ผู้อำนวยการแผนกบัญชีอย่างศักดิ์สยามยักยอกเงินบริษัทในเครือของธามเอนเตอร์ไพรซ์อยู่เกือบปี จนวันที่ถูกจับได้ แต่เขาไม่เอ่ยชื่อไข่มุกออกมาเลยแม้แต่น้อย เขาจะไม่มีวันพูดอะไรให้ผู้หญิงที่เขารักต้องแปดเปื้อนหรือโดนร่างแห
ด้วยความซื่อสัตย์และภักดีนี้ ศักดิ์สยามเองก็เชื่อว่าไข่มุกจะต้องเห็นใจเขาและเธอก็คงพยายามหาทางช่วยเขาอยู่เช่นกัน เพราะไข่มุกก็รู้ดีว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่เขายักยอกมานั้น เขามอบให้ไข่มุกทั้งหมด ไม่เคยนำมาใช้เพื่อบำรุงบำเรอตัวเองเลยแม้แต่บาทเดียว
"ตาลวางใจเถอะ พี่อยู่ในนี้แค่ไม่นานหรอก เดี๋ยวก็ได้ประกันตัวแล้ว”
“แล้วเมื่อไหร่ล่ะ จนป่านนี้แล้วทำไมคุณเพิร์ลของพี่ถึงยังไม่ส่งทนายมาอีก”
“เราจะรู้อะไรล่ะ กฎหมายก็มีขั้นตอนของเขา พี่ถึงได้บอกเราว่าอย่ามาที่นี่ พี่ไม่อยากให้เราเห็นพี่ในสภาพนี้ ทำไมไม่เชื่อฟังกันบ้าง”
“ก็ตาลมีพี่ต้นแค่คนเดียว เรามีกันแค่สองคนพี่น้อง พี่ต้นจะห้ามไม่ให้ตาลมาได้ยังไงกัน ไม่รู้ล่ะ ตาลจะอยู่รอที่นี่จนกว่าคุณเพิร์ลกับทนายจะมาประกันตัวพี่ออกไป”
“ไม่ได้เด็ดขาด!!!” ศักดิ์สยามเสียงแข็งกับน้องสาวทันที
“อย่าทำให้พี่เป็นห่วงมากกว่านี้ นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เราจะมานั่งเล่นนอนเล่นนะ”
“ทำไมจะอยู่ไม่ได้ นี่โรงพักนะ มีตำรวจปลอดภัยที่สุดแล้ว”
“โถ่ตาล พี่ขอร้องล่ะ อย่าทำให้พี่กังวลไปมากกว่านี้อีกเลย กลับไปอยู่ที่หอ อยู่กับเพื่อน ๆ ระมัดระวังตัว แล้วพี่จะกลับไปหาเราเอง"
ศีตลาส่ายหน้าน้อย ๆ อย่างดื้อดึง น้ำตาพาจะไหลออกมาอีก
"เชื่อพี่เถอะ พี่ขอร้อง... อย่าลืมสิว่านี่เป็นแค่คดีแพ่ง พี่ไม่ได้ฆ่าใครตาย ไม่ต้องห่วงหรอกว่าพี่จะไม่ได้ออกไป”
นายร้อยเวรที่เดินมาได้ยินพอดี ถอนหายใจเบา สงสารเด็กสาว ๆ ในชุดนักศึกษาที่ต้องมานั่งเกาะลูกกรงร้องห่มร้องไห้ให้คนที่อยู่ด้านใน
"น้อง เชื่อพี่ชายเขาเถอะ น้องกลับไปก่อน เดี๋ยวบริษัทเขาก็ส่งทนายมาประกันตัวให้ออกไปสู้คดีกันข้างนอก..."
