LOGINหลังจากที่ทานอาหารกลางวันจนอิ่มหนำแล้ว คนงานชายส่วนใหญ่จะมานั่งเล่นนอนเล่นในเพิงพักคนงาน รอเวลาบ่ายโมงเพื่อกลับเข้าไปในไร่อีกครั้ง แต่ทว่าวันนี้คนที่นั่งเล่นนอนเล่นไม่มีกระจิตกระใจจะทำอย่างเช่นทุกวัน เนื่องจากสาวร่างสวยได้เดินเข้ามาในเพิงพัก ก่อนจะทรุดกายนั่งลงบนแคร่กลางเก่ากลางใหม่ ตวัดเรียวขาสวยข้างหนึ่งทับอีกข้างหรืออีกนัยหนึ่งคือนั่งไขว่ห้าง คนงานหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่นั่งอยู่ในเพิงพัก ตารุกวาวกันเป็นแถว มองหุ่นสวยของอีกฝ่ายแทบจะกลืนกิน
“พี่แหลมสิงห์จ๋า พรุ่งนี้พี่กับเพื่อนๆ ก็จะไม่ได้กินอาหารฝีมือน้องหนูแล้วนะจ๊ะ เพราะน้องหนูจะย้ายไปทำงานที่ไร่ปลายฟ้า”
เธอเริ่มพูดตามแผน พอชายหลายคนได้ยินดังนั้นทุกคนต่างตกใจไม่น้อย แต่ละคนทำหน้าทำตาเสียดาย
“อยู่ที่นี่ก็ดีอยู่แล้ว ทำไมน้องหนูถึงได้ไปทำงานที่ไร่โน้นล่ะ?” แหลมสิงห์คนงานร่างใหญ่เอ่ยถาม
“ก็ที่ไร่ปลายฟ้าให้เงินเดือนดีกว่าที่นี่..นี่จ๊ะ ให้มากกว่าตั้งสามเท่า”
คำตอบของน้องหนูเรียกเสียงฮือฮาให้กับคนงานทั้งหลาย ไม่คิดว่าไร่ปลายฟ้าจะให้เงินเดือนมากกว่าที่นี่ถึงสามเท่าตัว
“จริงเหรอ คุณท็อปให้เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ?” คำถามของแหลมสิงห์เหมือนกับคำถามของประยงค์ไม่มีผิด
“จริงสิจ๊ะ ให้เงินเดือนมากกว่าสามเท่ายังไม่พอนะ ยังให้สวัสดิการมากกว่าอีกด้วย” เธอเปิดประเด็นให้คนงานทั้งหลายสนใจ
“มากกว่ายังไงน้องหนู”
ลุงโม่งถามขึ้น เพราะที่นี่เขาก็คิดว่าให้มากอยู่แล้ว ใครไม่มีที่พักก็พักที่นี่ ข้าวก็กินฟรีสองมื้อกลางวันกับเย็น มีรถบริการฟรีไปตัวเมืองทุกอาทิตย์และวันเงินเดือนออก ค่ารักษาพยาบาลก็ฟรีหากเจ็บป่วยหรือได้รับอุบัติเหตุ เพียงเท่านี้สำหรับคนต่างจังหวัดก็ถือว่ามากแล้ว
“นอกจากจะได้เงินเดือนมากกว่า ยังมีอย่างอื่นที่ดีกว่าด้วย บ้านพักฟรี มีเฟอร์นิเจอร์ให้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นตู้เย็น โทรทัศน์ พัดลม และอื่นๆ อีกหลายอย่าง ค่ารักษาพยาบาลก็ดีกว่าด้วย ทำประกันสุขภาพและประกันชีวิตให้กับทุกคน เลี้ยงเหล้ายาปลาปิ้งให้กับคนงานทุกวันเสาร์ ให้เราครื้นเครง ขับไล่ความเหนื่อยที่ตรากตรำทำงานมาทั้งอาทิตย์ คิดดูนะจ๊ะว่าที่นี่มีให้หรือเปล่า”
เธอหลอกล่อให้คนงานทั้งหลายเกิดการไขว้เขว แล้วดูเหมือนจะได้ผลเสียด้วย เพราะคนงานทั้งหลายต่างพากันซุบซิบพูดคุยกับคนที่นั่งข้างๆ
