“พี่ พี่ซูจ๋ายพี่อย่าทำแบบนี้ ไม่ว่าอย่างไรฉันก็ไม่มีทางที่จะแต่งกับพี่เขย” ซุจิงรีบแย้งทันที“เหลือบตามองเฉิงซีหยวนที่ก้มหน้ามองมือตัวเอง“น้องสาวของพี่ …ได้โปรด…พี่ขอร้องคำขอครั้งสุดท้ายของพี่ไม่มีความหมายเลยหรือเธอเป็นน้องสาวคนเดียวของพี่ที่พี่ไว้ใจและห่วงที่สุดหากพี่ไม่อยู่แล้วคนที่จะมาดูแลซีหยวนและลูกของพี่ก็มีแค่เธอนะที่พี่วางใจ”ในใจของซีหยวนเล่ามีเรื่องหนักหนาอะไรที่เกินกว่านี้คงไม่มีแล้วทั้งเสียใจที่ซูจ๋ายจะจากไปแล้วยังถูกกดดัน จนแทบไม่มีอากาศหายใจ เขาไม่กล้าแม้จะเอ่ยคำปฏิเสธ อึดอัดและถูกกดดันอย่างหนักจากทั้งซูจ๋ายและซูจิง หากจะบอกว่าไม่อยากแต่งไม่แต่งซูจ๋ายก็จะต้องเสียใจและไม่พอใจที่คำขอครั้งสุดท้ายของเธอที่ขอเขาเขายังให้ไม่ได้เหมือนที่พูดกับซูจิงให้ยอมรับข้อเสนอที่เป็นคำขอครั้งสุดท้ายที่ฝืนใจที่สุด“ถึงแล้ว” หมอถงรีบวิ่งมาเปิดประตู คุณพยาบาลถงวิ่งไปรับรถเข็นมาให้กับเหรินเหมย เสี่ยวจี้กับเสี่ยวหยูช่วยกันพยุงเหรินเหมยนั่งในรถเข็น“ตึกที่สองจากด้านหน้า” หมอถงบอกทาง ขบวนของเหรินเหมยเข้าไปในโรงพยาบาลและในห้องพิเศษสำหรับคุณแม่มือใหม่ทั้งหลาย“อ้าวคุณหมอถงลี่อืมมมวันนี้มาถึงนี่เลยห
“ลูกของเรา” ซูจ๋ายจ้องจอมอนิเตอร์พูดพร้อมกับเสียงหอบเหนื่อยแต่ใบหน้าแย้มยิ้ม เฉิงซีหยวนยิ้มเศร้าๆ“คุณจะต้องได้เห็นพวกเขาเติบโต ผมจะพาคุณไปรักษาตัวที่ต่างประเทศดีไหม”“คุณก็รู้ว่าไม่มีทางฉันหวังแค่พวกเขามีชีวิตที่ดีและอยู่กับคุณทำให้คุณไม่เหงาส่วนฉันคงหมดเวลาแล้วจริง” เสียงหอบเหนื่อยน่ากลัวนั้นเป็นสัญญาเตือนให้รู้ว่าเวลาของซูจ๋ายน้อยลงไปแล้ว“ท้องเขาโตไหม” เฉิงซีหยวนยิ้ม“เข้าเดือนที่สี่แล้วท้องของเขาเริ่มป่องนูนบางทีผมคิดว่าเขาจะต้องอึดอัด วันนี้เขาปฏิเสธที่จะพบคุณเขาบอกว่าเขามีหน้าที่แค่อุ้มท้องลูกของเรา เขาก็เลยไม่อยากให้คุณเห็นว่าเขาเป็นใครเพราะเราหมายถึงผมไม่มีสัญญาผูกมัดอะไรกับเขาพอคลอดก็ไม่ให้เขาได้เห็นหน้าลูกด้วยซ้ำไปเด็กแฝดทั้งสองจะถูกส่งมาให้เราทันทีแม่อุ้มท้องก็แค่พักฟื้นรับเงินแล้วจากไปเป็นอันสิ้นสุดสัญญา อีกอย่างคุณหมอฟานบอกว่าร่างกายของคุณอ่อนแอไม่อยากให้มีคนเข้ามารบกวนคุณเกินพอดีหลังจากนี้ผมเองก็ต้องไปแล้วให้คุณได้พักผ่อน” ซูจ๋ายยิ้มเศร้าๆ“สัญญาของคุณเหมือนคนใจดำเขาอุ้มท้องลูกของเรามาตั้ง9เดือนทำไมไม่ให้เขาได้มองหน้าลูกของเราบ้างอย่างน้อยเขาก็ถือว่ามีบุญคุณ”“คุณหมอถงแ
