“แต่น่าเสียดาย น้องหนูจะไม่อยู่ทำอาหารให้พี่ยงค์กินแล้วนะจ๊ะ” เธอแสร้งพูดเสียงเศร้า
“ทำไมล่ะ น้องหนูจะไปไหนเหรอ?” หัวหน้าคนงานถามทันควัน
“ก็น้องหนูจะย้ายไปทำงานที่ไร่ปลายฟ้าน่ะสิจ๊ะ เจ้าของไร่ที่โน่นเขาให้เงินเดือนน้องหนูมากกว่าที่นี่ตั้งสามเท่า”
ประยงค์หูผึ่งแล้วมีอาการตกใจเมื่อรู้ว่าสาวช่างยั่วจะย้ายไปทำงานอีกไร่หนึ่ง ซึ่งเป็นไร่คู่อริของไร่พฤกษา
“น้องหนูจะไปจริงๆ เหรอ พี่ว่าอย่าไปเลย ทำงานที่นี่น่ะดีแล้ว?” เขาถามเพื่อความแน่ใจ พร้อมทั้งท้วงติง
“ไปจริงๆ สิจ๊ะพี่ยงค์ ทำงานที่นี่ได้เงินเดือนหกพัน ไปอยู่ที่ไร่โน้นได้ตั้งหมื่นแปด ใครบ้างล่ะจ๊ะที่จะไม่ไป”
“พี่คงคิดถึงน้องน้องหนูแย่เลย”
ประยงค์เอ่ยเสียงเศร้าที่จะไม่ได้เห็นหน้าคนที่เขารัก คนที่เขาตามจีบมานานสองสัปดาห์
“ก็ไม่เห็นยากเลยนี่จ๊ะ พี่ยงค์ก็ไปทำงานที่โน่นกับน้องหนูด้วย แค่นี้เราก็ได้เจอกันทุกวันแล้วจ้ะ” เธอเอ่ยบอกชายหนุ่มตรงหน้าแถมยังส่งสายตาหวานระยับให้อีกฝ่าย พร้อมกันนี้ยังขยับร่างกายเข้าไปใกล้ร่างสูง เกาะลำแขนเขาอย่างออดอ้อน
“นะจ๊ะพี่ยงค์ ย้ายไปทำงานกับน้องหนูนะจ๊ะ นะ นะพี่ยงค์คนดีของน้องหนู”
เธอเอ่ยเสียงหวานบาดใจ เขยิบร่างเบียดกระแซะร่างหนาให้มากกว่าเดิม ซบหน้าลงบนลำแขนของเขา ประยงค์ถึงกับใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ลำพังถูกเธอยั่วยวนเขาก็แทบจะหมอบอยู่ตรงหน้า นี่เธอเล่นอ้อนแบบเผาขน หัวใจของเขาอ่อนยวบ แต่ทว่าเจ้าของไร่พฤกษาก็มีบุญคุณกับเขามาก หากทิ้งงานไปกลางคันที่นี่อาจมีปัญหาได้ เนื่องจากใกล้วันเก็บผลผลิตเข้ามาทุกทีแล้ว
“แต่...แต่ว่าพี่กลัวคุณทอร์ชจะว่าพี่น่ะสิ ใกล้วันเก็บผลผลิตแล้วด้วย” เขาพูดอย่างสองจิตสองใจ
“แหม...พี่ยงค์ก็ คุณทอร์ชรวยจะตายไป อีกอย่างนึงนะคนงานก็มีตั้งเยอะตั้งแยะ ขาดพี่ไปสักคนไร่นี้ไม่เจ๊งหรอจ้ะ นะจ้ะพี่ยงค์จ๋า ไปทำงานที่ไร่โน้นกับน้องหนูนะจ๊ะ”
เธอยังลากเสียงหวานโน้มน้าวหัวหน้าคนงานต่อไป แม้ว่าจะรู้สึกไม่ดียามที่แตะเนื้อต้องตัวเขามากเพียงใดก็ตาม ท่องเอาไว้ว่าเพื่องาน เพื่องาน คนที่ถูกอ้อนกำลังคิดหนัก ความอยากไปและไม่อยากไปเท่าๆ กัน
