กระท่อมหลังเขา
กายงามชุ่มโชกเปียกปอนไปทั่วทั้งร่าง เมื่อพระชายาอุปราชได้แอบเล็ดรอดเข้าไปในตำหนักท้ายจวน สถานที่เคยพำนักอยู่ในอดีตเพื่อใช้เส้นทางหลบหนีออกจากจวนอุปราชมาทางสระสรงน้ำซึ่งมีทางเดินระบายน้ำเชื่อมติดกับน้ำตกหลังเขา
คนงามใช้เวลาในการเดินเท้าจากน้ำตกจนมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้ากระท่อมก่อนจะถึงยามเฉิน ตามเวลาที่ได้นัดหมายเอาไว้กับฮ่องเต้หยวนเป่ยเมื่อสามวันก่อน พลางรีบก้าวเดินเข้าไปภายในกระท่อมอย่างรวดเร็ว “พี่เขย! พี่เขย!” เสียงร้องเรียกหาหรงเฉินดังก้องไปทั่วทั้งกระท่อม เพียงครู่ร่างสูงของหรงเฉินรีบวิ่งออกมาจากทิศทางที่เป็นห้องนอนของตัวเอง ซึ่งองครักษ์คู่พระทัยของอินอวิ๋นหยางได้รับอนุญาตให้มาเฝ้าคอยดูแลฮูหยินของตน ด้วยนางยังไม่ฟื้นตั้งแต่ได้รับพิษของอินอวิ๋นฉวี่ฮ่องเต้จนหมดสติไปเมื่อสามวันก่อน แม้กระทั่งหมอหลวงที่ถูกเชิญมาก็ไม่อาจแก้ไขให้ฟื้นคืนสติขึ้นมาได้ จึงทำให้สองสามีภรรยาไม่สามารถไปร่วมงานสมรสของอุปราชหยวนเป่ยและหยางเฟยอี้ได้ และทันทีที่หรงเฉินเห็นสภาพของพระชายาอุปราชที่เพิ่งผ่านการสมรสมาหมาดๆ ปรากฏอยู่ตรงหน้าเช่นนั้น “เกิดอะไรขึ้นถิงถิง! เหตุใในขณะเดียวกัน กระท่อมหลังเขาพระวรกายสูงของฮ่องเต้หยวนเป่ย บัดนี้ได้มาปรากฏขึ้นอยู่ตรงหน้าประตูห้องของหวู่ซานซาน พระองค์กำลังยืนพิงประตูกอดอกทอดพระเนตรคนงามอยู่ในขณะนั้น ด้วยหยางเฟยอี้ในยามนี้ร่างกายของนางมีสภาพเปียกปอน จนอาภรณ์ขาวที่สวมอยู่ติดกายแนบลู่ไปกับกายงามจนเน้นส่วนเว้าส่วนโค้งอันสมบูรณ์ของสตรีเพศแสนเย้ายวนใจเผยให้ฮ่องเต้หนุ่มได้ทอดพระเนตร อกเป็นอก เอวคอดเท่ามดตะนอย สะโพกผายได้รูปสวย บั้นท้ายงอนงามตึงแน่นเล่นเอาอวิ๋นฉวี่ตะลึงลานไม่เป็นอันทำอะไร ทันทีที่หยางเฟยอี้หันกลับมาเผชิญหน้ากับพระองค์จนนางต้องเป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบงัน “ฝ่าบาทจะทรงยืนจ้องหม่อมฉันแบบนี้อีกนานไหมเพคะ” คนงามถามสวนกลับไป และนั่นทำให้อวิ๋ฉวี่ฮ่องเต้รู้สึกตัวขึ้นมาทันที “ก็เจ้าชวนน่ามองเช่นนี้! จะห้ามสายตาของข้าไปได้อย่างไร แผนลอบสังหารอุปราชคงจะล้มเหลวไม่เป็นท่าเสียกระมัง เจ้าจึงมีสภาพกลับมาให้ข้าได้เห็นเช่นนี้ ดูท่าข้าจะประเมินเจ้าสูงเกินไปไม่เป็นไปตามที่คิด” รับสั่งออกมาตามการคาดเดาของตัวเอง “อย่างนั้นเหรอเพคะ! ถ้าเช่นนั้นก็คอยทอดพระเนตรต่อไปก็แล้วกัน” คนงามตอบกลับไ
ในขณะเดียวกัน ตำหนักอุปราชริมฝีปากหยักได้รูปสวยเริ่มขยับขึ้นมาทีละน้อย ภายหลังจากกลืนยาเม็ดสีดำสนิทลงไปนานกว่าหนึ่งชั่วยาม ทั่วกายเริ่มหายจากอาการชาไปทั่วร่าง และสามารถเริ่มเคลื่อนไหวขึ้นมาอย่างช้าๆ ทันใดนั้นเอง พรืดดดด!!!! อินอวิ๋นหยางกระอักโลหิตแดงฉานพุ่งพรวดออกจากปากจนกระจายเต็มที่นอน พร้อมร่างใหญ่ทรุดฮวบลงกับฟูกตรงหน้าทันที แค่กก! แค่กก! แค่กกก! เสียงไอโครกครากดังออกมาทันใดพร้อมกระอักโลหิตออกมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมเสียงพึมพำดังเล็ดรอดออกมาอย่างแผ่วเบาอยู่ในขณะนั้น “ยะ...