“ไม่ได้เรื่องนี้เรื่องใหญมากและผมก็ไม่อยากจะโกหกเหรินเหมยเขาไว้ใจผมมากคุณปิงปิงตายไปผมเองก็เสียใจไม่ต่างจากเหรินเหมย ผมทำผิดกับเขาไปแล้วครั้งหนึ่งไม่อยากผิดกับเขามากไปกว่านี้”พยาบาลกู้ส่ายหน้าไปมา“ถ้าอย่างนั้นก็คงต้องบอกคุณจี และต้องรอรับผลกระทบที่จะตามมาอีกทีการทุ่มเทของเราครั้งนี้ จะสญเปล่าหรือไม่ก็ต้องแล้วแต่โชคชะตา”หมอถงถอนหายใจยาว“ม่ายยยยยยยกรี๊ดดดดดดฮืออออออออคุณแม่ฮืออออออออไม่นะไม่ฮืออออออหมอถงคุณฟังผิดหรือเปล่าไม่จริงใช่ไหมคุณแม่ฉันไม่เป็นอะไรใช่ไหมฮืออทำไมไม่รอฉันทำไมไม่ดูแลตัวตัวเองให้ดีเรากำลังจะมีเงิน เหลืออีกไม่กี่เดือนเราจะได้พบกันแล้ว เราจะได้ไปเที่ยวที่ที่คุณแม่อยากไปแล้วฮือๆๆๆ”หมอถงโอบกอดอย่างปลอบประโลม“ เหรินเหมยใจเย็น ทุกอย่างมันถูกำหนดไว้แล้วเราก็แค่นักแสดงที่เล่นไปตามบท บางทีอาจจะดีด้วยซ้ำที่คุณปิงปิงไม่ต้องทนรทรมานอีกต่อไป”“หมอโกหกไหนบอกว่าหมออเล็กซ์เป็นหมอที่เก่งที่สุดในด้านนี้ทำไมทำไมคุณแม่ยังต้องตายอีกฮือออ”“อย่าร้อง เด็กแฝดในท้องสองคนกำลังเศร้ากับเธอนะบางทีเขากำลังร้องไห้ไปพร้อมกับเธอ”“ฮึกๆๆๆๆม่ายยยยฮืออออม่ายๆๆๆๆๆๆๆ”เฉิงซีหยวนก้าวเท้าเข้ามาในห้องตกใ
“ผมจะไปเตรียมความพร้อมสำหรับทุกอย่างเพื่อคุณ คุณเองก็ควรจะเตรียมความพร้อมสำหรับตัวคุณเช่นกัน แต่ขอร้องว่าได้โปรดดูแลตัวเองให้ดีอย่าเศร้าโศกให้มากเพื่อลูกของผมในท้องของคุณ และตัวคุณเอง” เหรินเหมยยิ้มเศร้าๆชีวิตนี้ไม่เหลืออะไรแล้วในเมื่อแม่ไม่อยู่แล้วเหรินเหมยจะทำทั้งหมดไปเพื่ออะไร“ผมจะดูแลเหรินเหมยด้วยตัวเองครับคุณเฉิงไปพักเถอะครับคุณเองก็มีปัญหาหนักหนาสาหัสไม่แพ้กัน” หมอถงที่เดินมาหยุดยืนจ้องหน้าเหรินเหมยที่ปาดน้ำตา“ทุกคนล้วนมีเรื่องให้ทุกข์ตรงวันหนึ่งหวังว่าเราจะมองย้อนมาแล้วแค่เพียงจดจำมันไว้เท่านั้น ไม่มีคุณปิงปิงแล้วเธอก็ยังมีฉัน…….” หยุดคำพูดไว้แค่นั้น ในเมื่อหมอถงกลับรู้สึกว่าทำไมเขาไม่ชอบใจนักที่เหรินเหมยเข้าใกล้เฉิงซีหยวนมากเกินไป อยากจะบอกว่าอกเขาก็มีให้ซบหน้าร้องไห้ไม่จำเป็นต้องไปซบอกของเฉิงซีหยวนแต่จะบอกในฐานะอะไรเล่าในเมื่อ เขากับพยาบาลกู้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันที่มีให้เหรินเหมยจึงแค่ความหวังดี หรืออาจเพราะเขาสงสารเหรินเหมยที่สูญเสียคุณแม่เขาจึงรู้สึก เห็นใจหรือเขาอาจกำลังคิดว่าเหรินเหมยไม่เหลือใครแล้ว เขาจึงคิดว่ามีเพียงเขาคนเดียวที่ใกล้ชิดสนิทสนมเขาหาคำตอบไม่ได้
“ผมจะคุยกับคุณซูจ๋ายเรื่องนี้” คุณหมอผู้ช่วยหน้าถอดสี“ดะดะได้หรือครับคุณซูจ๋ายกำลังอยู่ใน….