กชสรกลับมาอยู่ที่คอนโของตัวเองได้เป็นเวลาสามวัน ตั้งแต่เธอกลับมาก็อาเจียนหนักกว่าอยู่ที่ไร่คนใจร้าย จนกระทั่งทนไม่ไหวต้องขับรถไปตรวจที่โรงพยาบาลให้รู้แน่ชัดว่าตนท้องจริง ๆ หรือไม่ แต่แล้วสิ่งที่สงสัยมานานก็เป็นเรื่องจริง เธอนั้นตั้งครรภ์ได้ราว ๆ สองเดือนแล้ว
เธอท้อง ท้องกับคนใจร้าย อีกทั้งตอนนี้เธอท้องไม่มีพ่อ
หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลก็ตรงกลับคอนโดอย่างเลื่อนลอยราวกับวิญญาณได้หลุดออกจากร่างเสียแล้ว ทันทีที่ลงจากรถก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อของตนเองจนต้องหันไปตามเสียงอันคุ้นเลย
“บัว”
หญิงสาววิ่งเข้าไปโผกอดคนที่ยืนอยู่ไม่ห่างก่อนจะร้องไห้โฮออกมาอย่างไม่อายใคร
“พี่กบ”
“บัวเป็นอะไร บอกพี่มา” คนเป็นน้องร้องไห้อย่างหนักกอดพี่ชายแน่นราวกับต้องการที่พึ่งพิงก่อนจะหมดสติทำเอา กฤตพล และแฟนสาวตกใจที่เห็นกชสรเป็นลม กระเป๋ารวมทั้งถุงยาที่อยู่ในมือบางร่วงหล่นลงกับพื้น ดารารายแฟนสาวของกฤตพลหยิบกระเป๋าขึ้นมาถือ และหยิบซองยาที่หล่นออกมาจากถึงขึ้นอ่าน พบว่ามันคือยาบำรุงครรภ์
“กบคะ ดูนี่สิ” ว่าแล้วก็ยื่นสิ่งที่อยู่ในมือให้แฟนหนุ่มดู
“ท้องเหรอ” เ
กฤตพลกับดารารายเดินทางตามที่อยู่ของไร่องุ่นภาธร เพื่อที่จะจัดการเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่าง เขา ภาวิณี กชสร และภาธรให้จบกันไป เขารู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องเข้าใจผิด จนทำให้น้องสาวสุดรักต้องมาเจอกับเหตุการณ์ร้ายแบบนี้ ป้ายยินดีต้อนรับที่ปากทางขนาดใหญ่ จึงขับตรงเข้าไปยังไร่องุ่นทันที แต่ทว่าไม่รู้จะไปพบเจ้าของไร่ได้ที่ใด จึงหยุดรถถามคนงานที่เดินอยู่ภายในไร่นั้นแทน “ขอโทษนะคะ” ดารารายลดกระจกลงก่อนเอ่ยถามคนงานชาย “มีอะไรหรือเปล่าครับ” เสียงตอบรับอย่างนอบน้อม “ฉันมาหาคุณภาธรน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าเขาอยู่ไหมคะ” “แล้วจะให้บอกว่าใครมาขอพบครับ” “บอก
ภาธรยืนมองร่างอุ้ยอ้ายท่างกลางผู้คนมากมายที่กำลังเดินจับจ่ายใช้สอยซื้ออาหารและสิ่งต่าง ๆ กลับไปประกอบอาหารในยามเย็น คงจะเป็นเช่นเดียวกันกับกชสร ในมือเล็กที่มีถุงผักและผลไม้รวมทั้งของสดรวมอยู่ในนั้นด้วยชายหนุ่มมองร่างตรงหน้าด้วยความยินดี เขานั้นตามหาหญิงสาวพบ แต่ทำไมสายตาที่มองมานั้นกลับไม่ดีใจที่เธอได้พบเขาเลย แววตานั้นว่างเปล่าไร้ความรู้สึก หลายเดือนที่เขานั้นคอยเฝ้าคิดถึงเธอเสมอ คิดถึงในสิ่งที่เขาทำผิดต่อเธอ“เดี๋ยวก่อนสิบัว” ชายหนุ่มร้องเรียกชื่อหญิงสาวอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะเดินผ่านเขาไป