บทนำ
“บัว” กชสร ผู้หญิงที่มีใบหน้าสวยคมราวกับลูกครึ่ง มองอย่างไรเขาก็ไม่มีทางที่จะจำหญิงสาวผิดไปได้ ถึงแม้ว่าจะไม่เจอเธอมาหลายเดือน จากรูปร่างบอบบางอ้อนแอ้นกลับแปรเปลี่ยนเป็นมีนำมีนวลขึ้น อาจจะเป็นเพราะลูกน้อยในครรภ์ของเธอก็เป็นได้ เด็กคนนั้นคงเป็นลูกคนอื่นไม่ได้นอกจากลูกของเขา
ท่างกลางผู้คนมากมายที่กำลังเดินจับจ่ายใช้สอยซื้ออาหารและสิ่งต่าง ๆ กลับไปประกอบอาหารในยามเย็น คงจะเป็นเช่นเดียวกันกับกชสร ในมือเล็กที่มีถุงผักและผลไม้รวมทั้งของสดรวมอยู่ในนั้นด้วย ชายหนุ่มมองหญิงสาวด้วยความยินดีที่เขานั้นตามหาคนตรงหน้าพบ แต่ทำไมสายตาที่มองมานั้นกลับไม่ดีใจที่เธอได้พบเขาเลย แววตานั้นว่างเปล่าไร้ความรู้สึก หลายเดือนที่เขานั้นคอยเฝ้าคิดถึงเธอเสมอ คิดถึงในสิ่งที่เขาทำผิดต่อเธอ
“เดี๋ยวก่อนสิบัว” ชายหนุ่มร้องเรียกชื่อหญิงสาวอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะเดินผ่านเขาไป ทำให้เธอนั้นชะงักเล็กน้อยก่อนพูดโต้ตอบกลับเขาไป
“ขอโทษนะคะ ดิฉันไม่รู้จักคุณค่ะ” กชสรตอบกลับด้วยความเรียบเฉยโดยไม่หันหลังกลับไปมองเขาก่อนจะเดินออกไปอย่างไม่สนใจคนที่กำลังมองอยู่เบื้องหลัง
เพียงแค่จะเอื้อมมือหมายที่จะคว้าแขนเธอเอาไว้ภาธรก็ยังไม่กล้าที่จะคว้าเธอเอาไว้ อาการของเธอนั้นเหมือนเกลียดเขาเสียเต็มประดาแม้แต่หน้าของเขาเธอยังไม่ยอมมองเลย หากวันนั้นเขาไม่ตัดสินใจลงมาดูงานที่นี่เองเขาคงไม่ได้พบเธอผู้ซึ่งเป็นดวงใจของเขาอีกครั้ง เรื่องระหว่างเขาและกชสรนั้นเริ่มต้นขึ้นจากความเข้าใจผิดและความไม่ลงรอยกับบุคคลที่สาม
ภาธรได้แต่มองตามแผ่นหลังบอบบางแต่มั่นคงเหลือเกิน เขาจะทำให้เธอนั้นกลับมาอยู่ในอ้อมกอดเขาอีกครั้งได้ไหม เมื่อคิดว่าตนต้องง้อขอคืนดี ร่างสูงค่อย ๆ ก้าวตามหลังว่าที่คุณแม่ไปอย่างช้า ๆ คอยระมัดระวังไม่ให้เธอนั้นเกิดอันตราย
บทที่ 1
สี่เดือนก่อน
เสียงโทรศัพท์มือถือกรีดร้องขึ้นในขณะที่กชสรกำลังเดินกลับคอนโดมิเนียม เธอจึงหยุดเดินแล้วรีบรับสายทันที สายที่ปรากฏก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากพี่ชายสุดที่รักของเธอ กฤตพลมักจะโทรหาน้องสาวอยู่เสมอ ในยามที่เขานั้นต้องไปดูงานต่างจังหวัดอยู่บ่อยครั้ง ไม่คอยได้กลับมาหาน้องสาวอย่างเธอสักเท่าไรนัก
“สวัสดีค่ะพี่กบ” เสียงหวานตอบรับอย่างร่าเริงเช่นทุกครั้ง
