"อ่า...ตอบไงดีละคะ" รวีธารยกมือเกาหัวเล็กน้อย ไม่รู้จะตอบคำถามเขายังไงก็ในเมื่อเธออยู่ตรงนี้อยู่แล้ว
"..."
"คือ...คุณเรียกฉันใช่ไหม" เธอจึงบอกสาเหตุที่ออกมาพบ ความจริงรู้อยู่แล้วล่ะว่าเขาจะต้องเรียกพบเธอแน่หลังจากที่เธอวาดรูปแบบนั้นออกไป
"ใช่..."
"..." กลายเป็นต่างคนต่างเงียบมีเพียงสายตาที่มองจ้องกันอยู่
"คือ...คุณลุงคนนั้นเป็นยังไงบ้างคะ" เธอจึงถามเขาถึงคุณลุงที่เจอวันนั้นแทน ความจริงก็ทั้งอยากรู้และก็หาเรื่องคุยกับเขา ก็เล่นจ้องกันขนาดนี้ไม่รู้จะให้พูดอะไร
"ปลอดภัยแล้วครับ" เขาจึงตอบกลับสั้นๆ เหมือนกัน
"คือ..."
"อันนี้ของคุณใช่ไหม" เขาหยิบบัตรสะสมแต้มขึ้นมาโชว์ตรงหน้าเธอ
"ใช่ค่ะ คือวันนั้นคุณน่าจะให้ผิดมา ไม่ใช่นามบัตร" เธอจึงอธิบายให้เขาฟัง
"ผมให้บัตรสะสมแต้มคุณ? แล้วก็เป็นร้านคุณเองด้วย"
"ค่ะ" เธอยกยิ้มตอบรับ ธารณ์จ้องมองใบหน้าหวานสักครู่ ก่อนจะตัดใจเบือนหน้าหนีเมื่อหัวใจคล้ายเต้นแรงไม่มีเหตุผล
ไม่ได้....คนนี้ไม่ได้!
"ยอดทั้งหมดคุณรวมกับค่าอาหารวันนี้ได้เลยครับ"
"ไม่เป็นไรค่ะ ฉัน..."
"รวมเถอะครับแล้วอย่าทำแบบนี้อีก" เขาพูดขึ้นเสียงเรียบแม้ว่าเธอยังเอ่ยไม่ทันจบประโยค
"คะ?"
"ไม่ต้องเอากาแฟมาให้ผมแล้ว" เขาอธิบายรวบรัดให้เธอรับรู้
"เดี๋ยวนะคะ...ฉันไม่เข้าใจ" รวีธารทั้งมึนงงและสับสน ไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆ เรื่องราวมันกลับเป็นแบบนี้ไปได้
"เอาเป็นว่าตามนั้นครับ" เขาหยิบแบงก์สีเทาวางไว้บนโต๊ะคู่กับบัตรสะสมแต้มที่เธอให้เขาไปทั้งหมด ก่อนจะเดินออกจากร้านไป คนตัวเล็กถึงแม้จะยังงุนงงไม่หายแต่รีบสาวเท้าตามไปทันที
"คุณ...เดี๋ยวก่อนสิ หมอไทม์!" เมื่อเธอเรียกเสียงดังขึ้น คนตัวสูงจึงหยุดเดิน หันมาประจันหน้า
"ครับ"
"ฉันยังไม่เข้าใจ คือ...ฉันทำอะไรผิด"
"ไม่ได้ผิด แต่... ผมมีเหตุผล"
"เหตุผลคืออะไรคะ ฉันคิดว่าถ้ามันเกี่ยวกับฉันคุณก็ควรบอกกัน" เธอถามเหตุผลกลับอย่างไม่ยอมแพ้
"ผมไม่ยุ่งกับคนใกล้ตัว"
"ห้ะ!"
"คุณเป็นเจ้าของร้านใช่ไหม"
"ค่ะ" เธอพยักหน้าช้าๆ ตอบรับเขาอย่างมึนงง ยังสับสนไม่หายกับสิ่งที่เขาพูด
"คุณย้ายร้านได้ไหม"
"อะไรนะ!" จะบ้ารึไงเธอเพิ่งมาไม่ถึงเดือน!
"นั่นแหละคุณก็ทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นถือซะว่าเรื่องคืนนั้นไม่เคยเกิดขึ้น"
เกิดขนาดนั้นแล้วจะให้ลืมไปง่ายๆ ได้ไง!
