Share

ตอนที่ 19

last update Last Updated: 2025-03-16 14:57:30

พริมโรสแวะไปคุยกับยาร่าอยู่พักใหญ่ๆ จากนั้นก็ปลีกตัวมาทำงาน แต่เมื่อมาถึงห้องวอร์รูมก็ต้องแปลกใจ ตอนนี้ในห้องปฏิบัติการเต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในส่วนต่างๆ จนทำให้ห้องที่เคยโล่งกว้างดูแคบไปถนัดตา เธอเดินเข้ามายืนมองเจ้าหน้าที่ที่กำลังบังคับบินเฮลิคอปเตอร์สอดแนมตัวจิ๋วอย่างเงียบๆ

“นายหญิง” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งหันมาเห็นจึงทำความเคารพ คนอื่นๆ ที่ได้ยินเสียงก็หันมามองแล้วก็ลุกขึ้นยืนโค้งคำนับโดยพร้อมเพรียง ยกเว้นเจ้าหน้าที่ห้าคนที่กำลังบังคับบินอยู่ 

เธอโค้งศีรษะตอบรับ อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ ไม่เข้าใจว่าทำไมคนเหล่านี้ต้องให้เกียรติเธอถึงขนาดนี้

หรือจะเป็นคำสั่งของท่านเจ้าของบ้าน!

“พื้นที่ที่กำลังตรวจสอบ เป็นเขตที่สงสัยว่าคุมขังตัวประกันอยู่ใช่ไหมคะ?”

“ใช่ครับ เรากำลังสำรวจสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ติดกับอาคาร ผู้กองเตวิชให้พวกเราเข้าไปสอดแนมก่อน และคอยแบคอัพ ขณะนี้ผู้กองกำลังบินเข้าใกล้เป้าหมาย เพื่อเข้าไปสำรวจภายในอาคารแล้วครับ”

“แล้วอีกที่หนึ่งล่ะคะ”

“ยังเดินทางไม่ถึงครับ คาดว่าน่าจะคืนพรุ่งนี้”

“คอปเตอร์แพคที่ผู้กองใช้ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า? เราทดสอบครั้งสุดท้ายเมื่อ…อ๊ะ!”

“มานี่!” เสียงเหี้ยมเกรียมคำรามดุดัน ดังขึ้นอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว

เธอยังพูดไม่ทันจบประโยค อยู่ๆ ร่างคุ้นตา ใบหน้าถมึงทึงราวกับพยัพฝน ก็เดินตรงดิ่งเข้ามาคว้าข้อมือเธอจนตัวปลิวไปตามแรงดึง พาเข้าไปในห้องทำงานเล็กด้านหลัง แล้วกระแทกประตูปิดเสียงดังปังสนั่นหวั่นไหว

เจ้าหน้าที่ทุกคนในที่นั้น พากันมองอย่างตกตะลึงพรึงเพริด พอได้ยินเสียงกระแทกประตูปิด ต่างก็ทำท่ากลัวจนหัวหด ดึงสติกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว รีบหันกลับไปทำงานต่อ เพราะรู้ดีว่าเวลาที่เจ้านายพระองค์นี้มีอารมณ์เดือดดาลถึงขั้นสุดนั้น เลวร้ายเพียงใด 

ในใจของแต่ละคน ต่างก็รู้สึกสงสาร นายหญิงร่างน้อยอ้อนแอ้นนุ่มนวลอ่อนหวาน ราวกับดอกกล้วยไม้ที่แสนเปราะบางผู้นี้เหลือเกิน

“อะไรของคุณ!” พอประตูปิด พริมโรสก็ขืนตัวไว้ ยกมือขึ้นสะบัด เพื่อให้หลุดออกจากพันธนาการทันที แต่ทว่าเขายังกำข้อมือไว้แน่น จึงกระชากเข้าหาตัว แล้วดันร่างบางไปจนติดกำแพงด้านหลัง จับข้อมือเล็กกดไว้กับผนังทั้งสองข้าง

“พอใจแล้วใช่ไหม!! อย่านึกว่าผมไม่รู้นะว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่” 

“ฉันทำอะไรเล่า? อยู่ๆ ก็มาโวยวายเสียงดัง คุณคงไม่ได้ลืมใช่ไหมว่าเรากำลังแสดงละครกันอยู่!” 

เขาจับรวบข้อมือเล็กไว้เหนือศีรษะด้วยมือเดียว ส่วนมืออีกข้างบีบคางของเธอไว้แน่นจนรู้สึกเจ็บ กัดฟันพูดออกมาเสียงต่ำ

“แล้วคุณล่ะ! เตือนตัวเองด้วยสิ! ผมไม่ใช่สิ่งของนะ นึกจะโยนให้ใครก็ทำได้!”