"พี่ชายหนูจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ"
ดวงตากลมเศร้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาเงยหน้าขึ้นถามนายตำรวจที่อายุน่าจะไล่เลี่ยกับพี่ชายของเธอคือประมาณสามสิบปี นายร้อยเวรพยักหน้ายืนยันว่าพี่ชายของเธอจะปลอดภัย ศีตลาจึงยอมแพ้เพราะอยู่ไปก็มีแต่จะทำให้ศักดิ์สยามเป็นห่วงและเธอเองก็ช่วยอะไรในเรื่องคดีไม่ได้
“ก็ได้...ตาลจะกลับก่อน แต่พี่ต้นต้องรีบกลับมาหาน้องนะ
“แน่นอนสิ เชื่อพี่เถอะ คุณเพิร์ลไม่ยอมให้พี่อยู่ในนี้นานหรอก”
ศักดิ์สยามส่งยิ้มให้น้องสาวอย่างมีกำลังใจ และมองดูศีตลาเดินลงจากสถานีตำรวจไปด้วยแววตาห่วงใย เขาไม่ได้แค่พูดเพื่อให้น้องสาวยอมกลับ แต่เพราะเขาเชื่อจริง ๆ ว่าคงอีกไม่กี่นาทีนี้หรอกที่ไข่มุกผู้เป็นยอดดวงใจของเขาจะมาปรากฏตัวพร้อมกับทนายและพาเขาออกจากห้องขังที่น่าหดหู่นี้สักที
* * * * *
"อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะเพิร์ล ว่าที่ศักดิ์สยามกล้าทำเรื่องแบบนี้เป็นเพราะมีคุณหนุนหลังอยู่”
ธามเอ่ยเสียงเครียดกับภรรยาของเขา เวลาล่วงเลยมาหลายชั่วโมงแล้วนับตั้งแต่เกิดเรื่อง แต่ไข่มุกยังนั่งใจเย็นอยู่ในห้องนั่งเล่นภายในคฤหาสน์ หญิงสาวจ้า่งช่างทำเล็บมาทำเล็บมือเล็บเท้าถึงที่บ้าน เมื่อธามเดินปึงปังเข้ามา หญิงสาวก็โบกมือให้ช่างทั้งสองคนกับแม่บ้านออกไปรอข้างนอกก่อน
เมื่ออยู่กันตามลำพังเธอก็เงยหน้ามองสามี สีหน้าเรียบเฉย
“รู้แล้วยังไง คุณจะจับฉันเข้าคุกด้วยอีกคนอย่างนั้นหรือ”
“ผมคงทำไม่ได้หรอก ไม่ใช่เพราะเห็นใจคุณ แต่เพราะรู้ดีว่าคนอย่างคุณคงไม่มีทางทิ้งหลักฐานให้ตัวเองเดือดร้อนแน่ ผมแค่อยากรู้ว่าคุณทำอย่างนี้ทำไมเพิร์ล เงินทองไม่ใช่ปัญหาของคุณอยู่แล้ว คุณทำเพื่อจะเอาคืนผมใช่ไหม”
ธามน้ำเสียงเย็นลงแล้ว แต่สีหน้ายังคงบึ้งตึ้ง ไข่มุกยิ้ม จ้องมองสามีด้วยดวงตาวาววาม
“เอาคืนงั้นหรือคะ? แสดงว่าคุณก็รู้ว่าคุณทำอะไรฉันไว้คุณถึงได้ใช้คำว่าเอาคืน”
“ผมไม่เคยทำผิดอะไรต่อคุณ คุณก็รู้ดี แม้คุณจะไม่ยอมทำหน้าที่ภรรยาให้กับผม ผมก็ยังไม่คิดจะโกรธคุณ”
“ไม่โกรธแต่ก็เลิกทำตัวเป็นสามีของฉัน! ถ้าคิดจะทำอย่างนั้นทำไมไม่ฟ้องหย่ากับฉันให้มันสิ้นเรื่อง”
“คุณก็รู้ว่าสำหรับผม ผมไม่ขัดข้องเลยสักนิดเดียว”
