เข้าสู่ระบบหลังจากจัดการเรื่องรอยแดงบนหน้าผากของบุตรสาว และอดีตบุตรบุญธรรมเสร็จ เผิงจินเยว่จึงสั่งให้เด็กทั้งสองบอกเล่าถึงต้นสายปลายเหตุ เนื่องจากนางเลี้ยงดูอวิ่นซงถิงกับหลิวเฟยหยวนมาเองกับมือ เหตุใดจะไม่รู้ถึงนิสัยใจคอของเด็กสองคนนี้
พอเผิงจินเยว่ได้รับฟังเรื่องราวทุกอย่างจบ ซึ่งมันก็เป็นไปตามคาด...!
เผิงจินเยว่หันไปต่อว่า ท่านพ่อตาผู้หวงบุตรสาวก่อนเป็นคนแรก จากนั้นนางก็หันมาต่อว่าบุตรสาว และอดีตบุตรบุญธรรมที่ยังคงนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นตรงหน้า...
ซึ่งที่จริงยามนี้เผิงจินเยว่ก็ยังรู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อย แม้ในช่วงวัยเยาว์ของหลิวเฟยหยวนกับอวิ่นซงถิงนางจะสังเกตเห็นสายตา ความใกล้ชิด และท่าทีสนิทสนมที่เกินพอดีระหว่างคนทั้งคู่อยู่บ่อยครั้ง แต่เพราะในช่วงเกือบสามปีที่ผ่านมาหลิวเฟยหยวนแสดงท่าทีเฉยชา และเว้นระยะห่างกับบุตรสาวของนางอย่างชัดเจน
 
หลิวเฟยหยวนกัดฟันกรอด ตอนนี้เขาแทบจะควบคุมสติ และอารมณ์ปรารถนาของตนเอาไว้ไม่อยู่ เขาดึงตัวขึ้น แล้วแทรกเข้าไปยืนระหว่างขาของผู้เป็นภรรยา เขาจับแก่นกายใหญ่ถูไถดอกไม้งามขึ้นลงช้า ๆ จากนั้นก็ค่อย ๆ กดเข้าไปในช่องทางปล่อยน้ำหวาน “อื้อ...ท่านพี่!” อวิ่นซงถิงหยัดกายรับความเสียวซ่าน เนื้อตัวบิดเร่ายามที่หลิวเฟยหยวนลึกล้ำเข้ามา นางรู้สึกปั่นป่วนบริเวณช่องท้อง เมื่ออีกฝ่ายถอดถอน แล้วเติมเต็มกลับเข้ามาจนสุด หลิวเฟยหยวนโน้มตัวลงไปไล้เลียยอดอกของผู้เป็นภรรยา เขากัดฟันสูดลมหายใจเข้าลึก ด้วยคิดจะปล่อยให้อวิ่นซงถิงคุ้นชินกับแก่นกายใหญ่ของเขาสักพักก่อน เพราะเขากับนางห่างหายจากเรื่องพวกนี้มานาน แต่ทว่าหลิวเฟยหยวนยังไม่ทันจะสูดลมหายใจเข้าเป็นครั้งที่สาม ผู้เป็นภรรยาก็ขยับสะโพกเข้าออก จนส่วนล่างข
ดวงตาคู่คมเต็มเปี่ยมไปด้วยไฟปรารถนา แต่ทว่าก็แฝงความอ่อนโยน และผสมกับความพยายามอดทนอดกลั้น ทำเอาเหตุผลต่าง ๆ นานาที่อวิ่นซงถิงเตรียมจะนำออกมาใช้เอ่ยปฏิเสธปลิวหายไปในอากาศ ในขณะที่อวิ่นซงถิงทำอะไรไม่ถูก หลิวเฟยหยวนก็ค่อย ๆ โน้มใบหน้ารูปงามลงมา แตะริมฝีปากบางลงบนริมฝีปากของนาง จากนั้นก็งับเบา ๆ ราวกับต้องการยั่วยวน ก่อนจะผละออก “อาถิง สามร้อยสี่สิบแปดวันที่พวกเราไม่ได้ทำเรื่องดีงามระหว่างสามีภรรยา แล้วก็เป็นสามร้อยสี่สิบแปดวันที่ข้าทำตัวดีมาก ข้าพยายามอดทนอดกลั้น ไม่เรียกร้อง พึ่งพาเพียงกลิ่นกายจากชุดของเจ้ากับแม่นางทั้งห้า” พูดมาถึงตรงนี้ หลิวเฟยหยวนก็จับมือข้างซ้ายของอวิ่นซงถิงขึ้นมากัดเบา ๆ ลงไปที่ปลายนิ้ว พลางเลื่อนสายตามองดวงหน้างาม แล้วเอ่ยต่อว่า “ในช่วงที่ครรภ์ของเจ้ามั่นคงดีแล้ว ท่านหมอบอกกับข้าว่า พวกเราสามารถทำเรื่องดีงามระหว่างสามีภรรยาได้ แต่ต้องทำในท่าที่ถูกที่ควร แล
เมื่อการตั้งครรภ์เข้าสู่เดือนที่แปด อวิ่นซงถิงเจ็บท้องเตือนอยู่บ่อยครั้ง หลิวเฟยหยวนจึงสั่งให้หมอตำแยที่จองตัวเอาไว้มาพักอาศัยอยู่ที่เรือนตระกูลหลิวเป็นการชั่วคราว และสั่งให้เหล่าบรรดาบ่าวรับใช้สตรีในเรือนทุกคนแบ่งแยกหน้าที่ ซักซ้อมการวิ่งเตรียมของยามฉุกเฉิน และจัดเวรยามผลัดกันนอนผลัดกันตื่น เตรียมพร้อมได้ไม่ถึงครึ่งเดือน อวิ่นซงถิงก็เจ็บท้องคลอด ผู้เป็นสามีไม่ยินยอมออกไปจากห้อง และไม่ยอมอยู่ห่างจากนางเลยสักเสี้ยววินาที แม้หมอตำแยจะเดินเข้ามาเอ่ยเชิญหลิวเฟยหยวนให้ออกไปจากห้องเป็นระยะ โดยให้เหตุผลว่า ห้องคลอดเป็นสถานที่สกปรกบุรุษไม่เหมาะจะอยู่ด้านใน แต่ทว่าอีกฝ่ายก็ไม่ยอมฟัง แล้วยังคงดื้อรั้นอยู่ข้างกายนางตลอดการทำคลอด โดยผู้เป็นสามีนั่งปักหลักพิงหัวเตียง แล้วให้อวิ่นซงถิงนั่งพิงแผ่นอกของเจ้าตัว ระหว่างเบ่งคลอดหลิวเฟยหยวนก็คอยช่วยโอบประคอง เอ่ยถ้อยคำปลอบโยน ช่วยซับเหงื่อ และยังคอยส่งเสียงช่วยนางออกแรงเบ่งเป็นระยะ