ทำให้เธอนั้นชะงักเล็กน้อยก่อนพูดโต้ตอบกลับเขาไป“ขอโทษนะคะ ดิฉันไม่รู้จักคุณค่ะ” กชสรตอบกลับด้วยความเรียบเฉยโดยไม่หันหลังกลับไปมองเขาก่อนจะเดินออกไปอย่างไม่สนใจคนที่กำลังมองอยู่เบื้องหลังเพียงแค่จะเอื้อมมือหมายที่จะไขว่คว้าแขนเธอเอาไว้ ภาธรก็ยังไม่กล้าที่จะทำ หากอาการของเธอนั้นเหมือนเกลียดเขาเสียเต็มประดาแม้แต่หน้าของเขาเธอยังไม่ยอมมองเลย หากวันนั้นเขาไม่ตัดสินใจลงมาดูงานที่นี่เองเขาคงไม่ได้พบเธอผู้เป็นดวงใจของเขาอีกครั้ง เรื่องระหว่างเขาและกชสรนั้นเริ่มต้นขึ
หากย้อนกลับไปเมื่อเดือนก่อน ภาธรได้มาหากฤตพลที่บริษัทที่ทำงานอยู่ โดยเขาแวะมาสอบถามเรื่องของกชสรที่ตอนนี้ เขายังหาตัวหญิงสาวไม่พบ จึงต้องบากหน้ามาถามผู้เป็นพี่ชายของเมีย และอีกอย่างเขาต้องการขอโทษกฤตพลที่เข้าใจผิดพลอยทำให้กชสรนั้นต้องเปื้อนราคีที่เป็นตราบาปติดตัวไปตลอดชีวิต. “สวัสดีครับ นัดผมออกมาเจอแบบนี้คุณมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ” กฤตพลทักทายอย่างสุภาพเมื่อมาถึงร้านกาแฟใต้ตึก “ผมมาขอโทษคุณและอยากถามเรื่องของบัว” เจ้าของไร่หนุ่มพูดด้วยความจริงใจ และเล่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างกับและกชสรทั้งหมด “เอาเป็นว่าผมยอมรับคำขอโทษของคุณ แต่ส่วนของบัวคุณไปบอกกับเขาเอาเองแล้วกัน” แล้วเอ่ยประโยคถัดมา “ส่วนเรื่องของน้องสาวคุณผมขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ” “ขอบคุณครับ ว่าแต่คุณพอจะรู้ไหมว่าบัวไปอยู่ที
บทที่ 1ภรรยาในนาม"กลับมาบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะตาเพชร" เสียงตวาดดังลั่นออกมาจากปลายสายกำลังบ่งบอกว่าไม่ค่อยพอใจอะไรบางอย่าง ทำให้พชรกรผละโทรศัพท์เครื่องหรูออกจากหูแทบไม่ทัน"มีอะไรครับแม่ ผมทำงานอยู่" ชายหนุ่มตอบกลับมารดาทั้งที่สายตายังคงจับจ้องที่แผนงานการขยายสาขาของปีหน้าอยู่"กลับบ้านแล้วพาผู้หญิงคนนั้นมาด้วย""เย็นนี้ผมมีธุระครับ คงกลับเข้าไปหาคุณแม่ที่บ้านไม่ได้หรอก" เสียงเข้มตอบปัดราวกับไม่อยากที่จะเข้าไปคุยธุระกับมารดา"อย่ามาบ่ายเบี่ยงนะตาเพชร พาผู้หญิงคนนั้นมาหาฉันที่บ้านด้วย""แต่แม่..."ทว่าชายหนุ่มยังไม่ทันได้เอ่ยประโยคต่อ ก็ถูกมารดาชิงตัดสายไปเสียก่อนทำเอานักธุรกิจหนุ่มอย่าง เพชร พชรกร อัครธารากุล วัยสามสิบเจ็ดปี ที่เพิ่งจะจดทะเบียนสมรสอย่างลับ ๆ เมื่อไม่นานมานี้ ลุกขึ้นเต้มความสูงส่ายศีรษะเล็กน้อยและกำลังจะเดินตรงออกจาห้องทำงานใหญ่ของตน ทว่าชายหนุ่มนั้นเพิ่งนึกเรื่องบางอย่างขึ้นจึงรีบหยิบโทรศัพท์ต่อสายหาผู้เป็นภรรยาทันที"คุณอยู่ที่ไหน ทำงานอยู่หรือเปล่า" ทันทีที่ปลายสายกดรับชายหนุ่มก็ไม่รีรอให้เ
