เด็กหญิงเกล้ากมลอ้าปากกว้างเมื่อรถหกล้อขนพืชผลการเกษตรแล่นเข้าสู่อาณาเขตไร่สมบูรณ์ดี ทุ่งหญ้าเขียวขจีเหมือนใครเอาสีเขียวเข้มมาเทบนพื้นตัดกับสีฟ้าของท้องฟ้าใสไร้เมฆ แต่งแต้มด้วยลายขาวดำของวัวที่แทะเล็มหญ้าอยู่เป็นจุด ๆ
ลมฤดูร้อนพัดมาโลมผิว แต่หนูน้อยไม่รู้สึก ด้วยกำลังตื่นเต้นกับทุกอย่างในครรลองสายตา กระทั่งรถมาจอด ณ โรงครัวใหญ่ ที่มีผู้คนเดินไปมาขวักไขว่
“ยายพลวง ๆ”
คนขับรถเรียกหญิงชราวัยเดียวกับยายเกดที่ยืนคุยกับแม่ครัวโพกหัวผูกผ้ากันเปื้อน
“อะไรเจ้าพร” เจ้าของชื่อร้องถาม
“ยายเกดจะมาหาคุณท่าน”
ยายพลวงยกมือไหว้ผู้อายุมากกว่าทันทีที่เห็น
“ไปยังไงมายังไงล่ะพี่”
“ว่าจะมาเยี่ยมคุณท่านนานแล้ว ไม่มีโอกาสเสียที วันนี้ว่างเลยมาหา” ยายเธอเล่า พลางแนะนำ “นี่หลานฉัน เกล้า ไหว้ยายพลวงเสียสิ”
เกล้ากมลกระพุ่มมือไหว้ ผู้ใหญ่มองเธอด้วยสายตาเอ็นดู
“ไหว้พระเถอะลูก ใกล้เที่ยงแล้ว มา...กินข้าวด้วยกันก่อนสิ”
“ฉันกินเรียบร้อยมาตั้งแต่ในตลาดแล้ว”
“แต่หนูหิวนะยาย”
เกล้ากมลไม่เข้าใจว่ายายเกดจะโกหกไปทำไม เพราะในตลาดได้กินเพียงขนมครกเท่านั้น มันมิใช่ข้าวเลยมิใช่หรือ ผู้เป็นยายขึงตาใส่หลาน ยายพลวงหัวเราะ พอรู้ว่าคนรุ่นพี่เป็นคนยังไง คงเกรงอกเกรงใจน่ะแหละ
“เออ หลานยายนี่กล้าดีนะ ไม่เหนียมอาย ไปหนู เที่ยงนี้มีขนมจีนกับไข่ต้ม เฮ้ย! ใครก็ได้เอาขนมจีนซาวน้ำปลากับไข่ให้เด็กนี่หน่อย”
นางสั่งแม่ครัวแล้วชี้ให้เด็กหญิงไปนั่งที่โต๊ะไม้ที่มีม้านั่งยาว เกล้ากมลจัดการอาหารอย่างเอร็ดอร่อย โดยไม่ทันสังเกตว่าสองผู้เฒ่าเดินไปทางไหน จนขนมจีนหมดชามแล้วจึงได้เหลียวหาญาติ
“ยายพลวงพายายเกดไปพบคุณท่าน หนูรออยู่นี่ก่อนนะ”
แม่ครัวเอาน้ำใส่แก้วมาให้ ขณะนั้นเป็นเวลาเที่ยงวัน คนงานบางส่วนกลับมากินข้าวที่โรงอาหาร เสียงพูดคุยดังจอแจแต่ไม่ดังเท่าที่ตลาด ซึ่งยายเกดขายของอยู่
แต่กระนั้นการรอญาติอยู่นาน ๆ ก็ทำให้หนูน้อยเบื่อ เห็นลูกคนงานเดินมากับพ่อแม่บ้าง บางคนก็เดินมาตัวคนเดียว แต่อย่างน้อยพวกเขาต้องมีพ่อแม่ญาติพี่น้องทำงานอยู่ในนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีสิทธิ์ได้มากินข้าว