เยี่ยนลี่! ย..เยี่ยนลี่...ถ..ถิง...ถิง..ถิงถิง...ของ...ข้า!” เสียงเรียกชื่ออดีตพระชายาและคนปัจจุบันซึ่งเป็นคนเดียวกันดังออกมาจากปากของอุปราชแห่งหยวนเป่ย ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ ยันกายขึ้นมาจากฟูกนอน เส้นผมสีดำสนิทยาวสยายปรกลงใบหน้าก่อนจะเริ่มเคลื่อนไหวพระวรกายค่อยๆ คลานออกมาจากแท่นบรรทมจุดหมายคือผ้าแพรสีเหลืองที่วางอยู่บนโต๊ะไม่ไกลจากแท่นบรรทมเท่าใดนัก ตุบ! ตุบ! ตุบ! พระวรกายใหญ่ตกจากแท่นบรรทมก่อนจะกลิ้งตกลงไปที่พื้นห้อง แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ละความพยายามแต่อย่างใด ท่อนแขนแข็งแกร
กระท่อมหลังเขากายงามชุ่มโชกเปียกปอนไปทั่วทั้งร่าง เมื่อพระชายาอุปราชได้แอบเล็ดรอดเข้าไปในตำหนักท้ายจวน สถานที่เคยพำนักอยู่ในอดีตเพื่อใช้เส้นทางหลบหนีออกจากจวนอุปราชมาทางสระสรงน้ำซึ่งมีทางเดินระบายน้ำเชื่อมติดกับน้ำตกหลังเขา คนงามใช้เวลาในการเดินเท้าจากน้ำตกจนมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้ากระท่อมก่อนจะถึงยามเฉิน ตามเวลาที่ได้นัดหมายเอาไว้กับฮ่องเต้หยวนเป่ยเมื่อสามวันก่อน พลางรีบก้าวเดินเข้าไปภายในกระท่อมอย่างรวดเร็ว “พี่เขย! พี่เขย!” เสียงร้องเรียกหาหรงเฉินดังก้องไปทั่วทั้งกระท่อม เพียงครู่ร่างสูงของหรงเฉินรีบวิ่งออกมาจากทิศทางที่เป็นห้องนอนของตัวเอง ซึ่งองครักษ์คู่พระทัยของอินอวิ๋นหยางได้รับอนุญาตให้มาเฝ้าคอยดูแลฮูหยินของตน ด้วยนางยังไม่ฟื้นตั้งแต่ได้รับพิษของอินอวิ๋นฉวี่ฮ่องเต้จนหมดสติไปเมื่อสามวันก่อน แม้กระทั่งหมอหลวงที่ถูกเชิญมาก็ไม่อาจแก้ไขให้ฟื้นคืนสติขึ้นมาได้ จึงทำให้สองสามีภรรยาไม่สามารถไปร่วมงานสมรสของอุปราชหยวนเป่ยและหยางเฟยอี้ได้ และทันทีที่หรงเฉินเห็นสภาพของพระชายาอุปราชที่เพิ่งผ่านการสมรสมาหมาดๆ ปรากฏอยู่ตรงหน้าเช่นนั้น “เกิดอะไรขึ้นถิงถิง! เหตุใ
ยามอิ๋นกรุ๋งกริ๋ง! กรุ๋งกริ๋ง! กรุ๋งกริ๋ง! เสียงก้องกังวานดังออกมาจากกำไลข้อเท้าซึ่งบัดนี้ถูกหยางเฟยอี้นำสิ่งที่ห่อหุ้มอยู่ภายนอกออกไปจนหมดเผยให้เห็นกำไลข้อเท้าที่ทำมาจากทองคำได้อย่างชัดเจนสวมอยู่บนข้อเท้าขาวผ่อง อีกทั้งเสียงก้องกังวานดังกล่าวก็กลับมาส่งสัญญาณได้ตามปกติ อันเกิดจากความตั้งใจของผู้สวมใส่ที่ต้องการให้กำไลข้อเท้านี้กลับมามีเสียงขึ้นมาอีกครั้ง ร่างอรชรหยิบเสื้อคลุมสวมทับบนร่างเปลือยเปล่า เยื้องย่างออกมาหลังฉากกั้นท่ามกลางเสียงก้องกังวานจากกำไลข้อเท้า ฟู่วววว!!! ขวดยาที่อยู่ในมือเทลงในเตาเผากำยานที่อยู่ใกล้แท่นบรรทม เพื่อให้ร่างใหญ่ซึ่งกำลังหลับใหลด้วยความอ่อนเพลียอยู่ในขณะนั้นไม่สามารถขยับกายได้แต่อย่างใด กลิ่นกำยานหอมเริ่มฟุ้งกระจายไปทั่วห้องอย่างรวดเร็ว ก่อนจะวางผ้าแพรผืนน้อยเขียนข้อความบางอย่างทิ้งเอาไว้ให้อุปราชหนุ่มได้ล่วงรู้พร้อมตั้งขวดยาวางทับผ้าแพรผืนดังกล่าว และทันทีที่กลิ่นของกำยานกระจายไปทั่วทั้งห้อง พรึบ! เปลือกตาที่ปิดสนิทของอินอวิ๋นหยางเปิดขึ้นทันใด ก่อนจะลุกพรวดพราดขึ้นจากฟูกนอนทันที อึก!!! แต่แล้วร่างใหญ่กลับต้อ
