อินอวิ๋นหยาง สมญานามอุปราชอำมหิตจากแคว้นหยวนเป่ย รูปงามเลื่องลือไปทั่วหล้า ทว่ากลับเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับองค์หญิงแคว้นซางที่แสนจะอัปลักษณ์ดุจปีศาจ พระชายาหน้าผีถูกพระสวามีกักขังอยู่อย่างโดดเดี่ยว ณ จวนเดียวดาย ท่ามกลางเทือกเขาสูงเสียดฟ้า ไร้สิ้นข้าทาสบริวารเฝ้าคอยดูแล สาเหตุเพราะต่างหวาดกลัวพระชายาหน้าผี จนตกใจหัวใจวายตายไปแล้วมากมาย พระชายาหน้าผีตรอมใจตายท่ามกลางแรงแค้นที่ลุกโชน ก่อนสิ้นใจพระนางให้สัญญาว่าจะต้องหวนกลับมาล้างแค้นพระสวามีใจโฉดผู้นี้ให้ได้ ไม่ว่าจะต้องเฝ้ารอนับหลายพันปีก็ตาม พระนางจะต้องชำระหนี้แค้นนี้ให้สำเร็จ
Lihat lebih banyakจีนแผ่นดินใหญ่ ประเทศที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ซึ่งอุบัติขึ้นในโลกยุคโบราณ มีระยะเวลาใกล้เคียงกับดินแดนไอย์คุปต์ในอดีตกาลเมื่อ 6,000 ปีก่อนคริสตกาล อารยธรรมที่แสนยิ่งใหญ่เต็มไปด้วยความพิศวงและน่าตื่นตะลึงในคราวเดียวกันปรากฏร่องรอยแห่งความเจริญรุ่งเรืองในอดีต จนถึงยุคปัจจุบันในศตวรรษที่ 21 เหลือไว้เพียงซากปรักหักพังเท่านั้น เรื่องราวในยุคอดีตที่เคยเกิดขึ้นเหลือไว้แต่เพียงความทรงจำและกลายเป็นนิทานจนกลายเป็นตำนานเล่าขานสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคน
เจ้าผู้ครองแคว้น ผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่ในสมัยที่จีนแผ่นดินใหญ่ยังไม่รวมแผ่นดินเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เชื่อกันว่าเจ้าผู้ครองแคว้นในสมัยโบราณมีมากมายจากจำนวนแคว้นที่ตั้งตนขึ้นปกครองตนเอง หากแต่ไม่มีหลักฐานสนับสนุนเพียงพอเกี่ยวกับข้อมูลเหล่านั้นว่าตำนานและเรื่องเล่ามีข้อเท็จจริงมากน้อยประการใด และนักวิชาการตลอดจนถึงนักโบราณคดีของจีนอีกมากมายก็มีความคิดเห็นแตกต่างกันออกไปอีก ซึ่งแคว้นมากมายเหล่านั้นกระจายไปทั่วผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่ของประเทศจีนในสมัยโบราณ ย้อนกลับไปตั้งแต่ในยุคของสามราชาห้าจักรพรรดิ เป็นยุคสมัยที่เต็มไปด้วยตำนานและความลี้ลับ และเป็นยุคแรกเริ่มของอารยธรรมจีนโบราณเมื่อห้าพันปีก่อน คริสต์ศักราช 2019 เซี่ยงไฮ้ ท่าอากาศยานนานาชาติซ่างไห่ผู่ตงร่างระหงของหญิงสาววัยแรกรุ่นในวัย 19 ปี ในชุดลำลองสบายๆ เสื้อเชิ้ตแขนยาวเข้ารูปสีขาวความยาวเพียงแค่ข้อศอกสวมทับกางเกงยีนสีเข้มรับกับรองเท้าบูทมีความยาวไปจนถึงหัวเข่า ผมสั้นสีดำขลับยาวเพียงแค่ต้นคอถูกออกแบบมาอย่างทันสมัยรับกับใบหน้าสวยเฉี่ยวและดวงตากลมโตที่ถูกกรีดด้วยไอไลเนอร์สีดำสนิท จนทำให้ยิ่งเพ่งพิศคมบาดลึกราวกับนางมารร้ายเดินออกมาจากนิยายไม่มีผิด