“ฉันก็ไม่คิดว่าคุณจะเดือดเนื้อร้อนใจขนาดนี้นี่ นั่นไม่ใช่สเปคของผู้ชายทั้งโลกหรือไง!”

“ยัยโง่! ทีเรื่องนี้ทำเป็นหัวทึบ ไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งไม่รู้! จะยั่วโมโหกันใช่ไหม!!”

“ฉันไม่ใช่พยาธิในไส้คุณนี่ จะไปรู้รสนิยมส่วนตัวคุณได้ยังไง! แล้วทำไมคุณต้องโมโหขนาดนี้ด้วยล่ะ ยัยนั่นเขาจะปล้ำคุณหรือไง?”

“ตามติดยังกับปลิงผี! ถ้าสิงผมได้คงทำไปแล้ว ไม่เคยรำคาญอะไรขนาดนี้มาก่อนเลย! ให้ตาย!!”

“คุณก็เนียนๆ ไปสักหน่อยไม่ได้หรือไง คิดเสียว่าต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง เสียสละเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้การทำงานราบรื่น คุณเองก็มีแต่ได้กับได้ ไม่มีอะไรให้ต้องเสียหายขาดทุนเลยนี่นา!” หญิงสาวพยายามยุยงปลุกปั่นให้เขาเห็นถึงผลประโยชน์ที่พึงจะได้ มากกว่าที่จะเสีย

“งั้นเรามาเสียสละด้วยกันดีไหม?”  มือข้างที่ว่างล็อกคางมนไว้ ก้มหน้าลงมาหมายจะประทับจุมพิตที่ริมฝีปากอวบอิ่ม แต่หญิงสาวกลับเบี่ยงหน้าหนีเสียก่อน จึงพลาดไปโดนแก้มนุ่ม แล้วลงมาไซ้ที่ซอกคอนุ่มเนียน

“อ๊ะ! .. ไม่เอา! หยุดก่อน! มีอะไรคุยกันดีๆ” หญิงสาวพยายามต่อรอง เพราะเริ่มจิตในไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เมื่อเขาไล้มือไปที่สะโพกด้านหลังแล้วกดให้แนบชิดลำตัวเขายิ่งขึ้น

ตึงๆๆๆ

“นายท่านครับ! นายใหญ่กำลังมาจะมาถึงที่เรือนตะวันออกแล้วครับ!”

ชายหนุ่มชะงักเมื่อได้ยินเสียงรายงาน เขาปล่อยหญิงสาวจากพันธนาการทันที รีบไปเปิดประตู แล้วหันไปสั่งงานกับลูกน้องคนที่มารายงาน

“ไปบอกฮาน่า ให้เตรียมต้อนรับนายใหญ่ เร็ว!”

“ครับผม”

“คุณ..ไปกับผมไหม?” เขาหันมาถาม แต่หญิงสาวส่ายหน้า

“ไม่ค่ะ อีกสักพักฉันจะไปนอนแล้ว” หญิงสาวพูดด้วยลมหายใจที่ยังหอบ

เขาพยักหน้ารับรู้ แล้วเดินออกไป

…………………….

ติ๊ดๆๆ ตี๊ดดด!!  ติ๊ดๆๆ ตี๊ดดด!! 

เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ เสียดเข้าไปในโสตประสาททั้งห้า กระตุ้นร่างไร้วิญญาณที่กำลังดื่มด่ำกับการหลับไหล ให้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมารับรู้ มือเรียวเล็กควานหาต้นตอของเสียงไปทั่ว ทั้งที่ตาทั้งสองข้างยังปิดสนิท แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ 

เสียงที่ทิ่มแทงต่อมหลับใหล ยังดังทรมานแก้วหูอยู่อย่างต่อเนื่อง จนทำให้เจ้าของร่างต้องลืมตาฝ่าความง่วงงุนมองหาที่มาของเสียง ปรากฏว่าหล่นลงไปอยู่ที่พื้นพรมหน้าเตียง จึงหยิบขึ้นมาแล้วสไลค์ไปข้างหนึ่งเพื่อรับสาย

“เฮ้! ตื่นได้แล้ว!”

“อะไรของคุณเนี่ย! ว่างนักหรือไง!” เสียงงุ้งงิ้ง ที่กำลังบ่นเขาด้วยความง่วงงุน ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดู

“ลุก!! อย่าขี้เกียจ! ออกไปวิ่งกัน ผมรออยู่หน้าห้องคุณแล้ว!”

