ดังนั้น นี่เป็นเสื้อผ้าที่ร้านเสื้อผ้าสำเร็จรูปของตระกูลชิ่งหรือ?ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าตัวเองขายหน้าเอามากๆ ขายหน้าไปถึงบ้านคุณย่าแล้วหลังจากนางถามออกมาถึงพบว่าที่แท้ตัวเองก็เหมือนกับหญิงสาวคนอื่นๆ ชอบคิดไปเรื่อยเปื่อย ชอบหึงไปเรื่อยเปื่อย แล้วยังชอบหาเรื่องทะเลาะอย่างไม่มีเหตุผลอีกี"แล้วใครให้ท่านไม่ยอมบอกกันเล่า?"ฟู่จาวหนิงตัดสินใจแว้งกลับ"ใช่ เป็นข้าที่ไม่ยอมอธิบายออกมาเอง ข้าผิดเอง" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นมาด้วยท่าทางแสนดี"ท่านไม่ใช่แค่ไม่ยอมอธิบายเอง แต่ยังจงใจท้าทายจะทะเลาะกับข้าด้วย""ใช่ ข้าผิดไปแล้ว ข้าขอโทษ""เซียวหลันยวน""หืม ข้าอยู่นี่"ฟู่จาวหนิงจู่ๆ ก็รู้สึกหมดเรี่ยวแรงผู้ชายต่ำช้าคนนี้ ตอนที่สมองยังบ้าๆ บอๆ ก็เอาแต่ทำให้คนโมโห แต่พอสมองกลับมาดี ท่าทีของเขาก็แสนดีจนโกรธไม่ลงเลย"หนิงหนิง..."เซียวหลันยวนคล้องคอนาง เอียงเข้าไปหานาง แต่ตอนที่ลมหายใจสัมผัสกัน เขาก็อดทนผละตัวถอยออกมาอีกสภาพเขาแบบนี้...ฟู่จาวหนิงมองออกถึงความดิ้นรนและปรารถนาจากในตาของเขาเขามองริมฝีปากนางมาหลายครั้งแล้ว สายตาเองก็ร้อนแรงเหมือนเปลวไฟ ทั้งสองคนห่างกันไปหลายเดือน ไม่ได้เข้าใกล
ต่อให้คิดตกแล้ว แต่ให้นางมองใบหน้าพังๆ ของตนเองในระยะใกล้เช่นนี้ เซียวหลันยวนก็ยังรู้สึกกดดันในใจอยู่ฟู่จาวหนิงยังรู้สึกว่าลมหายใจของเขาตึงเครียดอย่างชัดเจนเขามีแรงกดดันในใจจริงๆฟู่จาวหนิงถอนหายใจในใจ เอาจริงๆ ตอนที่เห็นใบหน้าเขาชัดๆ ในใจนางอันที่จริงก็ตกใจขึ้นมากะทันหันเหมือนกันเพราะว่า...นางเข้าใจเสี่ยวชิ่นในคืนนั้นได้ว่าทำไมจึงตกใจจนร้องไห้ใบหน้าเดิมของเซียวหลันยวนนั้นงดงามเอามากๆ ตอนนี้กลับน่ากลัวขนาดนี้ใบหน้ามีแผลเป็นตกสะเก็ด จนดูเหมือนรากไม้คลานอยู่บนใบหน้า ดึงตาหูจมูกปากไปจนเปลี่ยนรูปเซียวหลันยวนเดิมทีเรียกได้ว่าเป็นหนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งในใต้หล้าได้เลย กระทั่งซือถูไป๋ก็ยังแพ้เขาตอนนี้กลับต่างอย่างเห็นได้ชัดถึงเพียงนี้ ตัวเขาเองจะยอมรับได้หรือ?เขาเองก็น่าจะถือว่าจิตใจมีความสามารถในการยอมรับที่แข็งแกร่งมากแล้ว ถ้าเป็นคนอื่น คงจะพังทลายไปเรียบร้อย"ข้าคิดออกถึงหนึ่งวิธีการรักษา แต่ต้องบอกกับท่านให้เข้าใจก่อน"พลังการยอมรับของฟู่จาวหนิงแข็งแกร่งมาก และเพราะเมื่อคืนนี้นางเองก็เห็นคนป่วยเหล่านั้นมาก่อนแล้ว เคสคนป่วยพวกนั้น แผลเป็นบนใบหน้าน่ากลัวอย่างมาก รูปภาพคว