"คุณฉันว่า..." เธอที่กำลังจะท้วงกลับต้องหยุดพูดเมื่อเขามีสายเรียกเข้า คนตัวสูงรีบกดรับสายอย่างรวดเร็วเธอคาดว่าน่าจะเป็นเรื่องด่วน
"ครับ" รวีธารยืนมองเขาคุยโทรศัพท์ท่าทางจริงจัง ในหัวก็ยังคิดถึงเรื่องที่เพิ่งคุยกัน "ซีพีอาร์รึยัง" เขาหันหลังกลับสาวเท้าเดินอย่างรวดเร็ว
แต่ระหว่างข้ามถนนทางม้าลายเล็กๆ ก็ไม่วายช่วยยกมือเพื่อให้รถที่กำลังขับมาหยุด ก่อนจะจูงมือพาคุณยายที่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ข้ามถนนไป มืออีกข้างก็ยังไม่วางหูจากโทรศัพท์ เธอเห็นเขาวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาลอย่างรวดเร็วเมื่อพาคุณยายข้ามไปยังอีกฝั่งเรียบร้อย
"ก็เป็นซะอย่างนี้จะให้เลิกชอบได้ไง" รวีธารบ่นพึมพำสายตามมองตามหลังคนตัวสูงอย่างหมายมั่น
ใกล้ตัวแล้วไง? จะใกล้ จะไกล เธอจะไม่ปล่อยหมอไทม์ไปเด็ดขาด
"ไงมึง เดี๋ยวนี้ผูกปิ่นโตรึไง"
"ผูกห่าอะไร" คนที่เข็ดขยาดจากการเคยผูกปิ่นโตถามกลับน้ำเสียงหวาดระแวง
"ก็นี่ไง" ธารณ์เพ่งมองถุงใส่อาหารโลโก้คุ้นตาที่รพีภัทรเดินถือตามหลังเข้ามา ในขณะที่อวัศย์วางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะเขาเช่นกัน
"พี่เพ็ญกำลังจะเอาเข้ามาให้ กูก็เลยถือโอกาสเป็นเพื่อนที่แสนดีเอามาให้แทน" อวัศย์ยกยิ้มตอบกลับอย่างอารมณ์ดีในขณะที่สายตาจดจ้องมองเพื่อนสนิทคล้ายจับผิด
จะเสือกสิไม่ว่า!
"อะไร?" ธารณ์สบตามองเพื่อนกลับ ท่าทางขึงขังไม่ให้ดูมีพิรุจ ซึ่งนั่นทำให้เพื่อนสนิททั้งสองคนยิ่งสนใจ เพราะท่าทางที่แสดงออกมายิ่งโคตรมีพิรุจ!
"กูไปลองมาแล้วร้านนี้เมื่อวาน กับไอ้พีร์"
"แล้ว?" ความจริงพวกมันก็แชทมาชวน แต่เขาตั้งใจจะไปเองช่วงบ่ายมากกว่าเลยปฏิเสธไป
"แล้วบังเอิญได้เจอเจ้าของร้าน สเปคมึงเลยเนอะว่าไหม"
"ไม่รู้" เจ้าของห้องเบือนสายตาหนียกแก้วกาแฟขึ้นมาดื่ม
"ไม่รู้ได้ไง เมื่อวานมีคนเห็นมึงคุยกับเขาอยู่หน้าร้าน"
กูว่าแล้ว!
