วันนี้เขามาส่งลูกค้ารายสำคัญที่สนามบิน ระหว่างที่กำลังจะเดินออกมาจากอาคารของสนามบิน สายตาของเขาสะดุดมองไปยังร่างของสตรีนางหนึ่งที่กำลังเข็นสัมภาระออกไปทางเดียวกับเขา พอเห็นหน้าค่าตาของเธอชัดเจนแบบเต็มๆ ตา เขาก็คิดวิธีลักพาตัวน้องหนูกลับไปยังไร่ของเขา ทว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนักหากจะจับตัวเธอไปจากจุดนี้ เนื่องจากมีคนมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา แผนการบุกชิงตัวกลางถนนจึงอุบัติขึ้น
เพลงมีนาได้ฟังคำพูดของเขาแล้วเกิดอาการงงงันอย่างหนัก เขามั่นใจเหลือเกินว่าเธอคือน้องหนู หญิงสาวที่สร้างความเจ็บแค้นจนถึงแก่นลึกของจิตใจ ราวกับว่าหน้าตาของเธอนั้นถอดแบบน้องหนูไม่มีผิดเพี้ยน แล้วมันจะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร เธอจะหน้าเหมือนกับน้องหนูจนแยกแยะไม่ออกอย่างนั้นเชียวหรือ หากเป็นเพียงรัมภาน้องสาวฝาแฝดของตนเองก็ว่าไปอย่าง เพราะรายนั้นถอดแบบเธอราวกับเป็นพิมพ์เดียวกัน แยกแยะไม่ออกว่าใครเป็นใคร หากไม่ใช่คนคุ้นเคย
หญิงสาวไม่สามารถเอ่ยคำใดออกมาได้ ขยับปากให้เปิดออกยังยากลำบาก เป็นเพราะมือใหญ่ยังคงบีบแก้มสาวไม่ยอมปล่อย ความเจ็บปวด และความที่ต้องการจะพูด จะอธิบายทำให้เธอยกมือทั้งสองข้างขึ้นสูงจับข้อมือใหญ่ ก่อนจะกระชากลงไปด้านล่าง เพื่อให้แก้มเนียนสวยเป็นอิสระ
“คุณพูดบ้าอะไร ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย ใครกันไอ้ธงไอ้ท็อป ใครที่เป็นดาวยั่ว ใครที่ทำให้คุณเจ๊ง ฉันไม่เคยทำเรื่องบ้าๆ อย่างนั้นหรอก คุณพูดมั่วๆ” คนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวยังคงโต้เถียงกลับ ยิ่งเขาพูดเธอยิ่งไม่เข้าใจ
“ปากดีเหลือเกิน เถียงเก่งนัก ปากแข็งอีกต่างหาก ฉันจะบอกเธออีกครั้งว่า เธอคือน้องหนู น้องหนูได้ยินมั้ย?” เขาตะโกนใส่หน้าเพลงมีนาเสียงดัง กรามขบกันแน่นด้วยแรงโทสะ
“ไม่ใช่ ฉันไม่ใช่น้องหนู ฉันชื่อเพลง ไอ้บ้าปล่อยฉันลงจากรถเดี๋ยวนี้นะ ฉันไม่ใช่น้องหนูของคุณ”
“ใช่ เธอใช่น้องหนู”
“ไม่ใช่ ร้อยก็ไม่ใช่พันก็ไม่ใช่ อยากได้หลักฐานหรือเปล่าล่ะ ถ้าอยากได้เดี๋ยวฉันจะหยิบพาสปอร์ตให้ดู”
“จะดูทำไม ก็ในเมื่อเธอคือน้องหนู”
“โอ้ย!!...พูดไม่รู้เรื่องหรือไง บอกว่าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่สิ คนบ้า”
