นางอยากจะทดลองบอกที่มาของตนเองอีกสักครั้ง แต่พอคิดถึงว่าเซียวหลันยวนยังรออยู่ด้านนอก ก็ล้มเลิกความคิดนี้ไปคนก็พากลับมาแล้ว หากมีปัญหาอะไร นางยังสามารถทำให้เซียวหลันยวนเห็นต่อหน้าได้เลย"คุณ..."เสิ่นเชี่ยวเองก็ตื่นขึ้นแล้วพอนางตื่น ฟู่จิ้นเชินก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นมาทันที ประคองนางลุกขึ้นมา ถามนางเสียงแผ่วเบา "ฮูหยิน ข้าอยู่ที่นี่ เจ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหนไหม?""ข้าไม่เป็นไร แต่คุณปวดหัวไหม?" เสิ่นเชี่ยวเงยหน้ามองหัวของเขา ถามขึ้นอย่างกังวล"หัวไม่ปวด..."ยังไม่ทันพูดจบ ฟู่จิ้นเชินก็ตกตะลึงเขามองฟู่จาวหนิงด้วยสัญชาตญาณก่อนหน้านี้เขาจำได้ว่าถ้าตนเองสลบไป หลังจากตื่นขึ้นมาจะปวดหัวมาก อย่างน้อยต้องทรมานไปหลายวันแต่ว่าตอนนี้ไม่เจ็บปวดแล้ว!สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกไม่อยากเชื่อ"เมื่อครู่ข้าฝังเข็มให้พวกท่าน ให้เส้นเลือดบริเวณหัวไหลได้สะดวกขึ้น" ฟู่จาวหนิงอธิบายมาคำหนึ่งเสิ่นเชี่ยวเองก็มองไปทางนางนางตกตะลึง แข็งทื่อไปทั้งตัวแล้วฟู่จาวหนิงพอเห็นสภาพนางก็รู้ว่านางจำได้ อย่างน้อยก็จำคำพูดที่พูดถึงที่มาของตนเองได้"ท่านแม่!"เสิ่นเชี่ยวลงจากเตียง วิ่งเข้ามาหานาง"ฮูหยินช้า
เสียงร้องไห้ของเสิ่นเชี่ยว ดังลอดออกมาเข้าหูชายหนุ่มเหล่านั้นที่ศาลาด้านนอกเสิ่นเสวียนขมวดคิ้ว ลุกขึ้นเดินตรงมาพอเขาลุกขึ้น คนอื่นเองก็ลุกตาม"ข้าไปดูหน่อย"เสิ่นเสวียนเพิ่งยกเท้า เซียวหลันยวนเองก็ตามขึ้นมาชิ่งอวิ๋นเซียวพอเตรียมจะขับ ผู้อาวุโสจี้ก็ดึงเขาไว้ "ไอ๊หยาเสี่ยวชิ่ง เด็กอย่างเจ้าช้าก่อน มีเรื่องอะไรให้พวกเขาไปแก้ไขกันก่อนเถอะ"ยังไม่รู้ว่าเป็นใครหรือเรื่องอะไร พวกเขาอย่าเพิ่งไปยุ่งดีกว่าชิ่งอวิ๋นเซียวทำได้แค่นั่งลงใหม่พร้อมกับเขา"ผู้อาวุโสจี้ ข้างเป็นห่วงอ๋องเจวี้ยนกับพระชายา พวกเขาจะหย่ากันไม่ได้นะ""เจ้าเอาแต่คิดว่าพวกเขานะหย่ากันทำไม?" ผู้อาวุโสจี้ส่ายหัว "แม้ว่าครั้งนี้ข้าจะรู้สึกว่าเรื่องที่อ๋องเจวี้ยนทำไม่ค่อยถูก แต่ในใจศิษย์ข้าก็มีน้ำหนักของตัวเองอยู่ นางเองก็ไม่ใช่พวกที่ง้อง่ายด้วย ดังนั้น ถ้านางบอกว่าให้อภัยแล้ว เช่นนั้นก็ไม่มีเรื่องใหญ่แล้วล่ะ"สามีภรรยาทะเลาะกันมันก็เรื่องปกติ จะมาพูดหย่าร้างกันง่ายๆ ได้อย่างไร ไม่มีหรอก"มันก็จริง" ชิ่งอวิ๋นเซียวพยักหน้าทางนั้น ฟู่จาวหนิงมองเสิ่นเชี่ยวที่ร้องไห้เป็นวักเวร ก็ไม่รู้ว่าจะปลอบอย่างไรดี นางเองก็ปลอบคนไ