ภายในห้องตกแต่งด้วยความเรียบง่ายโทนสีขาวและสีครีมเป็นหลัก มีแซมสีเขียวของต้นไม้ที่สาวเข้าไม่รู้ไปสรรหามาจากไหนมากมายทั้งที่วางอยู่ทางด้านนอกระเบียงกว้าง หรือแม้กระทั่งในห้องนั่งเล่นที่เข้ากำลังยืนสำรวจอยู่ มาหยุด ลงที่หน้าตู้วางของที่บนหลังตู้จะมีแจกันดอกกุหลาบสีขาวและสีแดงวางอยูพร้อมกับกรอบรูปขนาดเล็กในนั้นมีรูปของเจ้าของห้องคนใหม่อย่างอารยาที่กำลังส่งยิ้มหวานจึงหยิบขึ้นมาดูพลอยทำให้คนมองอดยิ้มไม่ได้ จนกระทั่งเสียงเปิดประตูห้องออกมาพชรกรรีบวางของลงที่เดิมและทำตัวให้ปกติที่สุด“ชุดนี่เป็นยังไงบ้างคะคุณเพชร พอใช้ได้ไหม” อารยาถามขึ้นด้วยความไม่มั่นใจว่าเธอแต่งตัวแบบนี้จะเป็นอย่างไรบ้างเพราะส่องกระจกแล้วตัดสินใจไม่ได้เลยออกมาขอความคิดเห็นกับพชรกรน่าจะเป็นความคิดที่ดีที่สุดพชรกรมองคนตัวเล็กที่สวมเสือครอปคอกว้างสีดำ กางเกงยีนขายาว ในมือของหญิงสาวถือเสื้อคลุมสีขาวเอาไว้ด้วย การแต่งตัวของเธอสวยเหมาะสมกับวัยไม่ดูโป๊จนเกินไป ไม่ว่าจะผมยาวสีบลอนส์อ่อนดัดลอนคลาย ผิวขาวเนียนตัดกับชุดที่สวมใส่แล้วมันสวยมากเมื่ออยู่บนกายของอารยา“คุณเพชรคะ เป็นยัง
บทที่ 2แม่สามี“แน่ใจนะ ว่าคุณรับมือแม่ผมได้ ผมว่าเรากลับแล้วค่อยวันหลังดีไหม”พชรกรหันมาถามย้ำเพื่อความแน่ใจอีกสักหนกับคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ทันทีที่รถยนต์คันหรูของเขาจอดสนิทเทียบเข้ากับโรงจอดรถของบ้านหลังนี้หลังจากที่พชรกรจอดรถยนต์คันหรูเข้าเทียบกับโรงรถของบ้านหลังใหญ่แล้วหันไปถามย้ำกับเพื่ออารยาความแน่ใจว่าเจ้าหล่อนนั้นจะรับมือกับคุณนายทองไพลินแม่ขอบเขาได้จริง ๆ น่ะหรือ“คุณเพชรคะ มาถึงขนาดนี้แล้ว จะให้ถอยหลังกลับคงไม่ได้หรอกค่ะ” คนตัวเล็กหันหน้าตอบกลับด้วยความมั่นใจ“งั้นเราเข้าบ้านกัน ถ้าไม่ไหวบอกผมนะ”“ค่ะ” อารยาตอบกลับยิ้ม ๆไม่นานสองสามีภรรยาก็ลงจากรถที่นั่งตั้งสติอยู่นานสองนานแล้วค่อยตรงไปยังประตูบ้านหลังใหญ่ที่มีคุณนายทางไพลินยืนรอทั้งสองคนพร้อมทั้งให้คนสนิทคอยโบกพัดลายสวยเพื่อดับความกรุ่นโกรธในตัว ทำเอารยาที่เดินจับมือพชรกรมาถึงกับชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าของแม่สามีที่จ้องเขม็งมายังตน“คุณเพชรแม่คุณจะไม่ฆ่าฉันใช่ไหมคะ”คนตัวเล็กกระซิบถามไปพร้อมกับเดินเข้าไปหาคุณนายทองไพลิน“ไม่หร