ชายหนุ่มเอ่ย...นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาบอกเธอว่าพร้อมจะเซ็นใบหย่า แต่การพูดมันออกมาอีกครั้งทำให้ไข่มุกคว้าแจกันใกล้มือแล้วปาออกไปด้วยความโกรธทันที เศษแก้วและดอกไม้เกลื่อนกระจายแต่ธามยังยืนเฉย
นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกอีกเหมือนกันที่ภรรยาของเขาแสดงอารมณ์ก้าวร้าวรุนแรงออกมาแบบนี้
“อย่าคิดว่าฉันไม่กล้านะธาม ถ้าฉันอยากจะหย่ากับคุณขึ้นมาจริง ๆ แม่คุณนั่นแหละที่จะไม่ยอม”
“ถ้าผมฟ้องหย่าคุณ คุณก็ต้องเสียหายเหมือนกัน นั่นคือเหตุผลที่ผมยังไม่ทำ”
ชายหนุ่มวัยเกือบสามสิบห้าโต้ตอบอย่างไม่ลดละ เวลาในชีวิตสมรสที่ผ่านไป ทำให้เขาหมดความเกรงใจไปทุกที โดยเฉพาะเมื่อคนตรงหน้านี้คือผู้หญิงอย่างไข่มุก
ถ้าไม่เพราะแม่ของเขาอยากได้บารมีทางการเมืองของพ่อตามาเสริมเขี้ยวเล็บทางธุรกิจให้ตระกูล...พลโทเขมราชกับคุณหญิงพลอยสี ศศินทร์เดชา เองก็พอใจที่จะได้นักธุรกิจหนุ่มจากตระกูลมหาเศรษฐีหมื่นล้านไปเป็นเขย การแต่งงานระหว่าง ธาม ธนกิจ และ ไข่มุก ศศินทร์เดชา ก็คงไม่มีทางเกิด
ความจริงคือ ธามและไข่มุกไม่ได้รักใคร่ชอบพอกันมาก่อน ทั้งคู่แค่อยู่ในสังคมระดับเดียวกัน รู้จักกันผ่านเครือข่ายของวงศ์ตระกูลและผู้หลักผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย
ตอนนั้นไข่มุกเพิ่งกลับมาจากอังกฤษ เป็นลูกสาวนายพลที่เนื้อหอมเหมือนกุหลาบที่มีผีเสื้อและภู่ผึ้งรุมตอมไม่ได้ขาด แต่ด้วยสายสัมพันธ์อันดีของนางธัญญา ธนกิจ กับท่านนายพล ธามจึงเบียดแซงทุกคนก้าวไปอยู่ในตำแหน่งที่ตอนนั้นมีผู้ชายหลายคนได้แต่อิจฉา
แม้ไม่ได้เริ่มต้นด้วยความรัก แต่ธามก็อยากสร้างครอบครัวกับไข่มุกจากใจจริง ชายหนุ่มอย่างธามรู้ดีว่าลูกสาวท่านนายพล...คุณเพิร์ล...มีคุณสมบัติเพียบพร้อมทุกประการที่จะมาเป็นภรรยาของเขา เธอชาติตระกูลดี การศึกษาสูง รูปร่างหน้าตาก็สวย มีเสน่ห์ เข้าสังคมเก่ง เหมาะจะมาเป็นคู่ชีวิตที่จะสนับสนุนเขาให้ก้าวไปข้างหน้า และเขาก็รู้ว่าตัวเองสามารถเป็นสามีที่ดีพร้อมให้เธอได้ด้วย
ด้วยความเหมาะสมทั้งหมดทั้งปวงนั้น และตัวเขาเองไม่มีคนรักหรือพันธะใด ๆ กับใคร จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่ธามจะปฏิเสธการแต่งงานที่ผู้ใหญ่เห็นชอบครั้งนี้
งานแต่งระดับงานช้างเพราะทั้งสองครอบครัวล้วนมีหน้ามีตาในวงการของตัวเอง บ่าวสาวเหมาะสมกันราวกับพระเจ้าจงใจปั้นให้เกิดมายืนคู่กัน...
