หลังจากที่ทานอาหารกลางวันจนอิ่มหนำแล้ว คนงานชายส่วนใหญ่จะมานั่งเล่นนอนเล่นในเพิงพักคนงาน รอเวลาบ่ายโมงเพื่อกลับเข้าไปในไร่อีกครั้ง แต่ทว่าวันนี้คนที่นั่งเล่นนอนเล่นไม่มีกระจิตกระใจจะทำอย่างเช่นทุกวัน เนื่องจากสาวร่างสวยได้เดินเข้ามาในเพิงพัก ก่อนจะทรุดกายนั่งลงบนแคร่กลางเก่ากลางใหม่ ตวัดเรียวขาสวยข้างหนึ่งทับอีกข้างหรืออีกนัยหนึ่งคือนั่งไขว่ห้าง คนงานหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่นั่งอยู่ในเพิงพัก ตารุกวาวกันเป็นแถว มองหุ่นสวยของอีกฝ่ายแทบจะกลืนกิน
“พี่แหลมสิงห์จ๋า พรุ่งนี้พี่กับเพื่อนๆ ก็จะไม่ได้กินอาหารฝีมือน้องหนูแล้วนะจ๊ะ เพราะน้องหนูจะย้ายไปทำงานที่ไร่ปลายฟ้า”
เธอเริ่มพูดตามแผน พอชายหลายคนได้ยินดังนั้นทุกคนต่างตกใจไม่น้อย แต่ละคนทำหน้าทำตาเสียดาย
“อยู่ที่นี่ก็ดีอยู่แล้ว ทำไมน้องหนูถึงได้ไปทำงานที่ไร่โน้นล่ะ?” แหลมสิงห์คนงานร่างใหญ่เอ่ยถาม
“ก็ที่ไร่ปลายฟ้าให้เงินเดือนดีกว่าที่นี่..นี่จ๊ะ ให้มากกว่าตั้งสามเท่า”
คำตอบของน้องหนูเรียกเสียงฮือฮาให้กับคนงานทั้งหลาย ไม่คิดว่าไร่ปลายฟ้าจะให้เงินเดือนมากกว่าที่นี่ถึงสามเท่าตัว
“จริงเหรอ คุณท็อปให้เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ?” คำถามของแหลมสิงห์เหมือนกับคำถามของประยงค์ไม่มีผิด
“จริงสิจ๊ะ ให้เงินเดือนมากกว่าสามเท่ายังไม่พอนะ ยังให้สวัสดิการมากกว่าอีกด้วย” เธอเปิดประเด็นให้คนงานทั้งหลายสนใจ
“มากกว่ายังไงน้องหนู”
ลุงโม่งถามขึ้น เพราะที่นี่เขาก็คิดว่าให้มากอยู่แล้ว ใครไม่มีที่พักก็พักที่นี่ ข้าวก็กินฟรีสองมื้อกลางวันกับเย็น มีรถบริการฟรีไปตัวเมืองทุกอาทิตย์และวันเงินเดือนออก ค่ารักษาพยาบาลก็ฟรีหากเจ็บป่วยหรือได้รับอุบัติเหตุ เพียงเท่านี้สำหรับคนต่างจังหวัดก็ถือว่ามากแล้ว
“นอกจากจะได้เงินเดือนมากกว่า ยังมีอย่างอื่นที่ดีกว่าด้วย บ้านพักฟรี มีเฟอร์นิเจอร์ให้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นตู้เย็น โทรทัศน์ พัดลม และอื่นๆ อีกหลายอย่าง ค่ารักษาพยาบาลก็ดีกว่าด้วย ทำประกันสุขภาพและประกันชีวิตให้กับทุกคน เลี้ยงเหล้ายาปลาปิ้งให้กับคนงานทุกวันเสาร์ ให้เราครื้นเครง ขับไล่ความเหนื่อยที่ตรากตรำทำงานมาทั้งอาทิตย์ คิดดูนะจ๊ะว่าที่นี่มีให้หรือเปล่า”
เธอหลอกล่อให้คนงานทั้งหลายเกิดการไขว้เขว แล้วดูเหมือนจะได้ผลเสียด้วย เพราะคนงานทั้งหลายต่างพากันซุบซิบพูดคุยกับคนที่นั่งข้างๆ