“กว่าจะพากันมาได้นะตาเพชร ปล่อยให้แม่รอตั้งนาน” คุณนายทองไพลินเหน็บแนมบุตรชายแต่สายตาของนางกลับตำหนิคนที่อยู่ข้าง ๆ เสียอย่างนั้น“ขอโทษค่ะคุณแม่ ที่อ้อนกับคุณเพชรมาช้า” พชรกรกำลังจะอ้าปากตอบมารดาแต่ถูกอารยาชิงตอบเสียก่อน น้ำเสียงของอารยานั้นราบเรียบตอบกลับพร้อมรอยยิ้มที่ไม่เคยเห็น“เอาน่าคุณลูกก็มาแล้ว ตาเพชรพาเมียแกมานั่งเร็วจะได้กินข้าวกัน” คุณพร้อมเพชรรีบเอ่ยห้ามภรรยาทันทีเพราะเจ้าตัวกำลังโกรธที่มีคนมาต่อปากต่อคำ ก่อนหันไปบอกกับลูกชาย ซึ่งพชรกรก็พยักหน้ารับพร้อมทั้งโอบไหล่มนของอารยาที่ออกการขัดขืนเล็กน้อย เขาเลื่อนเก้าอี้ให้หญิงสาวได้นั่ง ซึ่งเธอก็ยิ้มขอบคุณเขาเล็กน้อย"วันนี้มีแต่อาหารน่ากินนะครับคุณแม่"พชรกรมองอาหารนานาชนิดที่วางอยู่ตรงหน้ามากมายดูแล้วน่าจะระดับภัคตาคารที่จะทำอาหารได้หรูหราน่ากินขนาดนี้นางไม่ตอบเพียงแต่ส่งยิ้มบาง ๆ ให้ลูกชายเท่านั้น"ก็ต้องน่ากินสิคะพี่เพชร คุณแม่สั่งอาหารห้าดาวระดับภัตตาคารชื่อดังมาให้ภรรยาพี่โดยเฉพาะเลยนะคะ หลายอย่างมากเลยค่ะ” พรชิตา สาวสวยโพรไฟล์เลิศว่าขึ้นพร้อมทั้งเดินถือจานอาหารราค
บทที่ 3ชีวิตที่แสนเรียบง่ายสามวันให้หลังจากที่อารยากับพชรกรที่เพิ่งกลับจากการทำธุระส่วนตัวที่ต่างจังหวัด อันที่จริงไปครั้งนี้ เป็นธุระที่บริษัทของพชรกรเสียมากกว่า ส่วนตัวของเธอนั้นก็เพียงแค่หลบเลี่ยงการที่จะพบหน้าแม่สามีเท่านั้น ชายหนุ่มจึงเสนอให้เธอไปกับเขาด้วย ซึ่งตนก็เห็นด้วยว่าไปกับเขาน่าจะดีเสียกว่าการที่อยู่ที่คอนโดมิเนียมหรือเพนท์เฮาส์สุดหรูของเขาด้วยความเบื่อหน่าย เธอไม่ได้เปิดรับออร์เดอร์ขนมจากอินสตาร์แกรมมาหลายวันแล้ว เห็นทีว่าจะต้องเปิดรับเสียหน่อยเพราะลูกค้าจำนวนมากต่างบ่นหาขนมที่เธอทำอารยาจึงตัดสินใจออกมาซื้อวัตถุดิบทำเบเกอรี่จำนวนมากในช่วงเวลาที่ห้างสรรพสินค้าเปิด แต่ทว่าระหว่างที่เธอกำลังจะออกจากเพนต์เฮาส์อยู่ ๆ ก็มีความรู้สึกว่ากำลังมีสายตาจ้องมองมาที่ตน คนตัวเล็กหันรีหันขวางมองซ้ายขวาเพื่อมองหาสิ่งที่ผิดปกติแต่กลับไม่พบอะไร ร่างเล็กบอบบางจึงลองทดสอบเดินเพียงสามก้าวก็รู้สึกถึงว่ากำลังมีบางอย่างกำลังตามเธอมา อารยาจึงตัดสินใจล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋าใบเล็กโทรหาพชรกรทันที“คุณเพชร! ช่วยด้วยค่ะ”หลังจากที่ชายหนุ่มรับส
