เขาเองก็คาดเดาไว้เช่นนี้ในจดหมายที่เขาเขียนให้ท่านอ๋องก่อนหน้านี้ เขียนสถานการณ์ของเมืองเจ้อและอารมณ์ของผู้ประสบภัยเอาไว้แล้ว เรื่องที่สำคัญที่สุด ก็คือมีคนบางกลุ่มที่จงใจยุยงให้ผู้ประสบภัยมีความแค้นเคืองต่อพระชายามีคนอยากทำร้ายพระชายา และยังมีโรคระบาดอีก ท่านอ๋องต้องกังวลอยู่แล้วแต่สืออีก็ไม่คิดว่าท่านอ๋องจะจัดการเคลื่อนกำลังพลเข้ามาโดยตรงในใจฟู่จาวหนิงซับซ้อนขึ้นมา"พวกเจ้ากินกันไปก่อนเถอะ ข้าจะไปเรียกท่านอ๋องพวกเจ้าก่อน""พระชายา อีกเดี๋ยวพวกเราจะส่งอาหารไปที่ห้องพวกท่าน ท่านอ๋องก่อนหน้านี้กำชับไว้" สืออีรีบเอ่ยขึ้น"ดีเลย"เสี่ยวเยว่เผยสีหน้าอยากกินขึ้นมาหน่อยๆ ก่อนหน้านี้นางถือว่าเป็นคนสวยที่เย็นชาคนหนึ่ง แต่เพราะช่วงนี้กินแต่หมั่นโถวแข็งๆ กับข้าวต้มจืดชืดมาหลายวัน ทำเอานางอดใจไม่ค่อยไหวแล้ว"ท่าน๋องเอาของอร่อยมาไม่น้อยเลย"ฟู่จาวหนิงยิ้มๆ "ถ้างั้นคืนนี้ก็กินดีดีกันสักมื้อเถอะ"ตอนที่กลับไป ในห้องก็เงียบลงราวกับไม่มีใครอยู่แต่พอเดินมาข้างเดียว เซียวหลันยวนกำลังหลับลึกอยู่ ลมหายใจแผ่วเบามากฟู่จาวหนิงนั่งลงข้างเตียง ก้มหน้ามองใบหน้าเขาในช่วงแสงอาทิตย์อ่อนๆ ใบหน้าเ
ฟู่จาวหนิงจับใบหน้าเซียวหลันยวนไว้ เอาหน้าผากแนบหน้าผากเขาไว้"อ๋องเจวี้ยนเห็นข้าสำคัญขนาดนี้เชียว?""ห้ามเย่อหยิ่ง" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นฟู่จาวหนิงหัวเราะขึ้นมา "แต่ทำอย่างไรได้? ข้าเองก็เย่อหยิ่งเอาเรื่องเสียด้วย"ด้านนอกเสี่ยวเยว่เคาะประตู"ท่านอ๋อง กับข้าส่งมาแล้ว" เสียงของชิงอีดังขึ้นมาจนตอนพวกเขาเอากับข้าวเข้ามา ฟู่จาวหนิงเหลือบมองไปบนโต๊ะ ตาก็เป็นประกายขึ้นทันทีนางไม่ได้กินผัดผักกับเนื้อปกติมาเกือบเดือนแล้ว!ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีขนมอบร้อนๆ มาด้วยแล้วยังมีรังนกพุทราแดงอีกหม้อหนึ่ง ดูเหมือนจะหวานละไมเลยทีเดียว"ทำไมถึงเอารังนกมาด้วยล่ะเนี่ย?"เซียวหลันยวนดึงนางลงนั่ง "รู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่คงไม่มีอะไรดีดีกิน แน่นอนว่าต้องเอามามากหน่อย"เสี่ยวเยว่ไปจุดเทียน ในห้องสว่างขึ้นมา อาหารบนโต๊ะนั่นดูแล้วน่าอร่อยมากฟู่จาวหนิงเข้าใจถึงอาการอยากกินก่อนหน้านี้ของเสี่ยวเยว่ขึ้นมาเลย ขนาดนางที่บางครั้งมีนมมีคุ๊กกี้กิน พอเห็นอาหารพวกนี้ก็ยังอดน้ำลายสอไม่ได้"รีบกินเถอะ เอาแป้งสาลีกับข้าวมาหลายกระสอบ อย่าเสียดายที่จะกินเชียว"ถึงแม้เขาจะไม่สนว่าผู้ประสบภัยจะได้กินอะไร แต่ก็ยังต้องส