เออภาวะที่อยากลำบาก” เลี่ยงที่จะใช้คำว่าวาระสุดท้าย“หมอทนเห็น คุณซูจ๋ายต้องกลายเป็นคนโง่ไม่รู้อะไรเลยจากไปแบบที่ไม่รู้อะไรเลย คุณซูจ๋ายเขาจะเจ็บปวดแค่ไหนกัน”“คุณหมอฟานครับคุณพูดเองไม่ใช่หรือว่า เรื่องส่วนตัวของคนไข้ไม่เกี่ยวกับเราที่เป็นหมอผมว่าทางที่ดีเรา เรานัดเคลียร์เรื่องนี้กับหมอถงให้เขาพูดเรื่องนี้ออกมาเองดีกว่าไหมครับ” หมอฟานส่ายหน้าไปมา“ผมจะคิดดูอีกทีว่าต้องทำอย่างไร” เฉิงซีหยวนเดินเข้ามาเคาะประตูด้านหน้า“ผมอยากจะเข้าไปพบซูจ๋าย” หมอฟานยิ้มบางๆ ยกมือขึ้ตบที่ไหล่ของคุณหมอผู้ช่วย“ไว้คุยกันอีกที” หมอผู้ช่วยโค้งคำนับหมอฟานลี่ชิงที่เดินนำเฉิงซีหยวนยังห้องCCUซูจ๋ายขยับตัวท่าทีตื่นเต้นดีใจที่เฉิงซีหยวนมาเฉิงซีหยวนยิ้มเศร้าซูจ๋ายส่งภาษามือถามถึงลูกหมอฟานก้มหน้าลงทันที“แม่ของแม่อุ้มท้องเขาเสีย หมายถึงตายไปตอนนี้เราผมหมายถึงคุณหมอถง ผม คุณพยาบาลและชาไช้เลยวุ่นๆ พยายาม…ปลอบใจกลัวว่าเขาจะเศร้าจนมีผลต่อลูกของเรา” ซูจ๋ายพยักหน้า“อีกไม่กี่เดือนพวกเขาก็จะออกมาแล้วผมอยากให้คุณได้พบพวกเขา ฉะนั
“ผมขอโทษ”หมอถงพูดขึ้นเบาๆไม่กล้าสบตาเฉิงซีหยวน“เปรี๊ยง” เฉิงซีหยวนส่งหมัดไปกระแทกที่ครึ่งปากครึ่งจมูกของหมอถง ชาไช้รีบมาดึงไว้“พี่ซีหยวนใจเย็นครับเกิดอะไรขึ้น ทำไมต้องลงไม้ลงมือกันด้วย” เฉิงซีหยวนสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของชาไช้เดินไปหยุดที่บานกระจกมองออกไปเห็นกระต่ายสีตัวกำลังกินแครอทอย่างเอร็ดอร่อย“ลูกในท้อง ของคนอุ้มท้องไม่ใช่ไข่ของซูจ๋ายที่ฝากไข่ไว้แต่เป็นไข่ของผู้หญิงคนนั้น เขา เขาหักหลังพี่หมอไร้จรรยาบรรณคนนี้หักหลังพี่” ชาไช้ถอนหายใจยาว“พี่ครับ ผมว่ารอให้ใจเย็นกว่านี้ค่อยพูดกันดีไหม เหรินเหมยเขาได้ยินว่าพี่กับคุณหมอทะเลาะกันเขาจะตกใจเอาได้ครับ”“ช่างเขาฉันไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ผู้หญิงคนนั้นไม่คู่ควรที่จะได้ตั้งท้องลูกของฉันด้วยซ้ำลูกในท้องของเขาก็เป็นลูกของเขาไม่ใช่ของซูจ๋ายพวกเขารวมหัวกันหลอกฉันหักหลังฉันเพราะต้องการเงินมหาศาลที่ฉันพร้อมจ่ายพวกเขาเป็นพวกที่หลอกลวง ซูจ๋ายจากฉันไปเพราะรู้ความจริงเรื่องนี้”ชาไช้หลับตาไล่ความรู้สึกสับสนในใจ แสนจะสงสารเฉิงซีหยวนที่ต้องมาสูญเสียภรรยาไปพร้อมกับรู้ความจริงเรื่องที่เจ็บปวดนี้ แต่ชาไช้ก็ยังไม่มั่นใจว่าเหรินเหมยจะรู้เรื่องนี้ด้วยหรือไม่
“พี่ซีหยวนครับใจเย็นๆ ครับ” ชาไช้เอาน้ำเย็นเข้าลูบ “ไปให้พ้น ไปให้หมด อย่ามาให้เห็นหน้า ไม่มีใครจริงใจไม่มีใครเชื่อได้ทั้งนั้นไปให้พ้น” ออกปากไล่ ทรุดตัวลงบนเก้าอี้ยกมือขึ้นกุมขมับ หากเหรินเหมยมองไม่ผิดน้ำตาของเฉิงซีหยวนกำลังไหล“ผมขอโทษ” หมอถงยังพูดว่าขอโทษซ้ำๆ“หยุดพูดได้แล้วไปให้พ้น” กำคอเสื้อของหมอถงไว้อีกครั้งเหรินเหมยรีบพุ่งเข้าไปขวางไว้“ปึกๆๆ” เฉิงซีหยวนชกมัดเข้าอย่างเร็วเข้าที่กำแพงห้องอย่างแรงสองสามทีเฉี่ยวใบหน้าของหมอถงที่หลับตาปี๋ เฉิงซีหยวนกัดฟันข่มความรู้สึกที่กำลังจะระเบิดออกมาผลักหมอถงอย่างแรงกระแทกเข้ากับร่างเล็กของเหรินเหมยที่มาอยู่ด้านหลังหมอถง