ตอนจบเวลาผ่านไปร่วมสองเดือน อัทธ์ยังคงวนเวียนอยู่ที่บ้านของสริตาตั้งแต่วันนั้น แม้จะโดนหญิงสาวไล่ออกจะบ่อย แต่มีหรือคนอย่างเขาจะสนขอเพียงอย่างเดียวคือได้หญิงสาวกลับมาในอ้อมอกเท่านั้น“นิล พี่ช่วยนะ” ชายหนุ่มที่กำลังกวาดใบไม้ที่ร่วงหล่นอยู่บริเวณหน้าบ้านของหญิงสาว เมื่อเห็นสริตาเดินสะพายกระเป๋าพร้อมทั้งยกกล่องพัสดุที่จะส่งลูกค้ามายังท้ายรถยนต์ของตัวเองจึงรีบวิ่งไปช่วยด้วยความที่ไม่อยากให้เธอยกของหนักเกรงจะกระทบลูกในท้อง“ไม่ต้อง ออกไปห่าง ๆ เลย” หญิงสาวไล่ชายหนุ่มเสียงแข็ง แต่มีหรือคนหน้ามึนอย่างเขาจะยอมทำตาม“พี่ช่วยดีกว่า”ชายหนุ่มบอกเพียงแค่นั้นแย่งของจากมือสริตาแล้วจัดวางยังท้ายรถพร้อมทั้งวิ่งไปเอากล่องที่วางอยู่ในบ้านยกมาวางรวมกับสิ่งที่เพิ่งวางไปเมื่อครู่การกระทำของเขาทำให้สริตาไม่ค่อยที่จะพอใจสักเท่าไหร่“คุณอัทธ์คะ เลิกมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตฉันได้แล้วค่ะ” หญิงสาวกอดอกพูดกับชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยสีหน้าไม่พอใจ“เลิกยุ่งกับเมียไม่ได้เหรอก” เขาตอบอย่างใจเย็น ก่อนมายืนส่งยิ้มละมุนตรงหน้าหญิงสาวและเอ
บทที่ 17“จะไม่เข้าไปจริง ๆ เหรอครับนายหัว”จอมพลหันไปถามเจ้านายที่กำลังนั่งมองบ้านหลังเล็กหลังหนึ่งผ่านทางหน้าต่างกระจกรถยนต์อยู่นานสองนาน ไม่ยอมทำอะไรเสียทีตั้งแต่มาถึงที่นี่ก็เกือบจะบ่ายโมงของอีกวันเสียแล้ว อันที่จริงเขาอยากจะมาให้ถึงตั้งแต่เมื่อวานเพื่อที่จะให้ได้พบสริตาโดยเร็ว“รอสักพักค่อยเข้าไป” นายหนัวหนุ่มตอบลูกน้องโดยที่สายตาคมไม่ลาจากสิ่งตรงหน้าตั้งแต่มาถึงที่นี่เขาเฝ้ามองตลอดว่าจะมีใครออกจากบ้านหลังเล็กนั่นหรือไม่ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครออกมาไม่นานนักประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของผู้หญิงวัยกลางคนที่กำลังอุ้มหนูน้อยตรงมายังแคร่ไม้ไผ่หน้าบ้าน ซึ่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่คอยให้ร่มเบาไม่ห่างจากตัวบ้านมากนัก“ยายพาออกมาเล่นข้างนอกแล้ว หยุดงอแงได้แล้วนะ” ผู้เป็นยายวางหลานลงกับแคร่ไม้ไผ่และนั่งลงข้าง ๆ พูดกับหลานอย่างเอ็นดู เขาจอดรออยู่ใกล้ ๆ พอจะได้ยินสิ่งที่หญิงวัยกลางคนคุยกับเด็กคนนั้น“นายหัวจะไม่ลงไปจริง ๆ เหรอครับ” ลูกน้องหนุ่มเอ่ยขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่เจ้านายของตนให้ความสนใจเด็กน้อยที่ถูกอุ้มออกมาจากบ้าน อั
บทที่ 16เวลาผ่านไปสองสัปดาห์ สริตากลับมาอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดกับลูกชายและมารดาของตนพร้อมกับลูกน้อยอีกคนที่อยู่ในท้อง หลังจากที่กลับมาบ้านสริตาทำตัวให้ปกติที่สุด ทำทุกอย่างตามเดิมในแบบฉบับที่เคยเป็น“ทำไมถึงลาออกไม่ทำงานที่อยากทำล่ะลูก”คนแม่ถามลูกสาวที่กำลังนั่งแพ็คกระเป๋าแฟชั่นลงกล่องให้ลูกค้า เงยหน้ามองมารดาที่อุ้มลูกชายของตนอยู่“ต่อให้นิลทำงานที่ชอบต่ำไม่มีเวลาให้แม่กับอนลนิลคงไม่มีความสุขหรอก