“ยินดีด้วยขอรับนายท่านหลิว ฮูหยินของท่านตั้งครรภ์ได้ห้าสัปดาห์แล้วขอรับ” สิ้นคำพูดของท่านหมอ อวิ่นซงถิงนิ่งค้างไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันขวับไปมองหลิวเฟยหยวนที่กำลังนั่งอาเจียนใส่กระโถนอยู่บนเตียง แล้วเมื่อเห็นอีกฝ่ายหันมามองนางด้วยสีหน้าที่แสดงออกถึงความรู้สึกตกตะลึงไม่ต่าง นางก็รีบปรับลมหายใจ เพื่อรวบรวมสติของตนเองกลับมา หลังจากนั้นท่านหมอก็กล่าวคำแนะนำ กล่าวเตือนสิ่งที่ต้องพึงระวัง และส่งเทียบยาทั้งของผู้เป็นสามีกับเทียบยาบำรุงครรภ์ของนางให้ อวิ่นซงถิงรับมาตรวจสอบ ก่อนจะส่งไปให้อาต้าน ซึ่งยามนี้อาต้านได้เลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นพ่อบ้านในเรือนตระกูลหลิวของพวกนางแล้ว อวิ่นซงถิงลุกขึ้นยืน พลางกล่าวขอบคุณ นางสั่งให้อาต้านตามออกไปส่งท่านหมอ และให้ออกไปซื้อยาทั้งสองเทียบกลับมาด้วย เมื่อภายในห้องพักเหลือเพียงแค่หลิวเฟยหย
นานวันเข้า หลิวเฟยหยวนเริ่มรู้สึกอยากเป็นคนเดียวที่อวิ่นซงถิงใกล้ชิด และให้ความสนิทสนมด้วย แล้วเขาจะรู้สึกไม่ชอบใจทุกครั้งยามเห็นนางไปพูดคุย ไปให้ความสนิทสนม หรือส่งยิ้มให้กับผู้อื่น ไม่เว้นแม้แต่น้องชายแท้ ๆ เหล่าบรรดาน้องสาวกับน้องชายต่างมารดา และเหล่าบรรดาบ่าวสตรีรับใช้คนสนิทของนาง ช่วงแรก ๆ หลิวเฟยหยวนก็ยังไม่เข้าใจในความรู้สึกนี้ของตนเอง แล้วเขายังคิดเองเออเองไปว่า เพราะอวิ่นซงถิง คือ คนที่เขาให้ความสนิทสนมที่สุดจึงเผลอยึดติด หรือไม่...เขาก็อาจจะแค่หวงน้องสาวเท่านั้น ทว่ายิ่งพอเติบใหญ่ความรู้สึกเหล่านี้ก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และยังมีความรู้สึกอยากครอบครอง อยากเป็นเจ้าของ แล้วก็อยาก...เขาดันเกิดความคิดอยากจะทำเรื่องไม่ถูกไม่ควรกับน้องสาวบุญธรรม! จนบางครายามค่ำคืน หลิวเฟยหยวนถึงขั้นเก็บเอาความคิดไม่ถูกไม่ควรเหล่านั้นกับอวิ่นซงถิงไปฝัน!!&nbs
หลิวเฟยหยวนจ้องมองรอยยิ้มของผู้เป็นภรรยา เขาจำได้ว่า... วันนั้นเป็นวันหยุดของสำนักศึกษา หลิวเฟยหยวนกลับมาพักที่จวนนายอำเภอ ช่วงบ่ายวันนั้นอากาศค่อนข้างร้อน บริเวณรอบเรือนของเขาไม่มีต้นไม้ใหญ่พอจะใช้พึ่งพิงร่มเงาได้ แล้วอีกเพียงแค่สองวันเขาจะต้องเข้าสอบ หลิวเฟยหยวนจึงตัดสินใจก้าวเท้าออกจากเรือน แล้วเดินหาสถานที่เงียบ ๆ เพื่อนั่งทบทวนตำรา ในขณะที่หลิวเฟยหยวนเดินผ่านลานกว้างท้ายจวน เขาสังเกตเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งนั่งร้องไห้อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เขาค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ พอเห็นดวงหน้าของเด็กคนนั้น...! หลิวเฟยหยวนนิ่งค้างไปครู่หนึ่ง เด็กคนนี้คือ คนที่ทำให้ชีวิตภายในจวนของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เลวร้าย แล้วก็ยังเป็นคนที่เขาไม่อยากเข้าใกล้ ไม่อยากพูดคุยด้วยและพยายามหลีกเลี่ยงมาโดยตลอด







