หลังจากที่ทานอาหารกลางวันจนอิ่มหนำแล้ว คนงานชายส่วนใหญ่จะมานั่งเล่นนอนเล่นในเพิงพักคนงาน รอเวลาบ่ายโมงเพื่อกลับเข้าไปในไร่อีกครั้ง แต่ทว่าวันนี้คนที่นั่งเล่นนอนเล่นไม่มีกระจิตกระใจจะทำอย่างเช่นทุกวัน เนื่องจากสาวร่างสวยได้เดินเข้ามาในเพิงพัก ก่อนจะทรุดกายนั่งลงบนแคร่กลางเก่ากลางใหม่ ตวัดเรียวขาสวยข้างหนึ่งทับอีกข้างหรืออีกนัยหนึ่งคือนั่งไขว่ห้าง คนงานหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่นั่งอยู่ในเพิงพัก ตารุกวาวกันเป็นแถว มองหุ่นสวยของอีกฝ่ายแทบจะกลืนกิน
“พี่แหลมสิงห์จ๋า พรุ่งนี้พี่กับเพื่อนๆ ก็จะไม่ได้กินอาหารฝีมือน้องหนูแล้วนะจ๊ะ เพราะน้องหนูจะย้ายไปทำงานที่ไร่ปลายฟ้า”
เธอเริ่มพูดตามแผน พอชายหลายคนได้ยินดังนั้นทุกคนต่างตกใจไม่น้อย แต่ละคนทำหน้าทำตาเสียดาย
“อยู่ที่นี่ก็ดีอยู่แล้ว ทำไมน้องหนูถึงได้ไปทำงานที่ไร่โน้นล่ะ?” แหลมสิงห์คนงานร่างใหญ่เอ่ยถาม
“ก็ที่ไร่ปลายฟ้าให้เงินเดือนดีกว่าที่นี่..นี่จ๊ะ ให้มากกว่าตั้งสามเท่า”
คำตอบของน้องหนูเรียกเสียงฮือฮาให้กับคนงานทั้งหลาย ไม่คิดว่าไร่ปลายฟ้าจะให้เงินเดือนมากกว่าที่นี่ถึงสามเท่าตัว
“จริงเหรอ คุณท็อปให้เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ?” คำถามของแหลมสิงห์เหมือนกับคำถามของประยงค์ไม่มีผิด
“จริงสิจ๊ะ ให้เงินเดือนมากกว่าสามเท่ายังไม่พอนะ ยังให้สวัสดิการมากกว่าอีกด้วย” เธอเปิดประเด็นให้คนงานทั้งหลายสนใจ
“มากกว่ายังไงน้องหนู”
ลุงโม่งถามขึ้น เพราะที่นี่เขาก็คิดว่าให้มากอยู่แล้ว ใครไม่มีที่พักก็พักที่นี่ ข้าวก็กินฟรีสองมื้อกลางวันกับเย็น มีรถบริการฟรีไปตัวเมืองทุกอาทิตย์และวันเงินเดือนออก ค่ารักษาพยาบาลก็ฟรีหากเจ็บป่วยหรือได้รับอุบัติเหตุ เพียงเท่านี้สำหรับคนต่างจังหวัดก็ถือว่ามากแล้ว
“นอกจากจะได้เงินเดือนมากกว่า ยังมีอย่างอื่นที่ดีกว่าด้วย บ้านพักฟรี มีเฟอร์นิเจอร์ให้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นตู้เย็น โทรทัศน์ พัดลม และอื่นๆ อีกหลายอย่าง ค่ารักษาพยาบาลก็ดีกว่าด้วย ทำประกันสุขภาพและประกันชีวิตให้กับทุกคน เลี้ยงเหล้ายาปลาปิ้งให้กับคนงานทุกวันเสาร์ ให้เราครื้นเครง ขับไล่ความเหนื่อยที่ตรากตรำทำงานมาทั้งอาทิตย์ คิดดูนะจ๊ะว่าที่นี่มีให้หรือเปล่า”
เธอหลอกล่อให้คนงานทั้งหลายเกิดการไขว้เขว แล้วดูเหมือนจะได้ผลเสียด้วย เพราะคนงานทั้งหลายต่างพากันซุบซิบพูดคุยกับคนที่นั่งข้างๆ