ต่อให้ขายของออนไลน์เงินจะยังไม่มาแต่มันก็ดีนะแม่” หญิงสาวลาออกจากงานมาอยู่บ้านขายของออนไลน์กับครอบครัวและยังมีเวลาให้ลูกน้อยอีกด้วย“จะเอาแบบนี้เหรอ แล้วที่หายไปไปไหนมา”“ทำงานค่ะ ต่างจังหวัดมันไม่ค่อยมีสัญญาณสักเท่าไหร่”“แล้วของพวกนี้จะเอาไปส่งตอนไหนเนี่ย” สิริกรเปลี่ยนบทสนทนาเพื่อไม่ให้ลูกสาวต้องคิดมาและ กอย่างไม่อยากสักถามให้มากความ“พรุ่งนี้ค่ะแม่ ว่าจะไปส่งก่อนไปหาหมอ เดี๋ยวคืนนี้นิลต้องตอบแชทลูกค้าอีกหลายคน ฝากแม่พาอนลนอนด้วยนะคะ”นางพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนบอกลูกสาวแย่งเป็นห่วง “เราน่ะก็พักผ่อนเยอะ ๆ อย่า
บทที่ 15นับจากวันที่สริตาถูกช่วยออกมาจากเกาะ ได้มาพักอยู่ที่บ้านมารดาของธันว์เพื่อให้สภาพร่างกายของหญิงสาวดีขึ้น สริตามีอาการอ่อนเพลีย ไม่ยอมพูดจากับใครแม้กระทั่งตัวของเขา หญิงสาวเก็บตัวเงียบหากปล่อยนานกว่านี้คงไม่เป็นผลดีอย่างแน่นอนธันว์ตัดสินใจเข้ามาคุยกับหฯงสาวอีกครั้ง เมื่อเห็นเธอออกจากห้องมาสูดอากาศบริสุทธิ์ภายนอก“นมครับน้องนิล” ชายหนุ่มถือนมสดหนึ่งแก้วมาวางกันโต๊ะที่สริตายืนอยู่ใกล้ ๆเธอเพียงหันมามองและยิ้มจาง ๆ กับเขาเท่านั้น“มองหน้าแบบนี้มีอะไรจะถามหรือคะ” สริตาถามขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากที่เงียบไม่พูดไม่จามาหลายวัน“พี่อยากจะถามเรื่องของนิลกับไอ้อัทธ์”สิ้นเสียงของธันว์ทำให้สริตามองหน้าเขานิ่ง ๆ เวยความเศร้าโศก ครั้นจะอ้าปากตอบคำถามของชายหนุ่ม อยู่ ๆ ก็เกิดผะอืดผะอมจนต้องวิ่งออกไปอาเจียน การการของหญิงสาวทำให้ธันว์ต้องรีบเข้าไปลูบหลังให้จนกระทั่งมารดาของเขาเดินเข้ามา“เรามีธุระไม่ใช่หรือตาธันว์ เดี๋ยวแม่จัดการเอง”ชายหนุ่มพยักหน้ารับก่อนเดินออกไปจากตรงนั้น ปล่อยให้สริตาอยู่กับมารดาของตนตามลำพังเ
บทที่ 14 นับจากวันนั้นที่สริตาออกจากโรงพยาบาลโดยการที่แอบออกมาแต่ก็ถูกจัดได้ เขาก็พาเธอมที่นี่อีกครั้งร่วมรักกับเธอทุกวันจนเกือบสัปดาห์ หญิงสาวไม่ได้ออกไปไหนได้แต่อยู่ภายในบ้านหลังนี้เพราะแน่นอนว่าโซ่ตรวนที่เขาใส่ไว้ให้ที่ข้อเท้ามีเพียงอัทธ์เท่านั้นที่จะปลดปล่อยเธอได้ ร่างสวยงามของคนตัวเล็กเริ่มทรุดโทรมราวกับตรอมใจที่หมดหนทางออกไปจากเกาะแห่งนี้เพราะตนคิดถึงลูกน้อยสุดหัวใจแก๊ก แก๊กเสียงเปิดประตูทางหน้าบ้านมันไม่ทำให้สริตาเงยหน้าจากการกอดเข่าอย่างเศร้าหมอง เพราะคงเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากอัทธ์คนใจร้ายคนนั้นเป็นแน่ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าของเธอเสียงพูดจากจากผู้มาใหม่ สริตาจึงเงยหน้าที่เต็มไปด้วยตราบน้ำตามองคนตรงหน้า“คุณเป็นใคร!” สริตาถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้งคอจนแทบจะเป็นผงผู้ชายคนนั้นไม่พูดอะไรนอกเสียจากหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดบางสิ่งดูเพื่อความแน่ใจ ก่อนเอ่ยถามพร้อมย่อกายลงนั่งในระดับเดียวกับสริตา “น้องนิลเพื่อนของนิ้วนางใช่ไหม”
บทที่ 13“นิล นิล เป็นไงบ้าง” เขาถามขึ้นอย่างดีใจ เมื่อสริตาขยับนิ้วมือเล็กน้อยทำให้อัทธ์รู้สึกตัวเงยหน้ามองใบหน้างามที่เริ่มมีสีเลือดจาง ๆ กว่าตอนที่มาโรงพยาบาลใหม่ ๆดวงตาหวานกระพริบถี่ ๆ เพื่อปรับให้ชินกับแสงสว่างรอบห้อง ที่นี่คงไม่ใช่ที่ไหนนอกเสียจากห้องพักในโรงพยาบาล พลันสายตาดันไปปะทะกับใบหน้าคมที่อยู่ตรงหน้าพอดี สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความปราบปลื้มเสียเต็มประดา“นิลเป็นยังไงบ้าง รู้สึกไม่ดีตรงไหนไหม” เขาถามเออีกครั้งเมื่อเห็นเธอยังคงนิ่งเงียบ“ฉันอยากพัก” สริตาบอกพียงแค่นั้นแล้วหันหลังให้กับอัทธ์เขาได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับคนที่นอนอยู่บนเตียง ก่อนเดินออกไปนอกห้องเพื่อั้จะตามหมอให้มาตรวจดูอาการของสริตาว่าหายดีหรือยังมีอะไรแทรกซ้อนหรือไม่ไม่นานแพทย์เจ้าของไข้เข้ามาตรวจดูอาการของสริตา หญิงสาวไม่ได้เป็นอะไรนอกเสียจากพักผ่อนน้อยจึงทำให้อ่อนเพลียพักที่โรงพยาบาลก็กลับบ้านได้แล้วอัทธ์เหมือนกำลังจะอ้าปากเอ่ยอะไรบางอย่างกับเธอ แต่กูกรบกวนด้วยเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือจนต้องรีบออกไป หลังจากที่ชายหนุ่มไม่ได้อยู่
บทที่ 12มือเรียวสั่นสะท้านเมื่อกำลังปลดเข็มขัดและกระดุมออกจากกางเกงของเขาให้เร็วที่สุด แต่ยิ่งเร่งเท่าไรมันยิ่งยากและช้าเท่านั้น ทำเอาคนที่คอยจับจ้องการกระทำของเธอตอนนี้ใจจะขาดเสียให้ได้ ในที่สุด หญิงสาวก็จัดการรูดกางเกงของเขาลงทำให้ท่อนเอ็นแข็งกร้าวผงาดต่อหน้าต่อตา“จับมันสิ ลูบมัน” เขาสั่งเร่งเร้าเพราะเธอมัวแต่ยืนไม่จัดการสักทีสริตาทำใจกล้าย่อกายนั่งคุกเขาจับท่อนลำอวบตรงหน้ากำมันและรูดขึ้นรูดลงเบา ๆ ปลายนิ้วหัวแม่มือไล้ส่วนหัวปลายอย่างเน้น ๆ ทำเอาเขาสะท้านไปทั้งกาย“อ่า แบบนั้นแหละ อืม”เสียงทุ้มเข้มครางกระหึ่มคล้ายถูกใจในการกนะทำของหญิงสาว“เอาเข้าปากเร็ว ๆ สิ”คนตัวเล็กเริ่มเปลี่ยนจาดมือเรียวสวยมาเป็นปากบางกระจับ ลิ้นเล็กค่อย ๆ ไล้เลียส่วนปลายท่อนเอ็นอย่างเชื่องช้า เพียงแค่สัมผัสน้อยนิดก็ทำเอาชายหนุ่มถึงกับเดือดเลือดพล่านไม่น้อย“อ่า เก่งมาก เอาอีกสิอยากไปจากที่นี่ก็ต้องลงทุนหน่อย”สิ้นเสียงพร่าแสนยั่วยวนของเขามันกระตุ้นเธอได้ไม้น้อย ลิ้นเล็กตะวัดไล้เลียอย่างรวดเร็วก่อนจะส่งตัวตนของเขาเข้าป