พูดถึงการทำงานที่นี่มีคนงานทั้งชายและหญิง ถ้าจะพูดให้ถูกตลอดอายุเจ็ดปีที่เกิดมา เกล้ากมลก็เห็นคนทั้งสองเพศทำงานกันทั้งนั้น
คงมีแต่บ้านเธอที่ยายทำงานคนเดียว ส่วนตาต๊อกเอาแต่กินเหล้ากับนอน ตื่นมาก็โวยวายหรือไม่ก็ใช้เธอไปซื้อเหล้ามาให้ดื่มกับเพื่อน ซึ่งแต่ละคนมีแต่น่ากลัว ๆ หรือไม่ก็มองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ แบบทำให้เด็กอายุเจ็ดขวบขนลุกขนชัน ยังดีที่ยายสั่งห้ามเด็ดขาดว่าหลังหกโมงเย็นให้อยู่แต่ในบ้านไม่ต้องออกมาเดินเพ่นพ่าน เพื่อไม่ต้องมาเผชิญกับวงเหล้าของตา
หากจะถามถึงแม่ เกล้ากมลก็ไม่เคยเห็นตัวจริง มีเพียงรูปถ่ายในอัลบั้มเก่าเท่านั้น แม่เอาเธอมาให้ยายเลี้ยงตั้งแต่ตัวแดง ๆ โดยส่งเงินมาบ้างนาน ๆ ที
เพื่อนที่โรงเรียนล้อว่าเกล้ากมลเป็นเด็กถูกทิ้ง ก่อนที่คนโดนล้อจะโดนเธอชกแก้มปูด จนยายต้องซื้อขนมไปขอโทษ แต่พอเธอเล่าต้นเหตุให้ฟังยายถึงกับไปตามด่าพ่อแม่เด็กคนนั้นถึงบ้าน
“เลี้ยงลูกประสาอะไร ถึงเอาปมด้อยคนอื่นมาล้อ ชอบเล่นกับความรู้สึกของผู้อื่น แบบนี้มันใช่ได้ที่ไหน” เมื่อยายด่าคนบ้านนั้น ท่านก็หันมาพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่เป็นไรนะลูก ใครจะว่ายังไงก็ช่าง แต่ให้หลานจำไว้ ยังไงหนูก็เป็นลูกของยายที่รักและหวังดีเสมอ”
เวลายายเกดได้ด่าใครล่ะก็ อย่าหวังว่าจะหยุดได้ง่าย ๆ การด่าของยายเป็นแบบที่ผู้ใหญ่ซุบซิบกันว่า “แม่ค้าปากตลาด” ถึงใคร ๆ จะขนานนามยายแบบนี้ แต่เธอก็รักและเทิดทูนท่านเป็นที่สุด
ด้วยนั่งนาน ๆ ชักเบื่อ สาวน้อยวัยเจ็ดขวบจึงนึกสนุกลองเดินสำรวจอาณาเขตใหม่ ทุกอย่างดูสวย ทางเดินปูนซีเมนต์สะอาดตา โรงครัวมีพุ่มดอกเข็มที่ตัดแต่งเป็นรั้วอย่างดีล้อมรอบ ถัดไปอีกหน่อยเป็นบ้านไม้สองชั้นหลังใหญ่
เกล้ากมลคาดว่าเป็นบ้านของ “คุณท่าน” เจ้าของที่นี่ เพราะตามในละครโทรทัศน์คนรวยต้องอยู่บ้านหลังใหญ่
การเดินจากโรงครัวมายังบ้านเป้าหมายทำให้เธอหอบเล็กน้อย เป็นคนรวยนี่ก็ดีไปอย่าง ไม่ต้องเดิน ขึ้นรถไป มีคนขับให้อย่างโก้ ตามที่เคยเห็นในละคร