“น่าเสียดายจังที่พวกพี่ๆ ไม่ได้ย้ายไปอยู่ไร่ปลายฟ้ากับน้องหนู ถ้าไปรับรองว่าน้องหนูจะทำความสะอาดห้องให้พวกพี่ๆ ทุกคนเลยจ่ะ จะทำอาหารอร่อยๆ ให้ทาน แล้วที่สำคัญจะนั่งป้อนเหล้าป้อนกับแกล้มให้พวกพี่ๆ ด้วย”
เธอหยุดพูดก่อนจะใช้มือเท้าคางโดยมีข้อศอกตั้งอยู่บนหัวเข่า โน้มกายลงต่ำเพื่อให้เนินอกอวบโผล่ล้น เป็นอาหารตาให้กับคนงานเหล่านั้นที่นั่งทำตาลุกวาว “แล้วถ้าพวกพี่ๆ ลุงๆ น้าๆ ลาออกจากที่นี่ไปอยู่ไร่ปลายฟ้า น้องหนูจะบริการพิเศษกับพี่ๆ ลุงๆ น้าๆ ทุกคนเลยค่ะ”
เธอพูดยั่ว ทิ้งสายตามหาเสน่ห์ให้กับคนงานที่ตื่นตาตื่นใจกับคำพูดของน้องหนูนางยั่วประจำไร่
“บริการที่พิเศษที่น้องหนูว่าคืออะไรจ๊ะ?” แหลมสิงห์ถามเสียงสั่น มองสาวสวยผิวขาวเนียนตาเป็นประกาย
“ก็แล้วแต่ว่าพวกพี่ทั้งหลายจะให้น้องหนูทำอะไร แต่รับรองว่าพวกพี่ๆ ต้องพอใจแน่นอนจ้ะ” น้องหนูทิ้งปริศนาไว้โครมใหญ่ “ว่าไงจ๊ะ จะไปกันหรือเปล่า ได้เงินเดือนเพิ่มขึ้น ได้สวัสดิการดีขึ้น และได้ตัวน้องหนู เอ๊ย!!..ไม่ใช่...ต้องพูดว่าน้องหนูได้บริการพิเศษให้กับพวกพี่ๆ ต่างหาก ว่าไงจ๊ะ สนใจหรือเปล่า?”
เธอขุดหลุมพรางหลุมใหญ่ไว้หลอกล่อชายกำหนัดที่หลงใหลในร่างกายและเสน่ห์ของตน
“แต่พวกพี่ๆ กลัวว่าจะไม่มีคนทำงานที่นี่ วันมะรืนก็จะเก็บผลผลิตแล้ว พวกพี่ไปใครจะช่วยคุณทอร์ชทำงาน” แหลมสิงห์สองจิตสองใจ
“โธ่!!...พี่แหลมสิงห์ ปัญญาอย่างคุณทอร์ชสามารถอยู่แล้ว ไม่ต้องไปเป็นห่วงเขาหรอก ห่วงปากท้องของเราดีกว่า ใครให้เงินดี ใครให้สวัสดิการเยี่ยม ใครที่ทำให้เราได้ในสิ่งต้องการได้มากกว่าเราก็ไปอยู่กับคนนั้น อย่างเช่นน้องหนูไงจ๊ะ ไปอยู่ไร่ปลายฟ้าเพราะได้เงินดีกว่า สวัสดิการก็ดีกว่า น้องหนูจึงอยากให้พวกพี่ๆ ลุงๆ น้าๆ ไปอยู่กับน้องหนูด้วย” น้องหนูยังโน้มน้าวต่อไป
“แต่ถ้าไปตอนนี้คุณทอร์ชจะหาคนงานมาเก็บผลผลิตทันเหรอ ถ้าไม่ทันคุณทอร์ชเสียหายเป็นล้านๆ เลยนะ”
ลุงโม่งพูดขึ้น จะว่าไปเจ้าของไร่พฤกษาก็ดีกับพวกตนไม่น้อย ช่วยเหลือในทุกๆ เรื่องที่พวกเขาเดือดร้อน การย้ายไปทำงานในไร่ปลายฟ้าไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ เพราะเจ้าของสองไร่นี้ไม่ถูกกันอย่างแรง
“ลุงโม่งจ๋า เงินเป็นล้านๆ ไม่ได้ทำให้กระเป๋าของคุณทอร์ชแบนหรอกค่ะ รวยซะขนาดนั้น เป็นห่วงตัวเองดีกว่านะ”
“นั่นสิลุง ไปอยู่ที่โน่นดีกว่า ดีกว่าเห็นๆ เพราะมีน้องหนูไปอยู่ด้วย”