“น่าเสียดายจังที่พวกพี่ๆ ไม่ได้ย้ายไปอยู่ไร่ปลายฟ้ากับน้องหนู ถ้าไปรับรองว่าน้องหนูจะทำความสะอาดห้องให้พวกพี่ๆ ทุกคนเลยจ่ะ จะทำอาหารอร่อยๆ ให้ทาน แล้วที่สำคัญจะนั่งป้อนเหล้าป้อนกับแกล้มให้พวกพี่ๆ ด้วย”
เธอหยุดพูดก่อนจะใช้มือเท้าคางโดยมีข้อศอกตั้งอยู่บนหัวเข่า โน้มกายลงต่ำเพื่อให้เนินอกอวบโผล่ล้น เป็นอาหารตาให้กับคนงานเหล่านั้นที่นั่งทำตาลุกวาว “แล้วถ้าพวกพี่ๆ ลุงๆ น้าๆ ลาออกจากที่นี่ไปอยู่ไร่ปลายฟ้า น้องหนูจะบริการพิเศษกับพี่ๆ ลุงๆ น้าๆ ทุกคนเลยค่ะ”
เธอพูดยั่ว ทิ้งสายตามหาเสน่ห์ให้กับคนงานที่ตื่นตาตื่นใจกับคำพูดของน้องหนูนางยั่วประจำไร่
“บริการที่พิเศษที่น้องหนูว่าคืออะไรจ๊ะ?” แหลมสิงห์ถามเสียงสั่น มองสาวสวยผิวขาวเนียนตาเป็นประกาย
“ก็แล้วแต่ว่าพวกพี่ทั้งหลายจะให้น้องหนูทำอะไร แต่รับรองว่าพวกพี่ๆ ต้องพอใจแน่นอนจ้ะ” น้องหนูทิ้งปริศนาไว้โครมใหญ่ “ว่าไงจ๊ะ จะไปกันหรือเปล่า ได้เงินเดือนเพิ่มขึ้น ได้สวัสดิการดีขึ้น และได้ตัวน้องหนู เอ๊ย!!..ไม่ใช่...ต้องพูดว่าน้องหนูได้บริการพิเศษให้กับพวกพี่ๆ ต่างหาก ว่าไงจ๊ะ สนใจหรือเปล่า?”
เธอขุดหลุมพรางหลุมใหญ่ไว้หลอกล่อชายกำหนัดที่หลงใหลในร่างกายและเสน่ห์ของตน
“แต่พวกพี่ๆ กลัวว่าจะไม่มีคนทำงานที่นี่ วันมะรืนก็จะเก็บผลผลิตแล้ว พวกพี่ไปใครจะช่วยคุณทอร์ชทำงาน” แหลมสิงห์สองจิตสองใจ
“โธ่!!...พี่แหลมสิงห์ ปัญญาอย่างคุณทอร์ชสามารถอยู่แล้ว ไม่ต้องไปเป็นห่วงเขาหรอก ห่วงปากท้องของเราดีกว่า ใครให้เงินดี ใครให้สวัสดิการเยี่ยม ใครที่ทำให้เราได้ในสิ่งต้องการได้มากกว่าเราก็ไปอยู่กับคนนั้น อย่างเช่นน้องหนูไงจ๊ะ ไปอยู่ไร่ปลายฟ้าเพราะได้เงินดีกว่า สวัสดิการก็ดีกว่า น้องหนูจึงอยากให้พวกพี่ๆ ลุงๆ น้าๆ ไปอยู่กับน้องหนูด้วย” น้องหนูยังโน้มน้าวต่อไป
“แต่ถ้าไปตอนนี้คุณทอร์ชจะหาคนงานมาเก็บผลผลิตทันเหรอ ถ้าไม่ทันคุณทอร์ชเสียหายเป็นล้านๆ เลยนะ”
ลุงโม่งพูดขึ้น จะว่าไปเจ้าของไร่พฤกษาก็ดีกับพวกตนไม่น้อย ช่วยเหลือในทุกๆ เรื่องที่พวกเขาเดือดร้อน การย้ายไปทำงานในไร่ปลายฟ้าไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ เพราะเจ้าของสองไร่นี้ไม่ถูกกันอย่างแรง
“ลุงโม่งจ๋า เงินเป็นล้านๆ ไม่ได้ทำให้กระเป๋าของคุณทอร์ชแบนหรอกค่ะ รวยซะขนาดนั้น เป็นห่วงตัวเองดีกว่านะ”
“นั่นสิลุง ไปอยู่ที่โน่นดีกว่า ดีกว่าเห็นๆ เพราะมีน้องหนูไปอยู่ด้วย”
