10
ดื่มเพื่อลืม เมธาวินนั่งอยู่ในห้องทำงานที่บ้าน และกำลังอ่านเอกสารในแฟ้มอย่างเคร่งเครียดอยู่ จนรู้สึกปวดตาเลยวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะและเอนหลังพักสายตาสักครู่หนึ่ง แล้วเมธาวินก็นึกอะไรออกจึงลืมตาขึ้นมาและนั่งตัวตรง เอื้อมมือมาเปิดลิ้นชักหยิบรูปถ่ายใบหนึ่งขึ้นมาดู มันคือรูปถ่ายรวมกลุ่มตอนที่ไปค่ายอาสา เมื่อสมัยมัธยมปลาย เมธาวินนั่งมองและยิ้มให้กับรูปถ่ายใบนั้น เขาเอานิ้วมือมาลูบตรงที่มีพิชชายืนอยู่ในรูปแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน … พิชชานั่งดื่มเหล้าอยู่หน้าเคาน์เตอร์บาร์ นัยน์ตาของเธอเต็มไปด้วยความชอกช้ำและความรู้สึกผิดหวังผลันโถมใส่กลางใจจนน้ำตารินไหล เพราะความเจ็บปวดในใจ ยิ่งเธอเสียใจมากเท่าไรก็ยิ่งต้องดื่มเพื่อลืมเรื่องราวในวันนี้ให้หมด มินตราเดินเข้ามาในร้านเห็นเพื่อนสาวนั่งอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์บาร์คนเดียว...ก็ปรี่เข้าไปหาอย่างเร็ว มินตราเดินมานั่งลงข้าง ๆ เพื่อนสาวเธอและหันไปมองหน้าเพื่อนสาวเห็นว่ากำลังร้องไห้อยู่ก็เอ่ยถามอย่างตกตะลึง “พิ้งค์! นี่แกเป็นอะไร” “มิน...เพื่อนรัก แกมาแล้วเหรอ” พิชชาหันหน้ามาโอบกอดเพื่อนสนิทที่เข้าใจเธอมากที่สุดและเอ่ยปากบอกมินตราด้วยน้ำเสียงสะอื้นบวกกับความเมา “ฉันขอโทษที่ไม่เชื่อแกนะ” “เดี๋ยว…นี่มันเกิดอะไรขึ้น ฉันงงไปหมดแล้ว” “บีน่ากับทิม พวกเค้าสองคน…แอบมีอะไรกันลับหลังฉัน” “ห๊ะ” มินตราเผลอตะโกนเสียงดังด้วยความตกใจ “ฉันโง่มากใช่ไหม พวกเขาถึงทำกับฉันแบบนี้” มินตรากุมมือเพื่อนสาวพร้อมกับพูดปลอบใจ “แกไม่ได้โง่ แต่แกแค่นึกไม่ถึงว่าสองคนนั้นจะมาลงเอยกันแบบนี้” “ขอบคุณมากนะ แกเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับฉันเลย ฉันตัดสินใจแล้ว...ว่าฉันจะยกเลิกงานแต่ง” “ดีแล้ว” มินตรากล่าวพร้อมยกนิ้วโป้งให้เพื่อนสาว เวลาผ่านไปไม่นาน ตอนนี้พิชชาก็เมามากจนหมดสติ มินตราจึงขอแรงเด็กเสิร์ฟผู้หญิงมาช่วยเธอประคองพิชชาไปที่รถ เพื่อไปส่งพิชชากลับบ้าน … มินตราประคองพิชชาเข้ามาในบ้านและตะโกนเรียกให้ใครออกมาช่วยเธอ “ป้าพรค่ะ พี่จิ๋วค่ะ” สักครู่หนึ่งสมพรและจิ๋วได้ยินเสียงเรียกก็รีบเดินออกมาจากห้องนอนของตัวเอง “อ้าว! คุณมิน” จิ๋วรีบเดินไปหามินตรา “พี่จิ๋วค่ะ ช่วยประคองพิ้งค์ขึ้นห้องหน่อยค่ะ” จิ๋วพยักหน้าตอบรับและเดินประคองพิชชาขึ้นห้องนอน พอเดินเข้ามาในห้องนอนแล้ว...ก็ประคองพิชชามานอนพักบนเตียง “ป้าพรค่ะ...ช่วยเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้พิ้งค์หน่อยนะคะ” “เดี๋ยวป้าจัดการให้ค่ะ” “ถ้างั้น...มินขอตัวลาเลยนะคะ” มินตรายกมือไหว้สมพรกับจิ๋ว แล้วเดินออกไปจากห้องนอนพิชชา หลังจากนั้นสมพรกับจิ๋วทำการเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้พิชชาได้นอนสบายแล้ว พวกเธอก็พากันกลับห้องไปพักผ่อน … เช้าวันถัดมา… พิชชาเริ่มรู้สึกตัวแล้ว เธอลุกขึ้นมานั่งและยกมือมากุมขมับ เนื่องจากเมื่อคืนนี้เธอดื่มหนักมากจนเกินไป ทำให้เธอปวดหัว พิชชาก้าวลงจากเตียงเดินตรงไปเข้าห้องน้ำ แล้วยี่สิบนาทีเธอก็เดินออกมาแต่งตัว เพื่อจะไปทำงานตามปรกติ เธอทำธุระส่วนตัวเสร็จก็เดินออกจากห้องและลงไปข้างล่าง พิชชาเดินมานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร สมพรก็ยกน้ำขิงมาเสิร์ฟให้เธอดื่มแก้แฮงค์ “คุณพิ้งค์ค่ะ… ป้าชงน้ำขิงร้อน ๆ มาให้ดื่มสักหน่อยนะคะ” สมพรยกถ้วยน้ำขิงมาวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าของพิชชา “ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มอย่างอ่อนหวาน ก่อนยกถ้วยน้ำขิงขึ้นมาจิบ “เมื่อคืนนี้ฉลองวันเกิดกับคุณทิมซะหนักเลยเหรอคะ แต่ทำไมไม่ให้คุณทิมมาส่งล่ะคะ” “คือ… พิ้งค์…” พิชชากระอักกระอ่วนใจว่าจะพูดออกไปดีหรือเปล่า เธอถอนหายใจเบา ๆ แล้วมองนาฬิกาข้อมือ “เผอิญที่โรงงานมีปัญหานิดหน่อยน่ะค่ะ พิ้งค์ต้องรีบไปแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ” เธอรีบดื่มน้ำขิงจนหมดและลุกขึ้นเดินออกไปที่โรงรถ … พิชชาเดินเข้ามาข้างในห้องเสื้อก็เห็นพวกรุ่นพี่ทั้งสามคนยืนยิ้มหน้าบานและมีคนเดินออกมาจากห้องลองเสื้อ ดีไซน์เนอร์สาวหันหน้าไปมองก็เห็นทิวากรกำลังเดินเข้ามาหาเธอพร้อมช่อดอกกุหลาบสีขาวและเขาได้ใส่ชุดสูทที่ดีไซน์เนอร์สาวตัดให้ เพื่อที่จะให้เธอใจอ่อน พิชชาพอเห็นหน้าทิวากรก็ไม่สบอารมณ์และหันหน้าไปถามพวกรุ่นพี่อย่างโมโห “ใครเป็นคนอนุญาตให้ผู้ชายคนนี้ใส่ชุดนี้ค่ะ” เธอถามด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ทั้งสามคนทำหน้าเลิ่กลั่ก เพราะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับพิชชา ใบเฟิร์นจึงตอบเธอไป “พวกพี่ต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่ไม่ขออนุญาตก่อน” ทิวากรเอ่ยปากออกตัวรับแทนพวกรุ่นพี่สามคน “ผมเป็นคนขอพวกพี่เองครับ คุณอย่าไปโกรธพวกเธอเลย ถ้าคุณจะโกรธ...ก็มาลงที่ผม” พิชชาหันกลับมามองทิวากรอีกครั้ง “ถ้าอย่างนั้น…คุณก็ช่วยถอดชุดคืนและออกไปจากร้านของฉันได้แล้ว เพราะที่นี่ไม่ต้อนรับคนอย่างคุณ และที่ฉันพูดกับคุณไปเมื่อวานนี้ก็น่าจะชัดเจนแล้วนะ” “แต่ผม...” ทิวากรกะจะพูดแต่พิชชาเอ่ยพูดขึ้นมาอย่างตัดบท “พี่เอบีค่ะ พี่มอลลี่ค่ะ พิ้งค์ขอฝากส่งแขกด้วยนะคะ ส่วนพี่เฟิร์น…ตามพิ้งค์ขึ้นไปบนห้องหน่อยค่ะ” ทิวากรร้องเรียกพิชชาที่เดินจากไป ทิวากรเริ่มโมโหเลยปาช่อดอกไม้ลงพื้นอย่างแรง เอบีและมอลลี่ตกใจและมองหน้ากันเลิ่กลั่ก หลังจากนั้นทิวากรเดินเข้าไปเปลี่ยนชุดและเดินออกจากร้านอย่างหงุดหงิด ... เอบีกับมอลลี่เดินเข้ามาในห้องทำงาน เพื่อมาบอกพิชชาว่าทิวากรกลับไปแล้ว หลังจากที่พิชชาคุยงานกับใบเฟิร์นเสร็จเรียบร้อย ใบเฟิร์นเอ่ยถามเธอว่าเกิดอะไรขึ้น “พี่ขอเสียมารยาทถามอะไรสักหน่อยได้ไหมคะ?” “ได้ค่ะ” “เมื่อวานเกิดอะไรขึ้นรึเปล่าคะ?” “คือ...