ห้องหอสองร่างเปลือยเปล่าของคู่บ่างสาวกำลังผลัดกันรุกและรับ ท่ามกลางกลิ่นอายของความสุขในชีวิตสมรสหลังจากเข้าหอส่งตัวเจ้าบ่าวที่มีความหื่นอยู่ตลอดเวลา อุปราชหนุ่มเฝ้ากลืนกินเจ้าสาวอย่างกระหาย อ้อมกอดกว้างใหญ่สัมผัสถูกเนื้อต้องตัวผีเสื้อน้อยคราใดร่างงามเป็นต้องสั่นสะท้านขึ้นมาโดยฉับพลัน กายแกร่งลูบไล้ไปตามเรียวแขนอย่างหยอกล้อ ลมหายใจที่เป่ารดอยู่ใกล้ๆ ซอกคออันขาวผ่องปลุกเร้าอารมณ์กำซาบที่อยู่ในจิตใจของทั้งสองฝ่ายได้เป็นอย่างดี ใบหน้าคมเข้มโน้มต่ำลงบดจูบเข้ากับเรียวปากสวย ปลายลิ้นช่ำชองเกี่ยวตวัดรัดรึงเข้ากับเรียวลิ้นเล็กเอาไว้ไม่ยอมปล่อย เรียวแขนบางโอบรัดรอบลำคอแกร่ง กายงามอ่อนระทวยไม่มีแม้เรี่ยวแรงต่อต้าน ยามเมื่อถูกจูบไซร้ซอกคอทรวงอกอิ่มที่ใหญ่ล้ำเกินตัวกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะของการหายใจ ดวงตาคมเข้มทอประกายแห่งความปรารถนาออกมาอย่างเต็มที่ กระหายอยากอย่างรุนแรงเฝ้าบีบเคล้นเต้าทรวงคู่นั้นอย่างเมามัน ปากหยักได้รูปสวยจูบไซร้ซอกคอขาวผ่องไปในคราวเดียวกัน พร้อมมือแข็งแกร่งบีบเคล้นเคล้าคลึงเต้าทรวงอวบอิ่มไม่ยอมหยุด ก่อนจะถูกริมฝีปากงับเอาเต้าทรวงที่ชูช่อท้าทายเข้าไปอย
วันอภิเษกสมรสท่ามกลางพิธีกราบไหว้ฟ้าดินซึ่งจัดขึ้นกลางแจ้ง บริเวณลานกว้างขนาดใหญ่ภายในจวนอุปราช ทั่วบริเวณเต็มไปด้วยผ้ามงคลประดับประดาเอาไว้ทุกที่ สิ่งที่จำเป็นในการทำพิธีถูกจัดเตรียมเอาไว้อย่างพร้อมเพรียงเตรียมทำพิธีอันสำคัญที่สุดในชีวิตผู้เป็นเจ้าของจวนแห่งนี้ อุปราชอินอวิ๋นหยาง อุปราชแห่งหยวนเป่ยผู้ลือนาม ที่ได้สมญานามเรียกขานอย่างมากมาย อุปราชอำมหิต ผู้ไร้รัก ด้านชาประดุจถ้ำน้ำแข็งไร้สิ้นความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น ทว่าบุรุษผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าอำมหิตที่สุดในแผ่นดินหยวนเป่ย กลับต้องยอมสยบและศิโรราบให้แก่สตรีเจ้าของร่างอรชร ช่างแสนจะน่าทะนุถนอม เต็มไปด้วยความงดงามสะท้านแผ่นดินเป็นที่ริษยาของสตรีไปทั่วหล้า ที่นางได้ครอบครองอุปราชรูปงามซึ่งในรอบหนึ่งพันปีจะปรากฏเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ท่ามกลางผ้าสีแดงที่ปูไปตามทางเดินภายในจวนอุปราช เจ้าบ่าวและเจ้าสาวสวมชุดแต่งงานสีขาวเลอค่างดงามด้วยกันทั้งสองฝ่าย หญิงงามย่อมคู่ควรกับบุรุษผู้กล้าเสมอและสตรีผู้ที่กำลังก้าวขึ้นมาเป็นพระชายาอุปราชอย่างแท้จริง ผู้ที่ได้ครอบครองทั้งกายและหัวใจอยู่ในเวลานี้ นางคือเจ้าแห่งพิษคนปัจจุบันนามว