ฟู่จาวหนิงไม่มีคำจะมาทัดทานนางไม่ได้คิดถึงมุมนี้จริงๆ!เดิมทียังกังวลว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นจะเอาอะไรเข้ามาหาเขา ทำให้เขาลำบากใจ ผลคือคิดไม่ถึงว่าเขาไม่ได้เดินทางที่ถูกต้องเลยถูกเซียวหลันยวนพูดเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงก็ไม่ถือทิฐิกับเรื่องนี้แล้วนางอยากจะให้เซียวหลันยวนออกจากเมืองเจ้อวันพรุ่งนี้ แต่เซ๊ยวหลันยวนไม่รับปาก""ข้าเคลื่อนกำลังพลทหารมา แน่นอนว่าเพื่อมาคุยจับตาดูที่นี่ วางใจเอะ แม้จะมีแค่หกร้อยนาย แต่พวกเขาก็ไม่ใช่พวกไก่กา เมืองเจ้อวุ่นวายขึ้นมาไม่ได้แน่""แล้วก็ เงินสำหรับบรรเทาภัยก็จะมีด้วย วัตถุดิบยาเองก็เช่นกัน"เซียวหลันยวนพูดคำนี้อย่างมีเรี่ยวมีแรงฟู่จาวหนิงได้ยินแล้วก็เชื่อว่าเขาพูดได้ทำได้แน่นอน"ที่เจ้าต้องทำก็คือสิ่งที่ตัวเองถนัด ค้นคว้าตำรับยาออกมา รักษาเจ้าโรคนี้ให้ได้ จากนั้นก็รีบกลับไป เจ้าคงไม่ได้อยู่ในเมืองเจ้อนี้ทั้งชีวิตหรอก"เขาเองก็จะไม่ให้นางอยู่ที่นี่ตลอดเหมือนกันปัญหาของเมืองเจ้อจะต้องถูกแก้ไขแน่นอน"แต่ข้าพูดเช่นนี้ เจ้าเองก็เลิกกดดันได้แล้ว วิชาแพทย์ของเจ้าดีมาก แต่โรคภัยบนโลกใบนี้ก็มีอยู่นับร้อยพัน เจ้าเป็นแค่คนคนเดียว ไม่ใช่เทพเซียน ต้องมีโร
อ๋องเจวี้ยนมาหาพระชายาโดยเฉพาะแบบนี้ แต่คืนแรกที่มาถึง เขากลับมาเรียกพระชายาออกไป นี่มันผิดกับอ๋องเจวี้ยนมากเลยไม่ใช่หรือ?ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวตอนนี้ไม่กล้ามองอ๋องเจวี้ยนแล้วโดยเฉพาะอ๋องเจวี้ยนที่เคลื่อนกำลังทหารหัวกะทิหกร้อยนายเข้ามา หัวกะทิหกร้อยนายยังไม่พอ ถ้าเขายังยืมตัวพระชายาไปอีก นี่มันหายนะชัดๆ"ไปเถอะ ข้าไปหยิบกล่องวัตถุดิบยาก่อน"ฟู่จาวหนิงคิดๆ "แล้วก็ ข้าจะพาหมอไปอีกสองคนคอยช่วยเหลือ""ลำบากหมอฟู่เสียแล้ว" ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวสัมผัสได้ถึงสายตาที่ตกอยู่บนตัวตนเอง ทำเอาเขาแอบเหงื่อตกเลยทีเดียว"ทำไมอยู่ที่นี่เแต่เรียกหาหมอฟู่ล่ะ?" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นเสียงเรียบฟู่จาวหนิงมีปฏิกิริยาขึ้นมา ว่ายังไม่ได้บอกกับเขาเลย"ที่นี่ข้าคือหมอใหญ่น่ะ เรียกแบบนี้ข้าเองจะสะดวกกว่า อายวน คืนนี้ท่านนอนไวไวนะ ไม่ต้องรอข้า"เซียวหลันยวนลุกขึ้นมา"ข้าจะไปกับเจ้าด้วย""อ๋า?!" ตอนนี้ขนาดผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเองก็ยังสะดุ้งโหยงขึ้นมา "ท่านอ๋อง นี่น่าจะไม่เหมาะกระมัง!""ไม่เหมาะอย่างไร?" เซียวหลันยวนเหลือบมองเขา"ที่นั่นมีแต่คนป่วย แล้วโรคนี้มันระบาดได้ง่ายมาก ประชาชนที่นั่นก็ติดกันไปหล
ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเทน้ำ พิจารณามองเขาผาดหนึ่ง "ใกล้ๆ บ้านของตาเฒ่าอู๋มีประชาชนติดโรคมาอีกหลายคน มาเชิญหมอฟู่เข้าไปดูน่ะ""มีคนติดอีกแล้วหรือ?" อันเหนียนชะงักไป"ใช่ ดูท่าครั้งนี้จะควบคุมได้ยากแล้วจริงๆ" ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเองก็แรงกายแรงใจอ่อนล้าหน่อยๆ แล้วเช่นกัน"อ๋องเจวี้ยนนำวัตถุดิบยากับกำลังคนมาไม่น้อยเลย วัตถุดิบยาหลังจากนี้เขาจะคิดหาวิธี มีเขาอยู่ อย่างน้อยท่านก็วางใจมาได้ครึ่งหนึ่งแล้ว"อันเหนียนปลอบเขา เพราะถ้าอ๋องเจวี้ยนยินดีจะลงมือจริง พวกเขาก็ลดแรงกดดันไปได้ครึ่งหนึ่งเลยจริงๆ"ข้ารู้ ไม่เช่นนั้นตอนนี้ข้าก็คงไม่มีเวลามาคิดมาบอกกับเจ้าแบบนี้หรอก"เหออันเหนียนอยากจะขอบคุณเขา"ข้ามาเชิญพระชายาไปรักษาคนเหล่านั้น" ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวเล่าเรื่องการจัดการของตนเองขึ้นรอบหนึ่ง ถอนหายใจ "แต่ว่าอ๋องเจวี้ยนจะติดตามไปด้วย"อันเหนียนเองก็ตกตะลึง แต่พอคิดแล้วก็พอเข้าใจความคิดเซียวหลันยวนอยู่"เช่นนั้นตอนนี้ท่านจะเข้ามาบอกอะไรข้า?""เจ้ากับอ๋องเจวี้ยนไม่ใช่เพื่อนกันหรือ? เจ้าค่อนข้างเข้าใจตัวเขา ข้าแค่อยากจะถามว่า อ๋องเจวี้ยนไปด้วยแบบนี้ ถ้ามีเรื่องอะไรขึ้นมา จะมาโทษที่ตัวข
ฟู่จาวหนิงให้ข้าราชการที่คุ้มกันอยุ่เปิดประตู"หมอฟุ่ พวกเราคุ้มกันอยู่ด้านนอกน่าจะไม่ถูกระบาดใส่สินะ?" มีข้าราชการถามนางขึ้นมาฟู่จาวหนิงมองออกถึงความกลัวของเขา"ไม่เข้าไปสัมผัสใกล้ๆ ก็จะไม่ติด พวกเจ้าปิดปากปิดจมูกไว้แล้วกัน จำไว้ว่าตอนกลับไปเปลี่ยนกะก็ดื่มยาน้ำป้องกันไว้หน่อย แล้กว็ อย่าไปตากลมเย็นล่ะ"ตอนนี้ก็ทำได้แค่พยายามทำเรื่องเหล่านี้ให้ได้มากที่สุด ถ้าหากกลัวติดโรคระบาดแล้วไม่สนใจคนป่วยเหล่านี้ ผลที่ตามมาจะยิ่งหนักหนาแน่นอนข้าราชการอีกคนเอ่ยว่า "กลัวอะไรล่ะ หมอฟู่ยังเข้าไปรักษาพวกเขา นางยังไม่กลัวเลย"พวกเขาเป็นชายทั้งแท่งยังสู้หมอฟู่ไม่ได้หรือ?ฟู่จาวหนิงมองไปทางหมอหลิน เขาเองก็สวมหน้ากากปิดปากกับชุดคลุมไว้แล้ว แบกกล่องยาของเขาอยุ่"หมอหลินกลัวไหม?""ถ้าจะบอกว่าไม่กลัวก็เป็นไปไม่ได้ แต่ในฐานะหมอจะไม่สนใจคนป่วยพวกนี้ไม่ได้ ข้าจะติดตามพระชายาไปเอง" หมอหลินตอบวันนี้ตอนบ่ายเขายุ่งอยู่กับฟู่จิ้นเชินไปครึ่งวัน เจอกับคนป่วยพวกนั้นบ้างแล้วตอนแรกก็ยังกลัวจริงๆ แต่ว่ามีป้าหนิวอยู่ เขาเองก็มั่นใจในยาของฟู่จาวหนิงด้วยเช่นกันป้าหนิวทังครอบครัวป่วยตายไปห้าคน เหลือนางแค่คนเด