หยางเฟยอี้หรือถิงถิง นักร้องสาวชื่อดังจากเกาะฮ่องกงซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง เธอกำลังได้รับความนิยมและเนื้อหอมไปทั่วทั้งวงการเพลงด้วยเสียงร้องอันทรงพลัง และสามารถร้องเพลงได้หลากหลายสไตล์ เธอถูกจัดให้เป็นนักร้องสาวสุดเซ็กซี่ของวงการเพลงฮ่องกงเป็นขวัญใจของบรรดาหนุ่มๆ ที่หลงใหลในเสียงเพลงของเธอและใบหน้าสวยเฉี่ยว ถ้าเทียบเป็นมีดคมกรีดลึกเขย่าหัวใจบุรุษเพศทั่วทั้งเกาะฮ่องกงจนไปถึงจีนแผ่นดินใหญ่หยางเฟยอี้เดินทางมาที่จีนแผ่นดินใหญ่ เพื่อมาร่วมงาน Flying Apsaras Awards รางวัลเฟยเทียนนี้เป็นงานประกาศผลรางวัลใหญ่สุดในจีน จัดโดยรัฐบาลจีนซึ่งเน้นฝีมือและเน้นคุณภาพ ซึ่งในงานดังกล่าวเพลงประกอบในซีรีส์ เป็นเสียงร้องของเธอทั้งสิ้น และเพียงแค่ห้าตอนแรกที่ละครออกอากาศ เพลงประกอบซีรีสที่หญิงสาวร้องนำดังเป็นพลุแตกได้รับความนิยมอย่างท่วมท้นจนแฟนเพลงจากจีนแผนดินใหญ่ สามารถร้องตามกันอย่างแพร่หลาย และมีชื่อเข้าชิงรางวัลเพลงประกอบละครยอดเยี่ยมแห่งปี
ด้วยเหตุนี้หญิงสาวซึ่งเป็นชาวฮ่องกงโดยกำเนิดจึงเดินทางมาที่จีนแผ่นดินใหญ่ และนับเป็นครั้งแรกที่เธอมาเยือนผืนแผ่นดินแห่งนี้นับตั้งแต่จำความได้ “คุณถิงถิง!!!!” เสียงร้องตะโกนพร้อมยกมือโบกไปมาดังออกมาจากจุดรอรับผู้โดยสารขาออก ดวงตาคมเฉี่ยวภายใต้แว่นกันแดดจากแบรนด์ดังหันกลับมามองตามเสียงเรียกดังกล่าว ก่อนจะเข็นกระเป๋าเดินทางของเธอตรงเข้าไปหา “คุณถิงถิงเดินทางมาคนเดียวเหรอครับ” เสียงของอีกฝ่ายถามกลับไปด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นนักร้องดังเดินทางมาเพียงลำพังเท่านั้น อือหึ! หญิงสาวส่งเสียงตอบรับอยู่ในลำคอ “มีอะไรเหรอคะ ฉันเดินทางมาคนเดียวมันน่าแปลกนักเหรอ” ถิงถิงถามกลับไปพลางมองหนึ่งในทีมงานโปรดิวเซอร์ที่เคยร่วมงานกัน “ผมแค่แปลกใจที่เห็นคุณถิงถิงเดินทางคนเดียว เพราะตอนโทรคุยงานกับคุณหลี่ยู่ ผู้จัดการส่วนตัวของคุณเห็นบอกว่าจะเดินทางมาด้วย ทางเราจึงจัดเตรียมที่พักเผื่อเอาไว้ให้ครับ” “อ่อ...พอดีคุณหลี่ยู่ติดธุระด่วนค่ะจะเดินทางตามมาในวันมะรืน ถิงถิงก็เลยล่วงหน้ามาก่อน อีกอย่างคิวงานที่รับเอาไว้ล่วงหน้าจะเริ่มวันในอีกสองวันข้างหน้า-ไม่ใช่เหรอคะ งานรางวัลเฟยเทียนกว่าจะเริ่มก็ตั้งอาทิตย์หน้า ทำให้มีเวลาเป็นอิสระตั้งสองวันถิงถิงก็เลยรีบบินมาก่อนจะได้มีเวลาพักผ่อน” หญิงสาวตอบกลับไปพลางถอนหายใจ ตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา ที่หยางเฟยอี้มีขื่อเสียงโด่งดังจากพลังเสียงของเธอไปทั่วเกาะฮ่องกงและดังมากขึ้นๆ เรื่อยๆ จนไปถึงจีนแผ่นดินใหญ่ ชื่อเสียงที่โด่งดังเป็นพลุแตกทำให้เธอรู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับการทำงานเพราะไม่มีเวลาพักผ่อน และไม่มีเวลาส่วนตัวที่จะไปเที่ยวหรือพักผ่อนที่ไหน “คุณถิงถิงคงจะเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานมาก ท่าทางอิดโรยเห็นได้ชัดเลย เดี๋ยวผมพาเข้าที่พักซึ่งจัดเตรียมเอาไว้ให้คุณจะได้มีเวลาส่วนตัวไปทำอะไรก็ได้” ทีมงานคนดังกล่าวพูดพร้อมคว้ากระเป๋าเดินทางจากมือนักร้องดัง “ทางนี้ครับคุณถิงถิง ผมเคลียร์ทางไว้ให้หมดแล้วครับ” พูดพลางชี้ตรงไปทางเดินที่ทอดยาว ในขณะที่หยางเฟยอี้ทำหน้าแปลกใจเมื่อมองตามมือของทีมงาน “ทำไมตรงเคลียร์ทางไว้ด้วยคะ มีอะไรหรือเปล่า” หญิงสาวถามกลับไป ทีมงานคนดังกล่าวหัวเราะออกมาเบาๆ เพราะหลงลืมขั้นตอนไม่ได้อธิบายให้นักร้องดังล่วงรู้ “ผมขอโทษที่บอกรายละเอียดไม่ชัดเจน คุณถิงถิงคงไม่รู้ว่ามีชื่อเสียงโด่งดังมากแค่ไหนในแผ่นดินจีน ด้านนอกมีแต่แฟนเพลงของคุณมายืนรอรับจนแน่นไปหมดเลย พวกเขาชื่นชมคุณมากเลยนะครับแต่เพื่อความปลอดภัย ทางการจีนมีมาตราการคุ้มครองศิลปินอย่างเข้มงวดไม่ให้ได้รับอันตราย พวกเราทำงานภายใต้มาตรฐานที่ได้การรองรับเอาไว้หมดแล้วครับ เพราะฉะนั้นก็เลยต้องให้คุณถิงถิงมาที่ประตูทางออกที่จัดเตรียมเอาไว้ บรรดาแฟนเพลงยืนรอคุณอยู่นานแล้ว” ใบหน้าสวยพยักขึ้นลงอย่างช้าๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้น “ไม่คิดว่าจะมีแฟนเพลงที่ชื่นชอบผลงานของถิงถิงมากขนาดนี้ แล้วจะรออะไรอยู่ไปกันเลยคะ” หญิงสาวพูดพลางก้าวเดินไปพร้อมกับทีมงานคนดังกล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มอันสดใส บริเวณประตูทางออก กรี๊ดดดด!!!เสียงกรีดร้องของบรรดาแฟนเพลงที่ล่วงรู้ข่าวการเดินทางมาเยือนที่ประเทศจีนของหยางเฟยอี้ดังไปทั่วบริเวณลานด้านหน้าประตูทางออกทันทีที่เธอปรากฏตัว “ถิงถิง! ถิงถิง!” “ขอถ่ายรูปหน่อยคะ หันหน้ามาหาพวกเราด้วย” “ดอกไม้คะคุณถิงถิง! รับของขวัญจากพวกเราด้วย” “ขอหนูถ่ายรูปพี่สาวหน่อยคะ” “ถิงถิงสวยจังเลย” เสียงชื่นชมสลับเสียงร้องเรียกชื่อของนักร้องสาวดังก้องไม่มีทีท่าวาจะหยุด ภายใต้มาตรการความปลอดภัยของทีมงาน บรรดาบอดี้การ์ดยืนรายล้อมอยู่ด้านหน้า และบางส่วนเดินตามหลังและเดินเคียงคู่มาพร้อมกับนักร้องดังเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้กับหยางเฟยอี้ หญิงสาวยืนโบกมือไปมาให้กับบรรดาแฟนเพลง