“น่าเสียดายจังที่พวกพี่ๆ ไม่ได้ย้ายไปอยู่ไร่ปลายฟ้ากับน้องหนู ถ้าไปรับรองว่าน้องหนูจะทำความสะอาดห้องให้พวกพี่ๆ ทุกคนเลยจ่ะ จะทำอาหารอร่อยๆ ให้ทาน แล้วที่สำคัญจะนั่งป้อนเหล้าป้อนกับแกล้มให้พวกพี่ๆ ด้วย”
เธอหยุดพูดก่อนจะใช้มือเท้าคางโดยมีข้อศอกตั้งอยู่บนหัวเข่า โน้มกายลงต่ำเพื่อให้เนินอกอวบโผล่ล้น เป็นอาหารตาให้กับคนงานเหล่านั้นที่นั่งทำตาลุกวาว “แล้วถ้าพวกพี่ๆ ลุงๆ น้าๆ ลาออกจากที่นี่ไปอยู่ไร่ปลายฟ้า น้องหนูจะบริการพิเศษกับพี่ๆ ลุงๆ น้าๆ ทุกคนเลยค่ะ”
เธอพูดยั่ว ทิ้งสายตามหาเสน่ห์ให้กับคนงานที่ตื่นตาตื่นใจกับคำพูดของน้องหนูนางยั่วประจำไร่
“บริการที่พิเศษที่น้องหนูว่าคืออะไรจ๊ะ?” แหลมสิงห์ถามเสียงสั่น มองสาวสวยผิวขาวเนียนตาเป็นประกาย
“ก็แล้วแต่ว่าพวกพี่ทั้งหลายจะให้น้องหนูทำอะไร แต่รับรองว่าพวกพี่ๆ ต้องพอใจแน่นอนจ้ะ” น้องหนูทิ้งปริศนาไว้โครมใหญ่ “ว่าไงจ๊ะ จะไปกันหรือเปล่า ได้เงินเดือนเพิ่มขึ้น ได้สวัสดิการดีขึ้น และได้ตัวน้องหนู เอ๊ย!!..ไม่ใช่...ต้องพูดว่าน้องหนูได้บริการพิเศษให้กับพวกพี่ๆ ต่างหาก ว่าไงจ๊ะ สนใจหรือเปล่า?”
เธอขุดหลุมพรางหลุมใหญ่ไว้หลอกล่อชายกำหนัดที่หลงใหลในร่างกายและเสน่ห์ของตน
“แต่พวกพี่ๆ กลัวว่าจะไม่มีคนทำงานที่นี่ วันมะรืนก็จะเก็บผลผลิตแล้ว พวกพี่ไปใครจะช่วยคุณทอร์ชทำงาน” แหลมสิงห์สองจิตสองใจ
“โธ่!!...พี่แหลมสิงห์ ปัญญาอย่างคุณทอร์ชสามารถอยู่แล้ว ไม่ต้องไปเป็นห่วงเขาหรอก ห่วงปากท้องของเราดีกว่า ใครให้เงินดี ใครให้สวัสดิการเยี่ยม ใครที่ทำให้เราได้ในสิ่งต้องการได้มากกว่าเราก็ไปอยู่กับคนนั้น อย่างเช่นน้องหนูไงจ๊ะ ไปอยู่ไร่ปลายฟ้าเพราะได้เงินดีกว่า สวัสดิการก็ดีกว่า น้องหนูจึงอยากให้พวกพี่ๆ ลุงๆ น้าๆ ไปอยู่กับน้องหนูด้วย” น้องหนูยังโน้มน้าวต่อไป
“แต่ถ้าไปตอนนี้คุณทอร์ชจะหาคนงานมาเก็บผลผลิตทันเหรอ ถ้าไม่ทันคุณทอร์ชเสียหายเป็นล้านๆ เลยนะ”
ลุงโม่งพูดขึ้น จะว่าไปเจ้าของไร่พฤกษาก็ดีกับพวกตนไม่น้อย ช่วยเหลือในทุกๆ เรื่องที่พวกเขาเดือดร้อน การย้ายไปทำงานในไร่ปลายฟ้าไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ เพราะเจ้าของสองไร่นี้ไม่ถูกกันอย่างแรง
“ลุงโม่งจ๋า เงินเป็นล้านๆ ไม่ได้ทำให้กระเป๋าของคุณทอร์ชแบนหรอกค่ะ รวยซะขนาดนั้น เป็นห่วงตัวเองดีกว่านะ”
“นั่นสิลุง ไปอยู่ที่โน่นดีกว่า ดีกว่าเห็นๆ เพราะมีน้องหนูไปอยู่ด้วย”