แหลมสิงห์พูดในเชิงเจ้าชู้ใส่น้องหนูที่นั่งแย้มยิ้มอย่างสวยงามบนแคร่ ทั้งๆ ที่ตัวเองมีครอบครัวแล้ว แต่ก็ยังหลงติดบ่วงของน้องหนูที่ขุดล่อ
“ใช่จ้ะ น้องหนูไม่อยากสบายคนเดียว อยากให้ทุกคนสบายด้วยก็เลยมาชวนพวกพี่ๆ ทั้งหลาย ไปอยู่ไร่ปลายฟ้าเราจะได้มีความสุขด้วยกันไงจ๊ะ” ข้อหลังนี่เองที่ดึงดูดใจชายทั้งหลาย
“คุณท็อปรับคนงานกี่คนล่ะน้องหนู?” พันถามขึ้น
“รับไม่อั้นจ่ะ คุณท็อปกำลังจะขยายไร่ ต้องการคนงานมากๆ อ้อ!!...ลืมบอกไป ถ้าใครชักชวนคนงานในไร่นี้ไปทำงานในไร่โน้น คุณ
ท็อปจะให้ค่าหัวเพิ่มอีกคนละหนึ่งพัน” น้องหนูเอาสิ่งนี้มาล่ออีกหนึ่งอย่าง
“จริงเหรอ ได้หัวละพันเชียวหรือ?” แหลมสิงห์ตาโตถาม
“จริงสิจ๊ะ คนงานผู้ชายที่นี่มีตั้งเยอะ ถ้าพวกพี่ๆ ลุงๆ น้าๆ ทั้งหลายไปกล่อมคนงานคนอื่นๆ ให้ไปทำงานที่ไร่ปลายฟ้าได้สำเร็จ จะได้พิเศษอีกหัวละพัน กล่อมได้เยอะก็ได้เงินเยอะนะจ๊ะ”
“ตกลงตามนี้เลยน้องหนู พี่จะลาออกจากที่นี่ไปทำกับคุณท็อป แล้วจะชวนคนอื่นๆ ไปด้วย” แหลมสิงห์พูดขึ้นหลังจากตัดสินใจ
“ลุงด้วย ลุงไปด้วยเดี๋ยวลุงไปพูดกับคนอื่นๆ ด้วย” ลุงโม่งเอ่ยขึ้นอีกคน
“น้าไปด้วย เงินดีดีอย่างนี้มีหรือจะไม่ไป” นายพันตอบตกลงอีกคน
“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เจอกันที่หน้าไร่ตอนเจ็ดโมงเช้านะจ๊ะ อย่าสายล่ะ ถ้าสายน้องหนูไม่คอยด้วย พวกพี่ๆ ก็จะไม่ได้บริการพิเศษจากน้องหนู” พูดจบก็ลุกขึ้นยืนอวดหุ่นสวย “น้องหนูไปนะจ๊ะ พรุ่งนี้เจอกัน แล้วอาหารเย็นมื้อนี้น้องหนูจะทำเป็นพิเศษ หมูหมักนมสด”
เธอทำในลักษณะเดียวกันกับที่ทำให้ประยงค์เห็น และนั่นเรียกความกระหายในการลิ้มลองหมูหมักนมสดมากยิ่งขึ้น แต่ละคนมองตามน้องหนูที่เดินออกไปจากเพิงพักตาละห้อย บางคนถึงกับน้ำลายหกก็มี
น้องหนูนามสมมุติเดินกระหยิ่มด้วยความสมใจ อีกนิดเดียวแผนของเธอก็จะสำเร็จแล้ว รอถึงวันพรุ่งนี้เท่านั้น ทุกสิ่งอย่างที่เธอต้องการก็จะบรรลุเป้าหมาย เธอจะได้กลับไปใช้ชีวิตที่เป็นปกติสุขเสียที หลังจากที่ต้องแสดงบทเป็นนางแมวยั่วสวาทอยู่ที่ไร่แห่งนี้เพื่อการบางอย่างมาร่วมสองสัปดาห์ พรุ่งนี้เธอจะเป็นไทแล้ว