“แต่...พี่ พี่”
“ถ้าพี่ยงค์ไม่ไป แสดงว่าไม่รักน้องหนูจริง น้องหนูอุตส่าห์หน้าด้านหน้าทนชักชวนให้พี่ยงค์ไปอยู่ที่โน้นด้วย เพราะต้องการร่วมหอลงโลงกับพี่ แต่ถ้าพี่ไม่อยากอยู่กับน้องหนูก็ตามใจ น้องหนูไปอยู่คนเดียวก็ได้ค่ะ”
เธอใช้ไม้ตายไม้สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ได้ผล...คนที่ฟังอยู่ถึงกับตาค้าง ตกใจกับคำพูดของหญิงสาวร่างสวย
“มะ...หมายความว่ายังไง น้องหนูพูดอย่างกับว่ารักพี่” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“พูดแค่นี้ยังไม่รู้อีกเหรอจ๊ะพี่ยงค์ คนงานคนอื่นจีบน้องหนูตั้งเยอะแยะ แต่น้องหนูก็เลือกที่จะรักพี่ยงค์ แต่ถ้าพี่ยงค์ไม่รักน้องหนูเหมือนกับที่พูดกับน้องหนูบ่อยๆ พี่ยงค์ก็ไม่ต้องใส่ใจคำพูดของน้องหนูก็ได้ค่ะ”
เธอสะบัดมือที่จับลำแขนหนา พร้อมกับสะบัดร่าง สะบัดหน้าหนี คนตัวใหญ่กว่ารีบโอบกอดสาวขี้งอนในทันที เธอหันไปเบ้หน้าเล็กน้อยเมื่อตกอยู่ในอ้อมแขนของหัวหน้าคนงาน แต่ก็ต้องอดทนอดกลั้นที่จะไม่ผลักไสร่างของประยงค์ให้ออกห่าง เพราะอีกนิดเดียวแผนการของเธอก็จะสำเร็จแล้ว
“จ้ะๆ พี่จะย้ายไปทำงานที่ไร่ปลายฟ้ากับน้องหนู แต่ว่าคุณท็อปจะรับพี่หรือจ๊ะ?”
ข้อนี้เองที่เขาไม่แน่ใจ กลัวว่าไปกับเธอแล้วเขาจะไม่ได้ทำงานที่ไร่แห่งนั้น นั่นเท่ากับว่าเขาต้องตกอยู่ในสภาพตกงาน
“ไม่ต้องเป็นห่วงเลยจ๊ะพี่ยงค์จ๋า เรื่องนั้นไม่มีปัญหาค่ะ คุณท็อปฝากมาบอกคนงานทุกคนที่ไร่นี้ว่า ถ้าย้ายไปอยู่กับเขาที่โน่น เขาจะให้เงินเดือนเพิ่มเป็นสามเท่าทุกคนค่ะ” เธอพูดตามแผน
“ทุกคนเลยเหรอ คนงานที่ไร่ปลายฟ้าก็มีพอๆ กับที่นี่ แล้วจะรับคนงานเพิ่มทำไม?”
ประยงค์ถามอย่างคลางแคลงใจ น้องหนูทนความอึดอัดที่ตนเองอยู่ในอ้อมแขนของชายที่ไม่ได้หมายปองไม่ไหว ค่อยๆ ปลดลำแขนหนาออกอย่างสุภาพ ยืดตัวลุกขึ้นยืน แล้วหันหน้ามาเผชิญหน้ากับคนที่นั่งอยู่บนแคร่
“ตอนนี้คุณท็อปกำลังขยายไร่ค่ะพี่ยงค์ เขาเลยต้องการคนงานเพิ่ม ว่าไงจ๊ะตกลงจะย้ายไปอยู่ไร่โน้นกับน้องหนูหรือเปล่าจ๊ะ?”
