LOGINแววตาของฮั่วหลินแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาในพริบตา สายตาคมกริบทิ่มแทงไปที่ฮั่วถิง[เจ้าคนเลวทรามต่ำช้านั่น กล้ามองนางด้วยแววตาเช่นนั้นเชียวรึ][ข้าจะสับร่างเขาเป็นหมื่นๆ ชิ้น แล้วนำไปให้อาหารหมาเสีย!][ไม่ ให้อาหารหมายังดีเกินไป][ข้าจะถลกหนังเลาะเส้นเอ็นของเขาทั้งเป็น ทุบกระดูกทุกชิ้นให้แหลกละเอียด สับให้เละแล้วนำไปทำเป็นของว่างให้จิงเหลยกับจี๋เฟิง!]ฮั่วถิงที่กำลังจมดิ่งอยู่ในภวังค์ตื่นเต้นที่ได้เชยชม ‘เหยื่อ’ ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตขุมหนึ่งเขาสะท้านไปทั้งตัว ครั้นเงยหน้าขึ้นมองตามสัญชาตญาณ ก็สบเข้ากับสายตาพิฆาตของฮั่วหลินพอดีรอยยิ้มบนใบหน้าของฮั่วถิงแข็งทื่อไปทันที นิ้วมือที่ถือแก้วสุรากระชับแน่นทันที แม้แต่ถ้วยสุราก็ยังส่งเสียงที่ราวกับกำลังร้องขอความช่วยเหลือออกมาหัวใจของเขาเต้นอย่างบ้าคลั่ง แผ่นหลังซึมเปียกไปด้วยเหงื่อ ทว่าเพียงชั่วพริบตาเดียวฮั่วถิงข่มกลั้นความหวาดกลัวในใจ ประกายชั่วร้ายพาดผ่านดวงตาเหอะ ฮั่วหลินโกรธแล้ว ดูท่าเขาคงจี้โดนจดฮั่วหลินเข้าแล้วสินะทว่าสิ่งที่เขาหมายตา ช้าเร็วอย่างไรก็ต้องได้มาครอบครอง โฉมสะคราญผู้นี้อย่างไรเขาก็จะชิงมาให้ได้ฮั่ว
เจียงหวนประคองชามกระเบื้องใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยล่ากู่ และเดินไปหยุดยืนต่อหน้าพวกเขา“ลำบากพวกเจ้าแล้ว เมื่อครู่ช่วยข้าล้างทำความสะอาดล่ากู่พวกนี้ เหนื่อยไม่น้อยทีเดียว มา ลองชิมดู”ขันทีและนางกำนัลพวกนั้นจ้องมองล่ากู่ที่ยังมีไอร้อนลอยกรุ่นอยู่ด้านบน ต่างก็หน้าซีดทุกคนพวกเขามองหน้ากัน ไม่มีใครกล้าขยับมือก่อนเจียงหวนเห็นดังนั้นจึงชี้ไปที่ฮั่วหลิน“ไม่ต้องกลัว แม้แต่ฝ่าบาทก็เสวยแล้ว”พวกเขาได้ยินก็หันไปมองทางฮั่วหลินฮั่วหลินยุ่งอยู่กับการต่อกรกับล่ากู่ในมือ เขาเพียงเอ่ยด้วยเสียงเย็นๆ โดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าว่า “มองข้าทำไมกัน พระสนมจวงเฟยตกรางวัลให้ ยังไม่รีบขอบคุณอีก?”ครั้นขันทีผู้ดูแลและนางกำนัลขันทีน้อยพวกนั้นได้ยินฮ่องเต้รับสั่ง ก็สะดุ้งตกใจ รีบคุกเข่าขอบคุณทันที“ขอบพระทัยฝ่าบาท! ขอบพระทัยพระสนมจวงเฟยที่ทรงตกรางวัลพ่ะย่ะค่ะ!”พวกเขาจ้องล่ากู่ ก่อนจะหลับตาและตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว แกะเปลือกล่ากู่เลียนแบบฮั่วหลินอย่างงุ่มง่าม จากนั้นก็ยัดเข้าปากของตนเองผ่านไปไม่นาน เสียงอุทานด้วยความตกใจก็ดังขึ้นในห้องระลอกแล้วระลอกเล่า“สวรรค์! จะอร่อยเกินไปแล้วกระมัง”“ทั้งชาทั้งเผ็ด หย