คิดอยู่แล้วว่าพวกมันจะมาซักไซ้อะไรนักหนา ถ้ามันไม่ได้ข้อมูลอะไรมาก่อน
"ก็ไม่มีไรนี่"
"อ้อ ไม่มีเลย แต่ส่งข้าวส่งน้ำผูกปิ่นโตกันขนาดนี้"
"มึงจะมาไล่บี้กูทำไม อย่างกับกูเป็นเมียมึง"
"ฮ่าๆๆๆ บี้เมียไม่สนุกเท่าบี้มึงหรอก" อวัศย์หัวเราะอย่างอารมณ์ดีในขณะที่รพีภัทรยกยิ้มมุมปากท่าทางถูกใจ
"เออดี กูจะบอกไห้เพื่อนไอ้เทมส์ไปลงเรียนกับใบชา" เพียงแค่เอ่ยถึงเมียมัน ไอ้คนที่หัวเราะอยู่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันที
"อย่ากวนตีนไอ้ไทม์"
"มึงจะได้ไปไล่บี้เมียมึงไง" เมื่อเพื่อนพูดแบบนั้นอวัศย์จึงเงียบทันที ปากขมุบขมิบคล้ายบ่นแต่ไม่มีเสียงออกมาให้ได้ยิน ในขณะที่รพีภัทรหยิบสมาร์ทโฟนออกมาไถหน้าจอเล่นทันที
เมื่อเหตุการณ์กลับสู่ความสงบ คุณหมอหนุ่มเจ้าของห้องจึงเบนสายตาไปยังแก้วกาแฟที่ถูกวางทิ้งไว้ ข้างแก้วมีรูปหัวใจประดับรอยยิ้มไว้เช่นเดิม ในขณะที่ว่างข้างๆ มีบัตรสะสมแต้มที่เขาเพิ่งส่งคืนไปเมื่อวานวางไว้อยู่ คราวนี้ช่องเล็กๆ มีตราประทับถึงสี่ช่อง
เมื่อวานคิดว่าคุยกันเข้าใจแล้วซะอีก วันนี้คงต้องไปคุยกันให้เคลียร์....
"คุณไทม์! เบาๆ สิคะ" เธอบ่นขึ้นเสียงดัง เมื่อเขาเอาแต่ออกแรงฉุดกระชากจนเธอจะเดินตามแทบไม่ทันเขาเหมือนไม่สนใจที่เธอพูด แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็รู้สึกได้ว่าคนตรงหน้าผ่อนจังหวะการเดินลงเล็กน้อย แต่ก็ยังรับรู้ถึงกระแสความหงุดหงิดจากตัวเขาอยู่ดี"ขึ้นรถ" เขาเปิดประตูเพยิดหน้าให้เธอก้าวขึ้นรถ ในขณะที่คนตัวเล็กมองไปที่รถก่อนจะเงยหน้ามองคนตัวสูง"คันนี้เหรอคะ" เธอชี้ไปที่รถคันหรูที่เขาเปิดประตูค้างอยู่อย่างไม่แน่ใจ"ทำไม?" รวีธารไม่ตอบอะไร มองไปที่รถอีกครั้งก่อนจะก้าวขึ้นรถด้วยหัวใจที่เต้นแรง เพราะมันเป็นคันเดียวกับที่เขาหวง และปกติไม่ให้ใครขึ้นบรรยากาศในรถกลับมาสู่ความเงียบอีกครั้ง ทั้งเขาและเธอไม่มีใครพูดอะไรกัน ต่างจากวันแรกลิบลับ ที่เธอและเขาต่างหาเรื่องเพื่อคุยทำความรู้จักกัน รวีธารไม่รู้ว่าที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้มันคืออะไร และยังเดาใจเขาไม่ถูก ว่าไอ้ที่โมโหลากเธอมาแบบนี้เพื่ออะไร แต่เลือกที่จะนั่งเงียบๆ ภาวนาให้ถึงคอนโดตัวเองเร็วที่สุดใช้เวลาไม่นานเขาก็เปิดไฟเลี้ยว ก่อนจะหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าคอนโดตรงหน้า ซึ่งมันคงจะดีกว่านี้ถ้ามันไม่ใช่คอนโดเขา!"คุณไทม์มาที่นี่ทำไมคะ?" รู้ว่าเป็นคำถาม