พร้อมยื่นมือรับของขวัญรวมไปถึงช่อดอกไม้ที่มีมากมายจนสองแขนหอบเอาไว้ไม่หมด ต้องส่งมอบให้กับบอดี้การ์ดช่วยรับช่วงต่อก่อนจะหันกลับไปเซ็นชื่อบนภาพถ่ายของเธอที่แฟนเพลงเรียกร้องและขอถ่ายรูปกับหญิงสาว จนแสงแฟลชวูบวาบไปทั่วทั้งลาน “ของกำนัลจากจวนสกุลอินได้โปรดรับเอาไว้ด้วย!” เสียงนั้นดังแทรกขึ้นมาท่ามกลางแฟนเพลงที่เบียดเสียดเยียดยัด มือใหญ่ของผู้ชายสวมชุดฮั่นฝูโบราณสีขาว ยื่นของขวัญส่งมาให้กับนักร้องดังให้เธอรับเอาไว้มีขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กซึ่งจีนแผ่นดินใหญ่ในปัจจุบันนิยมสวมใส่ชุดฮั่นฝูโบราณเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมของชาติในอดีต และในกลุ่มแฟนเพลงของหยางเฟยอี้ก็มีจำนวนไม่น้อยที่สวมชุดฮั่นฝูมารอรับเธอตามตัวละครเอกในซีรีสเรื่องที่หญิงสาวร้องเพลงประกอบ ของขวัญดังกล่าวอยู่ในกล่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสทรงยาวคล้ายกล่องใส่เทียนหรือใส่ของที่มีขนาดความยาวไม่ใหญ่และไม่เล็กมากนักและหยางเฟยอี้ก็รับเอาไว้แนบอกของเธอ “ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ” หญิงสาวกล่าวขอบคุณผู้ชายสวมอาภรณ์ขาวในชัดฮั่นฝูโบราณนั้นพลางเงยหน้ามองคนที่มอบของขวัญให้กับเธอ พรึบ!!!ร่างของผู้ชายคนดังกล่าวเลือนหายไปต่อหน้าต่อตาของนักร้องดัง ท่ามกลางแฟนเพลงที่กำลังยื้อแย่งเพื่อให้ได้เข้าใกล้ตัวเธอ ในขณะที่หยางเฟยอี้ตกอยู่ในอาการตื่นตกใจเมื่อเห็นแฟนเพลงในชุดโบราณเลือนหายลับไปกับตา “หะ...หาย...หาย!!!!” หยางเฟยอี้กล่าวเพียงแค่นั้น ร่างเล็กๆ ของนักร้องสาวทรุดฮวบลงกับพื้นอย่างรวดเร็วหมดสติไปโดยไม่รู้ตัว ท่ามกลางแฟนเพลงที่เห็นเหตุการณ์กันอย่างถ้วนหน้า “ว้าย! ถิงถิงเป็นลมไปแล้ว” “ถิงถิงเป็นลม” “รีบออกมาเร็วเข้า! ถิงถิงเป็นลมล้มลงไปแล้ว” แฟนเพลงต่างร้องตะโกนออกมาด้วยความตื่นตกใจจนเซ็งแซ่ไปหมด ในขณะที่บอดี้การ์ดต่างพากันกรูเข้าหาร่างของนักร้องดังเพื่อช่วยเธอออกไปจากบริเวณดังกล่าวอย่างรวดเร็ว “เรียกรถพยาบาลเร็วเข้า!” เสียงบอดี้การ์ดที่คอยดูแลนักร้องสาวตะโกนบอกทีมงาน “รีบกันแฟนเพลงออกไปให้หมด!” บอดี้การ์ดตะโกนก้องพร้อมตรงเข้าอุ้มร่างของนักร้องดัง รีบวิ่งออกจากจากบริเวณนั้นไปอย่างรวดเร็ว เป็นจังหวะเดียวกับที่รถพยาบาลแล่นมาถึงพอดี “คุณเฟยอี้เป็นลมหมดสติรีบตรวจอาการเร็ว!” บอดี้การ์ดร่างใหญ่บอกอาการให้หน่วยแพทย์ฉุกเฉินได้ล่วงรู้ ในขณะที่บอดี้การ์ดคนอื่นๆ รีบตรงเข้ามายืนขวางทางพร้อมใช้ราวเหล็กกั้นเป็นทางยาวไม่ให้แฟนเพลงวิ่งเข้ามาภายในบริเวณรถพยาบาล