ฮั่วหลินจ้องมองแมลงรูปร่างแปลกประหลาดที่อยู่ในจาน รู้สึกชาไปทั้งหัว[กลิ่นหอมเย้ายวนใจก็จริง แต่รูปร่างหน้าตาของมันน่ากลัวเกินไปจริงๆ…]ฮั่วหลินมองแมลงในจานที่ยังคงมีรูปร่างบิดเบี้ยว จากนั้นก็หันไปมองดวงตาที่เปล่งประกายคู่นั้นของเจียงหวน มนุษย์น้อยในตัวเขาเริ่มต่อสู้กันอีกครั้ง[กลิ่นหอมก็จริง แต่เจ้าสิ่งนี้กินได้จริงๆ หรือ?] [จะมีพิษหรือไม่นะ? กินแล้วคงไม่เป็นไรหรอกกระมัง][ข้าเป็นถึงโอรสสวรรค์ หากเรื่องที่ข้ากินแมลงแพร่ออกไปจะเหลือภาพพจน์อะไรอยู่อีกหรือ? แต่กลิ่นนี้จะหอมเกินไปแล้วกระมัง!!!]การต่อสู้ทางความคิดของเขายังคงดำเนินต่อไปอย่างดุเดือด เหงื่อเริ่มผุดซึมที่ขมับบางๆเจียงหวนได้ยินเสียงในใจที่ยังคงลังเลของเขา จึงถอนหายใจเบาๆนางวางจานลง จากนั้นก็หยิบล่ากู่ตัวหนึ่งขึ้นมาแกะเปลือกออกเนื้อขาวเนียนของล่ากู่ปรากฏสู่สายตา กลิ่นหอมฉุยลอยมาแตะจมูก“อ้าปาก อา”เจียงหวนยื่นเนื้อล่ากู่ตัวนั้นมาที่ริมฝีปากของฮั่วหลินโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงเนื้อของล่ากู่อยู่ใกล้แค่เพียงตรงหน้า กลิ่นหอมที่ผสมผสานกับกลิ่นของกระเทียมเจียวกำลังเริงระบำอยู่ตรงปลายจมูกของฮั่วหลิน เย้าแหย่ความมุ่งมั่นที
ฮั่วหลินขมวดคิ้ว มองดูล่ากู่สีดำทะมึนตัวนั้น หนังตากระตุกไม่หยุด[ไม่ได้เด็ดขาด ข้าไม่อยากเปลี่ยนจากคนรักกลายเป็นพี่น้องกับนาง][ช่างเถิดๆ ฝีมือของนางเคยทำให้ข้าผิดหวังเสียเมื่อใดกัน นางบอกว่ากินได้ก็ย่อมกินได้!]มนุษย์น้อยในใจฮั่วหลินต่อสู้กันอย่างดุเดือด เขามิอาจทำใจยอมรับแมลงนี้ได้ แต่เมื่อเห็นดวงตาที่เป็นประกายของเจียงหวน จึงทำใจปฏิเสธไม่ลง[ไม่ลังเลแล้ว อย่างมากข้าก็กินน้อยหน่อย]เขาสูดหายใจลึกๆ ราวกับตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้ว จากนั้นจึงหันไปโบกมือสั่งการขันทีผู้ดูแลที่ยังคงยืนอึ้งอยู่“ไม่ได้ยินที่พระสนมจวงเฟยพูดหรือ? ทำความสะอาดแมลงเหล่านี้ให้เรียบร้อย แล้วนำไปส่งที่ห้องครัวเล็กในตำหนักเว่ยยาง”ขันทีผู้ดูแลรีบรับคำ “บ่าวรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”ฮั่วหลินหันไปมองเจียงหวน น้ำเสียงแสดงออกถึงความห่วงใยระคนหน่ายใจ“เอาล่ะ วัตถุดิบก็เลือกเสร็จแล้ว ตามข้ากลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถิด ดูเจ้าสิเปียกไปทั้งตัวแล้ว ประเดี๋ยวเป็นหวัดขึ้นมาจะทำเช่นไร”เจียงหวนเห็นเขายอมรับปากแล้ว จึงยิ้มแย้มอย่างมีความสุขนางโยนล่ากู่ในมือตัวเองใส่ในน้ำในกะละมัง จากนั้นก็หันไปล้างมือข้างบ่อน้ำ แล้วจึงค่อยดึ
