11
ปากคอเราะร้าย ช่วงเย็น... ดีไซน์เนอร์สาวหอบเอกสารและภาพสเก็ตแฟชั่นเดินเข้ามาในบ้าน จิ๋วเห็นก็รีบเดินออกไปช่วยเธอถือและก็เอ่ยปากบอกก่อนจะเอาเอกสารไปเก็บที่ห้องทำงาน “ป้าพรทำอาหารเย็นไว้แล้ว คุณพิ้งค์จะทานเลยมั้ยคะ” “ยังค่ะ” จิ๋วพยักหน้าและเดินหันหลังตรงไปที่ห้องทำงาน ดีไซน์เนอร์สาวเดินตามสาวใช้มายังห้องทำงาน จิ๋ววางเอกสารไว้บนโต๊ะทำงานแล้วเดินออกไป พิชชาวางกระเป๋าถือบนโต๊ะและนั่งลงบนเก้าอี้ทำงาน เธอหยิบเอกสารขึ้นมาดู แต่เธอปรายตามองไปเห็นภาพสเก็ตชุดสูทที่เธอออกแบบให้กับทิวากร ดีไซน์เนอร์สาวเอื้อมมือไปหยิบกระดาษภาพสเก็ตแล้วก็จ้องมองพร้อมกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงโมโหเล็กน้อย “ทำไมคุณถึงทำกับฉันแบบนี้ ตลอดเจ็ดปีที่คบกันมา มันไม่มีค่าอะไรกับคุณเลยใช่ไหม” ทิวากรเป็นเพียงผู้ชายคนเดียวที่เธอรัก รักจนไม่เผื่อใจในตอนที่หัวใจของเธอเต็มไปด้วยบาดแผล เธอก็ยังลืมเขาไม่ได้ แต่อีกใจหนึ่งก็โกรธเขาที่ทำกับเธอแบบนี้ แล้วยิ่งมองที่ภาพสเก็ตแผ่นนั้นทีไร เธอก็ยิ่งรู้สึกเสียใจและโกรธ เธอจึงขยำภาพสเก็ตแผ่นนั้นปาทิ้งลงพื้นไปซะ ดีไซน์เนอร์สาวกลั้นน้ำตาแห่งความเจ็บปวดเอาไว้ไม่ไหวเลยระบายออกมา แต่แล้วมีคนมาเคาะประตูและเดินเข้ามาในห้องทำงาน เธอรีบหันไปแอบปาดน้ำตา แล้วหันกลับมายิ้มสดใส “อ้าว! ป้าพรมีอะไรรึเปล่าคะ” สมพรยืนมองหน้าเธอและเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง “คุณพิ้งค์ร้องไห้เหรอคะ มีปัญหาอะไรบอกป้าได้นะคะเผื่อป้าจะช่วยได้” พอพิชชาฟังที่สมพรพูด เธอก็น้ำตาตกแล้วลุกขึ้นเดินไปกอดสมพร “ป้าพรค่ะ พิ้งค์ขอกอดป้าพรอยู่อย่างนี้สักพักได้ไหมค่ะ ฮึก...” “ได้สิค่ะ ป้ารู้ว่าคุณพิ้งค์กำลังเสียใจกับเรื่องคุณทิม” พิชชาดึงตัวออกจากสมพร “ป้าพรรู้ได้ยังไงคะ” “คุณมินเล่าให้ป้าฟังหมดแล้วค่ะ” พิชชากอดสมพรอีกครั้ง แล้วพูดด้วยความเสียใจ “พิ้งค์เหนื่อยเหลือเกินค่ะป้าพร” สมพรยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาโอบที่หลังและลูบ “ถ้าคุณพิ้งค์เหนื่อยก็พักก่อนเถอะค่ะ อย่าคิดอะไรมากจนเกินไป เดี๋ยวร่างกายจะแย่เอาได้นะคะ “ขอบคุณนะคะ” สมพรปลอบพิชชาและพูดให้กำลังใจเธออย่างดีจนตอนนี้เธอดีขึ้นมาก … สองวันต่อมา… ดีไซน์เนอร์สาวออกมาพบลูกค้ากับเลขาสาวคนเก่งของเธอ ใบเฟิร์นได้นัดลูกค้าที่ร้านกาแฟในเวลาบ่ายโมง พิชชากับใบเฟิร์นมานั่งรอลูกค้าได้สักพัก