ก่อนจะเห็นรถสีขาวเปิดไซเรนเสียงดังสนั่นแล่นออกจากลานประตูทางออกผู้โดยสารไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตาของเหล่าแฟนเพลงมากมายต่างยืนชะเง้อพากันมองตามด้วยความเป็นห่วงของนักร้องสาว พร้อมเสียงเรียกดังตามไล่หลัง “มาหาข้า! ข้ารอเจ้าอยู่นานแล้ว!!!” เสียงปริศนาล่องลอยติดตามรถพยาบาลคันดังกล่าวฉาด!!!! พระหัตถ์ตบลงบนหน้าขาของพระองค์จนได้ยินเสียงดังอย่างชัดเจน ติดตามด้วยเสียงหัวเราะดักกึกก้องออกมาทันทีไม่รู้ว่าเห็นด้วยกับวิธีการของขันทีคนสนิทหรือเห็นต่างกันแน่“ดี! เจ้าทำได้ดีมากเสี่ยวฉิงจื่อ! ความคิดของเจ้ายอดเยี่ยมช่างตรงกับความต้องการที่อยู่ในภายในใจของข้า! ข้าต้องการให้เสด็จอาตายไปเสียที! ยิ่งเร็วได้เท่าไรยิ่งดีจะได้ไม่ต้องอยู่ขวางทางอำนาจของข้าอีกต่อไป”รับสั่งของฮ่องเต้น้อยทำให้ไส้ศึกจากสองแคว้นผ่อนลมหายใจของตนออกมาทันที รอยแสยะยิ้มเหยียดปรากฏขึ้นบนใบหน้า ในที่สุดฮ่องเต้โง่ผู้นี้ก็มีความเห็นคล้อยตามที่คิดจะกำจัดอุปราชอินอวิ๋นหยางเกิดขึ้นภายในจิตใจ ไม่เสียแรงที่เฝ้ายุแยงมานานหลายปีไม่ทำให้ลงแรงไปโดยเปล่าประโยชน์“แต่ว่าแล้วจะเอามือสังหารจากที่ไหนทำงานนี้ได้ ในเมื่อเสด็จอามีวรยุทธสูงมากขนาดนั้น ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าใกล้ได้เลยส่งไปก็ถูกฆ่าดั่งใบไม้ร่วงหล่นโดยเปล่าประโยชน์ และเสด็จอาต้องล่วงรู้ว่าข้าเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังเป็นแน่ แบบนี้ข้าก็แย่สิดีไม่ดีจะกลายเป็นคนถูกฆ่าเสียเอง เกิดเสด็จอาฉวยโอกาสนี้หาข้ออ้างปลิดชีวิตข้าแล้วชิงบัลลังก์ขอ
“เจ้าให้ข้าพูดแบบนั้นหมายความว่าอย่างไงกันแน่! ข้าไม่เคยต้องการให้คนผู้นั้นแผ่ลูกหลานสายสกุลอินออกมาแม้แต่น้อยตรงกันข้ามจะฆ่าไม่ให้เหลือเสียด้วยซ้ำ! ลูกหลานสายสกุลอินจะต้องมาจากข้าเท่านั้นจึงจะถูกต้อง!” รับสั่งอย่างไม่พอพระทัย“โธ่! ฝ่าบาทไปกันใหญ่แล้ว! อย่าเพิ่งเข้าพระทัยผิดพ่ะย่ะค่ะ ทรงทำความเข้าใจเสียใหม่ว่านี้คือแผนหลอกล่อจึงต้องยกข้ออ้างเช่นนั้นออกมา หาไม่แล้วแผนต่อไปจะสำเร็จได้อย่างไร จะทำให้อุปราชไว้วางพระทัยว่าไม่มีอะไรแอบแฝงก็ต้องยกยอไปก่อนแล้วค่อยจัดการภายหลัง” เสี่ยวฉิงจื่ออธิบายกลับไปพร้อมถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย“คนผู้นี้ช่างโง่เขลาเสียจริง! ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดข้าจึงทนได้มานานหลายปีเช่นนี้นะไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ” เสี่ยวฉิงจื่อรำพึงอยู่ภายในใจในขณะที่ฮ่องเต้หยวนเป่ยได้ยินคำอธิบายกลับมาเช่นนั้น พระองค์พยักพระพักตร์ขึ้นลงด้วยไม่เห็นต่างจากเสี่ยวฉิงจื่อ“จริงด้วย! จะสังหารเสด็จอาก็ต้องทำให้ไว้วางใจเสียก่อน หาไม่แล้วจะเสียแผนการทั้งหมด ดี! ใช้แผนนี้ดีที่สุดว่าแต่จะทำให้สตรีจากต้าซางและต้าเหลียงเป็นคนของเ
ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าตัวตนดั้งเดิมที่แท้จริงของขันทีผู้นี้หาใช่ชาวหยวนเป่ยโดยกำเนิด ในความเป็นจริงแล้วคือสายลับที่ถูกฮ่องเต้ต้าเหลียงและฮ่องเต้ต้าซางซึ่งจับมือผนึกกำลังหวังโค่นล้มหยวนเป่ย ถูกส่งตัวเข้ามาแทรกซึมคอยหาข่าวภายในราชสำนักหยวนเป่ย เป้าหมายเพื่อหาโอกาสลอบสังหารอุปราชอวิ๋นหยาง และถ้าหากลงมือกับอุปราชผู้นั้นสำเร็จมีหรือชีวิตของอินอวิ๋นฉวี่จะอยู่รอดต่อไปได้นาน ฮ่องเต้หนุ่มจะต้องถูกสังหารตายตามไปด้วยเช่นเดียวกัน ทันทีที่ชีวิตของอินอวิ๋นหยางหลุดลอยออกจากร่างแต่ที่ไม่ลงมือปลงพระชนม์อินอวิ๋นฉวี่ด้วยเพราะ หากอวิ๋นฉวี่สวรรคตลงวันใดแน่นอนว่า แผ่นดินหยวนเป่ยจะต้องตกเป็นของอุปราชผู้กล้าอินอวิ๋นหยางโดยทันที และนั่นจะยิ่งยากกว่าอะไรทั้งหมดหากจะคิดเป็นอิสระและก้าวขึ้นมาครอบครองหยวนเป่ย แทนที่นั้นต้องสืบล่วงรู้จุดอ่อนของอุปราชลือชื่อผู้นี้ให้จงได้รวมไปถึงที่พำนักอันแท้จริงของพระองค์ด้วยไม่เคยมีผู้ใดล่วงรู้เลยว่าแท้จริงแล้วอุปราชผู้นี้ประทับอยู่แห่งหนใดและบริหารแผ่นดินโดยใช้อินทรีทองสื่อสารอันเป็นสัญลักษณ์ของพระองค์ ซึ่งต้าเหลียงและต้าซางรวมไปถึงหยวนเป่ยนั้นต่างรบพุ่งกันมานานเพื
ยุคอดีตแคว้นหยวนเป่ยณ.พระราชวังหลวงภายในแคว้นหยวนเป่ยในเวลานี้อยู่ในสมัยการปกครองของสายสกุลอิน ซึ่งขึ้นมามีอำนาจเป็นใหญ่ในแผ่นดินฮ่องเต้แต่ละพระองค์มีทั้งเข้มแข็งและอ่อนแอสลับกันไป และได้นั่งบัลลังก์สืบทอดมานานกว่า 111 ปี จนถึงสมัยอินอวิ๋นฉวี่ขึ้นปกครองแคว้นในขณะที่มีพระชนม์มายุเพียงแค่ 10 พระชันษาเท่านั้นสืบเนื่องจากอดีตฮ่องเต้ซึ่งเป็นพระราชบิดาเสด็จสวรรคตลงอย่างกะทันหัน ในขณะที่มีพระชนมายุเพียง 27 พระชันษาและขึ้นปกครองแคว้นได้เพียงห้าปีเท่านั้น ด้วยสาเหตุเลือดในพระวรกายเกิดเป็นพิษซึ่งหากเทียบในยุคปัจจุบันคือติดเชื้อในกระแสเลือดนั่นเอง จึงเป็นเหตุให้องค์ชายอินอวิ๋นฉวี่ ที่ประสูติจากหยางฮองเฮาขึ้นเป็นฮ่องเต้ครองแคว้นด้วยเพราะเป็นพระโอรสเพียงหนึ่งเดียว ส่วนอีกแปดพระองค์นอกนั้นเป็นพระราชธิดาทั้งสิ้นในขณะที่หยางฮองเฮาพระราชมารดา ก็สิ้นพระชนม์ตามพระสวามีไปด้วยเพราะทรงตรอมพระทัย เพียงแค่สามเดือนที่ฮ่องเต้อวิ๋นโฉสวรรคตพระนางก็จากไป จึงทำให้ฮ่องเต้น้อยผู้ครองแคว้นหยวนเป่ย ซึ่งยังเยาว์วัยยิ่งนักต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว พระองค์เหลือเพียงฮองไทเฮาเสด็จย่า แล