ปากน่าจูบของสาวร่างเล็กตะเบ็งเสียงตอบกลับ เขามองปากจิ้มลิ้มที่ช่างเถียงด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ปากคู่นี้เหมือนมีพลังดึงดูดให้เขาอยากสัมผัส แม้ว่าเธอจะคือคนที่สร้างความเจ็บใจให้กับเขามากก็ตาม
“ฉันจะถามเธออีกครั้งว่า เธอจะยอมรับว่าเธอคือน้องหนูหรือเปล่า?” เขาพูดอย่างคนใจเย็น ทว่าหน้าตาดุดัน
“ไม่!!...” เธอกระแทกตอบเสียงหนัก “ฉันไม่ใช่น้องหนู” ก่อนจะตะโกนใส่หน้าเขาอีกครั้ง
“ดี!!” กวินภพตอบคำเดียวเน้นๆ “ปากแข็งนักใช่มั้ย ได้เลย ฉันจะทำให้เธอยอมรับเองว่าเธอคือน้องหนูเอง”
ไม่ทันที่ฝ่ายหญิงจะทันตั้งตัว ร่างงดงามก็ถูกกระชากเข้าปะทะกับอกแกร่งของกวินภพอย่างรวดเร็ว ตวัดลำแขนรัดร่างนุ่มนิ่มกลิ่นกายหอมไว้ในอ้อนแขน ใช้มือใหญ่มือหนึ่งจับมั่นตรงท้ายทอย แล้วฉกจูบปากอวบอิ่มช่างเจรจาเร็วปานงูฉก
ริมฝีปากใหญ่บดเบียดเรียวปากนุ่มรุนแรงพอสมควรประหนึ่งลงโทษ ฉวยโอกาสตอนที่เธอตื่นตะลึงสอดลิ้นร้อนชื้นเข้าสู่โพรงปากสาวที่อุดมไปด้วยความหวามและกลิ่นหอมเย้ายั่ว พันรัดลิ้นเล็กที่สั่นระริกกับจูบแรกถูกกระชากไปอย่างซึ่งๆ หน้าและไม่เต็มใจ ความรู้สึกบางอย่างแผ่ซ่านเข้าทุกเนื้อเยื่อภายในร่างกายของทั้งคู่
เพลงมีนาทั้งตื่นตระหนกและตกใจ ไม่คิดว่าชายหน้าตาหล่อตรงหน้าจะจาบจ้วงเธอได้มากขนาดนี้ ร่างทั้งร่างแข็งทื่อในฉับพลัน แล้วในวินาทีที่ลิ้นร้ายของเขาเต้นระริกในช่องปากของเธอ ร่างสาวถึงกับอ่อนยวบ คิดอะไรไม่ออก งวยงง สมองมันเบลอไปหมด ปล่อยให้เขาลุกล้ำปลายลิ้นซอกซอนหาความหวานหอมอย่างไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน
กวินภพไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า ริมฝีปากของเธอจะน่าบดจูบถึงเพียงนี้ ยามที่บดริมฝีปากคั่วหารสชาติที่ไม่มีใครเหมือน ลิ้นสากใหญ่กระหวัดดื่มความหวานที่มาพร้อมกับความหอมระดับขั้นเทพ ความรู้สึกของเขาตอนนี้ซ่านทรวงเหลือคณา แต่ทำไมหนอสาวช่างยั่วเช่นเธอ จึงจูบไม่เป็นสัปปะรดเช่นนี้ ปากสั่น ลิ้นเล็กถอยหนี ไม่โต้ตอบราวกับว่าไม่เคยผ่านการจูบมาก่อน ทั้งๆ ที่เธอน่าจะช่ำชอง
ไม่เพียงแค่คนที่ถูกจูบเท่านั้นที่ตกใจ คนที่นั่งอยู่ในรถต่างก็นั่งอ้าปากค้างตาค้างกันทุกคน จตุรทิศที่นั่งอยู่เบาะด้านหน้าคนขับหันกลับมามองสองร่างที่นั่งจูบกัน เจริญกรุงสารถีหนุ่มแทบจะเหยียบเบรกในวินาทีที่ได้เห็น ต่างก็ไม่คิดว่ากวินภพจะทำเยี่ยงนี้กับสาวเจ้าจอมยั่ว