รวีธารไม่รู้แน่ชัด ถึงเจตนาของคนที่มานั่งอยู่ข้างกัน รู้แต่ว่าพอได้คุยด้วย เขาเป็นคนคุยสนุกเลยทีเดียว เธอเผลอหัวเราะไปกับมุกตลกเขาหลายรอบ จนไปๆ มาๆ รู้สึกผ่อนคลายขึ้น และคุยกับเขาอย่างสนิทสนม"คุณเขตต์นี่มีความแค้นส่วนตัวกับคุณไทม์รึเปล่าคะเนี่ย เผากันซะขนาดนี้" คนตัวเล็กอมยิ้มหยอกล้อกลับ เมื่อส่วนใหญ่เรื่องที่คุยกันเป็นเรื่องที่เขามักจะเผาธารณ์ให้ฟัง"ผมแค่หมั่นไส้มันเท่านั้นแหละครับ ยิ่งตอนนี้ยิ่งหมั่นไส้""ทำไมละคะ" "ก็มันคงอยากจะเข้ามาหาคุณใจจะขาด" เขตต์ตอบกลับยิ้มๆ มองผ่านหลังเธอไป ส่วนเธอไม่คิดจะหันกลับไปมองตามที่เขาพูด"ไม่หรอกมั้งคะ" ปกติมีแต่จะหนีหน้ากัน ไม่มีทางหรอกที่เขาจะอยากเข้ามาหาเธอ"เชื่อผมสิครับ ไอ้หมอกการันตีมาขนาดนั้น" รวีธารเลือกที่จะมาคุยเรื่องเขาต่อ เริ่มเปลี่ยนบทสนทนาเป็นเรื่องทั่วไปแทน เพราะกลัวเขาจะเบื่อเหมือนกัน ลำพังการที่เขามานั่งคุยเป็นเพื่อนเธอก็ถือว่าดีมากแล้ว สักพักข้อความจากเพื่อนสนิทก็แจ้งเตือนเข้ามา เธอเห็นว่าเลยเวลาที่รับปากกับเพื่อนมาสักพักแล้วจึงจัดการตอบแชทว่ากำลังจะกลับ แล้วหันมาเอ่ยลากับคนข้างๆ ซึ่งเขาก็เข้าใจดีไม่ติดอะไร ก่อนจะแลกคอนแทกต์ก
คนที่มีคนรอต่อคิวเพียบยกยิ้มกว้างทันทีเมื่อเจ้าของห้องเดินเข้ามา หลังจากที่เขาบอกให้เธอมานั่งรอด้านในสักพัก คนตัวเล็กทยอยหยิบของออกจากถุงเมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้"วันนี้ฉันเอาผลไม้มาเพิ่มให้คุณด้วย" เธอเอากล่องอาหารออกมาเรียงวางไว้"เอามาทำไมเยอะแยะ" คนที่รู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยหลังจากฟังคำพูดเพื่อนถามกลับตึงๆ"เผื่อช่วงบ่ายๆ คุณหิวไงคะ""ผมไม่ได้สั่งนี่ เมื่อไหร่จะเลิกเอาของที่ไม่ได้สั่งมาให้สักที" คนที่มักจะส่งกาแฟมาให้เป็นประจำกะพริบตามองเขาอย่างมึนงง เมื่ออยู่ๆ เจ้าตัวมีท่าทีโมโห"ถ้าอย่างนั้นคุณทานแค่นี้ก็ได้ค่ะ" เธอเก็บกล่องผลไม้กลับเข้าถุงตามเดิม ในขณะคนที่เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรแย่ๆ เริ่มมีอาการเลิ่กลั่กทันที"คือ..ผมหมายถึงบางทีผมก็กินกาแฟมาแล้ว ส่วนช่วงบ่ายผมมีผ่าตัดคงไม่ได้กิน" เหมือนยิ่งพูดยิ่งแย่ ธารณ์ถึงกับหลับตาถอนหายใจเมื่อตัวเองเผลอปากไม่ดีอีกแล้ว ยิ่งเห็นสีหน้าเจื่อนๆ ของเธอก็เริ่มรู้สึกกระวนกระวาย"ค่ะ ขอโทษนะคะต่อไปฉันจะไม่เอาสิ่งที่คุณไม่ต้องการมาให้อีก" เธอเพิ่งรู้ว่าการที่เอากาแฟมาให้เขาทุกวันมันฝืนความรู้สึกขนาดนี้ บางทีใช่ว่าเขาจะชอบกาแฟร้านเธอสักหน่อยและสิ่งที