“ร่างฉันยังชาร์ตแบตไม่เต็มเลย คุณจะให้ฉันลากสังขารไปผลาญมันออกเสียแล้ว! ม่ายไป! ฉันจะนอน! แค่นี้นะ!”

เธอกดวางสาย แต่แค่วินาทีเดียวก็ดังขึ้นอีก

ติ๊ดๆๆ ตี๊ดดด!! .. ติ๊ดๆๆ ตี๊ดดด!! .. ติ๊ดๆๆ ตี๊ดดด!! .. ติ๊ดๆๆ ตี๊ดดด!! 

“โว้ยยย!!” พริมโรสร้องออกมาเป็นภาษาไทยอย่างเหลืออด รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสายด้วยความโมโห 

“ผู้พัน! ให้ตาย! ละเว้นฉันเถอะ!”

“ไม่เอาน่าฮันนี่! ผมให้เวลาห้านาที ถ้าคุณไม่ออกมาดีๆ ผมจะเข้าไปปลุกถึงเตียงเลยนะ เลือกเอา!” เขาพูดจบก็กดวางสายไป

พริมโรสโล่งอก ในที่สุดเขาก็ยอมเลิกลา จึงทิ้งศีรษะที่หนักอึ้งลงกับหมอนอย่างสบายใจ แต่ไม่นานก็ต้องลุกพรวดขึ้นมานั่ง เมื่อนึกได้ว่าเขาสามารถเข้าออกในห้องเธอได้อย่างไร้ร่องรอย จึงรีบตะกายลงจากเตียงไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาทันที

หญิงสาวเปลี่ยนเสื้อผ้าไปด้วย ก็นึกบ่นตัวเองไปด้วย เธอติดกล้องวงจรปิดขนาดจิ๋วเอาไว้เมื่อคืน เพื่อดูว่าเขาแอบเข้าห้องเธอจากทางไหนได้อีก แต่ก็ยังไม่มีเวลาไปตรวจสอบ  เลยทำให้ต้องมาระแวงอยู่อย่างนี้

เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็รีบตรงไปที่ประตู กระชากเปิดออกอย่างไม่พอใจ นัยน์ตาคมหวานจ้องเขม็งอย่างเกรี้ยวกราด ปากอวบอิ่มสีแดงเรื่อเม้มเข้าหากันแน่น แก้มพองออกอย่างไม่สบอารมณ์ 

ยิ่งพอเห็นท่าทางกอดอกพิงผนังอย่างสบายอกสบายใจนั่นด้วยแล้ว ยิ่งทำให้อารมณ์ขุ่นมัว แต่พอนึกได้ว่าผู้ชายกะล่อนปลิ้นปล้อนผู้นี้เห็นการกลั่นแกล้งเธอเป็นเรื่องสนุก ราวกับว่าหากไม่ได้แกล้งแล้วจะลงแดงตายอย่างไรอย่างนั้น จึงเก็บอารมณ์ สะบัดหน้าหนีไปทางหนึ่ง แล้วเดินนำไปก่อน

ชายหนุ่มยืดตัวขึ้น เอื้อมมือไปดึงประตูปิด มุมปากยกยิ้มขึ้นอย่างพึงพอใจ มองไปที่แผ่นหลังของหญิงสาวด้วยแววตาร้อนแรง ไม่รู้สึกผิดเลยสักนิดที่จะทำตัวเหมือนเด็ก คอยก่อกวนให้เธอเกิดอารมณ์ขุ่นมัวอยู่บ่อยๆ อาจเป็นเพราะเวลาที่หญิงสาวโมโหโวยวายโดยไร้เหตุผลนั้น ดูดีมีเสน่ห์อย่างที่สุด ยิ่งตอนที่หงุดหงิดและชอบใช้กำลังตัดสิน ดูมีชีวิตชีวาชวนมองเกินกว่าจะหักใจไม่ให้แกล้งเธอได้

พริมโรสหายใจหอบ เดินเข้ามาในห้องอาหาร แก้มแดงเต็มไปด้วยเลือดฝาด เหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้า เธอยิ้มให้สาวน้อยที่นั่งมองตาแป๋วแหววนิดหนึ่ง ก่อนที่จะรินน้ำใส่แก้วแล้วยกขึ้นดื่มอย่างหิวกระหาย

“พี่สาว! หนูไปเคาะประตูเรียกหน้าห้องตั้งนาน คิดว่าพี่สาวเพลียจนไม่ยอมตื่นเสียอีก” พริมโรสยิ้ม เดินมายืนใกล้ๆ

“พี่สาวออกไปวิ่งกับคุณอาของหนูตั้งแต่เช้า แล้วนี่วาดอะไรอยู่จ๊ะ?”