“ทีนี้จะยอมรับได้หรือยังว่าเป็นน้องหนู?” คนที่ฉวยโอกาสจูบเอ่ยถามเพลงมีนาที่หน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย “ถ้าไม่ยอมรับจะจูบโชว์ทุกคนในรถนี้ แล้วฉันก็ไม่แคร์ถ้าจะทำมากกว่านั้น”
กวินภพพูดต่อโดยที่ไม่คลายอ้อมกอดจากร่างอิ่ม การกระทำของเขานั้นเรียกความตกใจให้กับเธอไม่น้อย แล้วยิ่งมาได้ยินประโยคถัดมานี้ด้วย ทำให้เพลงมีนารู้ว่าเขาทำตามที่พูดได้แน่นอน
“แล้วถ้าฉันไม่ยอมรับล่ะ?” ความตกใจกลายเป็นความเสียใจ
...เสียใจที่ถูกเขาย่ำยีศักดิ์ศรี
…เสียใจที่ถูกเขาขโมยจูบแรกที่ปราศจากความรักและความอ่อนโยน
...เสียใจที่ตนเองไม่มีทางเลือก
…เสียใจที่ตนเองต้องยอมรับผิดโดยที่ตนเองไม่ได้ก่อ
“ก็จะทั้งฟันทั้งจูบบนรถนี้แหละ โชว์หนังสดให้ลูกน้องของฉันดูเป็นขวัญตา”
เขาตอบเสียงดังฟังชัด คนที่ได้รับคำตอบถึงกับน้ำตาคลอเบ้า ทางเลือกของเธอดูเหมือนจะเหลือน้อยเต็มที ไม่ใช่สิ มันไม่มีเหลือเลย ไม่ยอมรับก็โดน ยอมรับไปก็ไม่รู้จะโดนอะไรบ้าง ทว่าสถานการณ์ตอนนี้มีอยู่ทางเดียวที่เธอจะเลือกได้
“งั้นยอมรับก็ได้” เธอตอบกลับเสียงอ่อย “ฉันยอมรับแล้วคุณก็ปล่อยฉันได้แล้ว”
เพลงมีนาสะบัดตัวไปมา ให้เขารู้ตัวว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่
“ไม่อยากกอดเท่าไหร่นักหรอก”
ชายหนุ่มเจ้าของรถปล่อยเธอให้เป็นอิสระ มือใหญ่ผลักร่างงามอย่างแรงจนร่างสาวไปกระแทกกับประตูรถยนต์อย่างแรง “นั่งเฉยๆ นะ ห้ามพูด ห้ามเถียง นั่งหายใจอย่างเดียวพอ ถ้ามีคำพูดหลุดออกมาจากปากเธอแม้แต่คำเดียว ฉันจะเอาปากของฉันปิดปากเธออีกรอบ” เขาขู่สาวสวยอีกรอบ ถลึงตาใส่คนตัวเล็กที่รีบซุกตัวอยู่บนเบาะด้านในสุดอย่างน่าสงสาร
เพลงมีนาหยุดพูดในวินาทีนั้น เธอสงบปากสงบคำตามที่เขาสั่ง เพราะกลัวว่าความบ้าบิ่นที่มีมากมายของชายหนุ่มที่บดจูบปากสาวเมื่อครู่ จะดีเดือดกระชากเธอไปจูบอีกครั้งหากไม่ทำตามข้อตกลง หญิงสาวที่ไม่รู้เรื่องราวนั่งก้มหน้า น้ำตาหยดไหลลงบนหน้าขาของตัวเอง ตัดพ้ออยู่ในใจว่า ทำไมเธอต้องเจอะเจอกับเรื่องแบบนี้ด้วย ก่อนจะหันไปนอกหน้าต่างปล่อยน้ำตาให้ไหลรินโดยที่เขาไม่เห็น พลางครุ่นคิดไปตลอดทางว่า จะแก้ไขสถานการณ์เช่นนี้อย่างไรดี