น่าขันที่เมื่อธามมองกลับไป เรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับการใช้ชีวิตคู่ กลับถูกหลงลืมและไม่เคยถูกหยิบยกมาพูดกันก่อนแต่งงานเลยแม้แต่ครั้งเดียวแต่วีณายังไม่ทันได้ถาม... ก้อยก็รีบวิ่งกลับมาเคาะประตูด้วยท่าทางตื่นเต้น"คุณท่านคะ คุณท่าน!""อะไร! มีอะไร!""คุณธามกลับมาแล้วค่ะ มาถึงก็ถามหาคุณท่านทันทีเลยค่ะ!"* * * * * ตอนแรกธามคิดว่าอาจจะพักสมองอยู่ที่เชียงรายต่ออีกสองสามวันแต่ปีขาลเตือนเขาว่า เรื่องบางเรื่อง ปล่อยไว้นานก็จะยิ่งคุยกันไม่รู้เรื่อง 'ถึงยังไงคุณน้าก็เป็นแม่ของมึงนะธาม เลี้ยงดูกันมาขนาดนั้น จะไม่มีเยื่อใยความผูกพันกันเลยก็คงไม่ใช่ มึงกลับไปคุยกับแม่ดี ๆ เถอะ อย่างน้อยก็จะได้ใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่มีอะไรค้างคา'ขนาดคนที่หุนหันพลันแล่นอย่างปีขาลยังบอกแบบนี้ ธามจึงนั่งเครื่องบินกลับกรุงเทพฯ มาทันทีเมื่อเลขาฯ บอกว่าท่านประธานฯ ไม่เข้าบริษัท เขาจึงมาที่บ้าน และก็เจอธัญญาจริง ๆ ในห้องทำงานของธัญญา มีกันเพียงสองคนแม่ลูก ชายหนุ่มใจชื้น อย่างน้อยแม่ก็ไม่ได้ไล่เขาทันทีที่เห็นหน้า"มาทำไม ต้องการอะไร""ผมอยากรู้ความจริงครับ ว่าผมเป็นลูกของ...คุณทีน่า...จริง ๆ ใช่ไหม""แกยังไม่ได้ไปถามมันอีกเหรอ""ผมยังไม่ได้ไปเจอเธอเลยครับ ผมอยากมาคุยกับแม่ก่อน เพราะสำหรับผม คุณทีน่าก็ไม่ต่างจากคนแปลกหน้า แม่ต่างหากที่ยังเป็นแม่ของผม""แต่สำ
หลังเพื่อนสนิทเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง ปีขาลถึงกับนั่งงงอยู่เป็นนานสองนานถ้าไม่ใช่เพราะคนเล่าคือ "ธาม" เพื่อนที่แสนจะสุขุม จริงจัง และไม่เคยล้ออะไรใครเล่น เขาก็คงนึกว่ากำลังฟังละครวิทยุอยู่แน่ ๆ"แล้วป่านนี้แม่มึง...ทั้งสองแม่ ไม่ตามหาตัวมึงให้วุ่นหรือวะ จู่ ๆ หลบมาแบบนี้""ไม่รู้"ธามตอบเนือย ๆ "แม่...หมายถึงแม่ตามกฎหมาย คงไม่อยากเห็นหน้ากูเท่าไหร่ แต่คุณทีน่า บอกตรง ๆ ว่ากูยังช็อก..."ชายหนุ่มนึกถึงหญิงคนนั้น คนที่ดวงตาซึ้งดูเศร้าแต่ก็จับใจเขาไว้ได้ตั้งแต่แรกเห็น"กูถูกชะตาเขามากตั้งแต่วันแรกที่เจอที่โรงแรม รู้สึกอยากเข้าใกล้ อยากรู้จัก... ไม่ใช่เชิงชู้สาว แต่เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก...""เขาเองก็คงอึดอัดอยากบอกมึงเหมือนกันว่าเป็นแม่..."ปีขาลคาดเดาจากที่เพื่อนเล่าให้ฟังก่อนหน้า"ที่จริงมันก็ไม่มีอะไรซับซ้อน ถ้าไม่เพราะคุณน้าธัญญาดันเกลียดแม่ที่ให้กำเนิดมึงน่ะไอ้ธาม..."นี่ปีขาลก็เดาอีก แต่ธามพยักหน้าเห็นด้วย"เท่าที่ได้ยิน แสดงว่าพ่อกับคุณทีน่าลักลอบมีอะไรกัน จนเกิดเป็นกูขึ้นมา กูก็คือลูกชู้ ลูกนอกสมรส ที่แม่เก็บมาเลี้ยง ไม่ใช่เพราะรัก แต่เพราะอยากทำร้าย เพื่อที่แม่แท้ ๆ จะได้เ