“มกุฏราชกุมารของเปเรซค่ะ เหมือนไหมคะ?” ยาร่าเงยหน้าขึ้นยิ้มหวาน เฝ้ารอการถูกลูบศีรษะรับคำชมเชย

“พี่สาวก็จำหน้าท่านไม่ได้ แต่คนในรูปนี้รังสีอำมหิตฉายชัดมาก สีหน้ากระด้างเยียบเย็นดุจน้ำแข็ง ทั้งหยิ่งทั้งเย็นชา ทำหน้าเหมือนกับว่า ถ้ามีคนโง่มาพูดด้วย จะส่งผลให้ไอคิวของตัวเองลดระดับลงมาทันที หนูถ่ายทอดออกมาได้ดีมาก! ทำให้คิดได้เลยว่า นี่คือตัวตนของเขาจริงๆ” ผู้พันอิฟราอิมตามมายืนอยู่ด้านหลัง เขาได้ยินบทสนทนาชัดเจน จึงเข้ามาดูอย่างสนใจใคร่รู้

พอเห็นผลงานของหลานสาว ก็อึ้งไปนิดหนึ่ง พลางคิดในใจว่า เด็กคนนี้อยากวาดให้เขาเป็นตัวอะไรกันแน่ ทำไมหน้าตาถึงได้ดูอำมหิตขนาดนั้น นอกจากเครื่องแบบของราชวงศ์ ที่วาดได้ถูกต้องแล้ว มีส่วนอื่นๆ ตรงไหนบ้างที่เหมือนเขา

“เดี๋ยวพี่สาวขอตัวไปอาบน้ำก่อน แล้วจะมากินข้าวด้วยนะ” ยาร่าพยักหน้า ยังยิ้มหน้าบานอยู่ตั้งแต่ได้รับคำชมเชย และยังค้างอยู่บนใบหน้าเมื่อมองเลยไปที่ผู้เป็นอา ที่กำลังนั่งลงตรงข้ามเธอ 

“มีอะไรผีเสื้อน้อย จ้องหน้าอาทำไมกัน?”

“ท่านอากับพี่สาว เป็นคู่หมั้นกันจริงๆ หรือเพคะ?”

“จริงสิ! อะไรทำให้หนูคิดว่าเราสองคนไม่ใช่ล่ะ?” ชายหนุ่มยกแก้วน้ำเย็นขึ้นดื่มอย่างกระหาย

“ทำไมหนูไม่รู้สึก ถึงความสัมพันธ์แบบคู่รัก เลยสักนิดล่ะเพคะ เหมือนกำลังดูซีรีส์เรื่องหนึ่งมากกว่า ปลอมมาก! เฟคสุดๆ!”

พรืด!!  

ผู้พันอิฟราอิมผู้สุขุมเยือกเย็นตลอดเวลา ถึงกับสำลักน้ำที่กำลังดื่ม มิหนำซ้ำยังไอแค่กๆ ไม่หยุด เมื่อถูกสาวน้อยนิสัยตรงไปตรงมาเกินขีดจำกัดคนนี้ เปิดเผยแผนการ ทำเอาเขาสีหน้าซีดเผือดไปหมด แม้กระทั่งเรื่องที่กำลังแอบกระทำลับหลังผู้คน ยังถูกเด็กคนนี้มองออก

อะ..อะไรกัน เด็กคนนี้? 

“ยาร่า! หนูอินกับซีรีส์มากเกินไปแล้ว ชีวิตจริงไม่จำเป็นต้องแสดงออกทุกอย่างที่อยากจะทำหรอกนะ”

“แต่ก็ไม่ควรปกปิดเสียจน ดูเหมือนคนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักกันนี่เพคะ ท่านพ่อเคยบอกไว้ว่า เวลาที่เรารักใครสักคนมากๆ มักจะเก็บความรู้สึกไว้ไม่อยู่ มันจะล้นออกมาทางสีหน้า แววตา และรอยยิ้ม ตลอดจนการกระทำ รวมถึงความรู้สึกที่อยากจะวนเวียนอยู่ใกล้ๆ คนที่เรารักตลอดเวลา ท่านอาดูเหมือนจะใช่ แต่พี่สาวกลับดูแตกต่าง เหมือนเป็นความสัมพันธ์แบบจำยอม หรือว่าพี่สาวไม่ได้รักท่านอา?”

ตรง..ตรงเกินไปแล้ว!! มันน่าปาดคอนัก!