“เป็นไงบ้างเรา เลิกงานแล้วหรือยัง”
“พี่กบเวลานี้บัวก็ต้องเลิกงานแล้วสิคะ” เธอบอกพลางเดินไปตามทางอย่างระมัดระวังเพราะเวลานี้ถึงแม้ว่าจะค่ำแล้วผู้คนมากมายยังเดินขวักไขว่อยู่ตามท้องถนน เสียงรถบีบแตรสลับไปมา
“เลิกงานแต่ยังไม่กลับห้องใช่ไหม” ถามน้องสาวอย่างรู้ทัน
“รู้ทันตลอด ตอนนี้บัวกำลังเดินกลับคอนโดค่ะ”
“เดินกลับ...ทำไมไม่ขับรถไป” ผู้เป็นพี่ชายถามอย่างสงสัยเพราะปกติยายตัวแสบนั้นชอบขับรถไปทำงาน แล้วยิ่งต้องออกไปพบลูกค้ารถยนต์คือสิ่งที่ขาดไม่ได้
“รถของบัวมันเริ่มเกเรเลยเอาไปซ่อมอยู่ วันพรุ่งนี้ก็น่าจะได้แล้วแหละ บัววางสายก่อนนะ พอดีถึงคอนโดฯ แล้วกำลังจะเข้าลิฟต์ สัญญาณจะหาย” หญิงสาวกำลังจะวางสายแต่พี่ชายบอกบางเรื่องราวเสียก่อน
“โอเค ดูแลตัวเองด้วย เออลืมบอกไป ตอนแรกว่าอีกสองสามวันจะกลับ คงต้องเลื่อนออกไปนะ”
“ทำไมล่ะคะ ที่เกาะมีอะไรหรือเปล่า”
“นิดหน่อย พอดีที่บริษัทกำลังจะต่อเติมเพิ่ม ทางผู้ใหญ่เลยให้พี่คุมงานอยู่ทางนี้ก่อน รอให้ลงตัวแล้วค่อยกลับ อยู่ได้ใช่ไหม” เขาเอ่ยถามน้องสาวด้วยความเป็นห่วง
“บัวไม่ใช่เด็กแล้วนะ แค่นี้บัวอยู่ได้ค่ะ คิดถึงพี่กบนะคะ”
หญิงสาววางสายจากพี่ชายแล้วเดินตรงเข้าไปข้างในลิฟต์ กดชั้นที่ตัวเองพักอาศัยทันที การกระทำของกชสรนั้นอยู่ในสายตาของใครคนหนึ่งตลอดเวลาไม่ห่างไปไหน ชายชุดดำที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเห็นหญิงสาวขึ้นไปชั้นบนแล้วจึงรีบต่อต่อสายหาใครบางคนทันที
“สวัสดีครับนาย ตอนนี้ผมทราบแล้วครับว่าผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่ไหน”
“ดี...จับตาดูผู้หญิงคนนั้นเอาไว้อย่าให้คลาดสายตา” ปลายสายเอ่ยเสียงเข้มสั่งการ
“ได้ครับนาย” น้อมรับคำสั่งแล้วเดินออกจากคอนโดมิเนียมของกชสรทันทีแล้วไปซุ่มดูอยู่ห่าง ๆ แทน
คืนนั้นหลังจากที่กชสรทำกิจวัตรประจำวันเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวก็จัดการต่อสายโทรหาพี่ชายทันที แต่คนที่รับสายกลับเป็นเสียงผู้หญิงกชสรก็ไม่ได้ติดใจอะไรเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของพี่ชาย เพียงแต่ฝากคนนั้นไปบอกพี่ชายให้ทีว่า ถ้าหากว่างแล้วให้ติดต่อเธอกลับมาด้วย คนปลายสายตอบรับเสียงหวาน