Chapter 11เหมือนกับครั้งแรกที่ถูกจูบไม่มีผิด อาการตกใจทำให้กลีบปากสวยอ้าค้าง ปลายลิ้นใหญ่จึงแทรกเข้าไปสำรวจในช่องปากสาวอย่างง่ายดาย รัดเกี่ยวพันลิ้นเล็กที่พยายามจะถอยร่นหนี บดขยี้ปากอิ่มหนักหน่วง แรงจุมพิตที่หักหาญน้ำใจทำให้เพลงมีนาคิดจะต่อต้าน มือเล็กผลักร่างหนา ใบหน้าสาวส่ายสะบัดเพื่อไม่ให้เขาจุมพิตเธอได้โดยง่าย ร้องประท้วงในลำคอทว่ามันก็ไม่เป็นตามที่ตนเองคิดไว้ มือใหญ่จับมั่นตรงท้ายทอยของเพลงมีนา ไม่ให้ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวไปไหน ส่งผลให้เธอต้องยอมรับจุมพิตในครั้งนี้ด้วยความจำยอมเรี่ยวแรงทั้งหมดดูจะเหือดหายไปสิ้น เมื่อกระแสบางอย่างแทรกซึมเข้ามาในร่างกาย จุมพิตของเขานั้นสร้างความอ่อนแอให้เกิดขึ้นในจิตใจอย่างมากมาย พ่ายแพ้ หมดแรงต้านทาน จำยอมให้เขาดื่มด่ำความหวานที่ปลูกฝังอยู่ในช่องปากของเธอต่อไปน่าแปลกเหลือเกิน...น่าแปลกจริงๆ ปลายลิ้นของคนแปลกหน้าที่ตวัดโบกลิ้นเล็ก กวาดต้อนซอกซอนหาน้ำหวานรสเลิศอย่างกระหายและเร่าร้อน ไม่ได้ทำให้เธอเกิดความขยะแขยงหรือว่ารังเกียจ ตรงกันข้ามซาบซ่านราวกับเธอกำลังถูกไฟฟ้าสถิตเล่นงาน แปลบปลาบตลอดเวลาในความรู้สึกของกวินภพ เขากำลังถูกดึงตัวลงไปในบ่อโคลนพ
Chapter 10จะค้านว่าภาพนี้ไม่ใช่น้องสาวของตัวเองก็ไม่ได้ เพราะใบหน้าเครื่องเครา รูปร่างสวยงามมันบ่งชี้เช่นนั้น อีกทั้งเพลงมีนาไม่มีวันลืมหน้าตาของน้องสาว ทุกครั้งที่เธอส่องกระจกเงา ภาพของเพียงรัมภาก็จะซ้อนทับเสมอคำถามหลายคำถามจึงผุดขึ้นในใจ เพียงรัมภาไปทำอะไรให้กวินภพแค้นใจ ถึงขั้นพกรูปไว้เตือนความจำตลอดเวลา แล้วทำเช่นนี้ทำไม มีเหตุผลใดที่จะต้องทำ ที่สำคัญทำไมต้องใช้ชื่อเรียกว่าน้องหนู ทำไมไม่ใช้ชื่อเรียกแทนตัวเป็นชื่อจริง ราวกับว่าไม่ต้องการให้ใครรู้อะไรเกี่ยวกับตัวเองมากนัก หลายคำถามมะรุมมะตุ้มอยู่ในสมองที่เริ่มจะไม่สั่งการ ความงวยงงเข้ามาแทนที่ หรือว่ากวินภพจะเข้าใจผิด แต่ก็ไม่น่าจะใช่ ณ วินาทีนี้เพลงมีนามีแต่คำว่าไม่เข้าใจและสับสน วนเวียนอยู่ในสมอง“เป็นไงทีนี้ชัดมั้ย จะยอมรับได้หรือยังว่าเธอคือน้องหนู?” เสียงของกวินภพดังขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งมองรูปภาพตาไม่กระพริบ“ว่า...ว่าไงนะ?” เธอถามอีกครั้งหลังจากที่เสียงของเขาดึงสติของเธอให้คืนกลับมา“ฉันถามว่า คราวนี้เธอจะเถียง และไม่ยอมรับอีกหรือเปล่าว่าเธอไม่ใช่น้องหนู?”คำถามของเขาทำให้เธอประติดประต่อเรื่องได้คร่าวๆ กวินภพเห็นเธอก็นึก