กลับมาตอนนี้ และบางอย่างบอกให้ทั้งสองรู้ว่า เรื่องยุ่งยากกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า“เดี๋ยวพี่ไปหยิบเอกสารก่อนนะ”เจ้าของไร่สาวเท้าเดินขึ้นไปยังชั้นบนทันทีที่พูดจบ ไม่นานเท้าใหญ่ก็นำพาร่างสูงมาถึงห้องนอนของตนเอง เดินมาหยิบเอกสารที่เขาสอดเก็บไว้ในลิ้นชักหัวเตียงร่างสูงยืนมองร่างของเชลยสาวที่นอนหลังขดตัวอยู่ในผ้าห่มผืนใหญ่ ร่องรอยป่าเถื่อนยังแต่งแต้มอยู่บนร่างกายของเธอถึงแม้ว่าผ้าห่มจะปิดคลุมกายแต่เขาก็รู้ดีว่ามันมีมากแค่ไหน ลำคอสาวเกิดรอยจ้ำจากการขบเม้มหลายที่ประโยคของจักรพงษ์ยังดังไม่เสื่อมคลายในหู “เพียงรัมภาไม่ผิด” ในเมื่อคนไม่ผิดแล้วเขาลงโทษอย่างไร้เหตุผล ในความเป็นจริงเขาต้องขอโทษเหมือนกับที่เขาขอโทษจักรพงษ์ ภายในใจของกวินภพจึงเต็มไปด้วยความสับสน ใจหนึ่งต้องการขอโทษเธอกับความดิบเถื่อนของตนเอง ในขณะที่อีกใจต่อต้านอย่างหนัก เพราะสิ่งที่เธอได้รับมันน้อยกว่าสิ่งที่ทุกคนในไร่พฤกษาได้รับแค่นี้มันจึงน้อยไป...กวินภพจึงเลือกที่จะเพิกเฉยร่างของเพลงมีนา เขาหมุนตัวเดินไปยังประตูห้องนอนแล้วเดินออกไป โดยไม่สนใจไยดีร่างสลบไสลไม่ได้สติของเธอ บ่ายวันเดียวกัน ร่างเล็กที่นอนหลับบ
เจ้าของไร่พฤกษายอมรับว่า อาหารฝีมือของเพลงมีนาไม่ได้เรื่อง แต่สีสันของผักกลับดูน่ารับประทาน เมื่อได้ชิมรสชาติก็หวานกรอบ เสมือนเพิ่งเด็ดมาจากต้น ทว่ากวินภพไม่คิดว่าเธอจะปลูกเองกับมือ อีกทั้งยังโขลกพริกแกงเอง ทำอาหารให้เขาด้วยใจ พัฒนาฝีมือการทำกับข้าวให้เขาพอใจและตลอดหลายวันมานี้อาหารรสชาติไม่ได้เรื่องของเพลงมีนาไม่ได้ตกถึงท้องเขาเลย เขาเพียงชายตาแลมองไม่คิดจะตักขึ้นมาชิมเหมือนก่อน จะเลือกรับประทานอาหารฝีมือเมธาวีมากกว่า หลายครั้งที่เขาเห็นน้ำตาเอ่อคลอเบ้าตาของเพลงมีนา เธอคงน้อยใจและเสียใจที่เขาไม่รับประทานอาหารรสชาติห่วยแตกฝีมือของเธอ กวินภพละที่จะสนใจความรู้สึกของแม่ครัวความจำเสื่อม เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของแผนที่ต้องการให้เธอเกิดความเจ็บช้ำ เป็นการล้างแค้นเพลงมีนาอีกทางความรู้สึกผิดเกาะกินใจกวินภพโดยไม่รู้ตัว เขาย้อนคิดถึงการกระทำของตนเองเมื่อวานนี้ เพลงมีนาโดนเขาทำร้ายจิตใจและร่างกายอย่างหนัก ราวกับมัจจุราชร้ายไร้ความปรานีที่ฉีกกระชากร่างสาวมอดไหม้เป็นธุลีกวินภพกำลังคิดว่า สิ่งที่เขาทำกับเพลงมีนาทั้งหมดนั้น มันมากพอกับสิ่งที่เขาสูญเสียไปหรือไม่ มากพอที่จะทำให้ความแค้นในครั้งนั้นลด