เธอถามอีกรอบ ทำหน้าเศร้าราวกับว่าถ้าเขาไม่ไปเธอจะเสียใจมากมาย
“ถ้าเป็นอย่างนั้นไปก็ไปจ๊ะ น้องหนูอยู่ที่ไหน พี่อยู่ที่นั่น” เขาตัดสินใจในที่สุด
“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เจ็ดโมงเช้าเจอกันที่ปากทางเข้าไร่นะจ๊ะ ถ้าพี่ยงค์ไม่มาแสดงว่าพี่ยงค์ไม่รักน้องหนู แล้วน้องหนูก็จะไม่ให้พี่ยงค์เห็นหน้าอีกเลย” เธอกำชับพร้อมข่มขู่
“ไปจ้ะ พี่จะไปรอน้องหนูก่อนเจ็ดโมงเช้าด้วย”
เขารีบพูดเพราะกลัวว่าสาวน้อยตรงหน้าจะโกรธแล้วทำตามที่พูดออกมาเมื่อครู่
“ดีมากค่ะพี่ยงค์ขา น้องหนูไปก่อนนะจ๊ะ พรุ่งนี้เจอกัน อ้อ!!...เย็นนี้น้องหนูจะทำกับข้าวพิเศษให้พี่ยงค์ทานนะคะ หมูทอดหมักนมสด”
น้องหนูพูดไปแอ่นหน้าอกไปทางประยงค์ที่นั่งกลืนน้ำลายลงคอ อยากจะกินนมสดที่เย้ายวนตรงหน้าเต็มแก่ น้องหนูทั้งสวย รูปร่างอวบอิ่ม ผิวกายเนียนนุ่ม นมเป็นนมเนื้อเป็นเนื้อ ไม่แปลกที่ประยงค์กับคนงานในไร่ต่างหลงใหลและหมายปอง และนั่นทำให้งานของเธอง่ายขึ้น
นางยั่วจำเป็นเดินนวยนาดออกห่างต้นหูกวาง สถานที่ที่หัวหน้าคนงานที่รั้งตำแหน่งวิศวกรของไร่องุ่นนั่งทานข้าวเป็นประจำ เพื่อไปยังจุดหมายใหม่...เพิงพักคนงาน
Chapter 52และการที่เพียงรัมภามาอยู่ที่บ้านของกวีวัชน์ ทำให้เธอได้พบกับกวีชาติก่อนวันสอบสองวัน หน้าตาของกวีชาติที่เธอเห็นนั้น ยังมีรอยฟกช้ำกระจายเป็นจุดๆ บนใบหน้าวินาทีแรกที่กวีชาติเห็นหน้าเพียงรัมภา แล้วรู้ว่าเธอมาอยู่ที่นี่ในฐานะของผู้หญิงของพี่ชาย เขาตกใจไม่น้อย แทบจะพูดอะไรไม่ออก คิดในใจว่าน่าจะเป็นผลพวงเรื่องในค่ำคืนนั้นพอตั้งสติได้เขาก็พูดประโยคหนึ่งขึ้นมา เป็นประโยคที่เขาตั้งใจจะพูดกับเธอหากเผชิญหน้ากัน“มอสขอโทษนะรัมภา ขอโทษในสิ่งที่มอสทำลงไปทั้งหมด” กวีชาติพูดอย่างกล้าหาญ พูดอย่างลูกผู้ชายที่ทำผิดแล้วต้องยอมรับผิด และเขาก็หวังว่าจะได้รับการยกโทษจากหญิงสาวตรงหน้า“ไม่เป็นไร เรื่องมันผ่านมาแล้ว กลับไปแก้ไขก็คงไม่ได้” เพียงรัมภาเวลานี้ไม่ถือโทษโกรธกวีชาติแต่อย่างใด เธอคิดเพียงว่าเมื่ออีกฝ่ายสำนึกผิดและกล่าวคำขอโทษ เธอก็พร้อมที่จะให้คำว่าอภัยและไม่จองเวรต่อกัน ขอโทษ...คำขอโทษที่ว่านี้เธอเองก็สมควรที่จะกล่าวคำนี้กับกวีชาติเช่นกัน เนื่องจากเธอไม่ได้เข้ามาในชีวิตของกวีชาติเพราะคำว่ารัก ไม่ได้ทำแบบทดสอบของกวีวัชน์เพราะคำนี้เช่นกัน แต่ที่ทำลงไปทั้งหมด เพื่อสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าวนา