Chapter 9รถยนต์คันเดิมยังคงแล่นบนถนนสายหลัก ตรงดิ่งไปยังจังหวัดลำปางซึ่งใช้เวลาประมาณสิบชั่วโมงกว่าจะถึงตัวจังหวัด และอีกสี่สิบห้านาทีกว่าจะถึงไร่พฤกษา คนที่ตั้งใจว่าจะคิดหาทางออกในเรื่องคับขัน เวลานี้กับผลอยหลับศีรษะพิงกับประตูรถยนต์ กวินภพเห็นแล้วเกิดความหมั่นไส้ขึ้นมาตงิดๆ เขาจับตัวเธอมาไม่ได้ให้มานอนหลับสบายๆ อย่างนี้ต้องแกล้งเสียให้เข็ด คิดได้ดังนั้นร่างหนาจึงขยับเข้าไปใกล้สาวร่างเล็ก ยื่นใบหน้าเข้าใกล้ใบหูสาว ให้ริมฝีปากหนาชิดติดกับส่วนรับฟังของเธอ“ตื่นได้แล้ว ตื่นสิ น้องหนูตื่น”เสียงดังราวกับฟ้าผ่าดังอยู่ตรงใบหูของเพลงมีนา เสียงที่ดังสนั่นทำให้สาวเจ้าสะดุ้งตัวตื่น มองหน้าเขาเลิกลั่ก ใจเต้นโครมคราม“ไม่เคยหลับเคยนอนหรือไง หลับมาได้ตลอดทาง” น้ำเสียงของเขายังคงดังลั่นรถ“ก็คนมันง่วงนี่นา” เธอพูดเสียงอ่อย “คุณจะพาฉันไปไหน?”“ไปนรก” เขาตอบสั้นๆ แต่สำหรับคนที่ได้ยิน หัวใจเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น เกรงกลัว“ฉัน...ฉันไม่ใช่น้องหนูนะ” เสียงของเธอดังออกมาแผ่วๆ แต่ดังราวกับพลุแตกสำหรับเขา“อยากจะให้ฉันจูบก็พูดมาดีดี ไม่ต้องมาทำเป็นพูดอย่างนี้หรอกน้องหนู ฉันไม่หลงกลดาวยั่วอย่างเธอง่ายๆ อย
Chapter 8วันนี้เขามาส่งลูกค้ารายสำคัญที่สนามบิน ระหว่างที่กำลังจะเดินออกมาจากอาคารของสนามบิน สายตาของเขาสะดุดมองไปยังร่างของสตรีนางหนึ่งที่กำลังเข็นสัมภาระออกไปทางเดียวกับเขา พอเห็นหน้าค่าตาของเธอชัดเจนแบบเต็มๆ ตา เขาก็คิดวิธีลักพาตัวน้องหนูกลับไปยังไร่ของเขา ทว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนักหากจะจับตัวเธอไปจากจุดนี้ เนื่องจากมีคนมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา แผนการบุกชิงตัวกลางถนนจึงอุบัติขึ้นเพลงมีนาได้ฟังคำพูดของเขาแล้วเกิดอาการงงงันอย่างหนัก เขามั่นใจเหลือเกินว่าเธอคือน้องหนู หญิงสาวที่สร้างความเจ็บแค้นจนถึงแก่นลึกของจิตใจ ราวกับว่าหน้าตาของเธอนั้นถอดแบบน้องหนูไม่มีผิดเพี้ยน แล้วมันจะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร เธอจะหน้าเหมือนกับน้องหนูจนแยกแยะไม่ออกอย่างนั้นเชียวหรือ หากเป็นเพียงรัมภาน้องสาวฝาแฝดของตนเองก็ว่าไปอย่าง เพราะรายนั้นถอดแบบเธอราวกับเป็นพิมพ์เดียวกัน แยกแยะไม่ออกว่าใครเป็นใคร หากไม่ใช่คนคุ้นเคยหญิงสาวไม่สามารถเอ่ยคำใดออกมาได้ ขยับปากให้เปิดออกยังยากลำบาก เป็นเพราะมือใหญ่ยังคงบีบแก้มสาวไม่ยอมปล่อย ความเจ็บปวด และความที่ต้องการจะพูด จะอธิบายทำให้เธอยกม