เซถลาล้มลงกับพื้นอย่างที่ไม่ทันได้ตั้งตัวทั้งจุกและเจ็บ ชาไช้รีบมาประคองเหรินเหมย“พี่ซีหยวนได้โปรดเถอะครับ” เหรินเหมยยกมือคล้ำที่ท้องของตัวเอง รู้สึกปวดที่ท้องอย่างมาก กัดฟันข่มความเจ็บปวด“อย่าหวังว่าฉันจะอภัยไม่มีทาง” ก้าวขาออกจากบ้านบนเขา เดินตรงไปที่รถเสียงเครื่องยนต์รถดังกระหึ่มก่อนที่รถคันโตจะแล่นจากไปด้วยความเร็วสูง“ปะปะปวดท้องจังทำไมมันปวดอย่างนี้” หมอถงเงยหน้าชาไช้จ้องมองเหรินเหมยที่ทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้กุมท้องใบ
ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ พาฉันออกจากตรงนี้ที” ชาไช้ส่ายหน้าไปมา“ไม่นะ ถึงในท้องนั่นจะลูกของเธอแต่ก็เป็นลูกของพี่ซีหยวนเหมือนกันอย่างไรพี่ซีหยวนจะต้องรับผิดชอบเธอนี่ เธอจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหนก้ได้ฉันจะขอร้องพี่ซีหยวนให้เะออยู่ที่นี่จนกว่าเธอพร้อมที่จะจากไไปเราไม่มีใครกดดันเธอหรอกนะ เธออยู่ๆ ด้ตามที่ต้องการแต่อาจไม่สะดวกสบายเท่าที่ผ่านมาเพราะป้าจูเสี่ยวจี้และคนอื่นๆ อาจจะต้องกลับไปที่บ้านเฉิงตามคำสั่งของพี่ซีหยวน แต่ฉันได้ยินว่าพี่หยวนจะขายบ้านหลังนี้ ในอีกหกเดือนข้างหน้านั่น เธอก็คงคลอดลูกพอดีถึงเวลานั้นพี่ซีหยวนอาจเอ็นดูเด็กๆ ขึ้นมาก็ได้ เหรินเหมยอย่าเพิ่งตัดสินใจอะไรเด็ดขาดลงไปอย่างนั้น” เหรินเหมยยิ้มเศร้าๆ“อย่าสร้างปัญหาเพิ่มให้เขาเลยฉันไม่ใช่นางเอกฉันแค่อายที่ต้องคอยพึ่งพาเขาทั้งๆ ที่รวมหัวกันหลอกเขา แต่หมอถงคุณก็ควรร่วมกันรับผิดชอบฉันจะไม่ถือโทษคุณถ้าคุณจะพาฉันออกจากตรงนี้ เพราะอย่างไรเขาก็คงไม่รับรองบุตรให้อยู่แล้วฉันอาจหาใครสักคนมาจดทะเบียนรับรองบุตร ฉันจะเลี้ยงดูพวกเขาด้วยตัวเอง” หมอถงถอนหายใจยาว“เธอไม่เกี่ยวเรื่องนี้เธอเองก็เป็นผู้เสียหายนะเหรินเหมยฉันสารภาพไปหมดแล้วว่าเธอไม่รู้
เธอเม้มปากแน่น พลางยื่นซองเอกสารปึกหนึ่งให้ “ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่หน้าที่ฉันก็ไม่อาจปิดบังคุณ”หมอถงหยิบแฟ้มมาเปิดดู เงียบไปครู่ใหญ่กู้เหวินเอ่ยเสียงเบาแต่หนักแน่น “คุณหมอจูดี้...เธอขโมยน้ำเชื้อจากคลังโดยใช้ชื่อคนไข้เก่า และไปทำเด็กหลอดแก้วโดยไม่มีการอนุญาตใดๆ ... ที่สำคัญ เธอกำลังโกหกว่าเด็กในท้องเป็นผลจากการมีอะไรกับคุณเฉิงซีหยวน”หมอถงวางเอกสารลง ใบหน้าเคร่งขรึม “หลักฐานแน่ชัดขนาดนี้... นี่มันผิดทั้งจริยธรรมและกฎหมาย เขากำลังทำอะไรกันล้อเล่นอย่างนั้นหรือ”“คุณจูดี้กำลังจะลากผู้ชายที่ไม่เคยผิดอะไรให้ต้องรับผิดชอบกับการโกหกครั้งใหญ่ และยิ่งกว่านั้น… มันกำลังทำร้ายคนที่ไม่ควรถูกทำร้ายเลยสักนิด เหรินเหมยเป็นคนดี ถ่อมตัว ซื่อสัตย์ แถมยังรักลูกๆ และชีวิตที่กำลังอยู่ในตอนนี้ก็มีความสุขดี”หมอถงพยักหน้าเบา ๆ น้ำเสียงอ่อนลง “เข้าใจแล้วคุณห่วงเหรินเหมยสินะ”กู้เหวินสบตาสามี “ฉันรู้ว่าเหรินเหมยเข้มแข็ง แต่ก็ควรได้อยู่แบบสบายๆ เสียหทีหลังจากที่ต้องรนบกับคุณเฉิงมาตั้งนานและต้องเลี้ยงลูกคนเดียวมาตั้ง5ปี”หมอถงครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนกล่าวช้า ๆ “ฉันจะไปพูดกับคุณเฉิงซีหยวนด้วยตัวเอง และจะเอาหลักฐา
นอกหน้าต่างห้องพักแพทย์เงียบสงัด มีเพียงเสียงกระดาษบาง ๆ พลิกเบา ๆ และลมหายใจของผู้หญิงสองคนที่นั่งเผชิญหน้ากันในห้องเก็บเอกสารลับของโรงพยาบาล BBBกู้เหวินภรรยาของคุณหมอถงที่ทำงานกับคลินิกภาวะเจริญพันธุ์ของจูดี้ ถอนหายใจแผ่วเมื่อวางแฟ้มเอกสารลงตรงหน้า หมอฟานลี่ชิง"ฉันรู้ว่าฉันไม่ควรพูด... แต่นั่นมันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง" เสียงเธอสั่นเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะรู้ว่าเรื่องที่จะพูดต่อไปนั้น จะทำให้ใครบางคนเจ็บปวดอย่างไม่มีทางย้อนกลับหมอฟานเงยหน้าขึ้น สีหน้าเรียบแต่สายตาเริ่มจับจ้องจริงจัง “หมายความว่ายังไง กู้เหวิน” กู้เหวินเม้มปาก ก่อนพูดด้วยเสียงเคร่งเครียด“ตอนที่คุณจูดี้มาขอใช้คลินิกเพื่อทำ IVF… เธอใช้ชื่อคนไข้เก่าของโครงการอุ้มบุญ แต่รหัสตัวอ่อนที่เธอขอใช้นั้น... ไม่ได้เป็นของเธอค่ะแต่อ้างว่ามีคนไข้ที่คุณหมอฟานตั้งใจให้คุณจูดี้จัดการเพื่อให้เครดิต”เธอเลื่อนเอกสารผลแล็บและใบคำขอใช้สเปิร์มในอดีตให้หมอฟานดู “ดูตรงลายเซ็นต์ค่ะ มันเป็นการกรอกข้อมูลย้อนหลัง แล้วแอบขออนุญาตจากพนักงานใหม่ที่ไม่ตรวจสอบให้ดี ฉันเพิ่งมาค้นพบว่าคุณจูดี้นำเสปริ์มของ ลูกค้าสรายหนึ่งออกไป”
“เหรินเหมย” เป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยดี น้ำเสียงสม่ำเสมอของหมอถงเหรินเหมยเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ฝืนยิ้มให้เขา“คุณหมอมาเยี่ยมไข้ คนป่วยหรือไร” แกล้งถามยิ้มๆ ไม่ได้พบกันเสียนานทำไมเขามาถึงนี่หมอถงนั่งลงข้างเธอ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฉันมาหาคนป่วยที่ไม่รู้ว่าตัวเองป่วยต่างหาก” “ฉันไม่ได้ป่วยค่ะ” เหรินเหมยขมวดคิ้ว“แต่หัวใจเธอเจ็บ และมองว่าเจ็บมากด้วย” หมอถงพูดเรียบๆเหรินเหมยหัวเราะเบาๆ แต่กลับรู้สึกว่าเสียงหัวเราะของตัวเองขมขื่นสิ้นดี “ฉันไม่เป็นอะไรคะ แค่เหนื่อยหน่อยๆ เหนื่อยกับสิ่งที่พบเจอ”“ไม่ใช่แค่เหนื่อยหรอกเหรินเหมยเธอเจ็บปวด เพราะเธอรักเฉิงซีหยวน” หมอถงพูดแทงใจดำอย่างไม่เกรงใจคำพูดนั้นราวกับลมแรงที่พัดกระแทกเข้ามาในอก เหรินเหมยชะงัก ใจเต้นแรง หันหน้าหนี“คุณหมอ... อย่าพูดแบบนั้นเลยค่ะมันไม่มีทางเป็นไปได้ เขามีทางเดินที่สวยหรูก่อนนั้นฉันก็ทำใจไว้แล้ว ผิดกับฉันที่แค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่บังอาจมีลูกกับท่านประธานอวิ๋นเฉิง”หมอถงถอนหายใจเบาๆ “ฉันเห็นมาโดยตลอด ตั้งแต่ตอนที่เธอยอมรับอุ้มบุญเพื่อช่วยแม่ตัวเอง แม้รู้ว่าเขาจะไม่ชายตามองเธอด้วยซ้ำเรื่องบางเรื่องพู