เมื่อวานนี้พิ้งค์เห็นบีน่ากับทิม พวกเขาสองคนอยู่ด้วยกันแล้วค่ะ” เธอพูดไปก็น้ำตาคลอไป พอทั้งสามคนได้ยินแล้วก็หดหู่ พวกรุ่นพี่ก็เข้ามากอดและให้กำลังใจพิชชา จากนั้นพวกพี่ก็แยกย้ายกันไปทำงาน เธอนั่งลงบนเก้าอี้เอนตัวพิง แล้วพักสายตาก่อนที่จะทำงาน40 วันวิวาห์ ห้องนอนพิชชา… วันเวลาล่วงเลยผ่านไปเดือนกว่าๆ หลังจากที่ดีไซน์เนอร์สาวออกจากโรงพยาบาลมา หนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมก็ตามมาดูแลเธอถึงที่บ้านอย่างดี สม่ำเสมอทุกๆ วัน เพราะเขาไม่อยากปล่อยเธอให้คาดสายตาอีกแล้ว ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ดี ทั้งทางใจและทางกาย แล้วอีกไม่นานเธอกับเขาก็จะได้เห็นหน้าพยานรักตัวน้อยๆ จากนั้นก็จะเป็นครอบครัวที่แสนอบอุ่น จนทำให้ใครหลายๆ คนต้องอิจฉา “มอนิ่งคิสค่ะ” เมธาวินจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากของเธอในอ้อมแขนของเขา “มอนิ่งค่ะ” คนที่ถูกรบกวนการนอนก็ลืมตาขึ้นมาเอ่ยปากตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแฝงรอยยิ้มอ่อนหวาน แต่พิชชารู้สึกเหม็นอะไรบางอย่าง อาการคลื่นไส้เริ่มตีขึ้นมาทันที เธอจึงดันหน้าอกเมธาวินออกห่าง “…..” เมธาวินงุนงงกับท่าทางของแฟนสาว “อุ…อุ” พิชชายกมือปิดปากเอาไว้และรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปโก่งคออาเจียน “พิ้งค์! เป็นยังไงบ้างคะ” เมื่อเห็นแฟนสาวของตนอาเจียนออกมา เขาจึงรีบวิ่งตามเข้าไปลูบหลังให้เธอด้วยความเป็นห่วง “อ้วกกก” พิชชาอาเจียนออกมาจนหมด เธอรู้สึกเวียนหัวอย่างมาก “ดีขึ้นรึยังคะ” เมธาวินประคองแฟนสาวกลับออกมานั่งลงบนเตียง “งั้นเดี๋ยวพี่ลงไปทำอะไรให
39 ทุ่มเททุกอย่าง ผ่านไปสี่ชั่วโมงแล้ว และในระหว่างนั้นมินตราก็ให้คนขับรถพาครอบครัวของพิชชากลับไปพักผ่อนก่อน มินตรากับพวกผู้ชายอยากจะอยู่ต่อเพื่อรอฟังผลจากปากคุณหมอ เมธาวินกระสับกระส่าย เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องผ่าตัด สายตาจับจ้องไปที่ประตู จิตใจจดจ่ออยู่กับคนรักที่อยู่ภายในห้องผ่าตัด ตอนนี้เขากระวนกระวายใจ คิดไปต่างๆ นาๆ จนนั่งไม่ติด โดยสายตาของธีร์ก็ยืนมองเจ้านายอย่างเป็นห่วง เพราะหลายชั่วโมงแล้วที่เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องผ่าตัดโดยไม่ได้ทานอะไรเลย หลังจากที่รอมาเป็นระยะเวลานาน สักพักใหญ่หมอที่รักษาพิชชาก็เดินออกมาจากห้องผ่าตัด เมธาวินเงยหน้าขึ้นมาเห็นคุณหมอก็ลุกขึ้นพรวดไปหาคุณหมอเพื่อสอบถามอาการของพิชชา “คุณหมอครับ...แฟนผมเป็นอย่างไรบ้างครับ” เมธาวินจับไม้จับมืออีกฝ่ายเร่งเร้าเอาคำตอบ “ตอนนี้...ปลอดภัยทั้งแม่และลูกครับ” หมอเผยยิ้มให้กับทุกคนที่ยืนฟังอยู่ “อะไรนะคะ! คือ…หมอจะบอกว่าเพื่อนของฉันกำลังมีน้องเหรอคะ” มินตราทวนถามคุณหมอด้วยความดีใจ “ใช่แล้วครับ ตอนนี้อย่าเพิ่งให้คนไข้ทำงานหรือเครียดเป็นอันขาดนะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว...หมอขอตัวก่อนครับ” “เฮ้ย! แกจะได้เป็นพ่อคนแล้วนะเ