ผู้พันอิฟราอิมคิ้วกระตุก กลืนน้ำลายอึกใหญ่ คิดอยู่ในใจว่านี่ใช่หลานสาวอายุสิบสามปีของเขาแน่หรือ เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า มีตัวประหลาดที่ทะลุมิติ มาแย่งชิงเรือนร่างเล็กๆ นี้ไปหรือเปล่า

“แต่ก็น่าเห็นใจพี่สาวนะเพคะ ถึงแม้ท่านอาจะดูน่ารัก น่าเคารพนับถือในสายตาของหนู แต่ภาพลักษณ์และชื่อเสียงของท่านอาในสายตาของคนภายนอก ถ้าพี่สาวรู้อาจจะยอมรับไม่ได้”

“รับอะไรไม่ได้?” ชายหนุ่มรำพึงออกมาอย่างสงสัย 

งานดี! พรีเมี่ยม! ตรงปกขนาดนี้ ยังมีอะไรที่รับไม่ได้??

ภายใต้ความคิดชั่วร้าย ยาร่าก้มหน้าลงนิดหนึ่งคลี่ยิ้มบางๆ  ทว่าชั่ววูบเดียวเท่านั้น ก็กลับมายิ้มได้น่ารักไร้เดียงสา กิริยายังคงน่าเอ็นดูเช่นเดิม

“อ๊ะ! พี่สาวมาแล้ว!” เด็กน้อยรีบเงยหน้าส่งยิ้มสดใส ตีหน้าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ได้อย่างแนบเนียน

“ว่าไงจ๊ะสาวน้อย ยิ้มเสียหวานเชียว ดูเหมือนรอยยิ้มประจบประแจงเพื่อหวังผลอะไรสักอย่าง”

“โอ๊ะ! หนูดูคนไม่ผิดจริงๆ รับหนูเป็นลูกสาวสักคนได้ไหมคะ?”

“ตำแหน่งน้องสาวยังว่าง ไม่อยากรับเล่นบทแม่เลยจริงๆ”

“น่าผิดหวังจัง หนูอยากมีคุณแม่ที่ทั้งสวยและจิตใจดี ทั้งยังหอมกรุ่นไปทั้งตัวแบบพี่สาวจังเลยค่ะ คืนนี้ให้หนูนอนด้วยได้ไหม  มีพี่สาวนอนกอดอยู่ข้างๆ หนูคงหลับฝันดีทั้งคืนแน่เลย”

ชายหนุ่มมองมนุษย์เพศหญิงสองคนตรงหน้า ราวกับกำลังมองสิ่งแปลกประหลาดบนดาวโลก ที่เพิ่งจะโผล่พ้นผืนดิน พาลนึกโมโหว่า เสียรู้คนบางคนเสียแล้ว

พี่ชาย! ท่านช่างอำมหิตนัก! ส่งเจ้าตัวปัญหานี่มาบ่อนทำลายกันชัดๆ! 

“ไม่อนุญาต! ร้ายนักนะเรา นี่ถ้าเป็นเด็กผู้ชาย มีหวังคงวาดลวดลายแข่งขันกับคุณอา!” 

“หนูอาจจะพูดตรงกับความรู้สึกมากไปหน่อย นั่นเพราะหนูกับน้องไม่มีแม่ที่จะคอยอบรมสั่งสอนนานเกินไป คุณพ่อจำเป็นต้องทำงาน ทั้งยังต้องแบ่งเวลามาดูแลพวกเราอีก เขาก็คงต้องเหงาและขาดที่พึ่งทางใจเหมือนกันแน่ๆ ครอบครัวของพวกเราตอนนี้น่าสงสารที่สุดในแผ่นดินแล้ว!”

“ถ้าพูดแบบนี้ก็คงใช่ ตอนนี้หนูน่าสงสารที่สุดจริงๆ พี่สาวแทนที่คุณแม่ของหนูไม่ได้ แต่เป็นพี่สาวที่เจ๋งที่สุดได้อย่างแน่นอน รับรองว่าแฮปปี้สนุกสนานกว่ากันเยอะเลย!!”  

“อ๊ะ! พูดแบบนี้ หนูอดใจไม่ไหวแล้ว เริ่มจากอะไรกันก่อนดี?”

“ประลองฝีมือ!” แววตาของพริมโรสทอประกายชั่วร้าย เผยรอยยิ้มชวนสะพรึงที่มุมปาก

ไม่กี่นาทีต่อมา การประชันเกมสตรีทไฟท์เตอร์ในตำนาน บนโทรศัพท์มือถือก็เริ่มขึ้น เสียงตวาดข่มขวัญคู่ต่อสู้ เสียงร้องประจัญบานเตรียมปะทะกันอย่างไม่กลัวเกรง ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ต่างไม่มีใครยอมใคร ชายหนุ่มได้แต่ส่ายหน้า เดินหลบออกจากห้องรับแขก หลีกหนีเสียงโหวกเหวกโวยวาย ที่กำลังทำลายเส้นประสาทของเด็กแก่แดด กับผู้ใหญ่ที่ไม่รู้จักโตนั้นทันที

“ย๊ากกกกกก! พาวเวอร์ ครัช!”