แสงอาทิตย์ยามบ่ายคล้ายจะอ่อนแรงกว่าทุกวัน ทอดเงายาวผ่านหน้าต่างกระจกใสในห้องนั่งเล่น เหรินเหมยนั่งเย็บผ้าข้างหน้าต่าง พยายามรวบรวมสมาธิไว้กับฝีเข็ม แต่ใจกลับล่องลอยไปไกล...ลอยไปถึงเสียงหนึ่งที่ยังคงไม่ดังขึ้นอีกเลยในบ้านหลังนี้ สามวันแล้วที่เฉิงซีหยวนไม่เคยแวะมา เขาออกไปพร้อมหลี่ตงและไม่เคยกลับมาไม่ว่าจะมื้อเย็นหรือตอนใกล้สว่างเหมือนก่อนที่เคยทำป้าจูบอกว่าหลี่ตงบอกว่าท่านประธานเฉิงบินด่วนไปที่เมืองTTT เพราะงานที่นั่นเกิดปัญหาใหญ่บ้านเงียบเหงาจนเหรินเหมยรู้สึกใจหาย“จุนแม่ขาแม่... จุนพ่อยังไม่กลับมาอีกเหรอคะ” เสียงอันอันดังขึ้นข้างหู ทำให้เหรินเหมยสะดุ้งเฮือกเชียวอู่เดินตามพี่สาวมาอย่างเงียบๆ มือเล็กๆ กอดตุ๊กตาหมีที่เฉิงซีหยวนซื้อให้แน่น “เมื่อวานจุนแม่ก็บอกว่าเดี๋ยวจุนพ่อกลับ...แล้วทำไมจุนพ่อไม่มาฮับ” เชียวอู่ถามขึ้นอีกคน“จุนแม่โกหกพวกเราใช่มั้ย” อันอันถามเสียงสั่น เงยหน้าขึ้นมองเหรินเหมยด้วยดวงตาใสที่เริ่มมีน้ำคลอ“ใช่! จุนพ่อไม่กลับมาแล้วใช่มั้ยฮับ” เชียวอู่พูดเสริม น้ำเสียงปนน้อยใจฝ่ามือของเหรินเหมยที่ถือเข็มเย็บผ้าสั่นเล็กน้อย หลับตาสูดหายใจเข้าลึกๆ แต่คำถามซ้ำซากที่เธอไ
เหรินเหมยที่ยืนอยู่อีกมุมหนึ่ง ใจหล่นวูบ มือที่ถือทัพพีแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว"หมายความว่ายังไง...คุณหมอหมายความว่าอย่างไร" เฉิงซีหยวนเสียงแหบคุณหมอฟานก้มหน้า สีหน้าปวดร้าว "เธอไปทำกิ๊ฟ...ทำการปฏิสนธินอกร่างกายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากคุณ เธอใช้สเปิร์มที่คุณฝากไว้ในอดีต แล้วจัดการทุกอย่างโดยที่คุณไม่เคยรู้ และหลอกลวงคุณ"เฉิงซีหยวนขยับถอยหลังหนึ่งก้าว แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง“จูดี้เขาคิดว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ คิดว่าที่ผ่านมาผมยังเจ็บปวดกับเรื่องนี้ไม่พอหรือไรหรือคิดว่า…เหรินเหมยทำได้เขาก็ทำได้”เหรินเหมยยืนนิ่งงัน รู้สึกได้ถึงโลกทั้งใบที่หมุนช้าลงราวกับภาพในความฝันคุณหมอฟานยกมือขึ้น กุมขมับเหมือนกำลังปวดหัวหนัก"ผม... เพราะความรักในฐานะพ่อ เพราะสงสาร จึงช่วยโกหกเรื่องนี้แต่ตอนนี้...ผมรู้แล้วว่าผมทำผิดมหันต์ ผมขอโทษ ขอโทษจริงๆ คุณเฉิงผมเองรู้ว่าตัวเองในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับหมอถงคนนั้น.."เฉิงซีหยวนกำหมัดแน่น ดวงตาแดงก่ำ เส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆ ด้วยอารมณ์ที่ประดังเข้ามาจนแทบระเบิด"แล้วเด็ก..." เขาเอ่ยเสียงแหบแห้ง "เด็กคนนั้น...ก็เป็นลูกของผมจริงๆ เรื่องที่ไร้มนุษยธรรมแบบนี้จูดี้ที่เรียนหมอ
หมอฟานขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านบนเขามือที่จับพวงมาลัยแน่นนั้นสั่นเล็กน้อย แต่แววตาของหมอฟานเด็ดเดี่ยว"ไม่ว่าจะผลลัพธ์เป็นอย่างไร ฉันจะบอกความจริงกับซีหยวน... จะไม่ปล่อยให้ความผิดพลาดทำลายชีวิตใครอีก"รถแล่นฝ่าเข้าไปในความมืดมิดของคืนยาว เหมือนกับการเดินหน้าเข้าสู่การชำระล้างบาปที่ไม่มีวันหวนกลับ...กลิ่นอาหารหอมฟุ้งลอยออกมาจากครัว เสียงหัวเราะใสๆ ของอันอันกับเชียวอู่ที่กำลังนั่งพับกระดาษอยู่ตรงโต๊ะกลางห้อง ทำให้บรรยากาศในบ้านอบอวลด้วยความอบอุ่นเฉิงซีหยวนเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับเหรินเหมยในชุดผ้ากันเปื้อน รอยยิ้มที่มุมปากเขา อ่อนโยนอย่างที่เหรินเหมยแทบไม่เคยเห็นมาก่อน“เด็กๆๆๆ วันนี้พ่อทำอาหารด้วยตัวเองพวกหนูจัต้องลองชิมและให้กำลังใจโดยการกล่าวชมคุณพ่อด้วยนะครับ” เหรินเหมยอมยิ้ม“ทำไมต้องพูดแบบนี้ก่อนด้วยนะลูกๆ ก็ต้องชมคุณอยู่แล้วเพราะคุณตั้งใจทำ” อันอันกับเชียวอู่รีบมาชะโงกหน้ามองถาดปลาสามรสที่ส่งกลิ่นหอมหวน“น่ากินที่สุดเลยฮับจุนพ่อ” เชียวอู่พูดขึ้นดังๆ ยักคิ้วแผล็บๆ“เราต้องลองชิมก่อนเชียวอู่หากว่าจุนพ่อทำอร่อยต่อไปเราก็จะต้องให้จุนพ่อทำอาหารเสมอ” อันอันพูดขึ้นบ้าง เหรินเหมยยิ้ม
เสียงน้ำแข็งกระทบแก้ว แก้วหนึ่งดังกริ๊กๆ เบา ๆ จูดี้นั่งเอนตัวพิงโซฟาหนังแทบจะกลายเป็นนอนเมามายแเล้ว ริมฝีปากแดงฉ่ำแห้งผากไปหมด เธอกระดกเหล้าเข้าปากรวดเดียวจนหมดแก้ว ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างไร้เสียงบนโต๊ะกระจก เศษแก้วเปล่าๆ วางกระจัดกระจาย ถัดไปคือแฟ้มผลตรวจครรภ์ที่ถูกเปิดค้างไว้ “ฮ่า... เขากำลังมีความสุข...สินะ บ้าจริงฉันทำไมต้องเศร้าก็แค่คู่นอนพวกผู้ชายก็แบบนี้เวลาอยากจะนอนด้วยก็พูดเสียหวาน ยอมทำทุกอย่างให้” เธอพึมพำเหมือนคนละเมอ ดวงตาแดงก่ำจ้องมองความว่างเปล่า “ฮะฮะฮะฮ่าาาแล้วกับผู้หญิงคนนั้นละทำให้ถึงใจเหมือนที่ทำกับฉันไหมเหมือนที่นอนกับฉันไหมคุณหลงเสน่ห์ผู้หญิงจืดชืดคนนั้นได้อย่างไรเราเข้าขากันดีจะตายทำไมคุณลืมฉันได้ลงคอ เฉิงซีหยวน ซีหยวนซีหยวนคุณจะต้องเสียใจที่ทำกับฉันแบบนี้...”เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ“จูดี้ เปิดประตูเดี๋ยวนี้ แกจะขังตัวเองแบบนั้นไม่ได้” เป็นเสียงคุ้นเคยของคุณหมอฟานลี่ชิงที่กังวลใจอย่างปิดไม่มิดจูดี้หัวเราะในลำคอ แล้วลุกเซ ๆ ไปเปิดประตู เผยให้เห็นใบหน้าแดงก่ำและดวงตาเปื้อนน้ำตา“หนูโง่เองใช่ไหม..ที่ไปหลงรักเขาผู้ชายที่ไม่มีให้หัวใจให้ใครนอกจาก ซูจ๋าย แล