38 มุมอ่อนแอ ชานเมือง… เมธาวินกับดิวมาถึงบ้านกลางป่าที่บลูจับตัวพิชชามาที่นี่ เมธาวินกับดิวก้าวลงจากรถ แล้วทั้งสองเดินลัดเลาะมาจากด้านหลังบ้าน ดิวชะโงกหน้าไปมองที่หน้าประตูเห็นมีคนเฝ้าอยู่คนสองคน เมธาวินหาอาวุธมาป้องกันตัว แล้วก็เจอท่อนไม้พอเหมาะมือ หยิบมาถือไว้และเดินย่องเข้าไปใกล้ๆ ชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนด้านหลังพร้อมด้วยใช้ไม้ที่ถือมาล็อกคออีกฝ่ายไว้แน่นจนหายใจแทบไม่ออก แล้วดิวที่เดินตามหลังเมธาวินมาก็วิ่งมากระโดดต่อยชายฉกรรจ์ร่างสูงอีกคนนึงจนล้มตกบันได ดิวคว้ากุญแจบ้านที่เหน็บเอวชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนเอาไว้และรีบเปิดประตู เมธาวินออกแรงล็อกคอจนชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนหมดสติไป จากนั้นดิวกับเมธาวินเดินปรี่เข้าไปหาพิชชาที่นอนแน่นิ่งอยู่ ดิวนั่งคุกเข่าแก้เชือกที่มัดมือให้ เมธาวินเรียกเธอให้ได้สติ “พิ้งค์! พิ้งค์คะ! พี่มาช่วยแล้ว” พิชชาได้สติขึ้นมาแล้ว เธอยกมือขึ้นมาจับที่ศีรษะแต่จับไปโดนแผลที่กระแทกกับพื้น “ซี้ด! โอ๊ยยย!” แต่ทันใดนั้นชายฉกรรจ์ร่างสูงได้สติก็ขึ้นมาปลุกชายฉกรรจ์ร่างบึกบึนที่สลบอยู่หน้าบ้านให้ตื่นและหยิบท่อนไม้ที่วางอยู่บนพื้นเดินเข้าไปในห้อง พอเข้ามาเห็นดิวกับเมธาวินกำลังพาพิ
37 ถูกลักพาตัว สองวันผ่านไป… มินตราหายจากอาการไม่สบายก็มาหาพิชชากะว่าจะชวนออกไปทานข้าว เพราะเวลานี้ใกล้จะเที่ยงแล้ว และที่สำคัญมินตรามีเรื่องจะบอก มินตราเปิดประตูร้านเข้ามาเจอณิชากำลังยืนจัดชุดที่ราวเสื้อและณิชาหันไปเห็นเธอพอดี ณิชาจึงเดินเข้ามาทักทายมินตราอย่างนอบน้อม “สวัสดีค่ะพี่มิน เห็นพี่พิ้งค์บอกว่าพี่มินไม่สบาย….เป็นอย่างไรบ้างคะ” “ดีขึ้นแล้วจ้ะ เอ่อ...และพิ้งค์อยู่ไหนเหรอจ๊ะ” “อยู่ในห้องตัดเสื้อค่ะ” “ขอบใจจ้ะ” มินตราเดินตรงเข้าไปในห้องตัดเสื้อแล้วเห็นพิชชา เอบีและมอลลี่กำลังง่วนอยู่กับการตัดเสื้อ มินตรายืนอยู่หน้าห้องแล้วเคาะประตูเบาๆ เป็นมารยาท ทุกคนเงยหน้ามามองที่ประตู “อ้าว! มิน…แกหายดีแล้วหรอ” “ฉันหายดีแล้ว…และนี่แกกำลังทำอะไรอยู่ล่ะ” มินตราเอ่ยถามพลางเดินเข้าไปยืนข้างๆ พิชชา พิชชาก้มหน้าลงไปตัดชิ้นผ้าที่คาไว้ต่อพร้อมเอ่ยถามมินตราว่ามีธุระอะไรกับเธอ “มาหาฉันมีธุระอะไรหรือเปล่า” “ฉันจะชวนแกออกไปทานข้าวน่ะ คือ…คิมให้มาชวนแก เพราะว่าเขามีอะไรจะบอก...คุณวินก็มานะ” พิชชาตัดชิ้นผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองมินตราด้วยความสงสัยว่าที่เธอได้ยินมันจริงหรือแค่หูฝา