ตอนจบเวลาผ่านไปร่วมสองเดือน อัทธ์ยังคงวนเวียนอยู่ที่บ้านของสริตาตั้งแต่วันนั้น แม้จะโดนหญิงสาวไล่ออกจะบ่อย แต่มีหรือคนอย่างเขาจะสนขอเพียงอย่างเดียวคือได้หญิงสาวกลับมาในอ้อมอกเท่านั้น“นิล พี่ช่วยนะ” ชายหนุ่มที่กำลังกวาดใบไม้ที่ร่วงหล่นอยู่บริเวณหน้าบ้านของหญิงสาว เมื่อเห็นสริตาเดินสะพายกระเป๋าพร้อมทั้งยกกล่องพัสดุที่จะส่งลูกค้ามายังท้ายรถยนต์ของตัวเองจึงรีบวิ่งไปช่วยด้วยความที่ไม่อยากให้เธอยกของหนักเกรงจะกระทบลูกในท้อง“ไม่ต้อง ออกไปห่าง ๆ เลย” หญิงสาวไล่ชายหนุ่มเสียงแข็ง แต่มีหรือคนหน้ามึนอย่างเขาจะยอมทำตาม“พี่ช่วยดีกว่า”ชายหนุ่มบอกเพียงแค่นั้นแย่งของจากมือสริตาแล้วจัดวางยังท้ายรถพร้อมทั้งวิ่งไปเอากล่องที่วางอยู่ในบ้านยกมาวางรวมกับสิ่งที่เพิ่งวางไปเมื่อครู่การกระทำของเขาทำให้สริตาไม่ค่อยที่จะพอใจสักเท่าไหร่“คุณอัทธ์คะ เลิกมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตฉันได้แล้วค่ะ” หญิงสาวกอดอกพูดกับชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยสีหน้าไม่พอใจ“เลิกยุ่งกับเมียไม่ได้เหรอก” เขาตอบอย่างใจเย็น ก่อนมายืนส่งยิ้มละมุนตรงหน้าหญิงสาวและเอ
บทที่ 17“จะไม่เข้าไปจริง ๆ เหรอครับนายหัว”จอมพลหันไปถามเจ้านายที่กำลังนั่งมองบ้านหลังเล็กหลังหนึ่งผ่านทางหน้าต่างกระจกรถยนต์อยู่นานสองนาน ไม่ยอมทำอะไรเสียทีตั้งแต่มาถึงที่นี่ก็เกือบจะบ่ายโมงของอีกวันเสียแล้ว อันที่จริงเขาอยากจะมาให้ถึงตั้งแต่เมื่อวานเพื่อที่จะให้ได้พบสริตาโดยเร็ว“รอสักพักค่อยเข้าไป” นายหนัวหนุ่มตอบลูกน้องโดยที่สายตาคมไม่ลาจากสิ่งตรงหน้าตั้งแต่มาถึงที่นี่เขาเฝ้ามองตลอดว่าจะมีใครออกจากบ้านหลังเล็กนั่นหรือไม่ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครออกมาไม่นานนักประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของผู้หญิงวัยกลางคนที่กำลังอุ้มหนูน้อยตรงมายังแคร่ไม้ไผ่หน้าบ้าน ซึ่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่คอยให้ร่มเบาไม่ห่างจากตัวบ้านมากนัก“ยายพาออกมาเล่นข้างนอกแล้ว หยุดงอแงได้แล้วนะ” ผู้เป็นยายวางหลานลงกับแคร่ไม้ไผ่และนั่งลงข้าง ๆ พูดกับหลานอย่างเอ็นดู เขาจอดรออยู่ใกล้ ๆ พอจะได้ยินสิ่งที่หญิงวัยกลางคนคุยกับเด็กคนนั้น“นายหัวจะไม่ลงไปจริง ๆ เหรอครับ” ลูกน้องหนุ่มเอ่ยขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่เจ้านายของตนให้ความสนใจเด็กน้อยที่ถูกอุ้มออกมาจากบ้าน อั