ลานหน้าบ้านบนเขา เสียงหัวเราะสดใสดังมาจากสวนหลังบ้าน “จุนย่าขา! จะต้องดูอันอันกระโดดนะ!” อันอันในชุดกระโปรงสีฟ้ากระโดดข้ามหินอย่างกล้าหาญ ส่วนเชียวอู่ก็วิ่งมาพร้อมดอกไม้ในมือ “นี่ของจุนย่าฮะ! เชียวอู่เด็ดมาเองเลยนะฮับ ดอกไม้ที่สวยที่สุดในสวนเลย!สำหรับจุนย่าที่ใจดีที่สุดในโลก”คุณเสวียเตอหญิงสูงวัยที่มักดูสง่างาม เยือกเย็นในสายตาผู้อื่นยิ้มกว้างอย่างไม่ปิดบัง เธอนั่งยองๆ ลงกับพื้น หอมแก้มหลานทั้งสองข้างพร้อมกัน “โอ๊ยย ย่าใจละลายหมดแล้วลูกเอ๊ย พวกหนูนี่มันน่ารักอะไรอย่างนี้!”เชียวอู่หัวเราะเสียงใส “จุนย่าฮับ! จุนย่ามาอยู่กับเรานะครับ จะได้เล่านิทานให้เราฟังทุกคืนเลย!”คุณเสวียเตอพยักหน้าเบา ๆ กอดหลานๆ ไว้แน่น “ย่าไม่เคยคิดเลยว่าพอมาพบหลานทั้งสองแล้วจะมีความสุขขนาดนี้… ความสุขอยู่ที่อ้อมกอดของเด็กตัวเล็กๆ สองคนนี้แหละ”เหรินเหมยยืนดูจากมุมระเบียง ลมโชยอ่อนๆ พัดปลายผมเธอพลิ้วเบาๆ เธอเอามือกุมหน้าอก รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่กำลังคลี่คลาย ความไม่มั่นคง ความกลัว… เหมือนถูกกล่อมด้วยเสียงหัวเราะของลูก และรอยยิ้มของคนเป็นแม่เฉิงซีหยวนเดินมาหยุดข้างๆ สบตากับเหรินเหมยยิ้มกรุ้มกริ่ม แล
เหรินเหมยนั่งเหม่ออยู่ตรงมุมโต๊ะอาหาร ทั้งที่ข้างหน้าคือเกี๊ยวปูที่ป้าจูเพิ่งจะให้เสี่ยวจี้ยกมา กลิ่นหอมอบอวลไปทั่วแต่เหรินเหมยไม่ยอมหยิบมันเข้าปากน้ำตาหยดไหลลงข้างแก้มโดยไม่รู้ตัว… เธอรีบเช็ดมันออกด้วยหลังมือ แล้วสูดหายใจเข้าลึก“ฉันไม่เป็นไร…” เธอพึมพำกับตัวเองเสียงแผ่วยิ้มสดใสแต่ก็รู้ดี… ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอพยายามแสร้งเข้มแข็งเกินไปทั้งที่ในใจเหมือนมีเข็มนับร้อยเล่มทิ่มแทง“จูดี้ก็แค่ท้อง... ลูกของเขา”เสียงในหัวตอกย้ำซ้ำไปมา เธอหลับตาแน่น พยายามกลั้นน้ำตา แต่ยิ่งฝืนเท่าไหร่ กลับยิ่งรู้สึกว่าหัวใจอ่อนแรงลงเสียงฝีเท้าเล็กๆ ของลูกทั้งสองคนดังขึ้นหลังบ้าน“จุนแม่คะจุนแม่ฮับบบบบบ” เหรินเหมยรีบลุกขึ้นเช็ดน้ำตาจนแห้ง ฝืนยิ้ม แล้วต้อนรับลูกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แม้จะรู้ว่ารอยร้าวบางอย่างในใจเธอ… กำลังแตกออกช้าๆ อย่างไร้เสียง“จุนแม่ฮับเราวิ่งเล่นเหนื่อยแล้วฮับหิวแล้วฮับบบ” เหรินเหมยกอดเชียวอู่และะอันอันไว้ในอ้อมแขน“คุณจีขา ให้เสี่ยวจี้โทรหาคุณผู้ชายดีไหมคะ” เหรินเหมยส่ายหน้า“ไม่ต้องฉันจัดการทุกอย่างไปแล้วไม่ต้องห่วงฉันก็แค่รู้สึกว่า รู้สึกว่าขอเวลาฉันทำให้ตัวเองเข้มแข็งเสียหน่อ