"พี่เพ็ญสวัสดีค่าาา""อ้าวน้องเพ้นท์หายไปนานเลย พี่นึกว่าตัดใจไม่อยากมาส่งข้าวให้หมอแถวนี้แล้ว" รวีธารยกยิ้มกว้างตอบกลับ แต่ไม่พูดอะไร จะให้บอกยังไงล่ะ ว่าดันเข้าใจผิดคิดว่าน้องสาวที่นั่งรถมาด้วยเป็นสาวคนสำคัญของเขา"เพ้นท์เอาขนมมาฝากพี่ๆ ด้วยค่ะ" ร่างบางยื่นขนมถุงใหญ่ให้เพ็ญนภาด้วยความสนิทสนม หลังจากที่ไม่ได้เฉียดมาที่วอร์ดนี้หลายอาทิตย์"ขอบใจนะน้องเพ้นท์ พี่ไปไม่เคยทันเค้กกล้วยหอมของคุณน้องสักที" เพ็ญนภายื่นมือรับด้วยความเต็มใจ โดยปกติใช่ว่าเธอจะรับของฟรีตลอด ตัวเธอเองรวมถึงพยาบาลในวอร์ดต่างติดใจขนมร้านกาแฟตรงข้ามโรงพยาบาลกันหมด มักจะแวะเวียนไปอุดหนุนกันเป็นประจำ ถึงแม้หลังๆ มาหญิงสาวจะหายหน้าหายตาไปก็ตาม แต่พอไปทีไรมักจะไม่ทันเค้กกล้วยหอมทุกที"นี่ไงคะ เพ้นท์แยกเอาไว้เลย ว่าแต่...หมอไทม์พักรึยังคะ" "พักแล้วจ้า เพิ่งเดินไปเข้าห้องน้ำเมื่อกี้เอง แหม ของหมอไทม์คนเดียวแต่ถุงใหญ่กว่าพวกพี่อีกนะ" รวีธารยกยิ้มเขินๆ กำลังจะคุยเล่นต่อระหว่างรอ แต่มีเสียงเรียกจากทางด้านหลังก่อน"คุณเพ้นท์""อ้าวหมอหมอก หมอพีร์ สวัสดีค่ะ" คนตัวเล็กเอ่ยทักทายคนที่เดินยิ้มมาแต่ไกล แม้แต่หมอพีร์ที่ปกติจะเห็น
รับผิดชอบ?"ทำหน้าแบบนั้นคือจะไม่รับ?""ไม่ใช่นะคะ! ฉันแค่ตกใจเฉยๆ" ทั้งงุนงง ทั้งตกใจเลยล่ะ จะให้ตอบยังไงละเนี่ย ที่ไปไล่ปล้ำผู้ชายแบบนั้น ดูแล้วตอบอะไรไปก็ผิด"...""คือ...ฉันปล้ำคุณสำเร็จไหม""!?""ฉันหมายถึง...เหมือนฉันไม่รู้สึกอะไรเลย""ไม่รู้สึก!?" คนที่รู้สึกอยู่ฝ่ายเดียวอ้าปากเหวอมองคนตรงหน้าอย่างโมโห ไอ้ที่นัวเนียกันขนาดนั้นจำอะไรไม่ได้สักอย่าง แล้วไอ้รอยแดงๆ นั่นอีก! เมื่อคืนครางรับเสียงสั่นขนาดนั้นเช้ามาบอกไม่รู้สึก!"คะ...คือฉันเมามาก" เธอรีบอธิบายเสียงสั่นเมื่อเห็นท่าทางไม่สบอารมณ์ของเขา"ก็รู้ตัวนี่ว่าเมามาก""....""แล้วรู้ตัวไหมว่าเมื่อคืนไปคนเดียว แถมเวลาเมาแล้วไม่รู้เรื่องแบบนี้มันอันตรายแค่ไหน ไอ้ที่ที่คุณไปน่ะ ไม่มีใครเขาใสๆ คิดดีกันคุณหรอกนะ จ้องจะลากคุณกลับกันทั้งนั้นแหละ"พูดตรงๆ ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อน หนึ่งในนั้นที่จ้องจะลากเธอขึ้นเตียงก็คือตัวเขาเองนี่แหละรวีธารก้มน้างุดท่าทางสำนึกผิด นิ่งฟังคนมากประสบการณ์เทศนา"ระ...รู้""รู้แล้วยังไป?" เขาขึ้นเสียงสูงถามกลับทันที ทำไมถึงทำตัวได้น่าเป็นห่วงขนาดนี้นะ แล้วทำไมกูต้องห่วงด้วย! ธารณ์คิดอย่างหงุดหงิด"ขอโทษ..."