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกำลังถามเรื่องเหล่านี้ เฉินเซียงก็วิ่เข้ามา"องค์หญิงใหญ่ ท่านหูมาขอพบ""ท่านหู? ท่านหูข้างกายเจ้าอารามคนนั้นน่ะหรือ?" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตกตะลึง คิดถึงสิ่งที่ปรมาจารย์ฉือเชินเคยพูดกับนางตอนยังเด็กขึ้นมาปรมาจารย์ฉือเชินบอกว่า ตอนที่นางเกิดนั่นมีปรากฏการณ์ประหลาดร่วงหล่นจากฟากฟ้า ยิ่งไปกว่านั้น ชีวิตของนางยังข้องเกี่ยวกับอีกผู้หนึ่งด้วย ดวงชะตาทั้งสองคนถ้าอยู่ด้วยกันจะเกิดวาสนาใหญ่และคนคนนั้นก็คืออ๋องเจวี้ยนจากแคว้นเจาเจ้าอารามเคยทำนายให้กับนาง เพียงแต่สองปีก่อนนางนั้นต้องกลับมาจากสุสานจักรพรรดิแล้ว แต่ตอนนั้นนางได้ข่าวเรื่องการกระทำบางอย่างขององค์รัชทายาท ถ้าหากตอนนั้นนางกลับมาเมืองหลวง เป็นไปได้มากที่จะถูกองค์รัชทายาทจับแต่งองค์ทรงเครื่องเพื่อทำอะไรแน่ นางพอคิดๆ อย่างละเอียด จึงบอกกับองค์จักรพรรดิว่า นางฝันเห็นไท่ซ่างหวง เกรงว่าไท่ซ่างหวงยังไม่อยากให้นางจากไป เพื่อสนองความกตัญญู จึงอยู่เฝ้าต่ออีกสองปีตอนนี้ในที่สุดนางก็กลับมาเมืองหลวงจักรพรรดิซือถูไป๋ปฏิเสธนาง นางแม้จะรู้สึกเกินคาด แต่ก็ไม่ได้ร้องขออะไร ถึงอย่างไรนางก็ยังต้องรู้ว่าอ๋องเจวี้ยนนั้นมีความสั
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นรอเขาพูดอยู่ นั่งตัวตรงขึ้นทันที ทำท่าเหมือนล้างหูรอไว้แล้ว"เจ้าอารามบอกว่า คุณชายซือถูก็ไม่แน่ว่าจะไม่ใช่บุพเพสันนิวาศที่ดี"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตะลึงงันไปเล็กน้อยอิ๋นสั่วกับเสิ่นเซียงเองก็สบตากันผาดหนึ่ง ทั้งสองคนรู้สึกตกตะลึงไปบ้างก่อนหน้านี้เจ้าอารามบอกว่าองค์หญิงใหญ่กับอ๋องเจวี้ยนมีชะตาชีวิตเกี่ยวข้องกันมาชัดๆ ดังนั้นองค์หญิงใหญ่จึงรู้สึกว่าคนที่เหมาะแต่งงานกับนางมากที่สุดก็คืออ๋องเจวี้ยนมาโดยตลอดอ๋องเจวี้ยนอยู่ที่ยอดเขาโยวจิง บางครั้งที่ท่านหูแวะมา ก็เล่าสถานการณ์ของอ๋องเจวี้ยนในยอดเขาโยวชิงให้นางฟัง ดังนั้นนางจึงไม่รีบร้อนอะไรจนกระทั่งปีที่แล้วอ๋องเจวี้ยนแต่งงาน นางยังส่งคนมาหาข่าวที่แคว้นเจา หลังจากรู้ว่าการแต่งงานนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร องค์หญิงใหญ่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากอ๋องเจวี้ยนถึงอย่างไรก็เป็นท่านอ๋องที่กุมอำนาจแคว้นเจา เป็นน้องชายองค์จักรพรรดิ ข้างกายไม่มีทางที่จะไม่มีหญิงสาวอยู่ต่อให้จะแต่งงานแล้ว มีพระชายาอ๋องเจวี้ยนแล้ว นั่นก็อาจจะเป็นแค่ลูกระนาดลูกหนึ่งบนเส้นทางของชีวิตคนถ้าหากดวงชะตาของเขาเกี่ยวข้องกับองค์หญิงใหญ่ จะอย่างไร สุดท้ายก็จะก