บทที่ 16เวลาผ่านไปสองสัปดาห์ สริตากลับมาอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดกับลูกชายและมารดาของตนพร้อมกับลูกน้อยอีกคนที่อยู่ในท้อง หลังจากที่กลับมาบ้านสริตาทำตัวให้ปกติที่สุด ทำทุกอย่างตามเดิมในแบบฉบับที่เคยเป็น“ทำไมถึงลาออกไม่ทำงานที่อยากทำล่ะลูก”คนแม่ถามลูกสาวที่กำลังนั่งแพ็คกระเป๋าแฟชั่นลงกล่องให้ลูกค้า เงยหน้ามองมารดาที่อุ้มลูกชายของตนอยู่“ต่อให้นิลทำงานที่ชอบต่ำไม่มีเวลาให้แม่กับอนลนิลคงไม่มีความสุขหรอก ต่อให้ขายของออนไลน์เงินจะยังไม่มาแต่มันก็ดีนะแม่” หญิงสาวลาออกจากงานมาอยู่บ้านขายของออนไลน์กับครอบครัวและยังมีเวลาให้ลูกน้อยอีกด้วย“จะเอาแบบนี้เหรอ แล้วที่หายไปไปไหนมา”“ทำงานค่ะ ต่างจังหวัดมันไม่ค่อยมีสัญญาณสักเท่าไหร่”“แล้วของพวกนี้จะเอาไปส่งตอนไหนเนี่ย” สิริกรเปลี่ยนบทสนทนาเพื่อไม่ให้ลูกสาวต้องคิดมาและ กอย่างไม่อยากสักถามให้มากความ“พรุ่งนี้ค่ะแม่ ว่าจะไปส่งก่อนไปหาหมอ เดี๋ยวคืนนี้นิลต้องตอบแชทลูกค้าอีกหลายคน ฝากแม่พาอนลนอนด้วยนะคะ”นางพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนบอกลูกสาวแย่งเป็นห่วง “เราน่ะก็พักผ่อนเยอะ ๆ อย่า
บทที่ 15นับจากวันที่สริตาถูกช่วยออกมาจากเกาะ ได้มาพักอยู่ที่บ้านมารดาของธันว์เพื่อให้สภาพร่างกายของหญิงสาวดีขึ้น สริตามีอาการอ่อนเพลีย ไม่ยอมพูดจากับใครแม้กระทั่งตัวของเขา หญิงสาวเก็บตัวเงียบหากปล่อยนานกว่านี้คงไม่เป็นผลดีอย่างแน่นอนธันว์ตัดสินใจเข้ามาคุยกับหฯงสาวอีกครั้ง เมื่อเห็นเธอออกจากห้องมาสูดอากาศบริสุทธิ์ภายนอก“นมครับน้องนิล” ชายหนุ่มถือนมสดหนึ่งแก้วมาวางกันโต๊ะที่สริตายืนอยู่ใกล้ ๆเธอเพียงหันมามองและยิ้มจาง ๆ กับเขาเท่านั้น“มองหน้าแบบนี้มีอะไรจะถามหรือคะ” สริตาถามขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากที่เงียบไม่พูดไม่จามาหลายวัน“พี่อยากจะถามเรื่องของนิลกับไอ้อัทธ์”สิ้นเสียงของธันว์ทำให้สริตามองหน้าเขานิ่ง ๆ เวยความเศร้าโศก ครั้นจะอ้าปากตอบคำถามของชายหนุ่ม อยู่ ๆ ก็เกิดผะอืดผะอมจนต้องวิ่งออกไปอาเจียน การการของหญิงสาวทำให้ธันว์ต้องรีบเข้าไปลูบหลังให้จนกระทั่งมารดาของเขาเดินเข้ามา“เรามีธุระไม่ใช่หรือตาธันว์ เดี๋ยวแม่จัดการเอง”ชายหนุ่มพยักหน้ารับก่อนเดินออกไปจากตรงนั้น ปล่อยให้สริตาอยู่กับมารดาของตนตามลำพังเ
