เขาเกลียดข้าเพียงเพราะข้าเป็นกาฝากที่เข้ามาอาศัยในจวนอ๋อง เขาทำร้ายและรังแกข้าสารพัด เขานำสิ่งที่ข้าต้องการมาต่อรองให้ข้าเป็นสตรีของเขา เขาห้ามข้ารู้สึกห้ามหึงห้ามหวง เขาคิดว่าข้าจะทำได้งั้นรึ
View Moreณ หอเยว่เชียง
“ท่านอ๋องขอรับ ทางนี้ขอรับ” บุรุษรูปร่างสูงปราดเปรียวสวมใส่อาภรณ์ชุดดำสีเรียบใบหน้าเรียบนิ่งในมือถือกระบี่ มองปราดเดียวก็สามารถรับรู้ได้ว่าเป็นชาวยุทธ เดินตรงเข้ามาเทียบข้างรถม้าที่ติดตราสัญลักษณ์ตำหนักฉือเหอ เพียงสัญลักษณ์นี้ก็สามารถบ่งบอกฐานะสูงส่งของผู้ที่นั่งมาในรถได้เป็นอย่างดี เมื่อท่านอ๋องผู้มีรูปโฉมโดดเด่นงามสง่าประดุจเซียนจุติมาเยือนหอบุปผชาติ มีหรือว่าจะไม่เป็นจุดเด่นหรือที่สนใจของผู้คน
“อืม” เจิ้งหนานเพียงขานรับในคอก่อนจะเดินลงจากรถด้วยท่วงท่าปกติหากแต่กลับแผ่กลิ่นอายสูงศักดิ์ของชนชั้นสูงออกมาโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าคมคายเคร่งขรึม ดวงตาพยัคฆ์คู่งามเรียบนิ่งประดุจดั่งสายน้ำ ยามก้าวเดินท่วงท่างามสง่ายากนักที่ผู้คนทั่วทั้งหอบุปผชาติทั้งบุรุษและสตรีที่จะทอดถอนสายตาจากท่านอ๋องรูปงามไปได้ และทันทีที่เขาปรากฏตัวขึ้นเสียงเซ็งแซ่ของเหล่าบรรดาแขกในหอเยว่เซียนก็ดังขึ้นในทันที แต่เจิ้งหนานก็มิได้ใส่ใจเขาเดินตรงไปยังห้องลับชั้นสามอย่างเคยชิน ด้วยเพราะทุกซอกทุกมุมของหอแห่งนี้เขาล้วนสืบจนกระจ่างแน่ชัดว่ามิได้มีสิ่งใดแอบแฝง และสตรีเช่นเว่ยฟางเฟยจะมิได้มาหลอกลวงท่านย่าของตน สตรีที่กล่าวอ้างบุญคุณเพื่อใช้จวนของเขาหลบลี้ภัยต้นเหตุนั้นเพราะบิดายักยอกสมบัติหลวงถูกจำคุก หากไม่ได้บารมีของท่านย่าช่วยไว้เกรงว่าป่านนี้นางคงมิได้สุขสบายนั่งกินนอนกินอยู่ในจวนของเขาเสียหรอก นางช่างมีความสามารถจริง ๆ ที่ทำให้เขาไม่ถูกชะตาและนึกชังได้แม้ได้ยินเพียงชื่อ สตรีที่เก่งแต่ยั่วยวนบุรุษ แต่วันนี้ได้มาเห็นว่ากิจการที่อาศัยความสามารถข้อนี้ของนางไปได้ดีก็นับว่าเจ้าตัวรู้จักใช้ปัญญาอยู่บ้าง
“ท่านอ๋องเชิญขอรับ” อวี๋เฟิงหลิง โหวน้อยแห่งจวนอวี๋เฟิงหลิง เมื่อเห็นว่าสหายที่ตนนัดพบได้มาถึงก็รีบเอ่ยต้อนรับอย่างอารมณ์ดี