หรือก็คือ คนที่พบพวกเขาครั้งแรกคือเซียวหลันยวนหรือ? นี่มันวาสนาอะไรกัน!"ตอนนั้นสภาพของพวกเขายังไม่ใช่เช่นนี้" สายตาเซียวหลันยวนยังอยู่บนใบหน้าเสิ่นเชี่ยว แทบจะพอนึกก็เข้าใจขึ้นมา "พวกเขาแปลงโฉมหรือ?""ใช่"เซียวหลันยวนเดินขึ้นหน้าด้วยสัญชาตญาณฟู่จิ้นเชินสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของเขา ความรู้สึกระแวดระวังก็พุ่งขึ้นมาทันที ดึงภรรยาถอยออกไปสองก้าวเขามองเซียวหลันยวน"เฮอะ"เซียวหลันยวนหัวเราะเย็นชาขึ้นมา"ดูท่าจะจำข้าได้แล้วกระมัง?"เขาไม่พูดอะไร ก็ระวังตัวเขาเสียขนาดนี้? แล้วยังถอยหลังด้วยสัญชาตญาณอีก นี่กำลังบอกว่าพวกเขากำลังประหม่าอยู่ใช่ไหม?เสิ่นเชี่ยวซุกหน้าเข้าไปในอ้อมกอดสามี ตัวสั่นระริกฟู่จิ้นเชินมองนาง เอ่ยกับเซียวหลันยวนว่า "ไม่รู้จัก ท่านคือใครกัน?""ไม่รู้จัก?" เซียวหลันยวนรู้สึกขัน "จะไม่ได้แล้วพวกเจ้าจะขลาดเขลาทำไมกัน? ฟู่..."เขายังไม่ทันพูดจบ ฟู่จาวหนิงก็พุ่งเข้ามาอุดปากเขาไว้ถ้าเผื่อบอกชื่อฟู่จิ้นเชินไปแล้วเขาสลบลงไปอีกล่ะ นั่นจะยิ่งลำบากนะ"ท่านลุง ท่านลองสอบถามไปก่อน ข้าจะพาเขาออกไปคุยหน่อย!"ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าต้องบอกกับเซียวหลันยวนให้เข้าใจก่อน เดิ
ฟู่จาวหนิงเล่าเรื่องที่นางพบว่าอักษรของฟู่จิ้นเชินดูคุ้นตา จากนั้นจึงไปหาเขา อยากจะรู้ว่าวัตถุดิบยาของเขาคืออะไรออกมาแล้วยังเล่าเรื่องที่พอนางบอกว่าตนเองนั้นสกุลฟู่ ฟู่จิ้นเชินก็เป็นลมล้มไปทันที ตอนตื่นขึ้นมาก็ลืมรายละเอียดส่วนนี้ไปจากการบรรยายของนาง เซียวหลันยวนก็ใจสงบลงมาได้บ้างแล้วเขาตอนนี้โชคดีมากที่เมื่อคืนคืนดีกับฟู่จาวหนิงแล้ว ไม่เช่นนั้นทั้งสองคนถ้ายังโกรธกันอยู่ วันนี้คงคุมตัวเองไม่ได้ในสถานการณ์นี้แน่ๆและนางคงจะไม่ดึงเขาออกมาทันทีแบบนี้ นางอาจจะไม่ใจเย็นแล้วเล่ากับเขาให้จบก่อน"ดังนั้น เขาตอนนี้แค่ได้ยินคำว่าสกุลฟู่ก็ยังไม่ได้หรือ?"เซียวหลันยวนหลังจากฟังก็รู้สึกแปลกประหลาด เพราะอะไรกัน?เขาเองก็นามสกุลฟู่อยู่ชัดๆ ทำไม กระทั่งนามสกุลของตัวเองก็ยังเอ่ยขึ้นมาไม่ได้?"ใช่ เมื่อครู่มองจากสถานการณ์คือเช่นนั้น ข้าตรวจสอบพวกเขาแล้ว พวกเขาทั้งสองคนร่างกายไม่ค่อยปกติ แต่ว่า ข้ายังสงสัยว่าจิตวิญญาณหรือจิตใจพวกเขาถูกปรับ หรือกระทั่งอาจถูกสะกดจิตควบคุมอยู่ ทำใไ้พวกเขารู้สึกกีดกันอย่างรุนแรงต่อตัวตนฐานะสกุลฟู่"ฟู่จาวหนิงยังไม่ทันได้ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วนางแค่เห็นผลลัพธ์ก
