เทคนิคการสร้างภาพทางการแพทย์ที่ใช้ในรังสีวิทยาเพื่อการตรวจทางกายวิภาค และสรีรวิทยาของร่างกายทั้งในด้านสุขภาพและโรคต่าง ๆ โดยเครื่องตรวจที่ใช้สนามแม่เหล็กและคลื่นวิทยุความเข้มสูงในการสร้างภาพเหมือนจริงของอวัยวะภายในต่าง ๆ ของร่างกายโดยเฉพาะ สมอง หัวใจ กระดูก กล้ามเนื้อ และส่วนที่เป็นมะเร็ง ด้วยคอมพิวเตอร์รายละเอียดและความคมชัดสูง เป็นภาพตามระนาบได้ทั้งแนวขวาง แนวยาวและแนวเฉียง เป็น 3 มิติ ภาพที่ได้จึงชัดเจนกว่าการถ่ายภาพรังสีส่วนตัดอาศัยคอมพิวเตอร์ หรือ CT Scan ทำให้แพทย์สามารถตรวจวินิจฉัยความผิดปกติในร่างกายได้อย่างแม่นยำ การตรวจทางการแพทย์ด้วยเครื่องมือชนิดนี้ไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดใด ๆ แก่ร่างกาย และไม่มีอันตรายจากรังสีตกค้าง
ครั้งที่แม่เล่าให้เธอฟัง มนทนาคิดว่าแม่น่าจะโม้เพื่อไม่ให้เธอกลัวแค่นั้นใครจะคิดว่าสิ่งที่แม่พูดเป็นจริง ความเจ็บที่เคยมีหายไปจนหมดแทบๆไม่มีความเจ็บปวดอะไรเหลือค้างเลยแม้แต่น้อย เจ้าลูกชายตัวอ้วนกลมแก้มน่ารักน่าหยิก หน้าตาออกมาเหมือนพ่อราวกับโขกออกมาจากใบหน้าของผู้เป็นพ่อ“น้องตฤณ ตฤณกุล (ตริน-กุล) – ผู้ที่สร้างความสมบูรณ์ให้กับตระกูล เพราะไหมครับปู่ทวดของลูกเป็นคนตั้งชื่อนี้ให้นะครับ”เจ้าสัวไตรเป็นผู้ตั้งชื่อตฤณกุลให้เหลนตัวน้อยเพราะว่าเหลนคนนี้เป็นคนที่มาสร้างความสมบูรณ์ให้กับตระกูล หลังจากที่ท่านเจ้าสัวได้หมดหวังเรื่องการมีทายาทไปแล้วสองปีผ่านไปเด็กชายตฤณกุลกำลังนั่งเขี่ยแก้มเด็กหญิงเล่นอย่างอารมณ์ดี เด็กหญิงที่ว่าคือน้องตชญา (ตะ-ชะ-ยา) ซึ่งเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของเขานั่นเองพ่อบอกเขาว่าต้องรีบออกมาไม่อย่างนั้นเขาจะไม่มีน้อง เขาก็เลยรีบออกมาทันทีและเวลานี้เขาก็มีน้องเป็นของตัวเองแล้ว อยากให้น้องพูดได้เร็ว ๆ น้องจะได้เรียกเขาว่าพี่“ฟี่” เด็กชายวัยสองขวบที่พูดยังไม่ค่อยชัดกำลังสอนเด็กหญิงที่เพิ่งคลอดได้สามวันพูด“ไม่ใช่พี่ครับตฤณ นี่เรียกว่าน้อง” ตระการบอกกับลูกชายที่เรียกน
แต่ผัวรักอย่างตระการทั้งอาเจียน ทั้งเวียนหัว ทั้งอยากกินอะไรแปลก ๆ แทบทุกวัน อาการที่เป็นมันยิ่งกว่าบทพิสูจน์ว่าเขากำลังแพ้ท้องแทนเธอแต่ในเมื่อผัวรักบอกไม่ใช่ เมียที่รักผัวมากอย่างเธอจะทำอะไรได้นอกจากตามใจผัวว่าไงเมียก็ว่าอย่างนั้นมื้อเช้าของวันในบ้านหลังใหญ่ที่มีเจ้าสัวไตรเป็นประธานนั่งหัวโต๊ะ เจ้าสัวย้ายมาอยู่เชียงใหม่ตั้งแต่ปลูกบ้านให้หลานชายกับหลานสะใภ้เสร็จเป้าหมายของชายสูงวัยคือได้อยู่เลี้ยงเหลนที่กำลังจะมาเกิดแต่วันนี้ทุกคนต้องขมวดคิ้วกับเมนูตรงหน้าทันที“นี่อะไรเหรอ” เจ้าสัวไตรเอ่ยถามแม่บ้านคนพื้นที่ทันที“อันนี้แอ๊บอ่องออเจ้า