ความจริงเกล้ากมลชอบอ่านหนังสือมากกว่า หนังสือสำหรับเด็กเจ็ดขวบเท่าที่อ่านได้ในห้องสมุด เธอไล่อ่านจนหมด จนคุณครูชมว่าเธอเป็นเด็กเรียนรู้เกินวัย
แต่เธอยังอยากได้หนังสือที่มีภาพสีของเจ้าหญิงแสนสวย ทว่ามันแพงเล่มละเป็นร้อย ยายเกดบอกว่าซื้อไม่ไหว เพราะฉะนั้นโทรทัศน์จึงเป็นความสุขราคาถูกที่เธอหาได้ รองจากวิทยุที่ตาต๊อกเอาไว้เปิดฟังผลหวยออก
เกล้ากมลมาถึงบ้านใหญ่เมื่อตะวันเริ่มคล้อย นอกจากบ้านจะสวยแล้ว ยังปลูกดอกไม้หลากสี คุณนายตื่นสาย ดอกผีเสื้อไหวล้อแรงลม
บ้านนี้ปลูกดอกไม้ทั้งสวนหย่อมหน้าบ้าน ทั้งกระถางแขวนตามชาน บนหน้าต่างชั้นสองก็ปลูกดอกไม้สีชมพู คนในบ้านคงมีความสุข ตื่นเช้ามาเจออะไรสวย ๆ หอม ๆ
เธออยากจะขึ้นไปหายาย แต่ไม่รู้ยายไปอยู่ส่วนไหนของตัวบ้าน จะตะโกนหาก็กลัวถูกดุ จึงได้แต่ยืนด้อม ๆ มอง ๆ ปลายสายตาเห็นอะไรเป็นสีแดง ๆ สะท้อนแดด ใต้ร่มไม้ใหญ่มีชิงช้าเชือก แล้วก็มีจักรยานสีแดง
เกล้ากมลและอิธานได้ลูกสาว เด็กหญิงกาญน์เกล้า หรือน้องเอิร์ธ เป็นหนูน้อยลูกเสี้ยวที่สดใส เธอได้จมูกโด่งมาจากผู้เป็นพ่อ และตาโตใสแจ๋วมาจากผู้เป็นแม่ กินรีซื้อทองรับขวัญหลานหลายสิบบาท นางญาติดีกับอิธานหลังจากรู้ว่าให้เงินสิบล้านเป็นสินสอด“ขอโทษที่ช้าไปหน่อยครับคุณแม่”เงินทำให้นางอารมณ์ดีขึ้นหน่อย แต่ก็ฝากคืนในบัญชีส่วนตัวของเกล้ากมล ผู้เป็นแม่แค่กลัวอิธานจะไม่รัก ทิ้งขว้างลูกสาวเหมือนครั้งหนึ่งที่นางเคยเจอ เมื่อได้เห็นความจริงใจของเขาเป็นเงินนางก็เบาใจลงบ้างอิธานไม่ให้เกล้ากมลทำงานเลย เขาให้เธอเลี้ยงลูกอย่างเดียว แล้วตั้งวรดาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการร้านขายของฝาก แต่กระนั้นหากมีเวลาว่าง เกล้ากมลก็หอบหนูน้อยไปเยี่ยมทุกคนที่ร้านเสมอ ชนันธรกับกรวีคลอดลูกชายที่อเมริกาก่อนลูกสาวเธอไม่กี่สัปดาห์ และพูดเล่น ๆ ว่าอยากให้ลูก ๆ ดองกัน ท่ามกลางเสียงคัดค้านของคนหวงลูกสาวอย่างอิธานคุณพ่อหลงหนูน้อยขนาดหนัก ยอมลงทุนโกนหนวดให้เกลี้ยงเกลาทุกวัน หลังจากเอาหน้าไปถูแล้วแก้มลูกสาวเป็นปื้นแดงเพราะรอยหนวดกาญจน์เกล้าก็ติดพ่อ ตอนเช้าส่งเสียงปลุก ให้พ่อป้อนอาหารเช้า โบกมือหย็อย ๆ ส่งจูบให้อิธานตอนไปทำงาน เย็นก็ต้