จนตอนนี้ลูกค้ามาถึงทั้งสองคนลุกขึ้นมาต้อนรับคุณลูกค้า “สวัสดีค่ะคุณอันดา สวัสดีค่ะคุณอัยดา เชิญคุณทั้งสองนั่งก่อนนะคะ” ดีไซน์เนอร์สาวพูดจาอย่างสุภาพ หญิงสาวสองคนนี้คือดาราพี่น้องที่กำลังมีชื่อเสียงโด่งดังและกำลังจะไปโกอินเตอร์ที่ต่างประเทศ อันดาเอ่ยพูดอย่างนุ่มนวล “ฉันและน้องสาวต้องขอโทษด้วยนะคะที่มาช้า” “ไม่เป็นไรเลยค่ะ ฉันรอได้…งั้นเรามาคุยเรื่องงานกันเลยดีกว่านะคะ” เลขาสาวคนเก่งหยิบสมุดบันทึกกับปากกาขึ้นมาจดงานที่ลูกค้าสั่ง “ฉันและน้องสาวอยากให้คุณพิชชาออกแบบชุดราตรีสำหรับใส่ไปงานรับรางวัลที่จะจัดขึ้นในเดือนหน้าค่ะ” “ได้ค่ะ คุณสองคนสั่งมาได้เลยว่าต้องการแบบไหน” “ค่ะ ฉันอยากได้แบบสาวหวาน น่ารัก” “ส่วนของฉันอยากได้แบบเรียบง่าย แต่เซ็กซี่ค่ะ” อัยดาเธออยากได้แบบสาวหวาน น่ารัก เหมาะสมกับวัยรุ่นอย่างเธอ ส่วนอันดาเธออยากได้แบบเรียบง่าย แต่มีความเซ็กซี่ เหมาะสมกับบุคลิกของเธอ “โอเคค่ะ” พวกเธอกำลังคุยกันอย่างเมามันส์จนอันดาลืมไปว่าต้องไปธุระต่อ อันดาเอ่ยพูดอย่างรีบร้อน “ขอโทษนะคะ พวกเราสองคนขอตัวก่อน พอดีต้องไปงานต่อค่ะ” “เชิญค่ะ แล้วถ้าว่างเมื่อไหร่ก็แวะเข้าไปที่ร้านนะคะ” “โอเคค่ะ ไปก่อนนะคะ” พวกเธอลุกขึ้นอย่างพร้อมเพรียงและอันดากับอัยดาก็เดินออกไปจากร้านกาแฟ ส่วนพิชชาและใบเฟิร์นกำลังจะกลับ แต่พิชชาขอไปเข้าห้องน้ำก่อน “พี่ใบเฟิร์นรอพิ้งค์สักครู่นะคะ เดี๋ยวพิ้งค์ไปเข้าห้องน้ำแป๊ปเดียว” “โอเคค่ะ” พิชชาก็เดินเข้ามาในห้องน้ำหญิง แต่แล้วก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาชนเธอจนกระเป๋าของทั้งสองคนหล่น เธอก้มหยิบกระเป๋าของเธอกับผู้หญิงที่เดินชนและยื่นให้ ผู้หญิงคนนั้นก็ขอบคุณเธอพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมามอง หัวใจของพิชชาเจ็บแปลบ เมื่อได้เห็นหญิงสาวตรงหน้า “ซาบีน่า” เธอเอ่ยเรียกผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ไฮ! พิ้งค์...ไม่ได้เจอกันตั้งนาน สบายดีไหม” นางแบบสาวพูดอย่างไร้ยางอาย “ฉันสบายดี และจะสบายดีกว่านี้ ถ้าไม่ได้มาเจอคนอย่างเธอ” ดีไซน์เนอร์สาวเชิดหน้าตอบอย่างเย่อหยิ่ง “โธ่! พิ้งค์...