"อืม ท่านคิดแบบนี้ข้าดีใจมาก" ฟู่จาวหนิงผ่อนใจโล่งเล็กน้อย"ดังนั้น เจ้ารับปากข้าได้ไหม" เซียวหลันยวนหมุนตัวนางกลับมา มองนางอย่างตั้งใจ "ถ้าหาก ข้าพูดว่าถ้าหากนะ ตอนที่ความคิดของพวกเขาการกระทำของพวกเขา ขัดแย้งกับข้าอย่างจัง เจ้าจะเลือกข้าได้ไหม?"ฟู่จาวหนิงงงงันเซียวหลันยวนยื่นมือมาลูบผมที่ใบหูนาง บอกว่า "ตอนนี้ความจริงยังไม่ชัดเจน พวกเราจึงสมมติไว้ก่อน ถ้าเผื่อพวกเขาเป็นคนของลัทธิเทพทำลายล้าง ถ้าเผื่อเส้นทางที่พวกเขาจะเดินแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับข้า พวกเขาจะพาเจ้าไป เอาตัวตนความเป็นพ่อแม่มาบีบข้า เจ้าจะสามารถผลักไสพวกเขามายืนอยู่ฝั่งข้าได้ไหม?"ถ้าเผื่อ ฟู่หลินซื่อเป็นคนของลัทธิเทพทำลายล้างจริง เรื่องวางพิษครั้งนั้นเป็นสิ่งที่นางทำจริง ต่อให้เขาจะเห็นแก่หน้าฟู่จาวหนิงไม่สังหารอีกฝ่ายทิ้ง แต่คงจะยอมรับนางเป็นญาติด้วยไม่ได้ปล่อยให้นางจากไป ไม่ให้มาปรากฏในสายตาเขาอีกก็ถือว่ายอดมากแล้วตอนนั้นถ้าหากฟู่หลินซื่อจะให้ฟู่จาวหนิงไปกับพวกเขาล่ะ?ฟู่จาวหนิงยังไม่ตอบ เซียวหลันยวนก็เอ่ยขึ้นอีก "ปู่ของเจ้าอยากให้ลูกชายกลับบ้านมากๆ เจ้าเองก็รู้ เสี่ยวเฟยก็ค้นหาพ่อกับแม่มาตลอด ถึงตอนนั้นถ้าพว
"ฟู่จิ้นเชินมีเอ็นมังกรหยก!"ฟู่จาวหนิงตอนที่บอกเรื่องนี่ก็ตัดสินใจไปแล้ว ไม่ว่าอย่างไร ไม่ว่าฟู่จิ้นเชินจะแลกเอ็นมังกรหยกกับอะไร นางจะต้องนำมาให้ได้ จัดการขจัดพิษที่เหลือให้กับเซียวหลันยวนเซียวหลันยวนมองนางเขม็ง"เจ้าจะนำมันมาเพื่อข้าหรือ?""แน่นอนสิ!" ฟู่จาวหนิงตอบอย่างไม่ต้องคิดนี่ยังต้องพูดอีกหรือ?มีอะไรสำคัญยิ่งกว่าการขจัดพิษให้เขาอีก?เซียวหลันยวนกอดนางอีกครั้งเพียงพอแล้ว เขารู้สึกว่าเพียงพอแล้ว ไม่ว่าอย่างไร ระหว่างพ่อแม่กับตัวเขา ฟู่จาวหนิงเลือกตัวเขาเขาที่อยู่ในใจนาง สำคัญยิ่งกว่าพ่อกับแม่ของนาง!พอเข้าใจเช่นนี้ ทำให้เซียวหลันยวนรู้สึกว่าใจของตนเองอุ่นวาบขึ้นมา กระทั่งว่า เขารู้สึกว่าความแค้นอะไรก็ไม่สำคัญอีกแล้วต่อให้พิษในครั้งนั้นจะทำให้เขาลำบากมามากหลายต่อหลายปี เจอกับความทุกข์ตรมมาหลายปี กระทั่งตอนนี้โฉมหน้าก็ยังย่อยยับ แต่แล้วจะทำไมกัน?เขาได้นางมาแล้วฟู่จาวหนิงคือสมบัติล้ำค่าของเขา สำคัญยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด"เช่นนั้นก็ต้องพึ่งเจ้าแล้ว" เสียงของเขามีความสะอื้นไห้เดิมทีคิว่าฟู่จาวหนิงจะฟังไม่รู้ แต่นางได้ยินแล้ว ฟู่จาวหนิงตกตะลึงเล็กน้อย คิไม่ถึงว่าเข