“คุณอิธออกไปเกล้าอึดอัด”ถัดจากให้ดอกไม้ อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเขาก็มานอนรัดเธอเป็นงูเหลือมอยู่บนเตียง“เตียงออกจะกว้าง”อ้อมแขนมีแต่จะยิ่งแน่น หญิงสาวกำลังคิดหาวิธีไล่เขาออกไป แต่ก็ยังคิดไม่ออก“ท้องเกล้าเริ่มใหญ่ ตัวคุณก็โต นอนเบียดกันบนเตียงยิ่งอึดอัด มันไม่ดีต่อลูกนะคะ เดี๋ยวแกไม่โต”เกล้ากมลเอาคนในท้องมาอ้าง เล่นเอาอ้อมแขนที่รัดรอบอยู่ชะงัก เขาเงยศีรษะขึ้น สำรวจหน้าท้องภรรยา“ท้องเธอยังไม่โตขนาดนั้นสักหน่อย”“แต่เกล้าอึดอัดค่ะ ดิ้นไปดิ้นมาลำบาก”ยิ่งเขาขมวดคิ้วกังวลแสดงว่าข้ออ้างเธอได้ผล“พรุ่งนี้จะให้คนหาเตียงไซซ์พิเศษมาให้”“งั้นคืนนี้ คุณอิธให้เกล้านอนคนเดียวนะคะ ลูกจะได้ไม่อึดอัด”“ไม่ได้ ๆ” ดวงตาคมเปล่งแสงไม่ยอมตามที่พูด “เกิดเธอปวดท้อง หรือเป็นอะไรขึ้นมาล่ะ”“เกล้าท้องแค่สามเดือนเองนะคะ” คุณแม่ท้องสาวทำแก้มป่อง บ่นในใจว่าเขาจะห่วงอะไรหนักหนา“จะกี่เดือนฉันก็ไม่ไว้ใจ”“ถ้าคุณอิธห่วง เกล้าไปนอนกับคุณย่าก็ได้”“อย่านะ!”เขาร้อง ถ้าทำเช่นนั้นต้องตอบคำถามคุณย่านานแน่ แถมด้วยมีสายตาทิ่มแทงจากยายพลวงเป็นของแถม“ถ้าอย่างนั้นจะทำยังไงล่ะ”เกล้ากมลกอดอก รู้สึกตนกำลังเป็นต่อ“ฉันจะนอนพื้น
เกล้ากมลอาศัยจังวะที่อีกฝ่ายอึ้งระบายความในใจต่อ“คุณย่าให้เราแต่งงานกันเพราะความเข้าใจผิด”“แต่เรามีลูกด้วยกัน” เขาพยายามย้ำ“เก๊าะ...ก็คืนนั้นเกล้าปล้ำคุณ”ไม่รู้ใครปล้ำใคร แต่เธอถือว่าตัวเองเป็นคนทำ ยังสบายใจเสียกว่า“มันจะไม่สำเร็จถ้าฉันไม่ใช่ความร่วมมือ เราทำกันทั้งสองคน”ผู้สมรู้ร่วมคิดรับสารภาพอย่างไม่สะทกสะท้าน“แล้วคุณอิธจะเล่าเรื่องของเราให้ลูกฟังแบบไหนล่ะ”ทำนบที่กลั้นสิ่งค้างคาใจกำลังแตกออก เกล้ากมลพรั่งพรูถ้อยคำที่อยากถาม“เพราะมันไม่มีการจีบ ไม่มีการบอกรัก ไม่มีของขวัญ ไม่มีอะไรเลย ยอมรับเถอะค่ะ คุณอิธไม่ได้รักเกล้า แล้วจะทนอยู่อย่างนี้ไปทำไม”“เธออย่ามาพูดเหมือนรู้ดีเลยเกล้า”ในดวงตาสีน้ำตาลนั้น หาได้หวั่นไหวกับคำถามเธอไม่“เกล้าพูดอย่างที่ตาเห็นค่ะ แค่นี้นะคะ วันนี้เหนื่อยแล้ว เกล้าอยากพักผ่อน”เกล้ากมลกลับเข้าห้อง ล็อกมันเสียจากเขา ทิ้งตัวลงนอน...