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคิดถึงภาพของคุณชายคนนั้นที่มาปกป้องตนเองในตอนนั้น แล้วยังคิดถึงภาพที่เขาทั้งๆ ที่สวมหน้ากากอยู่ห้ามปลดลงมา กินข้าวก็ไม่ได้ แต่ก็ยังอยู่กินกับนางโดยไม่บ่นสักคำ รอยยิ้มบนใบหน้าก็เด่นชัดขึ้นมาไปพักหนึ่ง"ถ้าหากเป็นเขาจริง ข้าก็ไม่สนใจเรื่องใบหน้าเสียๆ ของเขาแล้วล่ะ""องค์หญิงใหญ่..." อิ๋นสั่วกับเสิ่นเซียงล้วนตกตะลึงไปบ้างไม่ใส่ใจจริงหรือ?ฟังข่าวที่ลือมา อ๋องเจวี้ยนที่ใบหน้าพังไปแล้ว จะพังยับไปจนหมดแล้วจริงหรือ พูดกันเสียน่ากลัว"แต่ต้องยืนยันก่อนว่าใช่เขาหรือไม่ ถ้าหากเป็นเขาจริง เขาอยู่ในต้าชื่อก็มีอันตรายอยู่ และถ้าเป็นเพราะข้าที่ทำให้เขาถูกนักฆ่าจากเมืองหมานเหล่านั้นจับตาดูแล้วจะทำอย่างไรกัน?"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเริ่มกังวลอ๋องเจวี้ยนขึ้นมาแล้ว"ฝ่าบาทต้องส่งคนไปตรวจสอบที่มาของเขาแน่" อิ๋นสั่วเอ่ยขึ้น "เดี๋ยวข้าเองก็จะไปตรวจสอบด้วย ว่าเขาพักอยู่ที่ไหน""อิ๋นสั่ว ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็รีบไปเถอะ หลังจากตรวจสอบแล้วก็ส่งคนไปคุ้มครองเขาด้วย อย่าให้เขาเจออันตรายเด็ดขาด""องค์หญิงใหญ่ ท่านนี่ใจดีจริงๆ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นยังได้ยินข่าวที่อ๋องเจวี้ยนใบหน้าพังไปแล้ว คนอ
แต่ตอนที่ฟู่จาวหนิงใช้มีดขูดบนหน้าเขา เขายังสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวที่อุปกรณ์มีคมกำลังลอกแผลเป็นแข็งของตนอยู่รู้สึกแปลกประหลาดมากเซียวหลันยวนเองก็ไม่รู้ว่าเข็มยาชาของนางนั้นทำออกมาได้อย่างไร ก่อนหน้านี้ก็ยังไม่เคยเจอยาระงับความรู้สึกที่ใช้แบบนี้มาก่อนเลย ปกติจะต้องต้มแล้วดื่ม จากนั้นก็จะสลบไปแต่ว่าบนหน้าเขาก็ชาดิกไปแล้ว สติสัมปชัญญะยังตื่นตัวอยู่ มือเท้าเองก็ยังขยับได้ นี่มันร้ายกาจจริงๆก่อนหน้านี้เขากลัวฟู่จาวหนิงมาเห็นใบหน้าผีร้ายของตนมาก แต่ตอนนี้นางไม่ใช่แค่อยู่ใกล้ๆ เท่านั้น แต่ยังลงมือจัดการฝานเนื้อเน่าทิ้งให้ด้วยการกระตุ้นทางสายตาต่อเลือดเนื้อที่เหวอะหวะแบบนี้ ตัวเขาพอคิดก็ยังรู้สึกว่าทนไม่ไหวฟู่จาวหนิงไม่ได้รังเกียจและไม่ได้เอ่ยอะไรคับแค้นใจเลย นางก่อนหน้านี้ทำอะไรมากันนะเซียวหลันยวนในใจอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกนี้ มีคำพูดมากมายที่อยากพูดกับนาง แต่ก็พูดไม่ได้"ถ้าหากพวกเราหาเอ็นมังกรหยกเจอ พอเอาพิษของท่านออกไปจนหมด การรักษาแผลเป็นบนหน้าก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพ ข้าช่วงนี้ก็ออกหาเอ็นมังกรหยกอยู่ตลอด อาจารย์วันนี้ก็ออกไปหาเพื่อเก่า ช่วยพวกเราหาด้วย"ฟู่จาวหนิงกลัลว่าเ