“แดชๆ คอมโบ! .. เยสสส!!”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อย่าให้เขารู้ว่าฉันร้าย   ตอนพิเศษ (3) : อิดรีส / ไลลา

    ค่ำคืนแห่งพระเกียรติ ถูกจัดขึ้นอย่างสมพระเกียรติ ณ พระราชวังขององค์สุลต่าน งานเลี้ยงวันคล้ายวันพระราชสมภพถูกเนรมิตขึ้น อย่างวิจิตรตระการตา ทุกซอกทุกมุมของพระราชวังส่องประกายด้วยโคมไฟแก้วเจียระไนระยิบระยับ พรมแดงทอดยาวจากบันไดสู่โถงต้อนรับ โต๊ะอาหารเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ พร้อมเครื่องเงินแท้ที่ขัดเงาจนแวววาว เมนูรสเลิศจากเชฟมิชลิน ถูกเสิร์ฟแบบคอร์ส เคียงคู่กับเครื่องดื่มชั้นสูงจากทั่วทุกมุมโลก ขับกล่อมด้วยเสียงดนตรีออร์เคสตร้า ที่บรรเลงอย่างไพเราะ ทำให้ค่ำคืนนี้ สมพระเกียรติขององค์สุลต่านอย่างถึงที่สุด บรรดาผู้นำจากนานาประเทศ และทูตานุทูต ต่างตบเท้าเข้าร่วมงาน แขกเหรื่อล้วนเอ่ยปากชื่นชม ถึงบรรยากาศที่ได้รับการจัดเตรียมมาอย่างไร้ที่ติ และผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของงานนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น เจ้าหญิงไลลา สตรีหมายเลขหนึ่ง พระชายาของเจ้าชายอิดรีส ผู้ลงมาดูแลทุกอย่างด้วยตนเอง อย่างละเอียดถี่ถ้วน บางคนถึงกับกล่าวชมต่อหน้าเจ้าชายอิดรีส ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แม้เขาจะยังคงยืนสงบนิ่งในท่าทีสุขุมเช่นเคย แต่ในใจลึกๆ กลับรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ตนเลือกคู่ครองไม่ผิด สายตาของอิดรีส

  • อย่าให้เขารู้ว่าฉันร้าย   ตอนพิเศษ (2) : หินพ่อมดลาบราดอไลต์

    แสงสว่างที่ลอยละล่องในความมืดส่องมาที่รินรดา พร้อมกับเสียงกระซิบที่แผ่วเบาแต่ชัดเจน เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของใครในโลกนี้ มันเหมือนเสียงที่มาจากที่ไกลโพ้น ฟังดูทั้งใกล้ และไกลในเวลาเดียวกัน“ถึงเวลาแล้ว...จงทำตามสัญญา!”รินรดารู้สึกเหมือนร่างกายของเธอกำลังล่องลอย แต่ในขณะเดียวกัน ก็ตกลงไปในความเวิ้งว้างอันไร้จุดสิ้นสุด เธอพยายามมองหาเจ้าของเสียงแต่ไม่พบใครเธอหลับตาลงแล้วทันใดนั้น ภาพอดีตของเธอเมื่ออายุสิบห้าปีก็ย้อนกลับมา เธอเห็นตัวเองยืนอยู่หน้าหินพ่อมดลาบราดอไลต์ ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในห้องลับใต้พระราชวัง ความศักดิ์สิทธิ์ของมันทำให้เธอรู้สึกได้ ถึงพลังลี้ลับที่ซ่อนอยู่ภายใน เธอท่องบทสวดที่แอบจดจำไว้ พร้อมกับอธิษฐานถึงสิ่งที่อยากรู้ที่สุดในชีวิต นั่นคือ..การตามหาครอบครัวที่แท้จริงจากนั้นเธอก็เริ่มฝันซ้ำๆ เดิมๆ อยู่หลายครั้ง จนกระทั่งถึงปัจจุบันเธอค่อยๆ ลืมตาขึ้น พบว่าตัวเองยืนอยู่ในอุโมงค์ที่ทอดยาวไปสู่แสงสว่างที่อยู่เบื้องหน้า เธอรู้ว่านี่คือจุดที่ผู้ตายต้องเดินผ่านไปยังภพหน้า แต่แล้วเสียงอันศักดิ์สิทธิ์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง“รินรดา เธอยังมีสิทธิ์เลือกเส้นทางของตนเองอยู่นะ”เบื้องหน้าของเ