เสียงตั้งปลุกที่ตั้งอัตโนมัติดังแจ้งเตือนคนที่นอนหลับใหลอยู่ให้ตื่นจากนิทรา ถึงแม้จะรู้สึกร่างกายอ่อนแรง เหนื่อยล้าเพียงใดแต่ด้วยความเคยชินทำให้เจ้าของเตียงนอนกว้างต้องฝืนร่างกายลุกขึ้นเหมือนทุกวัน เพื่อเตรียมตัวไปช่วยที่ร้าน เนื่องจากโดยปกติช่วงเช้าจะเป็นช่วงที่วุ่นวายที่สุดรวีธารผุดลุกขึ้นบิดขี้เกียจอย่างเมื่อยขบ ก่อนจะรู้สึกถึงอุณหภูมิในห้องที่ดูหนาวกว่าปกติ ไหนจะร่างกายที่ดูโล่งแปลกๆคนตัวเล็กก้มใบหน้ามองตัวเองอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นสภาพร่างกายตนเองดวงตาก็เบิกกว้างอย่างตกใจ พยายามหาสิ่งผิดปกติในร่างกายตนเองแต่ก็ไม่มี จะมีก็แต่รอยแดงเป็นจ้ำๆ ตรงลำคอและเนินอก"เมื่อคืนไปนอนเมาให้ยุงกัดที่ไหนวะเนี่ย" คนที่รู้ว่าเมาแต่ไม่รู้ว่ากลับมายังไงเกาศีรษะอย่างมึนงง พยายามนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ภาพจำสุดท้ายคือเธอนั่งอยู่กับหมอไทม์..."หมอไทม์!" คนตัวเล็กอุทานเรียกชื่อคุณหมอหนุ่มเสียงดัง เมื่อเริ่มจะคิดอะไรบางอย่างออก คุ้นๆ ว่าเขาเป็นคนมาส่ง เธอขอให้เขามาช่วยเปลี่ยนหลอดไฟ ตามด้วยเธอเดินมึนๆ ไปหาน้ำให้เขากิน หลังจากนั้น....รวีธารมองสำรวจตัวเองอีกรอบ จำได้ว่าเธอกับเขานัวเนียกันพักใหญ่ หลังจากนั้นก
"เสร็จแล้ว" ธารณ์มองผลงานตัวเองเมื่อเห็นว่าหลอดไฟที่เปลี่ยนไปไม่มีปัญหาอะไร จึงก้มบอกคนตัวเล็ก แต่เมื่อไม่เห็นเจ้าของห้องที่เป็นคนขอให้เปลี่ยนหลอดไฟให้จึงก้าวขาลงจากเก้าอี้ทรงสูง ไม่รู้คนเมาจะไปป่วนที่ไหนอีกคนตัวสูงเดินเอาเก้าอี้บาร์ทรงสูงไปเก็บที่เดิม ก่อนจะเดินย้อนกลับมาตรงกลางห้อง ได้ยินเสียงกุกกักจากด้านหลังจึงหมุนตัวหันกลับไปมอง เห็นคนตัวเล็กเดินถือแก้วน้ำมาให้ท่าทางมึนๆ จึงอดลอบหัวเราะในลำคอไม่ได้ ตัวเองเมาซะขนาดนั้นยังจะหาน้ำหาท่ามาให้อีก แล้วนี่ไม่รู้ว่าไปหาถึงไหน จนเขาเปลี่ยนหลอดไฟเรียบร้อยแล้วเพิ่งจะออกมา"น้ำค่ะ" เธอเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ยกยิ้มกว้างอารมณ์ดี"ขอบคุ....เห้ย!" คนตัวสูงที่กำลังเอื้อมมือไปรับ ร้องอุทานอย่างตกใจ เมื่ออยู่ๆ เจ้าของห้องสะดุดขาตัวเองพุ่งตัวมาหาเขาจนเสียหลัก พากันหงายหลังล้มตัวลงบนโซฟาทั้งคู่"คุณเป็นไรไหม" ธารณ์ขยับตัวจุกเล็กน้อย แต่ก็ยังห่วงคนตัวเล็กที่นอนซบอยู่ด้านบน"มะ...ไม่เป็นไรค่ะ" รวีธารผละตัวขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังทรงตัวไม่อยู่ทรุดตัวลงไปอีกรอบ"ไหวไหม" ธารณ์เอื้อมมือจับไหล่คนด้านบนช่วยประคองเธออีกแรง"หมอไทม์" คนตัวเล็กที่ทรงตัวได้แล้วแ