บทที่ 11สริตาลืมตาขึ้นด้วยความเคยชินนับตั้งแต่มายู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันที่เธอต้องจัดการอะไรต่าง ๆ มากมายทั้งทำความสะอาดบ้านหลังน้อยหรือแม้กระทั้งซักเสื้อผ้าของตนเอง ที่นี่ไม่ได้มีเครื่องอำนวยความสะดวกเหมือนกับตอนที่เธออยู่บ้านหรือกรุงเทพฯ คนที่นี่บางคนใช้เครื่องซักผ้า แต่สำหรับเธอแล้วต้องซักด้วยมือเท่านั้นไม่กล้าไปเอ่ยปากขอยืมจากใครหญิงสาวเปิดประตูเข้าไปในห้องอย่างเบามือเพื่อที่จะเอาเสื้อผ้าชุดชั้นในที่ถูกโดนทิ้งไว้ในตะกร้าออกมารอหลังจากที่ทำอาหารเช้าเสร็จจะเดินไปที่ลำธารเช่นเคย สริตาเปิดตู้เย็นเล็กของบ้านหาของสดผักสดที่อัทธ์สั่งลูกน้องซื้อมาให้เธอทุกสัปดาห์ออกมาจัดเตรียมเช้านี้อยากจะทำอะไรง่าย ๆ ไม่ยุ่งยากเสียเวลา แต่ในจังหวะที่เธอจะเปิดเตาแก๊สปิกนิกที่ใช้ประจำกลับไม่ติดเสียอย่างนั้น“ทำไมไม่ติดล่ะ”เธอพยายามเปิดครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่ติดจึงละความพยายามและออกไปดูด้านนอกว่าพอจะมีอะไรที่ช่วยเธอได้บ้างหรือไม่ เพราะคราวก่อนจำได้ว่าเคยมีเตาถ่านวางอยู่ข้างบ้านสั่นนั้นมันอาจจะช่วยเธอได้“มีเตาอยู่ด้วย ว่าแต่มันจุดยังไงล่ะทีนี้” สริต
บทที่ 10สามวันที่อัทธ์ออกไปทำธุระของเขาตั้งแต่วันก่อน มันทำให้เธอหายใจหายคอได้สะดวกที่ไม่พบคนใจร้ายให้วุ่นวายใจหรือใช้งานหนักเยี่ยงทาสทว่าในยามที่เขาไม่อยู่สริตาจึงใช้เวลาหลังเลิกงานคอยสอดส่องหาทางหนีทีไร่อีกครั้งหนึ่ง แต่ก็เปล่าประโยชน์เพราะการที่จะออกจากกรงขังของเขาได้นอกจากจะมีเรือเท่านั้น แต่นี่ไม่พบเรือสักลำถ้าหากอัทธ์กลับมาเธออยากจะลองอธิบายเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้เขาได้รับรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบางทีเขาอาจจะปล่อยเธอไปก็ได้ในขณะที่สริตากำลังฮำเพลงระหว่างเดินกลับบ้านเล็กท้ายเกาะก็ต้องหยุดชะงักเพราะเสียงเอะอะโวยวายของใครบางคนที่ดังขึ้นตรงบริเวณที่มีเรืออยู่จนต้องหันไปมอง คนตัวเล็กพยายามหรี่ตามองว่าใครกันที่เสียงดังเช่นนี้ จนกระทั่งรู้แน่ชัดว่าเจ้าของเสียงนั้นคืออัทธ์“นายหัวรอผมก่อนเดี๋ยวผมช่วย” ลูกน้องของอัทธ์ร้องห้ามเมื่อเจ้านายของตัวเองเดินปรี่ไปที่หญิงสาวที่อยู่ริมหาด ด้วยความที่กลัวเจ้านายจะเป็นอันตรายจึงรีบวิ่งไปประคองกระนั้นคนเมามายกลับไม่ยอมพร้อมบอกให้ไม่ต้องมายุ่งเสียอย่างนั้น “ไม่ต้องกูเดินเองได้”