ทันใดนั้นเอง“ข้ารอเจ้ามานานแสนนานแล้ว! มาหาข้า! ข้ารอเจ้าอยู่ที่จวนเดียวดาย! รอเจ้าที่จวนเดียวดาย” เสียงดังกล่าวกึกก้องออกมาจากภาพวาดที่อยู่ในมือของนักร้องสาวคนดังและเธอก็ได้ยินเสียงนั้นอย่างชัดเจน“ไม่จริง! มันจะต้องไม่เป็นความจริง! ฉันต้องหูฝาดแน่ๆ ต้องไม่ใช่! ไม่ใช่!!!”ในขณะที่เสียงจากภาพวาดยังคงดังกึกก้องออกมาอย่างไม่ขาดสาย“มาหาข้า! ข้ารอเจ้าที่จวนเดียวดาย!” เสียงเรียกนั้นเริ่มดังขึ้นพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับหยางเฟยอี้ตุบ! ภาพวาดที่กำลังถืออยู่มือร่วงหล่นลงพื้นอย่างรวดเร็ว เมื่อนักร้องสาวมีอาการหายใจไม่ออกขึ้นมาอย่างกะทันหัน หยางเฟยอี้พยายามที่จะหายใจทางปากแต่กลับทำให้เจ็บแปลบเข้าที่หัวใจจนไม่สามารถทำให้เธอหายใจได้เป็นปกติอะ...โอ๊ยยยยย!!! มือเรียวสวยยกขึ้นจับศีรษะของเธอทันทีเมื่อเสียงร้องเรียกดังกล่าวทำให้นักร้องดังมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรงพร้อมเริ่มมีอาการหายใจไม่ออกอย่างเฉียบพลัน“ชะ...ช่วย...ช่วยด้วย...หะ...หายใจ...ไม่ออก!!!” สิ้นเสียงตะกุกตะกักที่เธอพยายามสื่อสารให้กับเจ้าหน้าที่ต
วันรุ่งขึ้นรถยนต์คันหรูของโรงแรมชื่อดังที่สองพี่น้องเลือกเข้าพักในเมืองลั่วหยาง วิ่งตรงเข้ามาจอดบริเวณด้านหน้าประตูซึ่งในอดีตผู้คนในสมัยโบราณจะเรียกที่พักอาศัยของเหล่าเชื้อพระวงศ์สูงศักดิ์ ขุนนางและคหบดีผู้มั่งคั่งว่าจวนครั้นเมื่อกาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไปจากการเรียกขานเช่นนั้น แปรเปลี่ยนเป็นคฤหาสน์เข้ามาแทนที่ในยุคสมัยปัจจุบันและมีการสร้างบ้านเลียนแบบในยุคโบราณพบเห็นมากมายในปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่จะมีฐานะทางสังคมที่ดีไม่ต่างอะไรไปจากยุคอดีตแม้แต่น้อย“โอโห่! นี่นะเหรอจวนโบราณทำไมมันถึงได้ใหญ่โตอลังการขนาดนี้ บรรยากาศก็ดูขลังเป็นบ้าเลย” นักร้องสาวพูดพึมพำอยู่คนเดียวสายตามองประตูทางเข้าจวนขนาดมหึมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด“มองผ่านแว่นกันแดดแบบนั้นจะเห็นอะไรชัดไหมนะ” หลี่ยู่บอกน้องสาวของเธอทั้งๆ ที่ยังวุ่นวายหาของในกระเป๋าของน้องสาวอยู่ในขณะนี้หยางเฟยอี้กระดกแว่นกันแดดให้ขยับลงต่ำพลางมองพี่สาวของเธอกำลังรื้อค้นกระเป๋าของเธอช่างดูวุ่นวายเสียจริง“พี่ใหญ่หาอะไรนะ! อะไรหายเหรอ” หญิงสาวถามกลับ
Komen