  • อย่าให้เขารู้ว่าฉันร้าย   ตอนพิเศษ (1) : พิธีนิกะฮ์

    ค่ำคืนแห่งความสุขมาถึง... ท้องฟ้ายามราตรีของอาณาจักรเปเรซประดับไปด้วยแสงจันทร์และดวงดาวระยิบระยับ ขณะที่ปราสาทหลวง ถูกประดับด้วยผ้าม่านสีขาว และทอง ลวดลายอาหรับอันวิจิตร เจิดจรัสด้วยแสงไฟนวลอบอุ่น ของไฟระย้าคริสตัลสะท้อนแสง จนดูงดงามราวสรวงสวรรค์ ดอกไม้หายากจากทั่วทั้งอาณาจักร ถูกจัดวางประดับประดาไปทั่วบริเวณ สร้างบรรยากาศที่งดงาม ราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย ภายในห้องโถงใหญ่ของพระราชวัง พรมเนื้อละเอียดทอดยาวตั้งแต่ประตูไปจนถึงแท่นพิธี โต๊ะเลี้ยงอาหารค่ำประดับด้วยผ้าปักทอง ดอกกุหลาบและลิลลี่ขาวบริสุทธิ์ให้กลิ่นหอมอ่อนๆ ตัดกับแสงเทียนที่กระพริบไหว ม่านบางเบาปลิวไสวไปตามสายลมเย็นของค่ำคืน พระราชพิธีอภิเษกสมรส ถูกจัดขึ้นตามขนบธรรมเนียม เป็นพิธีนิกะห์อันศักดิ์สิทธิ์ของโมเสลม ภายใต้กฎหมายชารีอะห์ และธรรมเนียมของราชวงศ์ ซึ่งแสดงถึงความงดงาม และเปี่ยมไปด้วยความหมาย นักวิชาการศาสนา(อุละมาอ์) ผู้ประกอบพิธี นั่งอยู่บนแท่นหินอ่อน ด้านข้างมีพยานฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาว พร้อมด้วยบุคคลสำคัญจากราชวงศ์และข้าราชบริพาร เจ้าชายอิสราร์ ประทับยืนในชุดทางการขององค์มกุฏราชกุมาร เสด็จเข้ามายังแท่นพิธี พระอ

  • อย่าให้เขารู้ว่าฉันร้าย   ตอนที่ 100 : การมา..ที่คาดไม่ถึง

    บรรยากาศภายในพระราชวังเปเรซวันนี้ เต็มไปด้วยความสงบและเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความหมายลึกซึ้ง ครบหนึ่งร้อยวันแห่งการจากไปของเจ้าหญิงรินรดา องค์สุลต่านทรงมีพระราชดำริให้จัด ‘โรงทานขนาดใหญ่’ เพื่อแจกจ่ายอาหาร และสิ่งของจำเป็นแก่ประชาชนผู้ยากไร้ ถือเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้แก่ดวงวิญญาณของผู้ล่วงลับ ภายในโรงทานถูกจัดขึ้นอย่างเป็นระเบียบ เต็นท์ขนาดใหญ่ถูกกางเรียงรายภายในลานกว้างของลานพิธีหน้าพระราชวัง โต๊ะยาวหลายตัวถูกตั้งไว้ สำหรับแจกจ่ายอาหารร้อนที่ปรุงสำเร็จ และขนมหวานอาหรับ เช่น บาสบูซาและกุนาฟา รวมถึงน้ำดื่มเย็นๆ สำหรับประชาชนที่มาร่วมรับแจกอาหาร บรรดาข้าราชบริพาร และอาสาสมัครจากประชาชน ต่างช่วยกันแจกจ่ายด้วยรอยยิ้ม แม้จะเป็นวันแห่งความอาลัย แต่ทุกคนก็เต็มใจทำความดี เพื่อเป็นบุญกุศล ให้แก่เจ้าหญิงผู้ล่วงลับ นอกจากอาหารแล้ว ยังมีจุดแจกอาหารแห้ง และของใช้จำเป็น เช่น อินทผลัม ข้าวสาร น้ำมันพืช เครื่องปรุงรส สบู่ และยาสามัญ เพื่อให้ผู้ยากไร้สามารถนำกลับไปใช้ที่บ้านได้ ภายในงานยังมีแพทย์อาสา คอยตรวจสุขภาพเบื้องต้นให้กับประชาชน ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการช่วยเหลือสังคม ที่เจ้าหญิงรินรดาเคยผลักดั