แหลมสิงห์พูดในเชิงเจ้าชู้ใส่น้องหนูที่นั่งแย้มยิ้มอย่างสวยงามบนแคร่ ทั้งๆ ที่ตัวเองมีครอบครัวแล้ว แต่ก็ยังหลงติดบ่วงของน้องหนูที่ขุดล่อ
“ใช่จ้ะ น้องหนูไม่อยากสบายคนเดียว อยากให้ทุกคนสบายด้วยก็เลยมาชวนพวกพี่ๆ ทั้งหลาย ไปอยู่ไร่ปลายฟ้าเราจะได้มีความสุขด้วยกันไงจ๊ะ” ข้อหลังนี่เองที่ดึงดูดใจชายทั้งหลาย
“คุณท็อปรับคนงานกี่คนล่ะน้องหนู?” พันถามขึ้น
“รับไม่อั้นจ่ะ คุณท็อปกำลังจะขยายไร่ ต้องการคนงานมากๆ อ้อ!!...ลืมบอกไป ถ้าใครชักชวนคนงานในไร่นี้ไปทำงานในไร่โน้น คุณ
ท็อปจะให้ค่าหัวเพิ่มอีกคนละหนึ่งพัน” น้องหนูเอาสิ่งนี้มาล่ออีกหนึ่งอย่าง
“จริงเหรอ ได้หัวละพันเชียวหรือ?” แหลมสิงห์ตาโตถาม
“จริงสิจ๊ะ คนงานผู้ชายที่นี่มีตั้งเยอะ ถ้าพวกพี่ๆ ลุงๆ น้าๆ ทั้งหลายไปกล่อมคนงานคนอื่นๆ ให้ไปทำงานที่ไร่ปลายฟ้าได้สำเร็จ จะได้พิเศษอีกหัวละพัน กล่อมได้เยอะก็ได้เงินเยอะนะจ๊ะ”
“ตกลงตามนี้เลยน้องหนู พี่จะลาออกจากที่นี่ไปทำกับคุณท็อป แล้วจะชวนคนอื่นๆ ไปด้วย” แหลมสิงห์พูดขึ้นหลังจากตัดสินใจ
“ลุงด้วย ลุงไปด้วยเดี๋ยวลุงไปพูดกับคนอื่นๆ ด้วย” ลุงโม่งเอ่ยขึ้นอีกคน
“น้าไปด้วย เงินดีดีอย่างนี้มีหรือจะไม่ไป” นายพันตอบตกลงอีกคน
“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เจอกันที่หน้าไร่ตอนเจ็ดโมงเช้านะจ๊ะ อย่าสายล่ะ ถ้าสายน้องหนูไม่คอยด้วย พวกพี่ๆ ก็จะไม่ได้บริการพิเศษจากน้องหนู” พูดจบก็ลุกขึ้นยืนอวดหุ่นสวย “น้องหนูไปนะจ๊ะ พรุ่งนี้เจอกัน แล้วอาหารเย็นมื้อนี้น้องหนูจะทำเป็นพิเศษ หมูหมักนมสด”
เธอทำในลักษณะเดียวกันกับที่ทำให้ประยงค์เห็น และนั่นเรียกความกระหายในการลิ้มลองหมูหมักนมสดมากยิ่งขึ้น แต่ละคนมองตามน้องหนูที่เดินออกไปจากเพิงพักตาละห้อย บางคนถึงกับน้ำลายหกก็มี
น้องหนูนามสมมุติเดินกระหยิ่มด้วยความสมใจ อีกนิดเดียวแผนของเธอก็จะสำเร็จแล้ว รอถึงวันพรุ่งนี้เท่านั้น ทุกสิ่งอย่างที่เธอต้องการก็จะบรรลุเป้าหมาย เธอจะได้กลับไปใช้ชีวิตที่เป็นปกติสุขเสียที หลังจากที่ต้องแสดงบทเป็นนางแมวยั่วสวาทอยู่ที่ไร่แห่งนี้เพื่อการบางอย่างมาร่วมสองสัปดาห์ พรุ่งนี้เธอจะเป็นไทแล้ว