"ท่านลุงคนนั้น ท่านเข้ามาก่อนเลย" ฟู่จาวหนิงชี้นิ้ว อาเหอก็ไปประคองลุงที่เป็นไข้จนหน้าแดงก่ำคนนั้นเข้ามาคนป่วยคนอื่นพอเห็นอาเหอกล้าประคองพวกเขา ส่วนฟู่จาวหนิงก็จับชีพจรให้คนไข้โดยตรง ไม่ได้มองพวกเขาเป็นเหมือนตัวโรคระบาด จึงทำให้พวกเขาผ่อนคลายลงมาได้หลังจากฟู่จาวหนิงจับชีพจรแล้วก็รีบให้หมอหลินหยิบยา แล้วให้อาเหอไปช่วยต้มยาในห้อง"หมอหลินเองก็ดูสิ ชีพจรแบบนี้ของเขา..."ฟู่จาวหนิงเองก็คุยกับหมอหลินขึ้นมา บอกถึงความแตกต่างของไข้หวัดใหญ่กับไข้หวัดทั่วไป แล้วให้หมอหลินดูที่ตากับลิ้นของคนป่วย"ปกติแล้วโรคแบบนี้ จะมีความร้อนสูงตามมา อุณหภูมิในร่างกายจะสูงมาก ต้องระวังให้ดี หลังจากนี้หลายคนจะมีอาการไอ และไม่หยุดง่ายๆ ดังนั้นเวลาจ่ายยาต้องระวังจุดนี้เป็นพิเศษ...""การพูดกับการหายใจของพวกเขามีโอกาสที่จะระบาดได้ทั้งหมด แล้วก็การสัมผัสบริเวณมือ หลังจากสัมผัสกับเชื้อโรคแล้วไปขยี้ตาหรือหยิบจับของมากิน ก็อาจจะเพิ่มความเสี่ยงในการระบาด ดังนั้นจะต้องระมัดระวังเรื่องสุขอนามัยเป็นพิเศษ...""สำหรับคนป่วยที่ไออย่างรุนแรงไปแล้ว ตอนที่จับชีพจรก็ยังต้องคอยระวังว่าที่ปอดมีการระบาดหรือไม่ สามารถฟังจากเส
ชายแก่คนนี้แม้จะสลบไปแล้ว แต่มือของเขากลับยังคงกำฟู่จาวหนิงไว้แน่น ราวกับกลัวว่านางจะหนีไปอย่างไรอย่างนั้นฟู่จาวหนิงลองดึงมือออกมา แต่ชายแก่ก็กำไว้แน่นมาก ถ้าหากฝืนออกแรงดึง นางกลัวว่าถุงมือตนเองจะถูกดึงออกมาหลักๆ คือนางรู้สึกประหลาดใจหน่อยๆนางไม่รู้เลย ว่าตอนนี้องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพาเฉินเซียงกับองครักษ์ หาบ้านชายชราในฝันเจอแล้วอย่างยากลำบาก"องค์หญิงใหญ่ หาพบแล้วจริงๆ!"เฉินเซียงตื่นเต้นมากพวกเขาหาบ้านหลังนี้เจอจริงๆ ตามเบาะแสในฝันขององค์หญิงใหญ่ บ้านหลังนี้เหมือนกับในฝันขององค์หญิงใหญ่ไม่ผิดเพี้ยน อธิบายว่าฝันครั้งนี้ก็ยังเป็นเรื่องจริงองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตื่นเต้นมากเพราะนี่แสดงว่านางจะได้เจอกับชายชราคนนั้นแล้ว สามารถนำกล่องใบนั้นจากเขาได้ เช่นนี้นางก็สามารถเอาของไปพบอ๋องเจวี้ยนได้แล้วยังไม่พูดถึงเรื่องอื่น อย่างน้อยก็ให้อ๋องเจวี้ยนพานางกลับเมืองหลวง เรื่องที่จะให้นางเข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยนก็น่าจะคุยกันได้กระมังนางเองก็รู้ ถ้าหากจะรีบให้อ๋องเจวี้ยนแต่งงานกับนาง แล้วปกป้องนางแบบนี้ มันเป็นไปไม่ได้แล้วถ้าจะต่อต้านกับฝ่าบาทต้าชื่อ นางเองก็ต้องมีอะไรมากกว่านี้แต่สามารถ
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