แหลมสิงห์พูดในเชิงเจ้าชู้ใส่น้องหนูที่นั่งแย้มยิ้มอย่างสวยงามบนแคร่ ทั้งๆ ที่ตัวเองมีครอบครัวแล้ว แต่ก็ยังหลงติดบ่วงของน้องหนูที่ขุดล่อ
“ใช่จ้ะ น้องหนูไม่อยากสบายคนเดียว อยากให้ทุกคนสบายด้วยก็เลยมาชวนพวกพี่ๆ ทั้งหลาย ไปอยู่ไร่ปลายฟ้าเราจะได้มีความสุขด้วยกันไงจ๊ะ” ข้อหลังนี่เองที่ดึงดูดใจชายทั้งหลาย
“คุณท็อปรับคนงานกี่คนล่ะน้องหนู?” พันถามขึ้น
“รับไม่อั้นจ่ะ คุณท็อปกำลังจะขยายไร่ ต้องการคนงานมากๆ อ้อ!!...ลืมบอกไป ถ้าใครชักชวนคนงานในไร่นี้ไปทำงานในไร่โน้น คุณ
ท็อปจะให้ค่าหัวเพิ่มอีกคนละหนึ่งพัน” น้องหนูเอาสิ่งนี้มาล่ออีกหนึ่งอย่าง
“จริงเหรอ ได้หัวละพันเชียวหรือ?” แหลมสิงห์ตาโตถาม
“จริงสิจ๊ะ คนงานผู้ชายที่นี่มีตั้งเยอะ ถ้าพวกพี่ๆ ลุงๆ น้าๆ ทั้งหลายไปกล่อมคนงานคนอื่นๆ ให้ไปทำงานที่ไร่ปลายฟ้าได้สำเร็จ จะได้พิเศษอีกหัวละพัน กล่อมได้เยอะก็ได้เงินเยอะนะจ๊ะ”
“ตกลงตามนี้เลยน้องหนู พี่จะลาออกจากที่นี่ไปทำกับคุณท็อป แล้วจะชวนคนอื่นๆ ไปด้วย” แหลมสิงห์พูดขึ้นหลังจากตัดสินใจ
“ลุงด้วย ลุงไปด้วยเดี๋ยวลุงไปพูดกับคนอื่นๆ ด้วย” ลุงโม่งเอ่ยขึ้นอีกคน
“น้าไปด้วย เงินดีดีอย่างนี้มีหรือจะไม่ไป” นายพันตอบตกลงอีกคน
“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เจอกันที่หน้าไร่ตอนเจ็ดโมงเช้านะจ๊ะ อย่าสายล่ะ ถ้าสายน้องหนูไม่คอยด้วย พวกพี่ๆ ก็จะไม่ได้บริการพิเศษจากน้องหนู” พูดจบก็ลุกขึ้นยืนอวดหุ่นสวย “น้องหนูไปนะจ๊ะ พรุ่งนี้เจอกัน แล้วอาหารเย็นมื้อนี้น้องหนูจะทำเป็นพิเศษ หมูหมักนมสด”
เธอทำในลักษณะเดียวกันกับที่ทำให้ประยงค์เห็น และนั่นเรียกความกระหายในการลิ้มลองหมูหมักนมสดมากยิ่งขึ้น แต่ละคนมองตามน้องหนูที่เดินออกไปจากเพิงพักตาละห้อย บางคนถึงกับน้ำลายหกก็มี
น้องหนูนามสมมุติเดินกระหยิ่มด้วยความสมใจ อีกนิดเดียวแผนของเธอก็จะสำเร็จแล้ว รอถึงวันพรุ่งนี้เท่านั้น ทุกสิ่งอย่างที่เธอต้องการก็จะบรรลุเป้าหมาย เธอจะได้กลับไปใช้ชีวิตที่เป็นปกติสุขเสียที หลังจากที่ต้องแสดงบทเป็นนางแมวยั่วสวาทอยู่ที่ไร่แห่งนี้เพื่อการบางอย่างมาร่วมสองสัปดาห์ พรุ่งนี้เธอจะเป็นไทแล้ว
