เข้าสู่ระบบบรรยากาศเช้านี้สดชื่นแจ่มใส ท้องฟ้าสีอ่อนถูกประดับด้วยเมฆก้อนเล็ก ๆ สีขาวนวล หมู่นกที่พากันบินเรียงแถวเป็นรูปตัววี ต่างพากันออกไปหาอาหารกันตามปกติ
หลังจากที่นั่งคิดทบทวนกับเหตุการณ์เมื่อวานจนแทบจะไม่ได้นอน ธีร์รันรู้สึกเหมือนกับมีพายุถาโถมเข้ามาภายในจิตใจของตน ความสับสนหวาดกลัวในอนาคตกำลังกัดกินจิตใจของเขา ราวกับกำลังยืนอยู่บนหน้าผาสูงชัน ที่ไม่แม้แต่จะมีทางเลือกให้เดินต่อไป
ตะวันเริ่มขึ้นสายโด่งแล้ว ธีร์รันจึงตัดสินใจลุกจากเตียงเนื่องจากถ้าหายนานกลัวคนพี่จะขึ้นมาตาม สภาพตอนนี้แม้ภายนอกจะดูปกติ แต่ว่าข้างในของเขาบอบช้ำเหลือเกิน หลังจากที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ธีร์รันก็ได้มานั่งซ้อมที่หน้ากระจกก่อนที่จะลงไปด้านล่าง
“ยิ้มสิรัน สดใสร่าเริงเข้าไว้นะ”
ครั้นลงมาถึงด้านล่างหลังจากที่กวาดสายตามองหาคนพี่อยู่สักพักก็เจอแต่ความว่างเปล่า เมื่อเข้าไปในครัวก็พบเพียงกับข้าวที่คนพี่ก็คงจะเตรียมไว้ให้ตนอีกเช่นเคย
&nbs
“บ่แมนมันคิดสั้นแล้วเบาะสิง” “ปากมึงเบาะนั่น” สิงและเหนือที่เห็นว่าสายแล้วยังไม่เจอเพื่อนมาหาสักที ก็เกิดความร้อนใจกลัวว่าเพื่อนจะคิดอะไรที่ไม่ดี ปกติบอกว่าจะมาก็คือมาคำไหนคำนั้น จึงได้รีบบึ่งรถมาหาที่บ้านเผื่อเกิดเหตุอะไรตนจะได้ช่วยเหลือทัน เพราะตั้งแต่เมื่อวานที่เพื่อนกลับไป ตนก็ไม่ได้ติดต่อกับเพื่อนอีก “กะมันวามันสิมาหาเฮา จนฮอดปานนี้กะยังบ่เห็น” “มื้อวานมันกะถืกสะกิดปมไปอีก” “บ่ดอก มันคงบ่คิดแบบนั้น” “มึงฟ่าวขับเร็ว ๆ แน กูใจบ่ดี” (มึงรีบขับเร็ว ๆ หน่อย กูใจไม่ดี) การโต้เถียงเกิดขึ
“อ๊ะ!” แดนดินได้ช้อนร่างของคนตัวเล็กให้ขึ้นมานั่งบนตัก พลางจับชายเสื้อของตนถอดผ่านศีรษะด้วยท่าทางที่ทะมัดทะแมง เผยให้เห็นร่างกายที่กำยำซึ่งยังคงเต็มไปด้วยมัดกล้ามและกลุ่มก้อนขนมปัง ก่อนที่จะไล่ไปถอดกางเกงของร่างบางออกจนหมดสิ้น สองมือได้ไปกอบกำเอาส่วนเนื้ออ่อนที่บริเวณก้นกลมของคนตัวเล็ก ขยำ ๆ อยู่นานจนเนื้อขาวนวลปลิ้นออกมาตามซอกนิ้ว ในขณะที่ริมฝีปากก็ยังคงเล็มเลียอยู่กับยอดปทุมสีหวาน จนธีร์รันต้องแอ่นอกสู้ด้วยความสาดเสียว “อ๊า! พี่” ร่องรอยสีกุหลาบที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบที่จะไม่มีพื้นที่ว่าง ทั้งรอยขบกัดและรอยดูดดึง จากความปรารถนาที่มีอย่างมากล้น ซึ่งธีร์รันก็ไม่ได้ปัดป้องแต่อย่างใด ปล่อยให้คนพี่ทำอย่างที่ใจอยาก เพราะการที่คนพี่จะต้องอดกลั้นถึงเพียงนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะตนทั้งนั้น