Chapter 7“ไม่จริง ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่อย่างนั้น หนูไม่ได้เป็นอะไรกับเขานะคะ”“ยังจะปากแข็งไม่เลิกอีก จะให้โชว์หลักฐานให้ทุกคนดูมั้ยว่าเธอสวมเขาให้ฉัน มานี่เลย มานี่กลับบ้านเดี๋ยวนี้”กวินภพใช้แรงกำลังที่เหนือกว่า ลากร่างสาวไปตามพื้นถนน แม้ว่าเธอจะฝืนร่างกายเอาไว้ก็ตาม“ลุงจ๋า ลุงช่วยหนูด้วย ช่วยหนูด้วยนะคะ” เธอหันมาเว้าวอนคนที่อยู่ใกล้ที่สุด“กลับบ้านไปหาลูกเถอะนังหนู กลับตัวกลับใจเสียใหม่นะ”คนขับแท็กซี่พูดจบก็หมุนตัวเดินกลับไปยังรถทำมาหากินของตน พร้อมกับค่าเสียหายหลายหมื่นที่อยู่ในมือ กวินภพยิ้มเยาะยามที่ได้เห็นสีหน้าของเธอตอนนี้“ไม่มีใครช่วยเธอได้หรอกน้องหนู งานนี้เธอตายคาไร่ของฉันแน่ มานี่”เขาขู่ฟ่อเธออีกครั้ง ก่อนที่จะลากร่างสาวไม่หยุด เพลงมีนาก็ยังฝืนตัวและเปล่งเสียงร้องห้าม เสียงขอความช่วยเหลือต่อไป แต่ทว่าไม่มีใครสนใจเรื่องของผัวเมียเลยสักคน ต่างเดินกลับไปทำงาน ไปค้าขายของตนตามเดิมกวินภพลากร่างอวบอิ่มมาจนถึงประตูตอนหลังของรถยนต์คันหรูของตนที่เปิดอ้าอยู่ ออกแรงกระชากเธอให้ลุกขึ้นยืนเพียงครั้งเดียว ก่อนจะผลักร่างสาวเข้าไปนั่งในรถ ก่อนจะหันไปรับกระเป๋าสะพายของเพลงมีนาที่อยู่ในมือ
Chapter 6สองเดือนต่อมาเวลาประมาณสิบ 13.00 น. ณ สนามบินสุวรรณภูมิสตรีนางหนึ่งเดินออกมาจากช่องประตูของผู้โดยสารขาเข้าด้วยรอยยิ้มแห่งความดีใจ นานสิบปีแล้วที่เธอไม่ได้กลับมาเหยียบบ้านเกิดเมืองนอน หลังจากที่เธอต้องย้ายไปอยู่กับพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงดูเธอไปเป็นลูกยังประเทศนิวซีแลนด์เพลงมีนาเฝ้ารอการกลับมาเมืองไทยทุกลมหายใจ เฝ้ารอให้ตนเองจบการศึกษาในระดับชั้นปริญญาตรีตามความตั้งใจของผู้มีพระคุณ แล้วหากถึงวันนั้น เธอจะได้กลับมาเยือนแผ่นดินเกิดตามคำสัญญา ซึ่งวันนั้นก็เดินทางมาถึง...วันที่เธอจะได้พบหน้าน้องสาวฝาแฝด พบเด็กๆ หลายคนที่ตอนนี้เติบโตเป็นหนุ่มเป็นสาว ได้พบกับคุณแม่วนารัตน์ แม่ที่ให้โอกาส ให้ที่อยู่และให้ชีวิตใหม่กับเด็กกำพร้าคนนี้ และอาจได้พบกับสมาชิกใหม่อีกหลายชีวิต ได้กลับไปหาบ้านหลังแรกแสนอบอุ่น...สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าวนารัตน์...“คุณแม่คะ เพลงถึงสนามบินแล้วนะคะ ตอนนี้กำลังออกไปเรียกแท็กซี่ค่ะ”พอตนเองออกมายืนอยู่หน้าประตูตรงช่องทางที่ตัวเองเดินออกมา สิ่งแรกที่เพลงมีนาทำก็คือ โทรศัพท์ไปหามารดาบุญธรรม รายงานตามที่ได้ตกลงกันไว้“ดูแลตัวเองดีดีนะลูก” เสียงแสดงความเป็นห่วงและห่