Chapter 52และการที่เพียงรัมภามาอยู่ที่บ้านของกวีวัชน์ ทำให้เธอได้พบกับกวีชาติก่อนวันสอบสองวัน หน้าตาของกวีชาติที่เธอเห็นนั้น ยังมีรอยฟกช้ำกระจายเป็นจุดๆ บนใบหน้าวินาทีแรกที่กวีชาติเห็นหน้าเพียงรัมภา แล้วรู้ว่าเธอมาอยู่ที่นี่ในฐานะของผู้หญิงของพี่ชาย เขาตกใจไม่น้อย แทบจะพูดอะไรไม่ออก คิดในใจว่าน่าจะเป็นผลพวงเรื่องในค่ำคืนนั้นพอตั้งสติได้เขาก็พูดประโยคหนึ่งขึ้นมา เป็นประโยคที่เขาตั้งใจจะพูดกับเธอหากเผชิญหน้ากัน“มอสขอโทษนะรัมภา ขอโทษในสิ่งที่มอสทำลงไปทั้งหมด” กวีชาติพูดอย่างกล้าหาญ พูดอย่างลูกผู้ชายที่ทำผิดแล้วต้องยอมรับผิด และเขาก็หวังว่าจะได้รับการยกโทษจากหญิงสาวตรงหน้า“ไม่เป็นไร เรื่องมันผ่านมาแล้ว กลับไปแก้ไขก็คงไม่ได้” เพียงรัมภาเวลานี้ไม่ถือโทษโกรธกวีชาติแต่อย่างใด เธอคิดเพียงว่าเมื่ออีกฝ่ายสำนึกผิดและกล่าวคำขอโทษ เธอก็พร้อมที่จะให้คำว่าอภัยและไม่จองเวรต่อกัน ขอโทษ...คำขอโทษที่ว่านี้เธอเองก็สมควรที่จะกล่าวคำนี้กับกวีชาติเช่นกัน เนื่องจากเธอไม่ได้เข้ามาในชีวิตของกวีชาติเพราะคำว่ารัก ไม่ได้ทำแบบทดสอบของกวีวัชน์เพราะคำนี้เช่นกัน แต่ที่ทำลงไปทั้งหมด เพื่อสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าวนา
Chapter 51สองสัปดาห์ต่อมา ณ ไร่พฤกษา“คุณทอร์ชเร็วๆ หน่อยสิคะ ชักช้าอืดอาดอยู่ได้”เสียงหวานของเพลงมีนาเร่งเจ้าของไร่หนุ่มที่กำลังสวมใส่รองเท้าหน้าหงิกหน้างอ รองเท้าบูทคู่เก่งของเขาไม่ได้ใส่ยากใส่เย็นอะไรเลย แต่กวินภพกลับสวมใส่มันนานราวเกือบสิบนาที“จะรีบร้อนไปไหน ในเมืองมันไม่ถูกธรณีสูบไปวันนี้หรอก”เขาเงยหน้าเอ่ยบอกเพลงมีนาที่หน้าง้ำอยู่ข้างรถกระบะคันเก่ง ยานพาหนะที่จะนำร่างของทั้งคู่ไปยังตัวเมือง“รองเท้าคู่นี้ก็ใส่อยู่ทุกวี่ทุกวัน ปกติเห็นใส่มันไม่ถึงนาที แต่ทำไมวันนี้ใส่ช้าจังหรือว่าแกล้งคะ?” เพลงมีนาตั้งข้อสงสัย“ใครบอกว่าฉันแกล้ง ที่ฉันใส่ช้าเพราะมดมันไต่อยู่บนรองเท้าต่างหาก ฉันไม่อยากทำบาปฆ่ามันตาย เพราะไม่รู้ว่ามดมันตัวเมียหรือว่าตัวผู้ ไม่รู้ว่าเป็นเด็กหรือว่าผู้ใหญ่ ฉันไม่อยากทำบาปถ้าหากใช้มือปัดมันแรงไปมันก็อาจจะตายได้ แล้วถ้ามันไม่ตายแต่กลับพิการ มดตัวนี้ก็ต้องลำบากเข้าไปใหญ่ ใครจะดูแลมันฉันก็เลยต้องปล่อยให้มันเดินไปจนกว่าจะออกไปจากรองเท้าของฉันเองไง”เพลงมีนาค้อนขวับทันทีที่ได้ยินคำกล่าวอ้างที่ไม่สมเหตุสมผลแต่อย่างใด เป็นคำพูดที่กวนประสาทมากกว่า อย่างเขานี้หรือจะกลัวบาป