บรรยากาศยามค่ำที่มีสายลมพัดมาเป็นระยะ ๆ เมื่อมาปะทะกับผิวกาย ก็พลอยทำให้รับรู้ได้ถึงความเย็นยะเยือกที่ถูกส่งมาเป็นอย่างดี ฤดูหนาวผ่านมาอีกครา ครั้งก่อนแดนดินยังจำได้ดี ตนเคยมีความสุขมาก ๆ ในช่วงนี้เมื่อปีที่แล้ว แต่ในขณะเดียวกันก็เจ็บปวดจนแทบเจียนตาย ความคิดถึงที่เขามีต่อคนรักอยู่ทุกวันก็แทบจะเป็นเรื่องปกติ เพียงแต่วันนี้ ความรู้สึกกลับยิ่งเพิ่มมากขึ้น อาจจะเพราะแอลกอฮอล์ที่อยู่ในร่างกายหรืออะไรก็ตามแต่ ซึ่งมันทำให้เขาไม่ทันมองว่ามีสิ่งแปลกตาเข้ามาอยู่ในบ้านของเขา รู้ตัวอีกทีก็ต่อเมื่อเดินลงจากรถมอเตอร์ไซค์มาแล้ว “รถไผวะ” (รถใครวะ) รถเก๋งคันหรูสีดำสวยที่จอดนิ่งสนิทอยู่ในบริเวณบ้านของเขา พอลองมองหาเจ้าของรถคันดังกล่าวก็เจอแต่ความเงียบสงบ ยิ่งพยายามนึกถึงที่มาที่ไปของรถคันนี้ก็ยิ่งทำให้สับสนขึ้นไปอีก ตนไม่รู้จักใครที่มีรถลักษณะแบบนี้ ยิ่งเป็นญาติยิ่งแล้วใหญ่ เมื่อลองเดินสำรวจรอบ ๆ ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ
“ก๊อก...ก๊อก!” “คุณรัน คุณท่านให้มาตามไปทานข้าวค่ะ” “รันยังไม่หิวครับ” แม่บ้านต่างก็หันหน้ามามองกันด้วยความลำบากใจ หนึ่งสัปดาห์มาแล้วตั้งแต่ที่คุณหนูของบ้านเอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้อง ข้าวปลาก็กินแทบจะนับคำได้ ทำเอาทุกคนต่างพลอยเป็นห่วงกันไปหมด เมื่อการเรียกขานไม่เป็นผล แม่บ้านจึงได้ถอยหลังมาเพื่อเปิดทางให้กับหญิงสาวคนหนึ่งได้เดินไปที่หน้าประตูห้อง และทำการเรียกขานขึ้นอีกครั้ง “รัน...นี่ดาวเองนะ” “ดาวขอเข้าไปได้ไหม?” ความเงียบสงบมาเยือนอยู่สักพัก ก่อนที่ประตูบานใหญ่จะค่อย ๆ ถูกเปิดออก เผยให้เห
“สูกลับไปซะ” แดนดินเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้อง หลังจากที่พาเพื่อนกลับมาถึงบ้าน ในขณะที่จัดการทำแผลให้อยู่นั้น เหนือได้สังเกตสีหน้าท่าทางของเพื่อนที่ดูเลื่อนลอย แววตาดูหมดหวัง แม้ว่าจะเป็นเวลาที่สิงเช็ดแผลให้ ทั้ง ๆ ที่ควรจะเจ็บมากแท้ ๆ แต่แดนดิน กลับไม่มีแม้แต่จะส่งเสียงออกมา “กูวาเฮาต้องมาอยู่เป็นหมู่มัน” “กูย่านมันคิดสั้น เบิ่งทรงสิหนักกว่าตอนเลิกกับน้องวา” “อือ หนักกว่าหลายเลยล่ะ” เมื่อเห็นอาการของเพื่อนที่ไม่สู้ดีนักก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ ถ้าเจ็บป่วยทางกายยังพอหาทางรักษาให้ได้ แต่อาการทางใจตนคงต้องคอยดูอยู่ห่าง ๆ และรอเวลาที่จะคอยเยียวยาทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้น&n
เมื่อใกล้ถึงฤดูเก็บเกี่ยว ท้องทุ่งนาถูกย้อมด้วยสีทองอร่ามของรวงข้าวที่โอนอ่อนลู่ลม เสียงรวงข้าวที่เสียดสีกันดังแผ่วเบายามเมื่อสายลมพัดผ่าน แสงแดดยามสายส่องกระทบไปทั่วผืนนาจนเกิดเป็นประกายระยิบระยับ “พี่จะเก็บเกี่ยวข้าวยังไงเหรอ” คำถามที่เอื้อนเอ่ยออกมา ในขณะที่กำลังเดินลัดเลาะอยู่บนคันนา ร่างสูงเดินนำและมีคนตัวเล็กเดินตาม การเดินสำรวจแปลงนาในทุก ๆ เช้า น่าจะเป็นกิจวัตรประจำวันของคนทั้งคู่ไปแล้ว “อ้ายวาสิเอารถเกี่ยวเอา” “แต่กะสิจ้างชาวบ้านเกี่ยวบางส่วน พอให้เพินมีรายได้” “แฟนใครใจดีจัง” แดนดินหันมายิ้มให้กับคนตัวเล็ก พร้อมกับแก้มบางที่ถูกเรียวนิ้วยาวหยิกให้เบ

![What is a divorce? [Mpreg]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)