ทำไมเธอถึงพูดแบบนี้กับฉันล่ะ นี่เราเป็นเพื่อนกันนะ” แสยะยิ้มมุมปาก “ขอโทษนะ ฉันไปเป็นเพื่อนกับเธอตอนไหน” ดีไซน์เนอร์สาวตอบกลับอย่างเย็นชา “หลบไป!” ดีไซน์เนอร์สาวเดินชนนางแบบสาวจนเซ จึงทำให้นางแบบสาวไม่พอใจก็เลยพูดขึ้นมาเสียงดัง “เดี๋ยวนี้ปากคอเราะร้ายจังเลยนะพิ้งค์ สงสัยจะได้นิสัยยัยมินมาสิมาเต็ม ๆ ” ดีไซน์เนอร์สาวได้ยินที่นางแบบสาวพูด ทว่าเธอไม่ได้สนใจจึงเดินต่อไป แต่ซาบีน่ายังไม่หยุด แล้วก็พูดออกมาอีกจนมันจี้ใจดำของพิชชาเข้าเต็มอย่างจัง “ก็เพราะเธอเป็นอย่างนี้นี่ไง ทิมก็เลยต้องนอกใจเธอมาหาฉัน” นางแบบสาวยิ้มอย่างเยาะเย้ย ดีไซน์เนอร์สาวหยุดชะงักและหันหลังกลับมามองนางแบบสาวพร้อมเอ่ยพูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว “ไม่จริง! ฉันไม่เชื่อเธอหรอก เธอต่างหากที่ไปยั่วยวนเขาจนเขาติดกับดักเธอ” “ชู่ววว! นี่เธอไม่เคยรู้เลยสินะว่าแฟนตัวเองชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ก็อย่างว่าแหละ…เธอต้องทำงานคงไม่มีเวลามาสนใจทิม ก็เลยไม่รู้ว่าเขาไม่ชอบคนที่ไม่มีเวลาให้” พิชชาทบทวนดูว่าที่ซาบีน่าพูดมันก็จริง ตั้งแต่ที่เธอเรียนจบแล้วก็มาเปิดห้องเสื้อ เธอทุ่มเทให้กับงานจนไม่มีเวลาให้ทิวากรเลย แล้วที่เขาบอกว่าเข้าใจเธอทุกอย่างมันก็เป็นเรื่องโกหกงั้นเหรอ พิชชาคิดอยู่นานจึงตัดสินใจเดินออกไปจากห้องน้ำอย่างเร็วจนซาบีน่าเรียกไม่ทัน ... พิชชาเดินกลับมาขึ้นรถ แล้วก็นั่งเงียบมาตลอดทางกลับ ใบเฟิร์นที่ขับรถอยู่ก็มองหน้าพิชชาสลับกับถนนแล้วเอ่ยถามพิชชาอย่างสงสัย “น้องพิ้งค์ เป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ พี่เห็นตั้งแต่ออกมาจากห้องน้ำแล้ว” “ไม่มีอะไรค่ะ” ใบเฟิร์นพยักหน้าพร้อมยิ้มให้พิชชา ก่อนที่จะหันกลับมามองทาง ส่วนพิชชาหันมองวิวข้างนอกหน้าต่างรถและคิดอะไรหลาย ๆ อย่างอยู่ในหัว40 วันวิวาห์ ห้องนอนพิชชา… วันเวลาล่วงเลยผ่านไปเดือนกว่าๆ หลังจากที่ดีไซน์เนอร์สาวออกจากโรงพยาบาลมา หนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมก็ตามมาดูแลเธอถึงที่บ้านอย่างดี สม่ำเสมอทุกๆ วัน เพราะเขาไม่อยากปล่อยเธอให้คาดสายตาอีกแล้ว ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ดี ทั้งทางใจและทางกาย แล้วอีกไม่นานเธอกับเขาก็จะได้เห็นหน้าพยานรักตัวน้อยๆ จากนั้นก็จะเป็นครอบครัวที่แสนอบอุ่น จนทำให้ใครหลายๆ คนต้องอิจฉา “มอนิ่งคิสค่ะ” เมธาวินจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากของเธอในอ้อมแขนของเขา “มอนิ่งค่ะ” คนที่ถูกรบกวนการนอนก็ลืมตาขึ้นมาเอ่ยปากตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแฝงรอยยิ้มอ่อนหวาน