เวลาสองทุ่ม จังหวัดเชียงรายไร่อรุณเบิกฟ้าเปิดไฟสว่างไสวตั้งแต่ปากทางเข้าไร่มาจนถึงตัวเรือนด้านในเพราะผู้มาเยือนโทรศัพท์มาบอกล่วงหน้าหลายชั่วโมงแล้วว่ากำลังจะมา เมื่อรถเล็กซัส แอลเอ็กซ์-หกร้อย มาถึงจึงมีคนงานคอยเปิดประตูให้ และเจ้าของไร่ตัวสูงใหญ่ยืนเท้าสะเอวรอต้อนรับด้วยสีหน้าดีใจแกมโล่งใจที่เพื่อนมาถึงโดยปลอดภัย"ไงมึง"ปีขาลทักสั้น ๆ พลางเข้าไปโอบเพื่อน ตบหลังเบา ๆ หนึ่งที แล้วหันไปทักทายลุงธงคนขับรถของเพื่อนสนิท"สวัสดีครับลุง ขับมาไม่ได้พักเลยสินะครับ""ก็มีแวะปั๊มบ้างครับ"ลุงธงยิ้มเหนื่อย ๆ ไม่รู้กี่สิบปีแล้วที่ไม่ได้ขับรถออกต่างจังหวัด เพราะปกติที่ขับรถให้นาย ไกลสุดก็แค่อยุธยา"ที่จริงคุณธามแกจะขับเองครับ บอกให้ผมกลับบ้านได้เลย แต่ผมขอมาด้วย อย่างน้อยจะได้เปลี่ยนมือกัน...นี่ก็ออกมาเลย เสื้อพงเสื้อผ้าอะไรไม่มีสักตัวเลยครับ"ลุงธงบอกอย่างเป็นห่วงมากกว่าจะฟ้อง"ผมให้แม่บ้านเตรียมห้องกับพวกกับข้าวกับปลาไว้ให้ลุงแล้ว ไปกินข้าวก่อนก็แล้วกันนะลุง เดี๋ยวเสื้อผ้าสะอาด ๆ ให้แม่บ้านหาให้แป๊บเดียว...แม่ต้อย ฝากดูแลลุงเปิ้นกำเน่อ""เจ้า"แม่บ้านวัยกลางคนรับคำแล้วพาลุงธงเดินหายเข้าไปด้านหลั
ธามยังจับต้นชนปลายไม่ถูก...เขาอยากจะคิดว่านี่เป็นเรื่องตลก เขากำลังถูกแกล้ง แต่สีหน้าของผู้หญิงสูงวัยสองคนที่กำลังมองมาที่เขาก็จริงจังเกินกว่าจะคิดเช่นนั้น"ทำไมแม่พูดอย่างนั้นล่ะครับ ก็แม่เป็นแม่ผม...""ใช่ แม่ควรจะเป็นแม่ของแก แม่ก็เคยเชื่อแบบนั้น"ธัญญาหันกลับไปมองทิพย์ลาวัณย์อย่างเจ็บแค้น"ฉันให้แกมาอุ้มบุญลูกของฉัน แต่แกกับทิมกลับสวมเขาให้ แอบไปมีอะไรกันตอนไหนฉันก็ไม่รู้ ไม่เคยคิดจะระแวงเลยสักครั้ง แต่ตอนแกเกิด สายตาของแกกับทิมทำให้ฉันสงสัยและตัดสินใจแอบตรวจดีเอ็นเอ จึงได้รู้ว่าเด็กคนนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย... แกหลอกฉันตลอดแปดเก้าเดือนที่ท้อง แกกับทิม เลวทั้งคู่""แม่...นี่มันอะไรกัน ผมงงไปหมดแล้วนะครับ""จนป่านนี้แล้วยังไม่ชัดอีกหรือไง"ธัญญาหันมาตอบเสียงดังจนแทบเป็นตะโกน"ฉันไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของแก ฉันแค่เลี้ยงแกมา เพราะว่าแม่แท้ ๆ ของแกมันเป็นชู้ มันแค่อุ้มท้องแล้วก็คลอด แล้วก็ต้องหนีไปอยู่เมืองนอกเพราะทนขายขี้หน้าไม่ได้ที่แอบนอนกับผัวของพี่สาว..."ธามหน้าซีดเผือด ไม่กล้ามองทิพย์ลาวัณย์ให้ชัด ๆ ด้วยซ้ำ ธัญ