"พงกเขาอาจจะลืมลืมเรื่องในอดีตไปแล้ว น่าจะป่วย ตรวจสอบให้ชัดเจนก่อนค่อยว่ากัน" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"ข้ายังไม่ออกคำสั่ง พวกเจ้าใครก็ห้ามลงมือทั้งนั้น" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นชิงอีมองๆ ฟู่จาวหนิง ขานรับกลับมา"ขอรับ"ตอนนี้ซับซ้อนขึ้นมาแล้ว!สถานการณ์ที่ไม่เคยคิดไว้มาตลอดก่อนหน้านี้ ในที่สุดก็เกิดขึ้นแล้ว!หาตัวคู่แค้นเจอ แต่ท่านอ๋องดันตกหลุมรักลูกของคู่แค้น! แล้วนี่จะทำอย่างไรกัน?ในใจชิงอีครุ่นคิดอย่างว้าวุ่น หรือว่าสุดท้ายท่านอ๋องทำได้แค่ปล่อยวางความแค้นลง? แต่พระชายาก็ไม่รู้นี่นา ว่าท่านอ๋องตอนนั้นน่าเวทนาแค่ไหน ยังเป็นทารกอยู่เลย แล้วยังตอนที่เป็นเด็ก ช่วงคืนวันเหล่านั้น ท่านอ๋องทุกข์ทรมานมากแค่ไหนเขาผ่านคืนวันที่ทุกข์ทรมานมามากตั้งเท่าไร ถึงสามารถมีชีวิตต่อได้ ถึงสามารถเติบโตขึ้นมาได้ทั้งหมดเป็นเพราะการวางยาในวังครั้งนั้นความทุกข์เหล่านั้น อย่าว่าแต่ตัวท่านอ๋องเองเลย กระทั่งพวกเขาก็ยังไม่อาจลืมได้ชิงอีก้มหน้าตามอยู่ด้านหลังพวกเขา ตามพวกเขากลับมายังเรือนหน้าผู้อาวุโสจี้กับชิ่งอวิ๋นเซียวไม่อยู่ในศาลาแล้วเสี่ยวชิ่นเข้ามารับ "ผู้อาวุโสจี้กับผู้นำน้อยตระกูลชิ่งบอกว่า พวก
"อายวน ใจเย็นๆ ก่อน"ฟู่จาวหนิงล้วนรู้สึกว่าอารมณ์โกรธของเซียวหลันยวนจะระเบิดออกมาแล้ว จึงเขย่ามือของเขาไว้เซียวหลันยวนผ่อนลมหายใจ"เอ็นมังกรหยกนั่นต้องนะมาให้ได้" เขาเอ่ยกับฟู่จาวหนิงอย่างน้อยเนื้อต่ำใจถ้ามีเอ็นมังกรหยกนั่น เขาก็จะขจัดพิษได้จนหมด ซึ่งจะมีบทบาทระดับหนึ่งกับแผนเป็นพิษบนใบหน้านี้ บางทีโฉมหน้าของเขาอาจจะฟื้นกลับมาได้"แน่นอน"ฟู่จาวหนิงพยักหน้า นางจะต้องนำมาให้ได้"พวกท่านต้องการวัตถุดิบยาของข้าหรือ?" ฟู่จิ้นเชินสีหน้าสงสัย "เช่นนั้นข้าจะไม่ให้พวกท่าหรอก ข้ารับปากคนอื่นไว้แล้ว ว่าจะนำวัตถุดิบยานี้ให้เขา"ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น "ซือถูไป๋หรือ?""ท่านรู้ได้อย่างไร?""เขาไม่ใช่ว่ามาเจรจาแลกเปลี่ยนกับท่านหรอกหรือ?""ซือถูไป๋ เป็นคุณชายน้อยจากโรงยาทงฝู เขาน่าจะมีเส้นสายในสมาคมหมอใหญ่ ข้าเชื่อว่าถ้าให้เวลาเขาหน่อย เขาจะสามารถสำเร็จเงื่อนไขของข้าได้" ฟู่จิ้นเชินมองนาง เอ่ยต่อว่า "ซือถูไป๋เองก็ดูเป็นคนไม่เลวนัก ข้าจึงฟังคำพูดเขา""ดังนั้น ความหมายของท่านคือ?" เซียวหลันยวนสายตาขรึมลงมานี่คือคิดจะบอกให้จาวหนิงแต่งงานใหม่หรือ?นี่กล้าพูดชมซือถูไป๋ต่อหน้าเขาเลยหรือ?"ไม่
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