Chapter 51สองสัปดาห์ต่อมา ณ ไร่พฤกษา“คุณทอร์ชเร็วๆ หน่อยสิคะ ชักช้าอืดอาดอยู่ได้”เสียงหวานของเพลงมีนาเร่งเจ้าของไร่หนุ่มที่กำลังสวมใส่รองเท้าหน้าหงิกหน้างอ รองเท้าบูทคู่เก่งของเขาไม่ได้ใส่ยากใส่เย็นอะไรเลย แต่กวินภพกลับสวมใส่มันนานราวเกือบสิบนาที“จะรีบร้อนไปไหน ในเมืองมันไม่ถูกธรณีสูบไปวันนี้หรอก”เขาเงยหน้าเอ่ยบอกเพลงมีนาที่หน้าง้ำอยู่ข้างรถกระบะคันเก่ง ยานพาหนะที่จะนำร่างของทั้งคู่ไปยังตัวเมือง“รองเท้าคู่นี้ก็ใส่อยู่ทุกวี่ทุกวัน ปกติเห็นใส่มันไม่ถึงนาที แต่ทำไมวันนี้ใส่ช้าจังหรือว่าแกล้งคะ?” เพลงมีนาตั้งข้อสงสัย“ใครบอกว่าฉันแกล้ง ที่ฉันใส่ช้าเพราะมดมันไต่อยู่บนรองเท้าต่างหาก ฉันไม่อยากทำบาปฆ่ามันตาย เพราะไม่รู้ว่ามดมันตัวเมียหรือว่าตัวผู้ ไม่รู้ว่าเป็นเด็กหรือว่าผู้ใหญ่ ฉันไม่อยากทำบาปถ้าหากใช้มือปัดมันแรงไปมันก็อาจจะตายได้ แล้วถ้ามันไม่ตายแต่กลับพิการ มดตัวนี้ก็ต้องลำบากเข้าไปใหญ่ ใครจะดูแลมันฉันก็เลยต้องปล่อยให้มันเดินไปจนกว่าจะออกไปจากรองเท้าของฉันเองไง”เพลงมีนาค้อนขวับทันทีที่ได้ยินคำกล่าวอ้างที่ไม่สมเหตุสมผลแต่อย่างใด เป็นคำพูดที่กวนประสาทมากกว่า อย่างเขานี้หรือจะกลัวบาป
Chapter 50 “อ๊า...อ๊า...คุณท็อป” เพียงรัมภาส่งเสียงครวญครางทันทีที่ปากหนาดูดเม้มยอดถันสีสวยสะดุดตา เริ่มจากข้างขวาเปลี่ยนมาเป็นข้างซ้าย โดยมีมือใหญ่ทำหน้าที่สลับปรับเปลี่ยนการทำงานไม่ต่างกับปาก ความสยิวซ่านแผ่กระจายไปทั่วเรือนร่าง ฮอร์โมนปรารถนาเดือดระอุ ยิ่งมือใหญ่นวดเฟ้นหนักมือ ล้นหนาตวัดสะบัดยอดถันและทิ่มแทงเป็นบางครั้งบางครา ตบท้ายด้วยการใช้ปากดึงดูดเข้าไปในปากร้อนผ่าว สลับหมุนเวียนทั้งสองข้างทรวง ยิ่งทำให้เพียงรัมภากระสันเสียวมากขึ้นทุกวินาที เธอถึงกับทนไม่ไหวครางกระเส่าไม่หยุด “อ๊า...อ๊า...