"วันนี้ข้างนอกล้วนพูดกันถึงแต่เรื่องใบหน้าอ๋องเจวี้ยน" เสิ่นเสวียนบอกกับฟู่จาวหนิง"พูดเรื่องหน้าของเขา?""ใช่ เรื่องนี้น่าจะมีคนจากแคว้นเจาทางนั้นจงใจปล่อยข่าวเข้ามา"เสิ่นเสวียนเอาเรื่องที่สองวันนี้ตรวจสอบเจอเล่าให้ฟู่จาวหนิงฟังจนหมด ฟู่จาวหนิวถึงเข้าใจว่าเซียวหลันยวนทำไมจึงต้องคอยปกป้ององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไม่ให้ตายนางก่อนหน้านี้แม้จะรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อตัวเจ้าอารามยอดเขาโยวชิง แต่ก็ไม่ได้เอาความสนใจไปไว้บนตัวอีกฝ่ายนัก แต่ตอนนี้นางจู่ๆ ก็พบว่า เจ้าอารามยอดเขาโยวชิงมีความสำคัญอย่างมากในใจเซียวหลันยวนดังนั้น ทุกคำพูดที่เขาพูด เซียวหลันยวนจึงให้ความสำคัญและเชื่ออย่างมากเพราะเจ้าอารามบอกเขาว่าดวงชะตาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกับเขาสอดคล้องกันมากที่สุด ดังนั้นเซียวหลันยวนสองวันนี้จึงเข้าไปปกป้ององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นด้วยตนเองแม้เขาจะเคยบอกว่าไม่ได้คิดอะไรกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นเลยแม้แต่น้อย แค่มองนางตายไปไม่ได้เท่านั้น แต่เขาถ้าหากเชื่อคำพูดของเจ้าอารามจริง การไม่แต่งงานกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น เขาจะไม่รู้สึกเสียดายหรือ?"ข้าสงสัย ว่าแคว้นเจาทางนั้นมีคนรู้ผลคำทำนายของเจ้าอารามยอดเขาโยว
"แล้วตอนนี้คนอยู่ไหน?""คุณชายซือถูตอนนั้นมองออกว่านางไม่ค่อยปกติ ดังนั้นจึงพานางไปหาหมอเจี่ย คนของพวกเราเองก็ตามไปด้วย จึงพบกับเรือนเล็กหลังนั้นเข้า""พาข้าไปหน่อย""ข้าตามเจ้าไปด้วย" เสิ่นเสวียนพูดขึ้นฟู่จาวหนิงให้สืออีไปหิ้วกล่องยาของนางมาทันที และบอกกับชิงอีหลานหรงว่า "พวกเจ้าคอยดูท่านอ๋องพวกเจ้าไว้ ตอนนี้หน้าของเขาข้าพันผ้าไว้แล้ว ใส่ยาไว้แล้ว ภายในสามวันห้ามถอดออก ให้เขาพักผ่อนอยู่ในบ้าน ที่ไหนก็ห้ามไปทั้งนั้น""ขอรับ"ฟู่จาวหนิงกับเสิ่นเสวียนรีบออกไปทันทีตอนที่รถม้าของพวกเขาผ่านถนนหลัก ฟู่จาวหนิงก็ได้ยินเสียงร้องอุทานดังขึ้นนางเลิกผ้าม่านมองออกไป ก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันฟังผู้เฒ่าคนหนึ่งพูดจนน้ำลายแตกฟอง"จริงแท้อย่างที่สุด! ตอนนั้นที่หน้ากากของอ๋องเจวี้ยนถูกคนซัดจนร่วง ใบหน้าหนึ่งก็เผยออกมา ตอนที่สะท้อนเข้าไปในสายตาคนทั้งหมด แผลเป็นบนใบหน้านั้น น่าตกะใจจนประชาชนร้องไห้กันจ้าละหวั่น..."ฟู่จาวหนิงหน้าเปลี่ยนสีก่อนหน้านี้ได้ยินที่เสิ่นเสวียนเล่า นางยังไม่รู้สึกสัมผัสได้โดยตรงสักเท่าไร ตอนนี้พอมาเห็นกับตาได้ยินกับหู นางถึงเข้าใจว่าคนเหล่าลือเรื่องเซียวหลันยวนใบหน
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