Chapter 11เหมือนกับครั้งแรกที่ถูกจูบไม่มีผิด อาการตกใจทำให้กลีบปากสวยอ้าค้าง ปลายลิ้นใหญ่จึงแทรกเข้าไปสำรวจในช่องปากสาวอย่างง่ายดาย รัดเกี่ยวพันลิ้นเล็กที่พยายามจะถอยร่นหนี บดขยี้ปากอิ่มหนักหน่วง แรงจุมพิตที่หักหาญน้ำใจทำให้เพลงมีนาคิดจะต่อต้าน มือเล็กผลักร่างหนา ใบหน้าสาวส่ายสะบัดเพื่อไม่ให้เขาจุมพิตเธอได้โดยง่าย ร้องประท้วงในลำคอทว่ามันก็ไม่เป็นตามที่ตนเองคิดไว้ มือใหญ่จับมั่นตรงท้ายทอยของเพลงมีนา ไม่ให้ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวไปไหน ส่งผลให้เธอต้องยอมรับจุมพิตในครั้งนี้ด้วยความจำยอมเรี่ยวแรงทั้งหมดดูจะเหือดหายไปสิ้น เมื่อกระแสบางอย่างแทรกซึมเข้ามาในร่างกาย จุมพิตของเขานั้นสร้างความอ่อนแอให้เกิดขึ้นในจิตใจอย่างมากมาย พ่ายแพ้ หมดแรงต้านทาน จำยอมให้เขาดื่มด่ำความหวานที่ปลูกฝังอยู่ในช่องปากของเธอต่อไปน่าแปลกเหลือเกิน...น่าแปลกจริงๆ ปลายลิ้นของคนแปลกหน้าที่ตวัดโบกลิ้นเล็ก กวาดต้อนซอกซอนหาน้ำหวานรสเลิศอย่างกระหายและเร่าร้อน ไม่ได้ทำให้เธอเกิดความขยะแขยงหรือว่ารังเกียจ ตรงกันข้ามซาบซ่านราวกับเธอกำลังถูกไฟฟ้าสถิตเล่นงาน แปลบปลาบตลอดเวลาในความรู้สึกของกวินภพ เขากำลังถูกดึงตัวลงไปในบ่อโคลนพ
Chapter 10จะค้านว่าภาพนี้ไม่ใช่น้องสาวของตัวเองก็ไม่ได้ เพราะใบหน้าเครื่องเครา รูปร่างสวยงามมันบ่งชี้เช่นนั้น อีกทั้งเพลงมีนาไม่มีวันลืมหน้าตาของน้องสาว ทุกครั้งที่เธอส่องกระจกเงา ภาพของเพียงรัมภาก็จะซ้อนทับเสมอคำถามหลายคำถามจึงผุดขึ้นในใจ เพียงรัมภาไปทำอะไรให้กวินภพแค้นใจ ถึงขั้นพกรูปไว้เตือนความจำตลอดเวลา แล้วทำเช่นนี้ทำไม มีเหตุผลใดที่จะต้องทำ ที่สำคัญทำไมต้องใช้ชื่อเรียกว่าน้องหนู ทำไมไม่ใช้ชื่อเรียกแทนตัวเป็นชื่อจริง ราวกับว่าไม่ต้องการให้ใครรู้อะไรเกี่ยวกับตัวเองมากนัก หลายคำถามมะรุมมะตุ้มอยู่ในสมองที่เริ่มจะไม่สั่งการ ความงวยงงเข้ามาแทนที่ หรือว่ากวินภพจะเข้าใจผิด แต่ก็ไม่น่าจะใช่ ณ วินาทีนี้เพลงมีนามีแต่คำว่าไม่เข้าใจและสับสน วนเวียนอยู่ในสมอง“เป็นไงทีนี้ชัดมั้ย จะยอมรับได้หรือยังว่าเธอคือน้องหนู?” เสียงของกวินภพดังขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งมองรูปภาพตาไม่กระพริบ“ว่า...ว่าไงนะ?” เธอถามอีกครั้งหลังจากที่เสียงของเขาดึงสติของเธอให้คืนกลับมา“ฉันถามว่า คราวนี้เธอจะเถียง และไม่ยอมรับอีกหรือเปล่าว่าเธอไม่ใช่น้องหนู?”คำถามของเขาทำให้เธอประติดประต่อเรื่องได้คร่าวๆ กวินภพเห็นเธอก็นึก