แต่พิชชารู้สึกเหม็นอะไรบางอย่าง อาการคลื่นไส้เริ่มตีขึ้นมาทันที เธอจึงดันหน้าอกเมธาวินออกห่าง “…..” เมธาวินงุนงงกับท่าทางของแฟนสาว “อุ…อุ” พิชชายกมือปิดปากเอาไว้และรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปโก่งคออาเจียน “พิ้งค์! เป็นยังไงบ้างคะ” เมื่อเห็นแฟนสาวของตนอาเจียนออกมา เขาจึงรีบวิ่งตามเข้าไปลูบหลังให้เธอด้วยความเป็นห่วง “อ้วกกก” พิชชาอาเจียนออกมาจนหมด เธอรู้สึกเวียนหัวอย่างมาก “ดีขึ้นรึยังคะ” เมธาวินประคองแฟนสาวกลับออกมานั่งลงบนเตียง “งั้นเดี๋ยวพี่ลงไปทำอะไรให
39 ทุ่มเททุกอย่าง ผ่านไปสี่ชั่วโมงแล้ว และในระหว่างนั้นมินตราก็ให้คนขับรถพาครอบครัวของพิชชากลับไปพักผ่อนก่อน มินตรากับพวกผู้ชายอยากจะอยู่ต่อเพื่อรอฟังผลจากปากคุณหมอ เมธาวินกระสับกระส่าย เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องผ่าตัด สายตาจับจ้องไปที่ประตู จิตใจจดจ่ออยู่กับคนรักที่อยู่ภายในห้องผ่าตัด ตอนนี้เขากระวนกระวายใจ คิดไปต่างๆ นาๆ จนนั่งไม่ติด โดยสายตาของธีร์ก็ยืนมองเจ้านายอย่างเป็นห่วง เพราะหลายชั่วโมงแล้วที่เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องผ่าตัดโดยไม่ได้ทานอะไรเลย หลังจากที่รอมาเป็นระยะเวลานาน สักพักใหญ่หมอที่รักษาพิชชาก็เดินออกมาจากห้องผ่าตัด เมธาวินเงยหน้าขึ้นมาเห็นคุณหมอก็ลุกขึ้นพรวดไปหาคุณหมอเพื่อสอบถามอาการของพิชชา “คุณหมอครับ...แฟนผมเป็นอย่างไรบ้างครับ” เมธาวินจับไม้จับมืออีกฝ่ายเร่งเร้าเอาคำตอบ “ตอนนี้...ปลอดภัยทั้งแม่และลูกครับ” หมอเผยยิ้มให้กับทุกคนที่ยืนฟังอยู่ “อะไรนะคะ! คือ…หมอจะบอกว่าเพื่อนของฉันกำลังมีน้องเหรอคะ” มินตราทวนถามคุณหมอด้วยความดีใจ “ใช่แล้วครับ ตอนนี้อย่าเพิ่งให้คนไข้ทำงานหรือเครียดเป็นอันขาดนะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว...หมอขอตัวก่อนครับ” “เฮ้ย! แกจะได้เป็นพ่อคนแล้วนะเ
38 มุมอ่อนแอ ชานเมือง… เมธาวินกับดิวมาถึงบ้านกลางป่าที่บลูจับตัวพิชชามาที่นี่ เมธาวินกับดิวก้าวลงจากรถ แล้วทั้งสองเดินลัดเลาะมาจากด้านหลังบ้าน ดิวชะโงกหน้าไปมองที่หน้าประตูเห็นมีคนเฝ้าอยู่คนสองคน เมธาวินหาอาวุธมาป้องกันตัว แล้วก็เจอท่อนไม้พอเหมาะมือ หยิบมาถือไว้และเดินย่องเข้าไปใกล้ๆ ชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนด้านหลังพร้อมด้วยใช้ไม้ที่ถือมาล็อกคออีกฝ่ายไว้แน่นจนหายใจแทบไม่ออก