Chapter 50 “อ๊า...อ๊า...คุณท็อป” เพียงรัมภาส่งเสียงครวญครางทันทีที่ปากหนาดูดเม้มยอดถันสีสวยสะดุดตา เริ่มจากข้างขวาเปลี่ยนมาเป็นข้างซ้าย โดยมีมือใหญ่ทำหน้าที่สลับปรับเปลี่ยนการทำงานไม่ต่างกับปาก ความสยิวซ่านแผ่กระจายไปทั่วเรือนร่าง ฮอร์โมนปรารถนาเดือดระอุ ยิ่งมือใหญ่นวดเฟ้นหนักมือ ล้นหนาตวัดสะบัดยอดถันและทิ่มแทงเป็นบางครั้งบางครา ตบท้ายด้วยการใช้ปากดึงดูดเข้าไปในปากร้อนผ่าว สลับหมุนเวียนทั้งสองข้างทรวง ยิ่งทำให้เพียงรัมภากระสันเสียวมากขึ้นทุกวินาที เธอถึงกับทนไม่ไหวครางกระเส่าไม่หยุด “อ๊า...อ๊า...อืม คุณท็อป” เพียงรัมภาแอ่นทรวงอกให้เขาเชยชม แอ่นรับปากและลิ้นที่ทำงานแข็งขัน ความร้อนรุ่มในเกมกามไม่ได้เกิดขึ้นกับเธอพียงคนเดียว เขาเองก็กำลังจะทานทนไม่ไหว ต้านทานเสน่หาที่เธอถ่ายทอดมาสู่ร่างกายเขาไมได้ ใกล้ชิดกันครั้งใด กวีวัชน์หลงลืมทุกสิ่งอย่างจนสิ้น ไม่นึกถึงสถานที่ ไม่นึกถึงความเหมาะสม นึกถึงเพียงสิ่งเดียวคือ เพลิงพิศวาสที่ต้องการปลดปล่อย ร่างงดงามถูกตวัดให้อยู่บนโซฟาตัวนุ่ม เขาไล่สายตามองความสวยงามที่อยู่ตรงหน้าตาละห้อย ดวงหน้าหวานสวยตอน
Chapter 49เอกวิทย์กับเดชดวงไม่ใช่น้องชายแท้ๆ ของเขา กวีวัชน์จึงไม่สามารถสั่งสอนดังใจคิดได้ เขาจึงเดินทางไปหาครอบครัวของสองหนุ่ม พร้อมกับบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ได้รับรู้“ที่ผมพูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง มันก็ขึ้นอยู่กับว่าทางพวกคุณจะอบรมสั่งสอนหรือทำยังไงให้ลูกหลานของพวกคุณหลาบจำ แต่ถ้าพวกคุณไม่มีจิตใต้สำนึกเหมือนกับสองคนนี้ ผมก็จนปัญญาที่จะพูด แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นมันก็ไม่แปลกที่สองคนนี้จะมีความเลวติดอยู่ในสายเลือด เพราะความเลวคงจะถ่ายทอดมาจากพันธุกรรม แก้ไม่หายรักษาไม่ได้ก็ต้องชั่วไปจนตัวตาย ผมขอตัวนะครับ ขอตัวไปจัดการกับน้องเลวๆ ที่บ้านก่อน” กวีวัชน์พูดได้อย่างเจ็บแสบ และทำให้อีกฝ่ายสะอึก มองหน้าชายหนุ่มหน้าตาดีที่เดินจากไปอย่างอื้ออึง ยังไม่ทันที่เขาจะเดินผ่านประตูบ้านดี เสียงดุด่า เสียงทุบตีก็ดังขึ้น ครอบครัวของเดชดวงและเอกวิทย์ กำลังสั่งสอนลูกหลานให้หลาบจำ ซึ่งเขาเองก็กำลังจะกลับไปสั่งสอนกวีชาติที่บ้านเช่นกัน“พี่ท็อป ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจเดชกับโอมมันยุผมครับ” คนที่เพิ่งถูกทำร้ายและถูกว่ากล่าวพนมมือร้องขอความเห็นใจ พร้อมกับขอโทษเสียงสั่น“มึงไม่ต้องเอาความชั่วใส่คนอื่น ถ