“หึ!” เจิ้งหนานเห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนพร้อมดวงตาวาวระยับสอดส่ายมองซ้ายขวาตลอดเวลาของอีกฝ่ายก็ถึงกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนที่จะใช้มือสะบัดอาภรณ์เพียงเล็กน้อยแล้วนั่งลงฝั่งตรงข้าม ไยเขาจะไม่รู้ว่าสหายผู้นี้กำลังมองหาผู้ใด คงมิพ้นกาฝากคนงามของตำหนักตนกระมัง
“นายท่าน วันนี้ช่างเป็นเกียรติที่ท่านทั้งสองมาเยือนหอเยว่เซียนยิ่งนักเจ้าค่ะ วันนี้ไม่ทราบว่านอกจากอาหารชั้นเลิศ สุราชั้นดีแล้ว นายท่านเอ่อ...ต้องการสิ่งใดด้วยรึไม่ ฮึ ๆ คือข้าน้อยหมายถึงสาวงามซักคน รึสองคนดีเจ้าค่ะ” ผู้ดูแลหอบุปผชาตินามว่าซูเซียงรีบปรี่เข้ามาต้อนรับแขกสุดพิเศษของร้านที่นายหญิงแจ้งไว้ในวันนี้
“ไม่ล่ะ แล้วเอ่อ นายหญิงของเจ้าเล่า” เฟิงหลิงรีบเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นพร้อมดวงตาที่เปล่งประกายระยับอย่างมีความหวัง
“ขออภัยนายท่าน วันนี้นายหญิงของข้าไม่สบายเล็กน้อยวันนี้จึงกลับไปพักผ่อน มิได้ออกมาต้อนรับด้วยตนเองเจ้าค่ะ แต่นายหญิงฝากข้ามาดูแลพวกท่านอีกที หากขาดเหลือสิ่งใดสามารถเรียกข้ารึเด็ก ๆ ในร้านได้ทุกเมื่อนะเจ้าคะ” ซูเซียงเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม นี่ไม่ใช่คราแรกที่บรรดาเหล่าลูกค้าบุรุษถามหานายหญิงของตน ด้วยนายหญิงนั้นรูปโฉมงดงามเย้ายวนใจเพียงนั้น มีหรือบุรุษใดจะไม่ลุ่มหลง เพียงนายหญิงส่งยิ้มให้เหล่าบุรุษพวกนั้นก็ไม่รีรอที่จะมอบของกำนัลล้ำค่าให้แก่นางเสียแล้ว ถึงกระนั้นแม้รูปโฉมจะงดงงามเย้ายวนเพียงใดก็ไม่อาจสามารถใช้มันกับท่านหนานจวิ้นอ๋องได้ เป็นที่รู้ ๆ กันทั่วทั้งเหลียนโจวว่าท่านอ๋องนั้นมิได้พึงใจนักที่ท่านย่าของตนนั้นให้นางมาพำนักที่ตำหนักของพระองค์
“คุณหนูของบ่าว ฮือ คุณหนู” ซูหนิวที่เห็นผู้เป็นนายเปิดประตูออกมาก็รีบวิ่งเข้าไปประคองในทันทีหลังจากองครักษ์ของหนานจวิ้นอ๋องจัดการคนร้ายเสร็จเรียบร้อยฝนก็หยุดตกพอดี เช่นนั้นเสียงครางต่ำผสานกับเสียงครางหวานจึงแว่วออกมาจากในห้องบรรทมให้บรรดานางกำนัลและเสี่ยวกงกงที่ไปตามหมอมาพอดีให้ได้ยิน เพียงเท่านั้นก็เป็นอันรู้กันว่าท่านอ๋องนั้นได้รับการถอนพิษไปเสียก่อนแล้วเสี่ยวกงกงรีบไล่นางกำนัลให้แยกย้ายไปพักผ่อน ก่อนจัดแจงให้ท่านหมอพักอีกตำหนักเพื่อรอตรวจอาการของผู้เป็นนายอีกคราในตอนเช้า เวลานี้เกรงว่าจะไม่จำเป็น