แล้วดิวที่เดินตามหลังเมธาวินมาก็วิ่งมากระโดดต่อยชายฉกรรจ์ร่างสูงอีกคนนึงจนล้มตกบันได ดิวคว้ากุญแจบ้านที่เหน็บเอวชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนเอาไว้และรีบเปิดประตู เมธาวินออกแรงล็อกคอจนชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนหมดสติไป จากนั้นดิวกับเมธาวินเดินปรี่เข้าไปหาพิชชาที่นอนแน่นิ่งอยู่ ดิวนั่งคุกเข่าแก้เชือกที่มัดมือให้ เมธาวินเรียกเธอให้ได้สติ “พิ้งค์! พิ้งค์คะ! พี่มาช่วยแล้ว” พิชชาได้สติขึ้นมาแล้ว เธอยกมือขึ้นมาจับที่ศีรษะแต่จับไปโดนแผลที่กระแทกกับพื้น “ซี้ด! โอ๊ยยย!” แต่ทันใดนั้นชายฉกรรจ์ร่างสูงได้สติก็ขึ้นมาปลุกชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนที่สลบอยู่หน้าบ้านให้ตื่นและหยิบท่อนไม้ที่วางอยู่บนพื้นเดินเข้าไปในห้อง พอเข้ามาเห็นดิวกับเมธาวินกำลังพาพิ
37 ถูกลักพาตัว สองวันผ่านไป… มินตราหายจากอาการไม่สบายก็มาหาพิชชากะว่าจะชวนออกไปทานข้าว เพราะเวลานี้ใกล้จะเที่ยงแล้ว และที่สำคัญมินตรามีเรื่องจะบอก มินตราเปิดประตูร้านเข้ามาเจอณิชากำลังยืนจัดชุดที่ราวเสื้อและณิชาหันไปเห็นเธอพอดี ณิชาจึงเดินเข้ามาทักทายมินตราอย่างนอบน้อม “สวัสดีค่ะพี่มิน เห็นพี่พิ้งค์บอกว่าพี่มินไม่สบาย….เป็นอย่างไรบ้างคะ” “ดีขึ้นแล้วจ้ะ เอ่อ...และพิ้งค์อยู่ไหนเหรอจ๊ะ” “อยู่ในห้องตัดเสื้อค่ะ” “ขอบใจจ้ะ” มินตราเดินตรงเข้าไปในห้องตัดเสื้อแล้วเห็นพิชชา เอบีและมอลลี่กำลังง่วนอยู่กับการตัดเสื้อ มินตรายืนอยู่หน้าห้องแล้วเคาะประตูเบาๆ เป็นมารยาท ทุกคนเงยหน้ามามองที่ประตู “อ้าว! มิน…แกหายดีแล้วหรอ” “ฉันหายดีแล้ว…และนี่แกกำลังทำอะไรอยู่ล่ะ” มินตราเอ่ยถามพลางเดินเข้าไปยืนข้างๆ พิชชา พิชชาก้มหน้าลงไปตัดชิ้นผ้าที่คาไว้ต่อพร้อมเอ่ยถามมินตราว่ามีธุระอะไรกับเธอ “มาหาฉันมีธุระอะไรหรือเปล่า” “ฉันจะชวนแกออกไปทานข้าวน่ะ คือ…คิมให้มาชวนแก เพราะว่าเขามีอะไรจะบอก...คุณวินก็มานะ” พิชชาตัดชิ้นผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองมินตราด้วยความสงสัยว่าที่เธอได้ยินมันจริงหรือแค่หูฝา