Chapter 48“คุณท็อปจะขอคำแนะนำอะไรรัมภาเชิญตามสบายเลยนะคะ ดิฉันขอตัวก่อน”“แม่ไม่อยู่ด้วยเหรอคะ?”เพียงรัมภาเอ่ยถามสตรีที่เปรียบเสมือนมารดาคนที่สองทันทีที่ได้ยินคำพูดของนาง น้ำเสียงที่ถามนั้นตกใจไม่น้อย จะให้อยู่ตามลำพังกับกวีวัชน์สองต่อสองอย่างนั้นหรือ ไม่ไหวแน่ๆ หากเป็นเมื่อก่อนเธอสู้ไม่ถอย แต่หลังจากเหตุการณ์ในคืนนั้น หน้าเขาเธอก็แทบไม่กล้ามอง ความอายมันอาบซ่านเต็มดวงหน้า“แม่จะไปเยี่ยมสุดาที่โรงพยาบาลกับยุน่ะรัมภา รัมภาอยู่คุยกับคุณท็อปนะลูก” วนารัตน์ตอบเด็กในปกครอง ก่อนจะหันไปกล่าวคำลากับกวีวัชน์ “คุณท็อปคะ ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ”“ครับ ตามสบายครับ สวัสดีครับ”กวีวัชน์พนมมือไหว้กล่าวลาตามมารยาท มองตามร่างวนารัตน์ที่เดินออกไปจากห้องด้วยรอยยิ้มร้าย และทันทีที่ประตูห้องปิดลง เขารีบลุกขึ้นยืน เดินตรงไปยังประตูบ้านนั้น แล้วกดล็อค“คุณจะล็อคห้องทำไม?”เสียงสั่นๆ ของเพียงรัมภาเอ่ยถาม ใจนึกหวาดหวั่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ใช้สรรพนามคำว่าคุณ แทนพี่ที่เคยเรียกขาน“ก็จะได้คุยกันได้อย่างสะดวก ไม่มีใครมากวนไงล่ะ แล้วทำไมถึงไม่เรียกพี่เหมือนก่อน”เขาตอบกลับพร้อมเอ่ยถาม“ก็คุณไม่ใช่พี่ของฉันนี่ เรียกค
Chapter 47รถทัวร์ 32 ที่นั่งที่วิ่งระหว่างจังหวัดลำปางมุ่งตรงสู่กรุงเทพมหานคร วิ่งไปตามถนนสายหลักด้วยความเร็วตามปกติ คนที่นั่งอยู่ในรถบางคนนอนหลับพักผ่อน บางคนนั่งฟังเพลงจากเครื่องเล่นที่นำติดตัวมา บางคนนั่งทานขนมพร้อมกับมองไปยังด้านนอกตัวรถชมวิวข้างทาง แต่มีอยู่สตรีนางหนึ่งเอาแต่นั่งปาดน้ำตาเม็ดใสที่รินไหลลงมาไม่หยุด เมื่อนึกถึงเหตุการณ์บางเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาสดๆ ร้อนๆที่มาของน้ำตานั้นยังคงฝังรากลึกในจิตใจของเพียงรัมภา ความเสียใจมากพูน เป็นความเสียใจที่ไม่อาจหลุดออกไปจากหัวใจง่ายๆ ด้วย จะมีใครขจัดความเสียใจไปได้ เมื่อรู้ตัวว่าความสาว ความบริสุทธิ์ที่เพียรรักษาไว้ ถูกกระชากไปด้วยฤทธิ์ยากนรกนั่น แม้ว่าชายคนที่พรากสิ่งนั้นไปคือผู้ชายที่เธอรักก็ตามวันนี้ราวเที่ยงเศษร่างสาวที่นอนหลับใหลบนเตียงอย่างมีความสุข สะดุ้งตัวตื่นมาก็พบว่า ตนเองอยู่ในอ้อมกอดของกวีวัชน์ชายที่ตนเองรักวินาทีนั้นเพียงรัมภาทั้งตกใจ อื้ออึงและสับสน คิดว่าเป็นแค่เพียงความฝัน ลองหลับตาแล้วลืมขึ้นอีกครั้ง แต่ภาพที่อยู่ตรงหน้าก็ยังเหมือนเดิม พอตั้งสติได้เพียงรัมภาก็นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น นึกเท่าที่จะนึกได้และแล้ว