หมอต่ออยากกินเจ้า” แอบอ่องออหรือสมองหมูนั่นเอง“แล้วอันนี้ละ” เจ้าสัวถามอีกเมนูที่หน้าตาคล้าย ๆ กันแต่เขาต้องถามให้แน่ในเพราะบางอย่างท่านเจ้าสัวก็ไม่แน่ใจว่าท่านจะกินได้หรือเปล่า“อันนี้ แอบปลาเหยี่ยนเจ้า” คำตอบของแม่บ้านทำเจ้าสัวขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม“ปลาไหลไทยนะคะ” มนทนาอธิบาย ส่วนคนที่ขอเมนูนี้กำลังเดินไหล่ห่อเหี่ยวลงมาจากชั้นสอง ทันทีที่ได้เห็นเมนูทั้งสองที่ตัวเองอยากกิน จากไหล่ห่อเหี่ยวก็กลับตั้งตรงมีชีวิตชีวาทันที“น่ากินทุกอย่างเลย” สายตาเป็นป
‘มหากิจบำรุงสกุล’แน่นอนว่านามสกุลนี้ในประเทศไทยอาจไม่รู้จักทุกคน แต่เชื่อเลยว่าวงสังคมชั้นสูงหรือแม้แต่พวกข้าราชการอย่างพวกเขารู้จักเป็นอย่างดีไตร มหากิจบำรุงสกุลเป็นเจ้าสัวระดับหมื่นล้านแสนล้านด้วยอำนาจเงินและบารมีที่สร้างสมมาอย่างยาวนาน ใครจะกล้ามีเรื่องด้วยธวัชรีบพิมพ์ชื่อของตระการ พร้อมทั้งนามสกุลลงบนช่องทางการค้นหาทันทีและภาพที่ชายหนุ่มถ่ายรูปกับผู้เป็นปู่และพ่อในงานวันเกิดเมื่อไม่กี่เดือนของเจ้าสัวก็ปรากฎชัดหลาบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ“เพราะแบบนี้สินะ อีมณีถึงได้กล้าหือกับกู”ธวัชเอ่ยอย่างโมโห แต่เขาคงทำอะไรไม่ได้ ก็ใครจะกล้าเอาไม้จิ้มฟันไปงัดกับท่อนซุงขนาดใหญ่แบบเจ้าสัวไตรบทที่ 6 อารมณ์ไม่ดีหกเดือนผ่านไปน้องชายของมนทนาเดินทางไปเรียนต่อตามที่เขาได้ตั้งใจ“ค่าเทอมแค่นี้เองเหรอ” มณีเอ่ยถามลูกชายในวันที่ต้องจ่ายค่าเทอม ค่าหอ ค่าตัวเครื่องบินให้ลูกเป็นจำนวนเงินแสนกว่าบาท“ก็เท่านี้แหละแม่ โฟว์เรียนดีไงได้ส่วนลด”“เข้าไปเถอะได้เวลาแล้ว” มนทนาเอ่ยตัดบทสนทนาระหว่างแม่กับลูกชายกลัวว่าน้องชายเธอจะหลุดจำนวนเงินที่แท้จริงออกมาจำนวนเงินที่แท้จริงมากกว่าที่ชายหนุ่มแจ้งผู้เป็นแม่ไปมากโข
แต่วันนี้เธอไม่กลัวคนตรงหน้าเพราะมีลูกสาวและว่าที่ลูกเขยอยู่เคียงข้าง“ทำอะไรกันอยู่ทำไมเปิดประตูช้า” ชายวัยเกือบหกสิบบ่นทันทีที่ลูกสาวเปิดประตูร้านให้เข้ามาด้านใน นานแค่ไหนแล้วนะที่เธอไม่เคยพบเจอคนตรงหน้าเธอคงลืมหน้าเขาไปแล้วหากไม่มีทีวี ใช่ตลอดเวลาที่เธอ แม่และน้องโดนไล่ครั้งนั้นพวกเราก็ไม่เคยพบเจอผู้ชายตรงหน้าอีกเลยจนเมื่อไม่นานมานี้มีอินฟลูท่านหนึ่งมาถ่ายรีวิวร้านข้าวแกงของแม่เธอทำให้ผู้ชายคนนี้กลับเข้ามาในวงจรชีวิตของพวกเธอสามแม่ลูกอีกครั้ง“ขอน้ำหน่อยร้อน”“มีอะไรก็พูดมา” มณีเอ่ยถามทันที พร้อมทั้งปลายตาไปยังป้ายที่ติดหร่าอยู่กลางร้าน ‘น้ำดื่มฟรีบริการตัวเอง’ อยากกินก็เดินไปเองควายมันต้องเดินหาปลัก ไม่ใช่ให้ปลักต้องเดินมาหาควายนั่นคือคำพูดที่เธอพอคิดออกในใจ แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นพ่อของลูก เธอไม่อยากให้ลูกระคายใจ“คุยกับโฟว์หรือยังเรื่องเปลี่ยนนามสกุล” เมื่อไม่มีใครเอาน้ำมาให้ดื่มกินธวัชจึงเข้าเรื่องที่ต้องการพูดวันนี้ทันที“โฟว์จะใช้นามสกุลฉัน” มณีตอบอย่างมั่นใจ เรื่องนี้เธอคุยกับลูกแล้ว“หึ! เธอนี่เห็นแก่ตัวจริง ๆ มณี ถ้าลูกเปลี่ยนกลับมาใช้นามสกุลฉันรู้ไหมว่าลูกจะได้อะไร ลูกจ