"นั่งดีๆ เพ้นท์" เสียงเข้มข้างหูทำให้เธอพยายามปรือตามอง เมื่อเห็นเป็นคนที่อยู่ในความคิดมาโดยตลอดก็ถามขึ้นอย่างแปลกใจ"หมอไทม์มาได้ไง" คนที่โดนถามคำถามนี้รอบที่สามถอนหายใจยาวหนักใจ ยิ่งเห็นท่าทางไม่ระวังตัวของคนที่นั่งข้างๆ ก็ยิ่งหงุดหงิด รู้ตัวไหมนั่น ว่าตัวเองเป็นผู้หญิง ไม่ระวังตัวเอาซะเลย!"นั่งดีๆ ไม่งั้นจะปล่อยลงข้างทาง" คนตัวเล็กหน้างอบูดบึ้งทันทีเมื่อโดนดุ ความรู้สึกที่โดนบิดาต่อว่ามาตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นยิ่งทำให้อารมณ์น้อยใจปะทุในอก"จะว่าอะไรนักหนา คิดว่าจะทำอะไรกันก็ได้รึไง! อยากให้มีนักใช่ไหมผัวทียี่สิบคน""อะไรวะเนี่ย! เพ้นท์! ตื่นมาคุยกันก่อน" ธารณ์ยกมือกุมศีรษะอย่างอ่อนแรง ปวดหัวจนแทบระเบิดเมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้ แล้วผัวยี่สิบคนนี่อะไรวะ?!ความจริงมันเริ่มจากการที่เธอโทรมาหา บอกว่าจะชวนมาดื่มด้วยกัน ซึ่งเขาก็ปฏิเสธไปแล้ว แต่เธอก็ไม่ยอม โวยวายเสียงกรึ่มๆ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ใจแข็งไม่ยอมไปอยู่ดีจนได้รับสายอีกครั้ง คราวนี้เสียงเธอไม่ใช่แค่กรึ่มๆ แต่เมาเลยล่ะ ดูท่าจะเมาหนักซะด้วย! ความจริงเขาพยายามจะไม่สนใจ เพียงแต่ไม่บังเอิญไปได้ยินเสียงจากปลายสายคล้ายมีคนเข้ามาคุยด้วย'
เสียงโหวกเหวกโวยวายของเจ้าหญิงประจำบ้านดังออกมาจากห้องทำงาน รวีธารที่โดนตามตัวมาเช่นเดียวกันกำลังจะเปิดประตูเข้าไปจึงเลือกที่จะหยุดตัวเอง ยืนรออยู่หน้าประตูแทนเสียงที่ดังออกมาใช่ว่าจะเบา เธอจึงได้ยินหมดว่าคนด้านในคุยอะไรกัน"พายไม่เอาเด็ดขาด เกิดมายังไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี้กับพายมาก่อน!""เขาอาจติดธุระก็ได้ ลองเจอกันอีกรอบไหม""ไม่! ป๊าไม่รู้หรอกว่าพายอายแค่ไหน มีแต่คนมองมาแปลกๆ""ไม่มีใครสนใจหรอก พายคิดมาก""ไม่คิดมากหรอกค่ะ มีอย่างที่ไหน ปล่อยให้พายนั่งรอเกือบชั่วโมง มาถึงก็ตัวเปล่า ไม่สนใจกันสักนิด ดอกไม้สักช่อมาขอโทษก็ไม่มี!""แล้วเขาได้พูดขอโทษไหม""พูด! แต่มันไม่เหมือนกันนี่คะ""ก็เขาขอโทษแล้วไง""ป๊า!""เขาอาจจะติดงานด่วนก็ได้ เลยมาถึงช้า""เขาก็ต้องบอกพายสิคะ!""ก็เราบอกเองไม่ใช่รึไง ว่าไม่ให้ป๊าบอกข้อมูล ถ้าเขาอยากรู้ต้องขอเอง""ป๊า! พายเป็นลูกป๊านะ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปพายจะไม่ไปดูตัวอะไรทั้งนั้น!" ปังรวีธารผงะตกใจเมื่ออยู่ๆ ประตูถูกเปิดออกอย่างแรง ตามด้วยร่างสูงเพรียวของพี่สาวที่เดินออกมาด้วยใบหน้าบูดบึ้ง"แกมาทำไม?""ป๊าเรียก" เมื่อเรวิกาถามห้วนๆ เธอจึงตอบกลับห้วนๆ เช่นกัน