พวกนางกำนัลกรีดร้องไม่ขาดสาย ขยับมือขยับไม้เป็นพัลวัน สถานการณ์โกลาหลอย่างมาก“กรี๊ด มันหนีบข้า มีพิษหรือไม่ ข้าจะตายหรือไม่?”“เรียกคนมาอีกสามคน ช่วยข้ากดมันไว้!”“พระสนม มันหนีไปแล้วเพคะ! มันไปทางนั้นแล้วเพคะ!”เจียงหวนยืนอยู่ท่ามกลาง ‘สมรภูมิรบ’ นางม้วนแขนเสื้อ ยืนเท้าสะเอว ชี้นิ้วสั่งการอย่างใจเย็น ราวกับแม่ทัพหญิงที่บุกตะลุยโจมตีข้าศึก“เสี่ยวเจา ยืนขวางประตูไว้”เมื่อเห็นว่าสถานการณ์พลิกผัน พวกนางใกล้จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในสงครามระหว่างมนุษย์และล่ากู่ในครั้งนี้แล้วนางลงสนามด้วยตนเอง แสดงให้เห็นว่าต้องจับกระดองล่ากู่ด้วยความไวแสงเช่นไร และต้องหลบเลี่ยงก้ามที่แสนอันตรายคู่นั้นอย่างไรการเคลื่อนไหวนั้นทั้งว่องไวและคล่องแคล่ว ทำเอาขันทีผู้ดูแลและกลุ่มขันทีน้อยที่ยืนดูอยู่ข้างๆ ต่างตะลึงปากอ้าตาค้างพระ… พระสนมจวงเฟยจะร้ายกาจเกินไปแล้วกระมัง?แมลงพวกนี้แค่ดูก็น่ากลัวแล้ว ก้ามใหญ่ๆ ของพวกมันส่งเสียงกร๊อบแกร๊บ หากโดนหนีบจะไม่เห็นเลือดกันเลยหรือ?เหตุใดพระสนมจึงไม่กลัวแม้แต่น้อย? ยังเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วขนาดนั้นอีก?ในขณะที่เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายอยู่นั้น แสงสว่างที่ประตูทางเข้
รอยยิ้มบนใบหน้าของลี่เฟยแข็งทื่อไปทันที หน้าเปลี่ยนสีจากเขียวสลับเป็นขาว หน้าอกกระเพื่อมขึ้นกระเพื่อมลงอย่างรุนแรงกล้านำพระพุทธศาสนามาข่มนาง ซ้ำยังปรักปรำนางว่าไม่ขอพรอย่างจริงใจ?มีอย่างเสียที่ไหน!ลี่เฟยขบกรามด้วยความโกรธจนฟันแทบแหลกละเอียด ทว่ากลับโต้เถียงไม่ออกแม้แต่คำเดียววาจาประโยคนี้ของเจียงหวน ทุกคำล้วนมีเหตุผล อีกฝ่ายยกเรื่องการขอพรของไทเฮามาอ้าง หากนางยังบังคับให้เจียงหวนทำอาหารอีก มิเท่ากับยอมรับความผิดฐานตะกละตะกลามหรอกหรือ?“ดูน้องสาวจวงเฟยพูดเข้า ข้าเพียงแต่เห็นเหล่าพี่น้องเหน็ดเหนื่อยแล้วก็เท่านั้น เหตุใดจึงถูกน้องสาวกล่าวบิดเบือนจนกลายเป็นเช่นนี้ไปได้?”นางพยายามกู้หน้ากลับมา ทว่าความโกรธเกรี้ยวในน้ำเสียงกลับมิอาจปิดบังไว้ได้ในเวลานี้เอง หลี่กูกู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังเจียงหวนมาตลอดก้าวเท้าออกมาหนึ่งก้าว“บ่าวรับคำสั่งจากฝ่าบาทให้คอยจัดระเบียบกฎเกณฑ์ในวังหลัง จึงจำต้องตักเตือนพระสนม การคัดลอกพระคัมภีร์เพื่อขอพรนั้น ให้ความสำคัญเรื่องการถือศีลกินเจ ชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ การพูดคุยเรื่องอาหารในเวลานี้ โดยเฉพาะการสั่งให้นางสนมเข้าครัวทำอาหาร เป็นเรื่องไม่เหมาะสมอย่างย