อืม คุณท็อป” เพียงรัมภาแอ่นทรวงอกให้เขาเชยชม แอ่นรับปากและลิ้นที่ทำงานแข็งขัน ความร้อนรุ่มในเกมกามไม่ได้เกิดขึ้นกับเธอพียงคนเดียว เขาเองก็กำลังจะทานทนไม่ไหว ต้านทานเสน่หาที่เธอถ่ายทอดมาสู่ร่างกายเขาไมได้ ใกล้ชิดกันครั้งใด กวีวัชน์หลงลืมทุกสิ่งอย่างจนสิ้น ไม่นึกถึงสถานที่ ไม่นึกถึงความเหมาะสม นึกถึงเพียงสิ่งเดียวคือ เพลิงพิศวาสที่ต้องการปลดปล่อย ร่างงดงามถูกตวัดให้อยู่บนโซฟาตัวนุ่ม เขาไล่สายตามองความสวยงามที่อยู่ตรงหน้าตาละห้อย ดวงหน้าหวานสวยตอน
Chapter 49เอกวิทย์กับเดชดวงไม่ใช่น้องชายแท้ๆ ของเขา กวีวัชน์จึงไม่สามารถสั่งสอนดังใจคิดได้ เขาจึงเดินทางไปหาครอบครัวของสองหนุ่ม พร้อมกับบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ได้รับรู้“ที่ผมพูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง มันก็ขึ้นอยู่กับว่าทางพวกคุณจะอบรมสั่งสอนหรือทำยังไงให้ลูกหลานของพวกคุณหลาบจำ แต่ถ้าพวกคุณไม่มีจิตใต้สำนึกเหมือนกับสองคนนี้ ผมก็จนปัญญาที่จะพูด แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นมันก็ไม่แปลกที่สองคนนี้จะมีความเลวติดอยู่ในสายเลือด เพราะความเลวคงจะถ่ายทอดมาจากพันธุกรรม แก้ไม่หายรักษาไม่ได้ก็ต้องชั่วไปจนตัวตาย ผมขอตัวนะครับ ขอตัวไปจัดการกับน้องเลวๆ ที่บ้านก่อน” กวีวัชน์พูดได้อย่างเจ็บแสบ และทำให้อีกฝ่ายสะอึก มองหน้าชายหนุ่มหน้าตาดีที่เดินจากไปอย่างอื้ออึง ยังไม่ทันที่เขาจะเดินผ่านประตูบ้านดี เสียงดุด่า เสียงทุบตีก็ดังขึ้น ครอบครัวของเดชดวงและเอกวิทย์ กำลังสั่งสอนลูกหลานให้หลาบจำ ซึ่งเขาเองก็กำลังจะกลับไปสั่งสอนกวีชาติที่บ้านเช่นกัน“พี่ท็อป ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจเดชกับโอมมันยุผมครับ” คนที่เพิ่งถูกทำร้ายและถูกว่ากล่าวพนมมือร้องขอความเห็นใจ พร้อมกับขอโทษเสียงสั่น“มึงไม่ต้องเอาความชั่วใส่คนอื่น ถ
Chapter 48“คุณท็อปจะขอคำแนะนำอะไรรัมภาเชิญตามสบายเลยนะคะ ดิฉันขอตัวก่อน”“แม่ไม่อยู่ด้วยเหรอคะ?”