“ปากร้าย” เธอตัดพ้อ“ก็ตอนนั้นนี่นา แต่ตอนนี้เอาจนพรุนแล้วคงไม่ต้องให้พูด” ก็จริงอย่างเขาว่าจากอารมณ์พาไปในวันนั้นจนถึงวันนี้เขากับเธอเหมือนจะขาดกันไม่ได้โดยเฉพาะเรื่องบนเตียง“เรายังไม่เคยลองหน้ากระจกเลยใช่ไหม” ตาเป็นประกายของตระการเอ่ยถาม“ยังเลย” คนตอบกลับก็ตาเป็นประกายเช่นกัน“มีท่าที่ทรีอยากลองไหม” เขาเอ่ยถามในขณะที่จัดการกับเสื้อยืดสีขาวออกจากร่างบาง เสื้อยืดที่มีบราในตัวเมื่อถอดออกก็เหลือเพียงก้อนกลม ๆ ขนาดพอดีมือไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป“เมื่อก่อนเห็นนมทีไรวิ่งหนี แต่พอนมทรีทำไมเราวิ่งเข้าใส่วะ” คำถามที่มีคำตอบอยู่ในตัว ทำคนฟังหัวเราะชอบใจ“เมื่อก่อนเราไม่เคยเห็นนะ” เธอพูดพร้อมทั้งลับไล้สิ่งที่บอกว่าไม่เคยเห็นมาก่อน“แต่เวลานี้ก็วิ่งให้เธอใส่เหมือนกน” วิ่งเข้าใส่ที่บ่งบอกว่าใส่อะไรเมื่อร่างบางเบียดสิ่งที่วิ่งให้เขาสอดใส่“หื่นนะเรา”“อืม นิดหนึ่ง” สาวห้าวยอมรับพร้อมทั้งหัวเราะชอบใจ“สรุปเราสองคนมันก็พวกกลืนน้ำลายตัวเอง” ตระการนิยายสิ่งที่เธอกับเขาเป็น มือหนารั้งกางเกงบางให้พ้นออกจากสะโพกและเรียวขา“นอกจากกลืนน้ำลายตัวเองแล้วเราว่ากลืนน้ำทรีด้วย” ว่าแล้วเขาก็ย่อตัวนั่งลง สายเรีย
เชียงใหม่แม้พยายามทำตัวให้เป็นปกติมากแค่ไหนแต่เพราะความสัมพันธ์ทางกายได้ก้าวข้ามความเป็นเพื่อนไปแล้ว คนคุ้นเคยที่อยู่กันทุกวี่วันก็มองเห็นความผิดปกตินี้โดยเฉพาะเพื่อนรักของทั้งคู่อย่างใบบุญญา‘ตักกับข้าวให้’‘แกะกุ้งให้’‘นั่น ๆ ยัยทรียิ้มหวานขอบคุณ’“อะแฮ่ม ต่อจ๋า เพื่อนใบอยากกินกุ้งมั้งแกะให้หน่อย” ขอใช้สิทธิ์ความเป็นเพื่อนทวงกุ้งกันหน่อย“แล้วผัวแกไปไหน” นั่นไง นั่นไง ทุกคนเห็นไหม สองมาตรฐานชัด ๆ“ผัวไม่มาก็แปลว่าไม่มีไง แกะให้หน่อย” ใบบุญญายังใช้ลูกอ้อนที่เคยใช้ประจำ ตระการแกะกุ้งวางบนจานของเพื่อนใบอย่างว่าง่ายแต่เดี๋ยวนะ“ทำไมของเราตัวนิดเดียวอ่ะ ของทรีตัวใหญ่มาก”“หมอใบครับ แกะก็แกะให้แล้ว อย่าเรื่องมากได้ป่ะ”“ฉันว่าแกสองคนแปลก ๆ อ่ะ ปกติตีกันฉ่ำทำไมวันนี้ ทุกอย่างดูเปลี่ยนไป” จิตแพทย์สาวหรี่ตามองเพื่อนทั้งสอง คนโดนมอง“มีอะไรเล่าคิดมาก เพื่อนกันทั้งนั้น” มนทนาปฏิเสธใบหน้านักจิตวิทยาสาวเห่อร้อนด้วยความเขินอาย“ใครเพื่อนแก” ใบหน้างามหุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อโดนเขาดุ ตลอดเวลาเธอคิดว่าเราสองคนเป็นเพื่อนกันมาตลอด นี่เขาไม่ได้คิดอย่างเดียวกับเธอหรอกหรือ“หมายความว่ายังไง” สาวห้าวขึงต