36 ในฐานะอะไร บ้านมินตรา… มินตรารู้สึกไม่สบายจึงโทรไปบอกพนักงานที่ร้านตั้งแต่เช้าว่าวันนี้เธอไม่เข้าร้าน แล้วตอนนี้ก็ปาเข้าไปสิบเอ็ดโมงแล้ว เธอก็เลยลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำอย่างเชื่องช้า เข้ามาล้างหน้าแปรงฟันเพื่อลงไปหาอะไรกิน เพราะตอนนี้เธอหิวมาก มินตราเดินออกมาจากห้องน้ำ หยิบกางเกงขายาวหนาๆ มาสวมและคว้าเสื้อฮู้ดแขนยาวมาใส่ จากนั้นเธอก็เดินออกจากห้องนอนลงไปข้างล่าง เธอเดินเข้าไปในครัวและเปิดตู้เย็น แต่ภายในตู้เย็นไม่มีวัตถุดิบที่สามารถทำอาหารได้ เธอจึงเดินออกมาทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรงและล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อฮู้ดแล้วก็จะกดสั่งอาหาร กริ๊ง! เสียงเตือนกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น มินตราได้ยินถึงกับแปลกใจว่าเธอยังไม่ได้กดสั่งอาหารไปเลยแล้วเสียงใครมากดกริ่ง เธอวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟาและรวบรวมแรงที่มีลุกขึ้นเดินไปดูว่าเป็นใคร มินตราเดินมาชะเง้อคอมองนอกรั้วบ้าน เห็นคิมหันต์ยืนผลิรอยยิ้มหล่อเหลาอยู่หน้าบ้าน ในมือเขาถือถุงผ้ามาสองใบ เธอเดินไปเปิดประตูให้เขาเข้ามาและปิดประตูหน้าบ้านให้เรียบร้อย เธอกับเขาก็เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกัน “คุณคิมรู้ได้ยังไงคะ...ว่าฉันอยู่บ้
35 ขอแต่งงาน ดีเอ็นดี คลับ… ชั้นสองโซน VIP เมธาวิน คิมหันต์ ปกรณ์และชลธรนั่งดื่มกันมาสักพัก แล้วเมธาวินพูดปรึกษาเพื่อนๆ เรื่องที่เกี่ยวกับพิชชา “เพื่อนๆ...ฉันอยากแต่งงานกับพิ้งค์วะ” สีหน้าท่าทางของหนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมที่พูดนั่นมันมาจากก้นบึ้งของหัวใจ “เอาเลย...ฉันช่วยเต็มที่” คิมหันต์พูดพร้อมยกมือตบบ่าเพื่อสนับสนุนเมธาวิน แต่ชลธรก็พูดแทรกในเวลาแห่งความสุขของเมธาวินสักนิดนึง เพราะชลธรไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนถึงรักผู้หญิงคนนี้ทั้งที่อยู่เป็นโสดมานาน ชลธรแนะนำผู้หญิงคนไหนให้ก็ไม่เคยสนใจ “แกเพิ่งคบกับคุณพิ้งค์ได้กี่เดือนเอง…คิดจะแต่งงานกับคุณพิ้งค์แล้วเหรอวะ” “สำหรับฉันกับพิ้งค์...เรารู้จักกันมานานมากแล้ว” คิมหันต์เอ่ยพูดเรียบๆ ผ่านรอยยิ้มละไม “แกไม่ต้องไปสนใจไอ้ธรหรอ แล้วแกคิดจะขอพิ้งค์แต่งงานเมื่อไหร่” “เร็วๆ นี้แหละ” เมธาวินออกอาการอิ่มอกอิ่มใจมีรอยยิ้มประดับเต็มใบหน้า ชลธรยกแก้วเหล้าขึ้นมาและเอ่ยพูดให้ทุกคนยกแก้วเหล้าขึ้นมา แล้วฉลองให้กับเมธาวินล่วงหน้า “เอ้า! ชน!” ทุกคนสังสรรค์กันอย่างสนุก … ห้องนอนพิชชา… พิชชากำลังนั่งคิดถึงเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นอยู่บนเตียงนอนนุ่มๆ และใน