ไร่พฤกษาเวลาเช้า จักรพงษ์มานั่งรอเจ้านายขี้โมโหของตนในห้องรับแขกของบ้านหลังใหญ่ ใบหน้าของเขายังมีรอยฟกช้ำม่วงแดงกระจายทั่วใบหน้า ปากแตก ลำแขนที่โผล่พ้นแขนเสื้อมีรอยจ้ำม่วงหลายจุด ยังไม่รวมขาและช่วงลำตัวมีร่องรอยความหึงหวงของกวินภพอีกหลายสิบจุด วันนี้เขาตั้งใจจะมาหาเจ้านายหนุ่ม เพื่ออธิบายทุกสิ่งอย่างให้เจ้านายหนุ่มเข้าใจ หากปล่อยไว้เช่นนี้ไม่เพียงแต่เขาจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ เพลงมีนาอาจจะโดนร่างแหไปด้วย บ่ายวานนี้หลังจากที่จักรพงษ์ถูกซ้อมจนสลบเหมือด พอฟื้นคืนสติเขาพาร่างบอบช้ำกลับไปยังบ้านพัก กินยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบ ก่อนจะนำพาร่างของตนเองไปอาบน้ำและพักผ่อนเอาแรงในเวลาต่อมา จักรพงษ์หลับยาวจนถึงสองทุ่ม เขาจึงเดินไปหาพี่ชายและน้องชายบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พี่น้องฟัง พวกเขาลงความเห็นว่าจำต้องบอกความจริงให้กวินภพรู้ หากไม่บอกจักรพงษ์อาจจะโดนไล่ออก เพลงมีนาก็จะพลอยได้รับผลกระทบจากความเข้าใจผิดในครั้งนี้ ซึ่งท่าทางสาวความจำเสื่อมน่าจะได้รับโทษทัณฑ์นั้นไปแล้วไม่น้อย กวินภพเดินลงมาตามบันไดด้วยอารมณ์ที่ไม่ปกติเท่าไรนัก อารมณ์ของเขายังขึ้นๆ ลงๆ ความหึงหวงที่เขาไม่รู้ตั
กวินภพทนเห็นภาพนั้นไม่ไหว เขาทนไม่ได้ที่มือเล็กๆ และร่างกายของเพลงมีนาสัมผัสและใกล้ชิดกับชายอื่น ทนได้ยินคำพูดที่ว่าเธอจะหนีจากเขาไปไม่ได้ ความหึงหวงจึงกระตุ้นให้เขาทำในสิ่งที่ใครๆ ไม่คาดคิด มือใหญ่กระชากแขนเรียวเล็กอย่างแรง แรงจนกระดูกข้อต่อตรงหัวไหล่กับแขนแทบหลุด จากนั้นก็ทั้งลากทั้งกระชากร่างบอบบางไปยังน้ำตกตูม...เสียงของมีน้ำหนักกระทบกับน้ำเย็นเฉียบ น้ำแตกกระจายเป็นวงกว้าง ร่างของเพลงมีนาลอยละล่องมากระทบกับสายน้ำในลำธาร คนที่โยนร่างงามก้าวลงมาในน้ำ เดินลุยน้ำไปยังร่างของคนที่โผล่พ้นน้ำ ไอแค่กๆ สำลักน้ำหน้าดำหน้าแดง“จำใส่หัวเอาไว้ด้วยว่า เธอคือเมียของฉัน เป็นของฉันคนเดียว คนอื่นไม่มีสิทธิ์”มือใหญ่ของคนขี้หึงจับตรงกลางศีรษะของเพลงมีนา แล้วจับกดจนใบหน้าสาวอยู่ใต้ผิวน้ำ เธอดิ้นรนสุดชีวิต มือทุบลงบนผิวน้ำจนน้ำกระจายกระเซ็นเป็นวงกว้าง เธอไม่ใช่ปลานะที่หายใจในน้ำ เพลงมีนาจึงสำลักน้ำและหายใจไม่สะดวกแล้วพอเขาดึงศีรษะเธอขึ้นมาเหนือน้ำ เพลงมีนาเกิดหอบหายใจแรง สูดลมหายใจเข้าไปในปอด ยังไม่ทันที่เธอจะสูดลมหายใจเต็มอิ่ม เขาก็กดศีรษะของเธอลงไปในน้ำใหม่“อื้อ...อื้อ...” เธอดิ้นและร้องอื้ออึงใน