ส่วนสาวใช้ของคุณหนูเว่ยเขานั้นมิอาจไล่นางไปได้จึงได้ให้อยู่เฝ้าเช่นเดียวกับเขาที่หน้าห้องบรรทม“คุณหนูเว่ย เอ่อคือขออภัยคุณหนู คือข้า เฮ้ย ไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนี้” ทันทีที่ประตูเปิด เสี่ยวกงกงก็ปรี่เข้าไปหาร่างบอบนางของเว่ยฟางเฟยในทันที ก่อนจะทำหน้าคล้ายกับจะร้องไห้ที่เห็นใบหน้างดงามของอีกฝ่ายอิดโรยอีกทั้งไร้สี ริมฝีปากบางของนางมีแผลปริแตกเล็กน้อย ก็ได้แต่ทำสีหน้ากึ่งจะร้องไห้ออกมาอย่างนึกไม่ตก“ฮะฮึก ช่างเถอะ ซูหนิวพวกเราไปกันเถอะ” ฟางเฟยพยายามฝืนเข้มแข็งเอ่ยด้วยน้ำเสียงติดสะอื้นบอกขันที
“เจ้ามาทำไม”“คะคือข้า แค่แวะมาดู” ฟางเฟยได้ทีรีบขยับข้อมือหวังให้หลุดพ้นจากพันธนาการของเขา และแทนที่หนานจวิ้นอ๋องจะปล่อยนาง เขากลับกำข้อมือของนางแน่นขึ้นอีกจนฟางเฟยต้องนิ่วหน้าจากอาการเจ็บแปลบที่ข้อมือ แต่กระนั้นก็มิได้ส่งเสียงร้องออกมาแต่อย่างใด“เหอะ งั้นรึ แล้วรู้รึไม่ตอนนี้ข้าเป็นอันใด” เจิ้งหนานจงใจเอนกายเบียดประชิดนางตามอารมณ์ร้อนรุ่มในกายแกร่งของตนที่กำลังปะทุ ก่อนจะเอ่ยชิดกระหม่อมนางด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ“ดะโดนพิษ” ฟางเฟยเอ่ยตอบไม่เต็มเสียง ด้วยบัดนี้รับรู้ได้ว่าสิ่งที่นางนั่งทับอยู่นั้นเริ่มจะพองขยายตัว อีกทั้งหนานจวิ้นอ๋องเองยังเหมือนขยับถูไถมันไปมาเบา ๆ จนฟางเฟยที่ถูกกระทำเช่นนั้นบัดนี้ใบหน้าแดงก่ำอาบไปจนถึงใบหู“เช่นนั้น เจ้ามาเพื่อยั่วยวนข้า” เจิ้งหนานกัดฟันเอ่ย ตอนนี้กลิ่นกายของนางกำลังรบกวนสติเขาเป็นอย่างมากและเขานั้นใกล้อดทนไม่ไหวเต็มที และเมื่อความต้องการถูกกระตุ้นในที่สุดเขาก็พ่ายแพ้ให้แก่มัน“ม่ะช่ะ อ๊ะ อื้อ” ฟางเฟยยังมิทันได้โต้แย้ง ร่างของนางก็ถูกสับเปลี่ยนให้ไปอยู่ใต้ร่างของหนานจวิ้นอ๋อง ก่อนที่เขาจะเข้ามาทาบทับบดเบียดพร้อมทั้งจูบนางในทันที เสียงหวานหายเข้าไปในลำค
ส่วนหนานจวิ้นอ๋องนั้นบัดนี้สติที่พยายามประคองไหวใกล้หมดสิ้นเต็มที กายแกร่งร้อนรุ่มจนเหงื่อเม็ดใหญ่ไหลเกาะพราวพร่างไปทั้งตัว อาภรณ์ตัวนอกถูกปลดออก ก่อนจะสลัดบรรดานางกำนัลที่กำลังเข้ามาแตะต้องกายแกร่งของตนนั้นให้ออกห่าง พร้อมกับกัดกรามแน่นเอ่ยออกคำสั่งเสียงเหี้ยม“ออกไปให้หมด! สะเสี่ยวกงกง ปะไป