  • อย่าให้เขารู้ว่าฉันร้าย   ตอนที่ 99 : เจ้าหญิงแห่งราชวงศ์อันฟูลัน

    เสียงไซเรนรถพยาบาลแผดก้องไปทั่วท้องถนน แต่รามิลไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น หูของเขาอื้อไปหมด มีเพียงเสียงลมหายใจบางเบาของรินรดา ที่กำลังแผ่วลงทุกขณะ เป็นสิ่งเดียวที่เขากำลังโฟกัส เลือดของเธอเปรอะเปื้อนเต็มมือเขา ลามไปตามแขนเสื้อ แผ่นอก และหยดลงเป็นทางบนเปลพยาบาล ร่างเล็กที่เคยเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา บัดนี้กลับนอนแน่นิ่ง แต่ถึงอย่างนั้น เธอยังคงยิ้มให้เขา “คุณ..รามิล…” เสียงของเธอเบาหวิวแทบไม่ได้ยิน “รดา! เดี๋ยวเราก็ถึงโรงพยาบาลแล้ว… แค่ทนไว้ก่อนนะรดา อย่าหลับนะ ได้ยินผมไหม!?” รามิลกุมมือหญิงสาวแน่น น้ำเสียงสั่นเครือ ความกลัวถาโถมเข้าใส่จนเขาหายใจแทบไม่ออก รินรดาไอออกมาเป็นเลือด ก่อนจะระบายลมหายใจบางเบา “ท่านพี่… ปลอดภัยไหม?” หัวใจของรามิลเหมือนถูกบีบจนแหลกสลาย เธอกำลังอาการสาหัส แต่ยังเป็นห่วงพี่ชายมากกว่าชีวิตตัวเองเสียอีก “ปลอดภัย! เขาปลอดภัย..” รามิลเม้มริมฝีปากแน่น พยายามกลั้นสะอื้น “ทำไมต้องทำแบบนี้ ทำไมต้องเสี่ยงขนาดนี้ด้วยฮึ!?” “เพราะเขาคือ… พี่ชายของฉัน” รินรดายิ้มจางๆ เสียงเธอขาดหายเป็นช่วงๆ เปลือกตาของเธอหนักอึ้งลงทุกที “รดา! อย่าหลับนะ! มองผมสิ มองผม!” มือของเธอใน

  • อย่าให้เขารู้ว่าฉันร้าย   ตอนที่ 98 : มือสังหาร

    เสียงโกลาหลของฝูงชนยังคงดังก้องทั่วลานพิธี แต่แล้วจู่ๆ ผู้คนก็เริ่มแหวกออกเป็นสองทาง ราวกับคลื่นน้ำที่ถูกแบ่งออกโดยพลังที่มองไม่เห็น ท่ามกลางช่องว่างที่เปิดออก ปรากฏร่างของชายคนหนึ่ง เขายืนอยู่ในเงามืด แฝงตัวอยู่ในกลุ่มประชาชนที่กำลังแตกตื่น ในมือของเขากำปืนไรเฟิล ที่บรรจุกระสุนเจาะเกราะแน่น สายตาคมกริบกวาดไปรอบบริเวณอย่างระแวดระวัง ก่อนจะกลับมาตรึงอยู่ที่เป้าหมาย บุรุษผู้ตายยากที่สุดเท่าที่เขาเคยสังหารมา ร่างสูงสง่าของเจ้าชายอิสราร์ ยืนเด่นอยู่บนลานพิธียกพื้น ราวกับถูกจัดวางให้อยู่ในระยะยิงอย่างเหมาะเจาะ โอกาสมีเพียงครั้งเดียว ทุกอย่างจะต้องเกิดขึ้นเร็วที่สุด และต้องสร้างผลกระทบที่รุนแรงที่สุด ถ้าจะต้องถูกจับหลังจากเหนี่ยวไก อย่างน้อยก็ขอให้มันได้ตาย..เพื่อสังเวยผู้ที่ข้ารักและเคารพเหนือสิ่งอื่นใด ผู้ที่สมควรได้รับทุกสิ่งที่ปรารถนาบนโลกใบนี้!! “ตอนนี้แหละ!!” อาซีฟพึมพำกับตัวเองก่อนจะรีบยกปืนขึ้น ปึ่ก! แรงกระชากอย่างรุนแรง ทำให้ปืนในมือของอาซีฟหายไปในพริบตา เขาตวัดสายตาไปด้านข้าง แววตาเปลี่ยนเป็นโทสะสีเข้มจัด แต่แล้วเขาก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นใบหน้าของผู้ที่ชิงอาวุธไปจากมือเขา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status