เจ้าของไร่ค้างหมัดกลางอากาศ ปล่อยมือที่กำคอเสื้อจักรพงษ์ แล้วผลักร่างของอีกฝ่ายจนหงายท้องไปกึ่งนั่งกึ่งนอนบนพื้นดิน หันหน้ามามองเพลงมีนาด้วยสายตาประหัตประหาร ความโกรธแล่นพล่านจนเนื้อตัวของเขาสั่นไปหมด“เธอว่าอะไรนะ” คำถามมาพร้อมกับเสียงเหี้ยม ดวงตาลุกโชน “เธอว่าใครไม่ใช่ผัวเธอ ใครไม่ใช่”เขาถามคำถามให้ชัดเจนยิ่งขึ้น น้ำเสียงกัมปนาทก้องป่า ใบไม้ไสวตามแรงสั่นสะเทือน“ก็คุณไงล่ะ คุณไม่ใช่ผัวฉันแล้วฉันก็ไม่ใช่เมียคุณด้วย ฉันเป็นแค่นางบำเรอสนองตัณหาของคุณเท่านั้น มันจะแปลกอะไรที่ฉันจะมีอะไรกับใครก็ได้ มันไม่ได้ผิดศีลข้อไหนสักหน่อย”แม้ว่าเพลงมีนาจะกลัวและสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงอันน่าสะพรึงกลัว แต่ทว่าความโกรธและความไม่พอใจก็มีมากพอๆ กัน เธอจึงโต้กลับไปแบบไร้สติ“แสดงว่าเธอเคยนอนกับไอ้ต้อมใช่มั้ย”กวินภพกัดฟันถาม เส้นเลือดปูดขึ้นตรงแก้มตามรอยขบกัด มือทั้งสองข้างกำแน่น ดวงตาของเขานั้นไม่ต้องพูดถึง สามารถปลิดชีวิตของคนรอบข้างได้อย่างไม่ยาก“มันก็แล้วแต่คุณจะคิด”เพลงมีนาเลี่ยงไม่ตอบ ก้าวขาสั่นๆ ไปยังร่างของจักรพงษ์ที่แทบจะลุกไม่ขึ้น เพราะโดนไปหนักเอาการ ภาพของเพลงมีนาที่เข้าไปประคองร่างข
เพลงมีนากับจักรพงษ์เดินมาถึงเพิงพักท้ายไร่ ทว่าทั้งคู่ไม่ได้หยุดนั่งเหมือนกับที่ควรจะเป็น แต่กลับเดินไปยังหลังพุ่มไม้ใหญ่ที่เป็นแนวเขตป่า เขาและเธอเดินไปตามทางเล็กๆ ที่ทอดยาวไปยังจุดหมาย ตลอดสองข้างทางมีต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นรกครึ้ม เถาวัลย์ห้อยระโยงระย้า เสียงนกที่อาศัยอยู่ร้องประสานเสียง กระรอกตัวน้อยวิ่งไปตามกิ่งไม้ ลิงห้อยโหนไปมาจากต้นไม้ต้นหนึ่งไปยังต้นไม้อีกต้นหนึ่ง บ่งบอกถึงธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์สองหนุ่มสาวเดินมาจนถึงน้ำตกที่มีความสูงห้าร้อยเมตร เป็นน้ำตกที่ไม่มีคนงานคนใดมาใช้ เนื่องจากต้องเดินเท้าเข้ามาราวสองร้อยเมตรกว่าจะถึง คนงานในไร่จึงหันไปใช้น้ำตกที่อยู่ใกล้กับคอกม้ามากกว่า อยู่ใกล้และเป็นน้ำตกที่ใหญ่กว่า“ดูสิพี่ต้อม มันออกดอกแล้วนะ ต้นโน้นก็ออกผลแล้วด้วย”เพลงมีนาชี้ไปยังพืชผักสวนครัวที่เธอแอบมาปลูกไว้ โดยมีจักรพงษ์เป็นคนหาสถานที่ในการเพาะปลูก และหาต้นกล้ามาให้เธอ ใบหน้าตื่นเต้นดีใจ ปลื้มอกปลื้มใจกับการออกดอกออกผลของพืชผักและต้นไม้เหล่านั้น“ดีใจอย่างกับเด็กไปได้ กะอีกแค่ต้นมะลิออกดอกกับต้นมะเขือมันออกลูก” จักรพงษ์ปากร้ายใจดีอดที่จะเหน็บแนมสาวร่างเล็กคนนี้ไม่ได้“แหม...ก็ค