ไปตามหมอมา” หลังเจิ้งหนานพยายามประคองตนเองลงแช่น้ำเย็นจัดในอ่างอาบน้ำไม้ขนาดใหญ่ได้สำเร็จก็กลั้นใจตะเบ็งเสียงออกคำสั่งด้วยเสียงเข้มกร้าว อีกทั้งยังดุดันแม้จะติดสั่นน้อย ๆ ตามแรงอารมณ์ปรารถนาที่กำลังประทุขึ้นในกาย สองมือใหญ่กำรอบขอบอ่างไม้ขนาดใหญ่ไว้แน่น หลับตาแหงนเงยใบหน้าหวังใช้ไอเย็นช่วยคลายอาการร้อนรุ่มในกายแกร่งของตน แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ช่วยเท่าใดนัก“เอ่อพะพ่ะย่ะค่ะ พะพวกเจ้าได้ยินท่านอ๋องสั่งรึไม่ ออกไปสิเร็วเข้า” เสี่ยวกงกงแม้จะพะวักพะวนนึกห่วงผู้เป็นนายก็จำใจต้องทำตามคำสั่ง แม้ภายนอกกำลังเกิดการต่อสู้กันอย่างดุเดือดอยู่ก็ตามที อีกทั้งลึก ๆ จะรู้แจ้งแก่ใจว่าทหารของจวนอ๋องอีกทั้งราชองครักษ์อีกมากมายนั้นเช่นไรก็สามารถกำจัดผู้บุกรุกได้อยู่แล้วก็ตามที“กงกงเกิดอันใดขึ้นเช่นนั้นหรือ” ฟางเฟ
ภาพบุรุษรูปร่างโดดเด่นประคองกันออกจากหอบุปผชาติมิอาจห้ามรั้งสายตาของผู้คนในหอเยว่เซียนที่จะไม่หันมาให้ความสนใจพวกเขาได้ จึงเป็นเหตุให้อวี้หลางต้องเร่งพาผู้เป็นนายรีบออกไปให้พ้นหอแห่งนี้โดยเร็วที่สุด และทันทีที่ก้าวออกพ้นชายคาของหอคณิกาขึ้นชื่อรถม้าของตำหนักฉือเหอก็มาจอดเทียบรับในทันที และด้วยเห็นท่าทางของผู้เป็นนายมิสู้ดีนักอวี้หลางจึงเปลี่ยนเป็นผู้ขับรถม้าเสียเองเหตุเพราะร้อนใจและเป็นห่วงผู้เป็นนาย แต่กระนั้นสีหน้าก็ยังคงราบเรียบมิได้แสดงอารมณ์ออกมาแต่อย่างใด“คุณหนูแย่แล้วเจ้าค่ะ ทำเช่นไรดีเจ้าคะ” เซิ่งเหม่ยรีบละล่ำละลักบอกผู้เป็นนายปากคอสั่นที่แผนการที่วางไว้นั้นล้มเหลวไม่เป็นท่า“เจ้า! เร่งไปบอกท่านพ่อให้ใช้แผนสำรอง เร็วเข้า!” อี้เหยาเดินออกจากหลังม่านไหมที่ใช้กำบังตน พร้อมเอ่ยสั่งสาวใช้ของตนให้เร่งไปหาผู้เป็นบิดา งานนี้นางจะพลาดมิได้หากวันนี้พลาดเกิดท่านอ๋องสืบหาที่มางานนี้นางจบแน่ ในเมื่อถอยมิได้เช่นนั้นก็เดินหน้าแผนต่อไปมิดีกว่าหรือ“เจ้าค่ะ บ่าวจะเร่งไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ” เซิ่งเหม่ยรับคำก็เร่งรีบเดินออกไปในทันที สีหน้าเผยความร้อนรนในใจอย่างชัดเจน ส่วนซ่างกวนอี้เหยาผู้เป็นนายนั้น