Chapter 9รถยนต์คันเดิมยังคงแล่นบนถนนสายหลัก ตรงดิ่งไปยังจังหวัดลำปางซึ่งใช้เวลาประมาณสิบชั่วโมงกว่าจะถึงตัวจังหวัด และอีกสี่สิบห้านาทีกว่าจะถึงไร่พฤกษา คนที่ตั้งใจว่าจะคิดหาทางออกในเรื่องคับขัน เวลานี้กับผลอยหลับศีรษะพิงกับประตูรถยนต์ กวินภพเห็นแล้วเกิดความหมั่นไส้ขึ้นมาตงิดๆ เขาจับตัวเธอมาไม่ได้ให้มานอนหลับสบายๆ อย่างนี้ต้องแกล้งเสียให้เข็ด คิดได้ดังนั้นร่างหนาจึงขยับเข้าไปใกล้สาวร่างเล็ก ยื่นใบหน้าเข้าใกล้ใบหูสาว ให้ริมฝีปากหนาชิดติดกับส่วนรับฟังของเธอ“ตื่นได้แล้ว ตื่นสิ น้องหนูตื่น”เสียงดังราวกับฟ้าผ่าดังอยู่ตรงใบหูของเพลงมีนา เสียงที่ดังสนั่นทำให้สาวเจ้าสะดุ้งตัวตื่น มองหน้าเขาเลิกลั่ก ใจเต้นโครมคราม“ไม่เคยหลับเคยนอนหรือไง หลับมาได้ตลอดทาง” น้ำเสียงของเขายังคงดังลั่นรถ“ก็คนมันง่วงนี่นา” เธอพูดเสียงอ่อย “คุณจะพาฉันไปไหน?”“ไปนรก” เขาตอบสั้นๆ แต่สำหรับคนที่ได้ยิน หัวใจเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น เกรงกลัว“ฉัน...ฉันไม่ใช่น้องหนูนะ” เสียงของเธอดังออกมาแผ่วๆ แต่ดังราวกับพลุแตกสำหรับเขา“อยากจะให้ฉันจูบก็พูดมาดีดี ไม่ต้องมาทำเป็นพูดอย่างนี้หรอกน้องหนู ฉันไม่หลงกลดาวยั่วอย่างเธอง่ายๆ อย
Chapter 8วันนี้เขามาส่งลูกค้ารายสำคัญที่สนามบิน ระหว่างที่กำลังจะเดินออกมาจากอาคารของสนามบิน สายตาของเขาสะดุดมองไปยังร่างของสตรีนางหนึ่งที่กำลังเข็นสัมภาระออกไปทางเดียวกับเขา พอเห็นหน้าค่าตาของเธอชัดเจนแบบเต็มๆ ตา เขาก็คิดวิธีลักพาตัวน้องหนูกลับไปยังไร่ของเขา ทว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนักหากจะจับตัวเธอไปจากจุดนี้ เนื่องจากมีคนมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา แผนการบุกชิงตัวกลางถนนจึงอุบัติขึ้นเพลงมีนาได้ฟังคำพูดของเขาแล้วเกิดอาการงงงันอย่างหนัก เขามั่นใจเหลือเกินว่าเธอคือน้องหนู หญิงสาวที่สร้างความเจ็บแค้นจนถึงแก่นลึกของจิตใจ ราวกับว่าหน้าตาของเธอนั้นถอดแบบน้องหนูไม่มีผิดเพี้ยน แล้วมันจะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร เธอจะหน้าเหมือนกับน้องหนูจนแยกแยะไม่ออกอย่างนั้นเชียวหรือ หากเป็นเพียงรัมภาน้องสาวฝาแฝดของตนเองก็ว่าไปอย่าง เพราะรายนั้นถอดแบบเธอราวกับเป็นพิมพ์เดียวกัน แยกแยะไม่ออกว่าใครเป็นใคร หากไม่ใช่คนคุ้นเคยหญิงสาวไม่สามารถเอ่ยคำใดออกมาได้ ขยับปากให้เปิดออกยังยากลำบาก เป็นเพราะมือใหญ่ยังคงบีบแก้มสาวไม่ยอมปล่อย ความเจ็บปวด และความที่ต้องการจะพูด จะอธิบายทำให้เธอยกม