เพียงรัมภาเอ่ยถามสตรีที่เปรียบเสมือนมารดาคนที่สองทันทีที่ได้ยินคำพูดของนาง น้ำเสียงที่ถามนั้นตกใจไม่น้อย จะให้อยู่ตามลำพังกับกวีวัชน์สองต่อสองอย่างนั้นหรือ ไม่ไหวแน่ๆ หากเป็นเมื่อก่อนเธอสู้ไม่ถอย แต่หลังจากเหตุการณ์ในคืนนั้น หน้าเขาเธอก็แทบไม่กล้ามอง ความอายมันอาบซ่านเต็มดวงหน้า“แม่จะไปเยี่ยมสุดาที่โรงพยาบาลกับยุน่ะรัมภา รัมภาอยู่คุยกับคุณท็อปนะลูก” วนารัตน์ตอบเด็กในปกครอง ก่อนจะหันไปกล่าวคำลากับกวีวัชน์ “คุณท็อปคะ ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ”“ครับ ตามสบายครับ สวัสดีครับ”กวีวัชน์พนมมือไหว้กล่าวลาตามมารยาท มองตามร่างวนารัตน์ที่เดินออกไปจากห้องด้วยรอยยิ้มร้าย และทันทีที่ประตูห้องปิดลง เขารีบลุกขึ้นยืน เดินตรงไปยังประตูบ้านนั้น แล้วกดล็อค“คุณจะล็อคห้องทำไม?”เสียงสั่นๆ ของเพียงรัมภาเอ่ยถาม ใจนึกหวาดหวั่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ใช้สรรพนามคำว่าคุณ แทนพี่ที่เคยเรียกขาน“ก็จะได้คุยกันได้อย่างสะดวก ไม่มีใครมากวนไงล่ะ แล้วทำไมถึงไม่เรียกพี่เหมือนก่อน”เขาตอบกลับพร้อมเอ่ยถาม“ก็คุณไม่ใช่พี่ของฉันนี่ เรียกค
Chapter 47รถทัวร์ 32 ที่นั่งที่วิ่งระหว่างจังหวัดลำปางมุ่งตรงสู่กรุงเทพมหานคร วิ่งไปตามถนนสายหลักด้วยความเร็วตามปกติ คนที่นั่งอยู่ในรถบางคนนอนหลับพักผ่อน บางคนนั่งฟังเพลงจากเครื่องเล่นที่นำติดตัวมา บางคนนั่งทานขนมพร้อมกับมองไปยังด้านนอกตัวรถชมวิวข้างทาง แต่มีอยู่สตรีนางหนึ่งเอาแต่นั่งปาดน้ำตาเม็ดใสที่รินไหลลงมาไม่หยุด เมื่อนึกถึงเหตุการณ์บางเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาสดๆ ร้อนๆที่มาของน้ำตานั้นยังคงฝังรากลึกในจิตใจของเพียงรัมภา ความเสียใจมากพูน เป็นความเสียใจที่ไม่อาจหลุดออกไปจากหัวใจง่ายๆ ด้วย จะมีใครขจัดความเสียใจไปได้ เมื่อรู้ตัวว่าความสาว ความบริสุทธิ์ที่เพียรรักษาไว้ ถูกกระชากไปด้วยฤทธิ์ยากนรกนั่น แม้ว่าชายคนที่พรากสิ่งนั้นไปคือผู้ชายที่เธอรักก็ตามวันนี้ราวเที่ยงเศษร่างสาวที่นอนหลับใหลบนเตียงอย่างมีความสุข สะดุ้งตัวตื่นมาก็พบว่า ตนเองอยู่ในอ้อมกอดของกวีวัชน์ชายที่ตนเองรักวินาทีนั้นเพียงรัมภาทั้งตกใจ อื้ออึงและสับสน คิดว่าเป็นแค่เพียงความฝัน ลองหลับตาแล้วลืมขึ้นอีกครั้ง แต่ภาพที่อยู่ตรงหน้าก็ยังเหมือนเดิม พอตั้งสติได้เพียงรัมภาก็นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น นึกเท่าที่จะนึกได้และแล้ว