ธัญญาก้าวเข้าไปในห้องโดยไม่ต้องรอให้เชิญ ทิพย์ลาวัณย์เบี่ยงตัวหลบให้โดยอัตโนมัติทั้งที่ตอนนี้เธอไม่ใช่เด็กสาวคนเดิมที่ต้องฟังคำสั่งของญาติผู้พี่อยู่เสมอ...แต่เธอก็อนุญาตให้ธัญญาเข้ามาแค่คนเดียว บรรดาผู้ช่วยผู้ติดตามของเขา เธอให้รออยู่ด้านนอกธัญญามองไปรอบ ๆ ห้องพักที่มีห้องนอนย่อยสองห้อง มีชุดครัว มุมนั่งเล่นดูโทรทัศน์ และมุมอ่านหนังสือ ทุกอย่างดูสะดวกสบายครบครันสมเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดของโรงแรม"ฉันไม่ได้มาที่นี่ตั้งนานแล้ว ธามเขายังดูแลได้ดีทีเดียว ดูดีกว่าตอนทิมยังอยู่เสียอีก""พี่ธัญมาทำไมคะ"ทิพย์ลาวัณย์ถามออกไปอย่างไม่อ้อมค้อม ญาติผู้พี่ของเธอคงไม่ได้มาที่นี่เพื่อแค่ทักทายอย่างแน่นอนธัญญาหันกลับมาทันที "แกต่างหากกลับมาทำไม 'กล้า' กลับมาทำไม หรือมันนานเกินไปจนแกลืมไปแล้วว่าแกสัญญาอะไรกับฉัน""ใช่ค่ะพี่ธัญ มันนานเกินไปแล้ว"ทิพย์ลาวัณย์ยอมรับ แววตาและน้ำเสียงอ่อนลงอย่างอ้อนวอน"มันสามสิบกว่าปีแล้วนะคะ พี่จะไม่ให้ฉันกลับมาเหยียบบ้านเกิดเมืองนอนตัวเองเลยหรือไง ฉันแค่อยากพาลูกชายฉันกลับมาเที่ยว... ไม่ได้มาเพราะต้องการจะรบกวนอะไรพี่... ขนาดงานศพพี่ทิม ฉันยังไม่มาเลย เท่านั้นยังไม่มา
เย็นนั้นลูกชายบอกว่าจะขอออกไปดินเนอร์กับเพื่อนใหม่ 'ที่อื่น'"มีบาร์ชั้นดาดฟ้าที่มองลงไปเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาครับ แวนอยากลองไปที่นั่น""ไปกับสาวก่อน แล้วค่อยพาแม่ไปวันหน้าใช่ไหม"ทิพย์ลาวัณย์แกล้งถาม แต่อีแวนยิ้มและพยักหน้าจริงจัง"แน่นอนครับ ถ้าร้านโอเคแวนจะพาแม่ไปอีกแน่นอน...""แล้วจะกลับดึกไหมลูก"อีแวนลังเลเล็กน้อย"น่าจะดึก หรืออาจจะค้างที่อื่นครับ"ทิพย์ลาวัณย์ตกใจนิด ๆ อดห่วงขึ้นมาไม่ได้ตามประสาคนเป็นแม่"ระมัดระวังตัวให้ดีนะแวน ที่นี่เมืองไทย ไม่ใช่อเมริกา""ครับ ไว้ใจได้ครับ"ชายหนุ่มวัยยี่สิบเอ่ยก่อนก้มลงจูบแก้มสองข้างของมารดา แล้วขอตัวออกจากห้องไปเพื่อไปตามนัดกับเพื่อนใหม่ที่เขาว่า ทิพย์ลาวัณย์ไม่เซ้าซี้ถามว่าใคร แม้จะพอเดาได้ว่าน่าจะเป็นสาวสวยคนที่ส่งยิ้มให้ลูกชายเธอเมื่อเช้าเมื่อลูกชายไม่อยู่ ทิพย์ลาวัณย์เลยคิดว่าอาจจะโทรสั่งรูมเซอร์วิสขึ้นมาก่อนบนห้อง แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้สุภาพสมวัยแล้วหยิบผ้าคลุมไหล่สีเลือดหมูลงไปที่ห้องอาหาร..."วันนี้มีดนตรีสดด้วยหรือคะ"เธอเอ่ยกับพนักงานอย่างแปลกใจตอนที่พนักงานมารับออเดอร์"ใช่ค่ะ ทุกวันศุกร์เสาร์อาทิตย์ กับวันหยุดย