36 ในฐานะอะไร บ้านมินตรา… มินตรารู้สึกไม่สบายจึงโทรไปบอกพนักงานที่ร้านตั้งแต่เช้าว่าวันนี้เธอไม่เข้าร้าน แล้วตอนนี้ก็ปาเข้าไปสิบเอ็ดโมงแล้ว เธอก็เลยลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำอย่างเชื่องช้า เข้ามาล้างหน้าแปรงฟันเพื่อลงไปหาอะไรกิน เพราะตอนนี้เธอหิวมาก มินตราเดินออกมาจากห้องน้ำ หยิบกางเกงขายาวหนาๆ มาสวมและคว้าเสื้อฮู้ดแขนยาวมาใส่ จากนั้นเธอก็เดินออกจากห้องนอนลงไปข้างล่าง เธอเดินเข้าไปในครัวและเปิดตู้เย็น แต่ภายในตู้เย็นไม่มีวัตถุดิบที่สามารถทำอาหารได้ เธอจึงเดินออกมาทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรงและล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อฮู้ดแล้วก็จะกดสั่งอาหาร กริ๊ง! เสียงเตือนกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น มินตราได้ยินถึงกับแปลกใจว่าเธอยังไม่ได้กดสั่งอาหารไปเลยแล้วเสียงใครมากดกริ่ง เธอวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟาและรวบรวมแรงที่มีลุกขึ้นเดินไปดูว่าเป็นใคร มินตราเดินมาชะเง้อคอมองนอกรั้วบ้าน เห็นคิมหันต์ยืนผลิรอยยิ้มหล่อเหลาอยู่หน้าบ้าน ในมือเขาถือถุงผ้ามาสองใบ เธอเดินไปเปิดประตูให้เขาเข้ามาและปิดประตูหน้าบ้านให้เรียบร้อย เธอกับเขาก็เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกัน “คุณคิมรู้ได้ยังไงคะ...ว่าฉันอยู่บ้
35 ขอแต่งงาน ดีเอ็นดี คลับ… ชั้นสองโซน VIP เมธาวิน คิมหันต์ ปกรณ์และชลธรนั่งดื่มกันมาสักพัก แล้วเมธาวินพูดปรึกษาเพื่อนๆ เรื่องที่เกี่ยวกับพิชชา “เพื่อนๆ...ฉันอยากแต่งงานกับพิ้งค์วะ” สีหน้าท่าทางของหนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมที่พูดนั่นมันมาจากก้นบึ้งของหัวใจ “เอาเลย...ฉันช่วยเต็มที่” คิมหันต์พูดพร้อมยกมือตบบ่าเพื่อสนับสนุนเมธาวิน แต่ชลธรก็พูดแทรกในเวลาแห่งความสุขของเมธาวินสักนิดนึง เพราะชลธรไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนถึงรักผู้หญิงคนนี้ทั้งที่อยู่เป็นโสดมานาน ชลธรแนะนำผู้หญิงคนไหนให้ก็ไม่เคยสนใจ “แกเพิ่งคบกับคุณพิ้งค์ได้กี่เดือนเอง…คิดจะแต่งงานกับคุณพิ้งค์แล้วเหรอวะ” “สำหรับฉันกับพิ้งค์...เรารู้จักกันมานานมากแล้ว” คิมหันต์เอ่ยพูดเรียบๆ ผ่านรอยยิ้มละไม “แกไม่ต้องไปสนใจไอ้ธรหรอ แล้วแกคิดจะขอพิ้งค์แต่งงานเมื่อไหร่” “เร็วๆ นี้แหละ” เมธาวินออกอาการอิ่มอกอิ่มใจมีรอยยิ้มประดับเต็มใบหน้า ชลธรยกแก้วเหล้าขึ้นมาและเอ่ยพูดให้ทุกคนยกแก้วเหล้าขึ้นมา แล้วฉลองให้กับเมธาวินล่วงหน้า “เอ้า! ชน!” ทุกคนสังสรรค์กันอย่างสนุก … ห้องนอนพิชชา… พิชชากำลังนั่งคิดถึงเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นอยู่บนเตียงนอนนุ่มๆ และใน