Chapter 7“ไม่จริง ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่อย่างนั้น หนูไม่ได้เป็นอะไรกับเขานะคะ”“ยังจะปากแข็งไม่เลิกอีก จะให้โชว์หลักฐานให้ทุกคนดูมั้ยว่าเธอสวมเขาให้ฉัน มานี่เลย มานี่กลับบ้านเดี๋ยวนี้”กวินภพใช้แรงกำลังที่เหนือกว่า ลากร่างสาวไปตามพื้นถนน แม้ว่าเธอจะฝืนร่างกายเอาไว้ก็ตาม“ลุงจ๋า ลุงช่วยหนูด้วย ช่วยหนูด้วยนะคะ” เธอหันมาเว้าวอนคนที่อยู่ใกล้ที่สุด“กลับบ้านไปหาลูกเถอะนังหนู กลับตัวกลับใจเสียใหม่นะ”คนขับแท็กซี่พูดจบก็หมุนตัวเดินกลับไปยังรถทำมาหากินของตน พร้อมกับค่าเสียหายหลายหมื่นที่อยู่ในมือ กวินภพยิ้มเยาะยามที่ได้เห็นสีหน้าของเธอตอนนี้“ไม่มีใครช่วยเธอได้หรอกน้องหนู งานนี้เธอตายคาไร่ของฉันแน่ มานี่”เขาขู่ฟ่อเธออีกครั้ง ก่อนที่จะลากร่างสาวไม่หยุด เพลงมีนาก็ยังฝืนตัวและเปล่งเสียงร้องห้าม เสียงขอความช่วยเหลือต่อไป แต่ทว่าไม่มีใครสนใจเรื่องของผัวเมียเลยสักคน ต่างเดินกลับไปทำงาน ไปค้าขายของตนตามเดิมกวินภพลากร่างอวบอิ่มมาจนถึงประตูตอนหลังของรถยนต์คันหรูของตนที่เปิดอ้าอยู่ ออกแรงกระชากเธอให้ลุกขึ้นยืนเพียงครั้งเดียว ก่อนจะผลักร่างสาวเข้าไปนั่งในรถ ก่อนจะหันไปรับกระเป๋าสะพายของเพลงมีนาที่อยู่ในมือ
Chapter 6สองเดือนต่อมาเวลาประมาณสิบ 13.00 น. ณ สนามบินสุวรรณภูมิสตรีนางหนึ่งเดินออกมาจากช่องประตูของผู้โดยสารขาเข้าด้วยรอยยิ้มแห่งความดีใจ นานสิบปีแล้วที่เธอไม่ได้กลับมาเหยียบบ้านเกิดเมืองนอน หลังจากที่เธอต้องย้ายไปอยู่กับพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงดูเธอไปเป็นลูกยังประเทศนิวซีแลนด์เพลงมีนาเฝ้ารอการกลับมาเมืองไทยทุกลมหายใจ เฝ้ารอให้ตนเองจบการศึกษาในระดับชั้นปริญญาตรีตามความตั้งใจของผู้มีพระคุณ แล้วหากถึงวันนั้น เธอจะได้กลับมาเยือนแผ่นดินเกิดตามคำสัญญา ซึ่งวันนั้นก็เดินทางมาถึง...วันที่เธอจะได้พบหน้าน้องสาวฝาแฝด พบเด็กๆ หลายคนที่ตอนนี้เติบโตเป็นหนุ่มเป็นสาว ได้พบกับคุณแม่วนารัตน์ แม่ที่ให้โอกาส ให้ที่อยู่และให้ชีวิตใหม่กับเด็กกำพร้าคนนี้ และอาจได้พบกับสมาชิกใหม่อีกหลายชีวิต ได้กลับไปหาบ้านหลังแรกแสนอบอุ่น...สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าวนารัตน์...“คุณแม่คะ เพลงถึงสนามบินแล้วนะคะ ตอนนี้กำลังออกไปเรียกแท็กซี่ค่ะ”พอตนเองออกมายืนอยู่หน้าประตูตรงช่องทางที่ตัวเองเดินออกมา สิ่งแรกที่เพลงมีนาทำก็คือ โทรศัพท์ไปหามารดาบุญธรรม รายงานตามที่ได้ตกลงกันไว้“ดูแลตัวเองดีดีนะลูก” เสียงแสดงความเป็นห่วงและห่