“ที่แท้เจ้านัดข้ามามิใช่พูดคุยธุระ หากแต่มาเพื่อหานางเช่นนั้นรึ” เจิ้งหนานเอ่ยพร้อมทำท่าทางจะลุกขึ้น แต่ก็ถูกเฟิงหลิงเอ่ยทัดทานไว้เสียก่อน“เฮ้ย ๆ นี่ท่านอ๋องไยทำทีใจน้อยราวสตรีเช่นนี้กันเล่า วันนี้หนะข้าย่อมต้องการพบท่านสิ ดูสิไม่พบเจอกันเสียนานว่ากันว่าท่านอ๋องหนีคุณหนูเว่ยไปอยู่ค่ายทหารเพราะชังนาง เจิ้งหนานเจ้าอย่าได้ชังนางไปเลยสตรีท่าทางบอบบางแต่น่าทะนุถนอมราวไห่ถังฮวาเช่นนางมิเห็นว่าจะมีตรงไหนให้น่าชัง วันนี้สหายเช่นท่านหนานจวิ้นอ๋องหวนกลับเมืองหลวงทั้งทีก็ย่อมต้องมาฉลองในที่พิเศษ ๆ เสียหน่อย มา ๆ ” เฟิงหลิงเอ่ยตะล่อม เขารึก็อุตส่าห์ใช้เรื่องนี้เพื่อมาพบสาวงาม เพราะการเข้าออกหอเยว่เซียนบ่อย ๆ นั้นมิค่อยเป็นการดีเท่าไหร่สำหรับตน แต่ก็คว้าน้ำเหลวเสียนี่ เช่นนั้นวันนี้เมื่อได้มาแล้วอีกทั้งบรรยากาศยังคึกคักดีเช่นนี้ สาวงามรึก็เดินขวักไขว่อวดโฉมไปมาเป็นเช่นนี้ก็เจริญหูเจริญตาไปอีกแบบ เขาเบื่อกับการจัดงานเลี้ยงในจวน การจ้างคณะสังคีตแลนางระบำมาเต้นร่ายรำในจวนนั้นแรก ๆ ก็ตื่นเต้นดีหลัง ๆ มานี้ชักน่าเบื่อเกินไปจริง ๆ การที่ได้ออกมาเปิดหูเปิดตาเช่นนี้ก็นับว่าไม่เลวนัก เฟิงหลิงเผยยิ้มกว้างก
ณ หอเยว่เชียง “ท่านอ๋องขอรับ ทางนี้ขอรับ” บุรุษรูปร่างสูงปราดเปรียวสวมใส่อาภรณ์ชุดดำสีเรียบใบหน้าเรียบนิ่งในมือถือกระบี่ มองปราดเดียวก็สามารถรับรู้ได้ว่าเป็นชาวยุทธ เดินตรงเข้ามาเทียบข้างรถม้าที่ติดตราสัญลักษณ์ตำหนักฉือเหอ เพียงสัญลักษณ์นี้ก็สามารถบ่งบอกฐานะสูงส่งของผู้ที่นั่งมาในรถได้เป็นอย่างดี เมื่อท่านอ๋องผู้มีรูปโฉมโดดเด่นงามสง่าประดุจเซียนจุติมาเยือนหอบุปผชาติ มีหรือว่าจะไม่เป็นจุดเด่นหรือที่สนใจของผู้คน“อืม” เจิ้งหนานเพียงขานรับในคอก่อนจะเดินลงจากรถด้วยท่วงท่าปกติหากแต่กลับแผ่กลิ่นอายสูงศักดิ์ของชนชั้นสูงออกมาโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าคมคายเคร่งขรึม ดวงตาพยัคฆ์คู่งามเรียบนิ่งประดุจดั่งสายน้ำ ยามก้าวเดินท่วงท่างามสง่ายากนักที่ผู้คนทั่วทั้งหอบุปผชาติทั้งบุรุษและสตรีที่จะทอดถอนสายตาจากท่านอ๋องรูปงามไปได้ และทันทีที่เขาปรากฏตัวขึ้นเสียงเซ็งแซ่ของเหล่าบรรดาแขกในหอเยว่เซียนก็ดังขึ้นในทันที แต่เจิ้งหนานก็มิได้ใส่ใจเขาเดินตรงไปยังห้องลับชั้นสามอย่างเคยชิน ด้วยเพราะทุกซอกทุกมุมของหอแห่งนี้เขาล้วนสืบจนกระจ่างแน่ชัดว่ามิได้มีสิ่งใดแอบแฝง และสตรีเช่นเว่ยฟางเฟยจะมิได้มาหลอกลวงท่านย่าของตน สตรีที
Comments