บทที่ 14 นับจากวันนั้นที่สริตาออกจากโรงพยาบาลโดยการที่แอบออกมาแต่ก็ถูกจัดได้ เขาก็พาเธอมที่นี่อีกครั้งร่วมรักกับเธอทุกวันจนเกือบสัปดาห์ หญิงสาวไม่ได้ออกไปไหนได้แต่อยู่ภายในบ้านหลังนี้เพราะแน่นอนว่าโซ่ตรวนที่เขาใส่ไว้ให้ที่ข้อเท้ามีเพียงอัทธ์เท่านั้นที่จะปลดปล่อยเธอได้ ร่างสวยงามของคนตัวเล็กเริ่มทรุดโทรมราวกับตรอมใจที่หมดหนทางออกไปจากเกาะแห่งนี้เพราะตนคิดถึงลูกน้อยสุดหัวใจแก๊ก แก๊กเสียงเปิดประตูทางหน้าบ้านมันไม่ทำให้สริตาเงยหน้าจากการกอดเข่าอย่างเศร้าหมอง เพราะคงเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากอัทธ์คนใจร้ายคนนั้นเป็นแน่ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าของเธอเสียงพูดจากจากผู้มาใหม่ สริตาจึงเงยหน้าที่เต็มไปด้วยตราบน้ำตามองคนตรงหน้า“คุณเป็นใคร!” สริตาถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้งคอจนแทบจะเป็นผงผู้ชายคนนั้นไม่พูดอะไรนอกเสียจากหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดบางสิ่งดูเพื่อความแน่ใจ ก่อนเอ่ยถามพร้อมย่อกายลงนั่งในระดับเดียวกับสริตา “น้องนิลเพื่อนของนิ้วนางใช่ไหม”
บทที่ 13“นิล นิล เป็นไงบ้าง” เขาถามขึ้นอย่างดีใจ เมื่อสริตาขยับนิ้วมือเล็กน้อยทำให้อัทธ์รู้สึกตัวเงยหน้ามองใบหน้างามที่เริ่มมีสีเลือดจาง ๆ กว่าตอนที่มาโรงพยาบาลใหม่ ๆดวงตาหวานกระพริบถี่ ๆ เพื่อปรับให้ชินกับแสงสว่างรอบห้อง ที่นี่คงไม่ใช่ที่ไหนนอกเสียจากห้องพักในโรงพยาบาล พลันสายตาดันไปปะทะกับใบหน้าคมที่อยู่ตรงหน้าพอดี สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความปราบปลื้มเสียเต็มประดา“นิลเป็นยังไงบ้าง รู้สึกไม่ดีตรงไหนไหม” เขาถามเออีกครั้งเมื่อเห็นเธอยังคงนิ่งเงียบ“ฉันอยากพัก” สริตาบอกพียงแค่นั้นแล้วหันหลังให้กับอัทธ์เขาได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับคนที่นอนอยู่บนเตียง ก่อนเดินออกไปนอกห้องเพื่อั้จะตามหมอให้มาตรวจดูอาการของสริตาว่าหายดีหรือยังมีอะไรแทรกซ้อนหรือไม่ไม่นานแพทย์เจ้าของไข้เข้ามาตรวจดูอาการของสริตา หญิงสาวไม่ได้เป็นอะไรนอกเสียจากพักผ่อนน้อยจึงทำให้อ่อนเพลียพักที่โรงพยาบาลก็กลับบ้านได้แล้วอัทธ์เหมือนกำลังจะอ้าปากเอ่ยอะไรบางอย่างกับเธอ แต่กูกรบกวนด้วยเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือจนต้องรีบออกไป หลังจากที่ชายหนุ่มไม่ได้อยู่