แล้วน้ำตาก็ไหล พูดไปเสียตั้งมากมาย คำว่ารักที่ได้กลับไม่มีหลุดจากปากเขาหากให้คะแนนผู้ชายยอดแย่ ตอนนี้เธอให้กรวีกับอิธานคะแนนเท่ากัน พวกชอบทำร้ายจิตใจผู้หญิง หากคิดพินิจสักนิด หากไตร่ตรองเสียหน่อย แค่คำว่ารักสั้น ๆ คำเดียวก็ท
เป็นรุ่งเช้าที่เกล้ากมลตื่นมาเพียงลำพังในห้องนอน แต่พอเปิดตู้เสื้อผ้าตามความเคยชิน ก็พบว่าเสื้อทุกตัวของเธอจากบ้านมารดามาอยู่ที่นี่แล้ว บนโต๊ะเครื่องแป้งมีถุงยาและสมุดฝากครรภ์จากคลินิกวันดี อิธานเอามันมาได้อย่างไร!อาการโมโหของเธอยังไม่ได้คำตอบ พอดีกับชายหนุ่มในสภาพเพิ่งอาบน้ำเสร็จ นุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว เดินออกมาจากห้องน้ำ“นอนต่ออีกไหม เดี๋ยวสักเจ็ดโมงฉันจะปลุก”เขาหอมหน้าผากมนของภรรยาที่กำลังตะลึงอยู่“คุณอิธไปเอาของเกล้ามาได้ยังไง”“ก็ให้คนไปเอาที่กรุงเทพ ไม่รู้เธอจะใช้ชิ้นไหนบ้าง เลยเอามาหมด”โดยมีสนานกับคนงานอีกสองคน ติดตามกึ่งขู่ คนขับรถกินรีจนไปถึงบ้านที่กรุงเทพฯ ได้สำเร็จ“บ้าไปแล้วหรือยังไง”“ก็ฉันบอกแล้วว่าให้เธออยู่นี่” เขาไปเปิดอีกตู้หนึ่งเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า“วันนี้เรามีแขกด้วยนะ ซันมันมา”เกล้ากมลเลิกคิ้ว“พี่ซันมาทำไมคะ”อิธานไม่ชอบตงิด ๆ ที่เธอเรียกคู่แข่งตัวฉกาจของเขาแบบนั้น“มารับเมียมันกลับ”ใจเกล้ากมลหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม“พาฉันไปหาพี่ลูกน้ำทีค่ะ คุณอิธนะคุณอิธ ทำให้เรื่องยุ่งเข้าไปอีกทำไม”ภาพในหัวเธอคือชนันธรโดนกรวีทำร้าย ร้องไห้น้ำตานอง แต่ที่ไปเห็นจริง ๆ คือกรกวีโ
“มานี่เลยนะเกล้า”ไม่ยากนักที่ชายหนุ่มจะดันประตูให้เปิดกว้าง แล้วคว้าแขนกึ่งลากเธอไปยังห้องหอของทั้งสอง“เราไม่มีอะไรต้องพูดกันแล้ว พรุ่งนี้เกล้าจะไปหย่าให้ ลูกนี่เกล้าก็จะดูแลเอง ไม่ให้ใช้นามสกุลคุณ เกล้าจะไม่เอาอะไรไปสักบาท”เกล้ากมลบอกพลางหอบ เพราะต้องต้านแรงเขาที่ลากเธอไปยังห้องหอได้สำเร็จ“คุณไปมีลูกใหม่กับคนอื่นเถอะ พี่ลูกน้ำนั่นไง”“นั่นเมียคนอื่น ฉันมีเมียเดียวคือเธอ”สมองเกล้ากมลต้องห้ามใจตัวเองอย่างหนัก ไม่ให้เต้นแรงเกินไป บอกว่าไม่ให้เชื่อคำพูดเขา“ไม่ต้องไปเฝ้าคุณย่า นอนให้ห้องนี้กับฉัน” เขากดเธอนั่งลงบนเตียง“เกล้าจะหย่า” หญิงสาวบอกเสียงหอบ หน้าแดงจัด“ฉันไม่ยอมให้หย่า”“ลูกเกิดจากความไม่ตั้งใจของเราทั้งคู่นะ”เธอเตือน หวังว่าเขาจะนึกได้บ้างว่าหลังจากคืนนั้นเขาทำตัวเย็นชากับเธอขนาดไหน“ไม่ว่าลูกจะเกิดจากอะไร ฉันยินดีต้อนรับแก”เขายิ้มกว้าง มือใหญ่หยาบกร้านลูบหน้าท้องเธอไปทั่ว“คุณอิธเป็นผู้ชายที่แย่มาก พอรู้ว่ามีลูกกับเกล้าก็จะทิ้งพี่ลูกน้ำเลยเหรอคะ”“ฉันกับเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกันแล้ว เธอนั่นแหละไปอยู่บ้านแม่ทำไม”หน้าท้องเธออุ่นและเรียบเนียน ส่วนไหนหนอที่เป็นที่อยู่ของเจ้
“คุณท่านไม่สบาย”วรดาส่งข่าวมาในเช้าวันศุกร์หลังกินรีเดินทางไปอเมริกาหนึ่งอาทิตย์“โรคคนแก่ ตั้งแต่เกล้าไปอยู่กรุงเทพ ท่านก็ดูซึม ๆ มาเยี่ยมท่านไหม”ยายพลวงทำปากพะงาบ ๆ บอกบทลูกสาว จนเกล้ากมลบอกว่าจะมาเยี่ยมนั่นแหละนางจึงยิ้มได้“แล้วคุณท่านจะยอมเล่นเป็นคนป่วยเหรอแม่”หลังจบสายเพื่อน วรดาก็ถามผู้เป็นแม่เสียงอ่อย“ยอมสิวะ ท่านก็คิดถึงเกล้าจะตาย”ยายพลวงกำลังวางแผนให้ทุกคนกลับมาอยู่ด้วยกัน เมื่อเจ้านายถือทิฐิกันนัก คนรับใช้อย่างนางนี่แหละจะจัดการทุกอย่างเอง เพื่อให้ไร่สมบูรณ์ดีกลับมาสุขสงบเหมือนเคยเกล้ากมลมาด้วยการนั่งรถยุโรปคันโต เธอผิวขาวนวลขึ้น ใบหน้าผุดผาด วรดาถึงกับห่อปากเพราะเพื่อนดูสวยแม้แต่งหน้าเพียงบางเบา“รัศมีคุณหนูจับมากเลยเกล้า สวยจริง”เธอเลือกใส่ชุดแซกทรงตรง เพื่อพรางรูปร่างที่กำลังขยาย“คุณย่าล่ะ”วรดาพาหญิงสาวไปพบผู้สูงวัยซึ่งนอนดูโทรทัศน์อยู่ในห้องนอน ยายพลวงต้องรีบสะกิดให้ท่านทำตัวโศกเมื่อเกล้ากมลเข้ามา คุณย่าอิสรีดูผอมลง ผมขาวมีแซมบนศีรษะมากขึ้น หญิงก้มลงกราบที่หน้าอก ท่านเอามือเหี่ยวย่นลูบศีรษะคนที่เลี้ยงมาแต่เล็กแต่น้อย“เกล้าสบายดีไหม”“สบายดีค่ะ คุณย่าล่ะคะ”“สุ